เรื่องต้องรู้ของรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมบทสรุปการทำประกันรถยนต์ไฟฟ้า
คำว่ารถยนต์ไฟฟ้าน่าจะอยู่ในความคิดของผู้ใช้รถมากขึ้น ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ด้วยราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นสูง จนทำให้เราเริ่มมองหาพลังงานทางเลือกอื่น ๆ ซึ่งหลายปีก่อนหน้าก็มีการปรับไปติดแก๊ส NPG กับ LPG ให้กับรถยนต์จำนวนมาก แต่พอมีข่าวเกี่ยวกับรถพลังงานไฟฟ้า หรือรถไฟฟ้า EV มากขึ้น จึงทำให้เกิดความหวังที่สักวันหนึ่ง เราจะหลีกหนีค่าพลังงานเชื้อเพลิงที่แพงหูฉีก ไปใช้ไฟฟ้าร่วมกันเหมือนดั่งเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปบนโลก
ฉะนั้นเพื่อให้ทุกคนได้ทำความรู้จักเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น แรบบิท แคร์ จึงพยายามรวบรวมข้อมูล ข่าวสาร และสาระน่ารู้ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้า EV มานำเสนอ ผ่านหัวข้อทั้งหมดต่อจากนี้ หากใครกำลังวางแผนที่จะซื้อรถพลังงานไฟฟ้าอยู่แล้ว เดี๋ยวลองมาเพิ่มเติมความรู้ไปพร้อมกันเลยดีกว่า
รถยนต์ไฟฟ้า ทำงานอย่างไร?
ก่อนจะเข้าสู่เรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่ารถยนต์ไฟฟ้า ทำงานอย่างไร มีกี่ขั้นตอนถึงจะทำให้รถพลังงานไฟฟ้า สามารถวิ่งได้อย่างลื่นไหลในทุกวันนี้ และไม่ต้องห่วงว่าข้อมูลการทำงานตรงนี้จะมีแต่ศัพท์เชิงลึก หรือคำเฉพาะทางที่อ่านแล้วงงจนปวดหัว เพราะเรานำข้อมูลการทำงานในระดับพื้นฐานของเครื่องยนต์และการทำงานส่วนอื่น ๆ ที่เชื่อมต่อกันอีกเล็กน้อยเท่านั้น
เริ่มด้วยองค์ประกอบหลักของรถยนต์ไฟฟ้า ที่ทำให้รถไฟฟ้า EV สามารถขับเคลื่อนได้ตามปกติ คือ
- แบตเตอรี่ (Battery) แบตรถยนต์ไฟฟ้า li-ion มีขนาดที่ใกล้เคียงกับถ่านไฟฉาย AA ซึ่งนำมาประกอบเข้าด้วยกันประมาณ 7,000 ก้อน เพื่อให้เกิดเป็นแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 1 ลูก สำหรับใช้จ่ายพลังงานให้รถไฟฟ้า EV สามารถขับเคลื่อนได้ โดยจ่ายพลังงานในระบบ EV Car เป็นกระแสตรง (DC)
- อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) มีหน้าที่ในการแปลงไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ให้กลายเป็นกระแสสลับ (AC) ที่มอเตอร์ของรถยนต์ไฟฟ้า
- มอเตอร์ (Induction Motor) เครื่องกลไฟฟ้าที่จะเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ให้กลายเป็นพลังงานกลชนิดหมุน
- ระบบขับเคลื่อน (Driving Train) ตามหลักแล้วระบบขับเคลื่อนของรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป จะเป็นการทำงานแบบเกียร์เดียว แต่ทั้งนี้อาจมีบางรุ่นที่ออกแบบแตกต่างกันไป ทำให้ รถไฟฟ้า EV บางรุ่นมีระบบเป็น 2 เกียร์แทน
- ระบบการชาร์จไฟ (Charging) เป็นตัวที่คอยรับพลังงานจากสถานีชาร์จ เข้าสู่ตัวรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อไปสะสมที่แบตเตอรี่
- ระบบเบรก (Regen Break) เมื่อมีการใช้งานเบรก ระบบขับเคลื่อนจะมีหน้าที่การเปลี่ยนพลังงานจล ให้กลายมาเป็นพลังงานไฟฟ้า
ทีนี้เดี๋ยวเราเข้าสู่ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้าต่อไป ว่าองค์ประกอบสำคัญทั้งหมด 6 ส่วนจะทำงานร่วมกันเป็นลำดับอย่างไร เดี๋ยวอ่านที่ละขั้นไปพร้อมกัน
จุดเริ่มต้นการทำงานของรถไฟฟ้า EV มาจากแบตเตอรี่ที่เก็บพลังงานไฟฟ้ากระแสตรง (DC) แล้วจึงส่งต่อไปที่ตัวแปลงเพื่อเปลี่ยนจากกระแสตรง (DC) ให้กลายเป็นกระแสสลับ (AC) และสุดท้ายก็ส่งไปยังมอเตอร์ของรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อทำให้สามารถขับเคลื่อนได้ภายใต้เสียงที่เงียบ นุ่มนวล ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานของรถ EV Car ที่ใช้พลังงานไฟฟ้านั่นเอง
รถ EV Car กับ Hybrid ต่างกันมากแค่ไหน?
หลังจากที่ทำความเข้าใจว่ารถยนต์ไฟฟ้ามีองค์ประกอบอะไรบ้าง มีการทำงานกี่ขั้นตอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราจะมาตอบข้อสงสัยที่มือใหม่ในเรื่องรถไฟฟ้า EV อาจมีคำถามอยู่ในใจ แต่ยังไม่เคยได้คำตอบที่ชัดเจนว่าระหว่าง EV Car กับ HEV Car มีความแตกต่างกันอย่างไร ที่นอกเหนือจากคำว่า รถพลังงานไฟฟ้าแท้จริง กับรถพลังงานไฮบริด ซึ่งปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าในไทยทั้ง 2 ระบบ ได้ความนิยมไม่แพ้กันเลยก็ว่าได้
- เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ HEV แบบไฮบริดมีการทำงานที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน เพียงแต่ EV Car ใช้งานไฟฟ้า 100% แต่ HEV ใช้พลังงานทั้งเชื้อเพลิง และไฟฟ้าร่วมกัน จึงทำให้เกิดความแตกต่างที่ค่อนข้างชัดเจน ดังนั้นเราจะขออธิบายการทำงานของรถ HEV ต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกคนสามารถเทียบการทำงานกับรถพลังงานไฟฟ้า ตามข้อมูลด้านบนได้อย่างละเอียด
- HEV เครื่องยนต์ทำงานแบบผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ซึ่งระบบจะเลือกทำงานด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้า หรือเครื่องยนต์เชื้อเพลิงแบบอัตโนมัติ
- หากรอบการทำงานของเครื่องยนต์สูง ตัวรถจะรับกำลังมาจากเครื่องยนต์เป็นหลัก แล้วทำการชาร์จแบตเตอรี่กลับเข้าไปด้วยในตัว
- หากรอบการทำงานเครื่องยนต์ต่ำ มอเตอร์ไฟฟ้าทั้งหมดจะทำงาน เครื่องยนต์จะหยุด ดึงพลังงานจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว เว้นแต่ว่าแบตเตอรี่ใกล้หมด เครื่องยนต์จะทำงานขึ้นมาแทน แล้วจึงชาร์จแบตกลับเข้าไป
- หากมีอัตราความเร็วอยู่ในช่วง 50 – 112 กิโลเมตร / ชั่วโมง เครื่องยนต์จะทำงานพร้อมกับมอเตอร์ เพราะแรงบิดจากตัวมอเตอร์ มีผลให้อัตราการเร่งดีขึ้น ช่วยเร่งความเร็วได้อย่างราบรื่น
อ้างอิงจากสถาบันยานยนต์การทำงานของรถยนต์ไฟฟ้า ไม่ได้มีเพียงแค่ EV หรือ HEV แค่ 2 อย่างเท่านั้น ยังมีอีกหลายระบบให้เราได้ทำความรู้จักเพิ่มเติม
แต่การทำงานของรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 100% เป็นเส้นตรง ชาร์จแบตเข้า แล้วแปลงกระแสไฟฟ้ากระจายไปส่วนอื่น ๆ เพื่อให้ระบบทำงาน แต่กับรถยนต์ HEV จะมีการสลับไปมาระหว่างเชื้อเพลิงและไฟฟ้า เพื่อให้การทำงานผสมผสานกันไปอย่างราบรื่น โดยที่ไม่สามารถชาร์จพลังงานไฟฟ้าได้โดยตรง เว้นเสียแต่ว่าจะเลือกรุ่นเป็นรถ PHEV แบบ Plug-in Hybrid ที่สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ด้วย แต่ก็ต้องแบกรับราคาที่เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นหากใครสนใจ EV Car เพราะต้องการประหยัดค่าน้ำมัน แล้วหันไปจ่ายค่าไฟอย่างเดียว ตัวเลือกอย่างรถไฟฟ้า EV ก็จะตอบโจทย์ได้ดีกว่าแน่นอน
รถยนต์ไฟฟ้าในไทย มีรุ่นไหนบ้าง?
มาถึงคิวการแนะนำรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ว่าปัจจุบันมีรุ่นไหนบ้างที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ เพื่อเอาไว้ให้เป็นตัวเลือกแก่คนที่อยากใช้รถไฟฟ้า EV ทดแทนรถยนต์เชื้อเพลิงคันเก่า หรืออาจเป็นรถคันแรกที่ซื้อครั้งเดียว แล้วต้องการใช้งาน EV Car ในระยะยาว จนกว่าจะมีเทคโนโลยีที่ดีกว่านี้ขึ้นมาทดแทน โดยเนื้อการแนะนำรถยนต์ไฟฟ้าในไทยเราลิสต์รุ่นมาให้ทุกคนได้เลือกทำความรู้จักแบบสั้น ๆ ได้ใจความทั้งหมด 11 แบรนด์ด้วยกัน
1. Tesla
รถยนต์ไฟฟ้าในไทยแบรนด์ที่ 1 Tesla ก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี หากเราต้องการใช้งานรถไฟฟ้า EV ของ Tesla ต้องมีการนำเข้ามาอีกทีหนึ่ง ซึ่งการจะทำให้ถูกต้องการกระบวนการแบบครบถ้วน จนกว่าจะได้มาเป็นเจ้าของ เพื่อขับขี่ในประเทศไทย ต้องมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ไหนจะต้องเจอกำแพงภาษีที่หนักหนาสาหัสเอาการ แต่เมื่อ Tesla เข้ามาเปิดบริษัทในไทยแล้ว เราก็สามารถเข้าถึง EV Car ของแบรนด์นี้ได้โดยมีช่วงราคาที่ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งรุ่นที่เราอยากแนะนำมีอยู่ 2 รุ่นด้วยกัน
- รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 : ราคาเริ่มต้น 1.75 ล้านบาท ระยะทางวิ่งสูงสุดที่ 491 กม./ อัตราเร่ง 0-100 ใน 6.1 วินาที/ ความเร็วสูงสุด 225 กม./ชม./ CCS Combo DC Fast Charging 170 kW
- รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model Y : ราคาเริ่มต้น 1.95 ล้านบาท ระยะทางวิ่งสูงสุด 455 กม./ อัตราเร่ง 0-100 ใน 6.9 วินาที/ ความเร็วสูงสุด 217 กม./ชม./ หัวชาร์จ Type 2 AC 11 kW/ CCS Combo DC Fast Charging 170 kW
Tesla นับเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ต่างประเทศที่น่าจับตามองอย่างมาก สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังจ่ายในช่วงราคา 2 ล้านบาทขึ้นไป เพราะถ้าหากรวมกับ Option เสริมอื่น ๆ ที่มีให้เลือก ก็จะมีราคาเพิ่มเติมเข้ามาอีก ไหนจะระบบเรือธงอย่างการขับขี่อัตโนมัติที่พร้อมใช้งานได้บนท้องถนนประเทศไทย ยิ่งเป็นสิ่งที่น่าดึงดูดอย่างมาก สำหรับรถไฟฟ้า EV แบรนด์นี้
2. MG
รถยนต์ไฟฟ้าในไทยแบรนด์ที่ 2 MG แบรนด์รถยนต์ที่ถูกเข้าซื้อโดยบริษัทจีนเมื่อหลายปีก่อน แต่แนวทางการพัฒนารถยังถือว่าอยู่ในจุดที่น่าสนใจไม่แพ้แบรนด์จีนอื่น ๆ ในตลาดแม้แต่น้อย ด้วยราคารถที่เข้าถึงง่าย มีรุ่นให้เลือกที่หลากหลาย Option ที่ให้มาในตัวรถไฟฟ้า EV แต่ละรุ่นก็ถือว่าไม่ขี้เหร่นัก หากเทียบกับราคาแสนเบาสบายที่เราจ่ายไป ซึ่งเรามีรถยนต์ไฟฟ้า MG มาแนะนำด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่น
- รถยนต์ไฟฟ้า MG4 : ราคาเริ่มต้น 8.69 แสนบาท ระยะทางวิ่งสูงสุดที่ 425 กม./ เทคโนโลยี RUBIK’s CUBE BATTERY
- รถยนต์ไฟฟ้า MG ZS EV : ราคาเริ่มต้น 9.49 แสนบาท ระยะทางวิ่งสูงสุดที่ 403 กม./ อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 8.6 วินาที/ มีระบบ Liquid Cooling System ช่วยระบายความร้อน
- รถยนต์ไฟฟ้า MG EP Plus : ราคาเริ่มต้น 9.98 แสนบาท ระยะทางวิ่งสูงสุดที่ 380 กม.
- รถยนต์ไฟฟ้า MG Cybester : แนวรถสปอร์ต 2 ที่นั่ง คาดว่ามีการเปิดตัวในประเทศไทยภายในปี พ.ศ. 2566
ภาพรวมของรถยนต์ไฟฟ้าในไทยตัวเริ่มต้นที่น่าซื้อ รถยนต์ไฟฟ้า MG เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ควรได้พิจารณาอย่างแท้จริง ด้วยความหลากหลายของรุ่นรถให้เลือก พร้อมกับช่วงราคาเริ่มต้นที่ไม่เกิน 1 ล้านบาท แลกมาด้วยระยะทางวิ่งสูงสุดเฉลี่ย 400 กิโลเมตรที่ถือว่าไม่ได้น้อยเลย ถ้าหากเทียบกับรถไฟฟ้า EV รุ่นอื่นเพิ่มเติม
3. BYD
รถยนต์ไฟฟ้าในไทยแบรนด์ที่ 3 BYD อีกหนึ่งแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน ที่เข้ามาปักธงเพื่อจำหน่ายรถไฟฟ้า EV อย่างจริงจังในประเทศไทยแบบเต็มสูบ โดยราคาเฉลี่ยเองก็อยู่ในช่วงที่จับต้องได้ ไม่สูงมากเกินไป และมีสเปคที่น่าพึงพอใจสำหรับคนที่ต้องการใช้รถพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่งเรามีรถไฟฟ้า EV จากแบรนด์ BYD มาแนะนำด้วย 3 รุ่น
- รถยนต์ไฟฟ้า BYD ATTO 3 : ราคาเริ่มต้น 1.09 ล้านบาท ระยะทางวิ่งสูงสุด 410 กม./ อัตราเร่ง 0-100 ภายใน 7.3 วินาที
- รถยนต์ไฟฟ้า BYD T3 : ราคาเริ่มต้น 9.9 แสนบาท ระยะทางวิ่งสูงสุด 233 กม. รองรับน้ำหนักได้ถึง 700 กก./ DC Fast Charging ใน 1.3 ชม.
- รถยนต์ไฟฟ้า BYD e6 : ราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กม./ ความเร็วสูงสุดที่ 130 กม./ชม./ มีระบบกรองอากาศในรถ
4. NETA
รถยนต์ไฟฟ้าในไทยแบรนด์ที่ 4 NETA แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าน้องใหม่จากจีน ที่มาแรงไม่แพ้กัน ด้วยดีไซน์ที่ดูโฉบเฉี่ยว และมีราคาที่เข้าถึงง่ายมากที่สุด ในหมวดหมู่รุ่นรถไฟฟ้า EV ที่เราแนะนำมา ซึ่งในขณะเดียวกันสเปคที่ NETA ให้ไว้ก็ไม่ได้ต่ำมากเหมือนกับราคา ยังอยู่ในระดับการใช้งานที่น่าพึงพอใจอย่างมาก โดยเฉพาะใครที่ตั้งใจหารถพลังงานไฟฟ้า เพื่อขับขี่ในเมืองเป็นหลักบอกเลยว่าเหมาะมาก
- รถยนต์ไฟฟ้า NETA V : ราคาเริ่มต้น 5.49 แสนบาท ระยะทางวิ่งสูงสุดที่ 384 กม./ ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 124 กม./ชม.
5. GWM
รถยนต์ไฟฟ้าในไทยแบรนด์ที่ 5 GWM หากพูดชื่อนี้อาจไม่คุ้นหูมากเท่าไหร่นัก แต่ถ้าพูดว่าเป็นรถไฟฟ้า EV ตระกูลน้องแมว ORA GOOD CAT ทุกคนน่าจะร้องอ๋อขึ้นมาทันที เพราะดีไซน์ที่ดูน่ารัก เล็กกะทัดรัด แต่ภายในกว้าง และดูคันใหญ่กว่าที่คิด ผนวกกับหลายรุ่น หลายราคา ทำให้เข้าถึงตลาดคนไทยได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ 2 รุ่นหลัก
- รถยนต์ไฟฟ้า ORA GOOD CAT : ราคาเริ่มต้น 7.63 แสนบาท ระยะทางวิ่งสูงสุด 400-500 กม./ ชาร์จ 80% ได้ใน 60 นาที
- รถยนต์ไฟฟ้า ORA GOOD CAT GT : ราคาเริ่มต้น 1.28 ล้านบาท ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กม./ ชาร์จ 80% ใน 40 นาที/ อัตราเร่ง 0-100 ใน 8.5 วินาที
6. BMW
รถยนต์ไฟฟ้าในไทยแบรนด์ที่ 6 BMW แบรนด์รถหรูที่เริ่มกระโดดเข้าสู่ตลาดรถไฟฟ้า EV ด้วยการพัฒนาโฉมรถที่เราคุ้นเคย ให้กลายเป็นรถพลังงานไฟฟ้าแบบ 100% ในขณะที่ยังคงความเรียบหรูตามเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างเต็มที่ หากใครที่ต้องการซื้อรถ EV Car เพื่อใช้ระยะยาว และมีคุณภาพจัดเต็มจริง ๆ ลองเลือกดูได้เลยจาก 2 รุ่นแนะนำ
- รถยนต์ไฟฟ้า BMW iX3 : ราคาเริ่มต้น 3.39 ล้านบาท ระยะทางวิ่งสูงสุด 460 กม./ ชาร์จ 80% ได้ใน 34 นาที/ อัตราเร่ง 0-100 ภายใน 6.8 วินาที/ ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.
- รถยนต์ไฟฟ้า BMW i4 : ราคาเริ่มต้น 4.49 ล้านบาท ระยะทางวิ่งสูงสุดเฉลี่ย 550 กม./ ความเร็วสูงสุด 190 และ 225 กม./ชม. (ตามรุ่น)/ อัตราเร่ง 0-100 ภายใน 5.7 วินาที และ 3.9 วินาที (ตามรุ่นรถ)
7. Toyota
รถยนต์ไฟฟ้าในไทยแบรนด์ที่ 7 สำหรับแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่น ที่ยังไม่มีการเปิดตัวรถพลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจัง Toyota นับเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่มีรถผลิตออกมาจำหน่าย เพื่อให้คนที่สนใจได้เข้าถึงรถไฟฟ้า EV ของแบรนด์นี้ แต่ถ้าเปรียบเทียบเรื่องราคากับสเปคที่ได้ ก็แอบดูจะราคาสูงไปสักหน่อย จึงต้องดูองค์ประกอบอื่นเปรียบเทียบถ้าต้องการซื้อมาใช้งาน
- รถยนต์ไฟฟ้า Toyota bZ4X AWD : ราคาเริ่มต้น 1.83 ล้านบาท ระยะทางวิ่งสูงสุด 411 กม./ ชาร์จถึง 80% ภายใน 30 นาที/ อัตราเร่ง 0-100 ภายใน 6.9 วินาที
8. Volvo
รถยนต์ไฟฟ้าในไทยแบรนด์ที่ 8 Volvo ผู้ผลิตรถยนต์จากสวีเดนที่ออกแบบรถให้ดูเรียบหรู จนถูกใจใครหลายคนตั้งแต่ก่อนที่จะเป็นรถพลังงานไฟฟ้าแล้ว แต่เมื่อปรับมาสู่ตลาดรถไฟฟ้า EV ก็ยังคงความสวยงามเอาไว้อย่างยอดเยี่ยม ตามมาด้วยสเปคและ Option เสริมจากแบรนด์ที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว
- รถยนต์ไฟฟ้า Volvo XC40 Recharger Pure Electric : ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท ระยะทางวิ่งสูงสุด 400 กม./ ชาร์จถึง 80% ภายใน 40 นาที/ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
- รถยนต์ไฟฟ้า Volvo C40 Recharger Pure Electric : ราคาเริ่มต้น 2.75 ล้านบาท ระยะทางวิ่งสูงสุด 420 กม./ มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว/ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
9. Mercedes-Benz
รถยนต์ไฟฟ้าในไทยแบรนด์ที่ 9 มาถึงคิวของรถหรูคู่บ้านคู่เมืองคนไทยตั้งแต่อดีต กับแบรนด์รถยนต์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ในที่สุดก็มีรุ่นท็อปเพื่อลุยตลาดรถไฟฟ้า EV แล้วดูน่าสนใจถึง 2 รุ่น บอกเลยว่าคงความเรียบหรู และสเปคอัดแน่นจนโดดเด่น คุ้มราคาจริง โดยเฉพาะในด้านของระยะทางวิ่งสูงสุดเหนือกว่ารุ่นทั้งหมดที่แนะนำมาแบบทิ้งห่างเอามาก
- รถยนต์ไฟฟ้า Mercedes-Benz EQS 450+ : ราคาเริ่มต้น 8.57 ล้านบาท ระยะทางวิ่งสูงสุด 770 กม./ ชาร์จไฟ 80% ภายใน 23 นาที/ อัตราเร่ง 0-100 ภายใน 6.2 วินาที/ ทำความเร็วสูงสุด 210 กม./ชม.
- รถยนต์ไฟฟ้า Mercedes-Benz EQS 500 4MATIC : ราคาเริ่มต้น 7.9 ล้านบาท ระยะทางวิ่งสูงสุด 702 กม./ มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว/ ขับเคลื่อน 4 ล้อ
10. Lexus
รถยนต์ไฟฟ้าในไทยแบรนด์ที่ 10 สุดท้ายอยู่กับ Lexus ถ้าใครไม่คุ้นหู ต้องแจ้งเลยว่านี่คือแบรนด์รถญี่ปุ่น ที่อยู่ในเครือ Toyota นั่นเอง ซึ่งแยกออกมาเพื่อสร้างรพแบบพรีเมียมโดยเฉพาะ ซึ่งแน่นอนว่าจะพลาดการบุกตลาดรถไฟฟ้า EV ได้อย่างไร โดยปัจจุบันมีรุ่นรถพลังงานไฟฟ้าที่น่าสนใจออกมาให้ชมกันแล้ว 1 รุ่น
- รถยนต์ไฟฟ้า Lexus UX 300e: ราคาเริ่มต้น 3.49 ล้านบาท ระยะทางวิ่งสูงสุด 360 กม./ อัตราเร่ง 0-100 ภายใน 7.5 วินาที/ ชาร์จ 80% ภายใน 50 นาที แม้ภาพรวมจะดูคล้ายกับ CHR แต่ก็มีบางจุดที่แตกต่างออกไป รวมถึงคุณภาพวัสดุก็พรีเมียมกว่าเช่นกัน
รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กต่างจากรถ EV ทั่วไปอย่างไร?
รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กหรือรถยนต์ไฟฟ้ามินิเป็นอีกหนึ่งประเภทของรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะเนื่องด้วยหน้าตาที่ดูน่ารักถูกใจใครหลาย ๆ คน ยังมาพร้อมกับขนาดจิ๋วที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในปัจจุบัน และยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก นี่จึงเป็นเรื่องไม่ยากเลยที่รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กจะเข้าไปครองใจของใครหลาย ๆ คน ซึ่งในวันนี้น้องแคร์จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กกันให้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นข้อดี-ข้อเสีย ไปจนถึงแนะนำรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กรุ่นที่น่าสนใจ ถ้าพร้อมกันแล้วล่ะก็ไปติดตามกันได้เลย
รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก (mini EV) คืออะไร?
รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กคืออีกหนึ่งรูปแบบของรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถ EV อีกหนึ่งนวัตกรรมรักษ์โลกและประหยัดพลังงาน เลือกใช้พลังงานไฟฟ้าแทนการใช้น้ำมันแบบเดิม ๆ โดยอาศัยแบตเตอรี่เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนให้ตัวรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กสามารถโลดแล่นบนท้องถนนได้ ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กหรือรถยนต์ไฟฟ้ามินิจะมีจุดเด่นอยู่ที่ขนาดของตัวรถที่เล็กกะทัดรัดเหมาะกับชีวิตในปัจจุบันที่หลาย ๆ คนไม่ได้มีพื้นที่มากเท่าไหร่นัก อีกทั้งยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกจึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กหรือ mini EV เป็นกระแสและได้รับความสนใจจากคนยุคใหม่เป็นอย่างมาก
ข้อดีรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก
รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กเป็นรถยนต์ที่นอกเหนือจากจะมีข้อดีในเรื่องของการรักษ์โลกโดยการลดการใช้พลังงานจากธรรมชาติอย่างน้ำมัน แล้วเป็นมาใช้เป็นพลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นอีกหนึ่งพลังงานสะอาดแล้วรถยนต์ไฟฟ้ามินิยังมีข้อดีอื่น ๆ รวมไปถึงข้อควรระวังบางประการที่หากเพื่อน ๆ เลือกที่จะใช้รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กคำนึงถึง จะมีอะไรกันบ้างน้องแคร์ได้รวบรวมไว้ให้ทุกคนได้ดูกันแล้วไปติดตามกันได้เลย
ขนาดเล็กกะทัดรัด
รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กเป็นอีกหนึ่งการออกแบบที่สร้างมาเพื่อตอบโจทย์ให้กับคนที่ต้องการหรือมีความจำเป็นที่จะต้องใช้รถยนต์ แต่ติดปัญหาในเรื่องพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยมีพื้นที่น้อยไม่เพียงพอต่อการใช้งานรถยนต์หรือรถ EV ในขนาดปกติทั่วไป รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กจึงถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับปัญหาดังกล่าว และด้วยการที่มีขนาดเล็กไม่ใหญ่มากทำให้ในบางครั้งสามารถจอดรถในพื้นที่แคบ ๆ ได้อีกด้วยรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กยังคงมีคุณสมบัติในเรื่องการประหยัดพลังงานเหมือนกับรถ EV ขนาดปกตินั้นก็คือการที่ตัวรถยนต์ไฟฟ้ามินิเลือกใช้ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานหลักในการจ่ายพลังงานให้กับมอเตอร์เพื่อเป็นการขับเคลื่อนให้กับตัวรถ ซึ่งต่างกับรถยนต์ในรูปแบบปกติที่ใช้พลังงานอย่างน้ำมันเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งราคาของน้ำมันนับวันก็ยิ่งมีแต่จะเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ และมากไปกว่านั้นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กยังมีการใช้พลังงานไฟฟ้าที่น้อยกว่ารถยนต์ EV ทั่วไปจึงทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากยิ่งขึ้นลดการปล่อยมลพิษสู่ภายนอก
อย่างที่น้องแคร์ได้เกริ่นไปในตอนต้นว่ารถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานสะอาดแทนการใช้น้ำมัน ซึ่งทำให้ในการใช้รถ mini EV ในแต่ละครั้งตัวรถจะไม่มีการปล่อยของเสียหรือมลพิษที่เกิดจากการเผาไหม้ซึ่งต่างจากรถที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงในปัจจุบันเป็นอย่างมาก
ราคาไม่แพงสามารถเป็นเจ้าของได้
เป็นอีกหนึ่งข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่โดดเด่นไม่แพ้กับข้อไหน ๆ กับการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกนั่นเอง ด้วยการที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้ามินิมีขนาด ส่วนประกอบ อะไหล่และลูกเล่นบางอย่างที่น้อยกว่ารถ EV แบบปกติส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กมีต้นทุนที่น้อยจึงทำให้รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กมีราคาที่ถูกตาม
จากด้านต้นจะเห็นได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กหรือรถยนต์ไฟฟ้ามินิจะมีข้อดีต่าง ๆ มากมายแต่ตัวรถประเภทนี้เองก็ยังมีข้อจำกัดบางประการที่ผู้สนใจใช้รถควรรู้ไว้ไม่ว่าจะเป็นการที่ตัวรถมีขนาดเล็กจึงไม่เหมาะกับการบรรทุกหรือจุผู้โดยสารเป็นจำนวนมาก ด้วยการที่เป็นรถ mini EV จึงทำให้แบตเตอรี่มีขนาดเล็กจึงไม่เหมาะกับการเดินทางไกล และอาจจะต้องชาร์จบ่อยครั้งขึ้น และตัวรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กอาจมีการตัดลูกเล่นบางอย่างออกเมื่อเทียบกับรถ EV หรือรถยนต์ในรูปแบบปกติ ซึ่งถ้าใครรับข้อจำกัดเหล่านี้ได้ต้องบอกเลยว่ารถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กตอบโจทย์ของคุณอย่างแน่นอน
รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก จดทะเบียนได้ต้องดูอะไรบ้าง?
รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กก็ไม่ต่างจากรถยนต์ใช้น้ำมันหรือว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV ในขนาดปกตินั้นก็คือรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก จดทะเบียนได้ถูกต้องตามกฎหมายจะดูที่กำลังมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งได้มีประกาศจากกรมการขนส่งทางบกเป็นพระราชกิจจานุเบกษาเนื้อเกี่ยวกับการกำหนดกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าไว้ โดยสามารถสรุปเนื้อหาคร่าว ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก จดทะเบียนให้เกิดความถูกต้องคือ
- กำลังของมอเตอร์ไฟฟ้า หมายความว่า กำลังพิกัด (Rated Power) หรือกำลังขับเคลื่อนรถให้มีความเร็วต่อเนื่องสูงสุด 30 นาที (Maximum 30 Minutes Power) ของมอเตอร์ไฟฟ้า
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และรถยนต์สี่ล้อเล็กรับจ้างที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ที่มีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 4 กิโลวัตต์ ต้องสามารถขับเคลื่อนรถให้มีความเร็วสูงสุดได้ไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- รถยนต์รับจ้างสามล้อและรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 4 กิโลวัตต์ และสามารถขับเคลื่อนรถให้มีความเร็วสูงสุดได้ไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- มอเตอร์ไฟฟ้าต้องสามารถขับเคลื่อนรถในขณะที่มีน้ำหนักรถรวมน้ำหนักบรรทุก (Gross Vehicle Weight) ตามที่ผู้ผลิตกำหนดด้วยความเร็วสูงสุดตามที่กำหนดในประกาศนี้ ได้ต่อเนื่องเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 30 นาที
หากรถยนต์ไฟฟ้ามินิที่สนใจลงตามเงื่อนไขที่กล่าวมาด้านต้นก็เป็นอันว่ารถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก จดทะเบียนได้ถูกต้องตามกฎหมายนั่นเอง
รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่กันบ้าง
ข้อมูลต่าง ๆ ที่น้องแคร์ได้นำเสนอเกี่ยวรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กคงทำให้หลาย ๆ คนได้รู้จักกับรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกกันมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นความหมาย จุดเด่น รวมไปถึงการดูรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก จดทะเบียนได้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งอีกเรื่องหนึ่งที่หลาย ๆ คนให้ความสนใจกับเจ้ารถยนต์ไฟฟ้ามินิ หรือ mini EV นั่นก็คือคอราคาของตัวรถนั้นเอง โดยที่รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ราคาก็แตกต่างกันไปตามรุ่นโดยน้องแคร์ได้ทำการรวบรวมรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในไทยรุ่นต่าง ๆ มาให้ทุกท่านได้รู้จักกัน
Wuling Hongguang MINI EV
รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก 4 ล้อจากประเทศจีน โดยเป็น mini EV ราคา 440,000 บาท ที่มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 13.9 KWh ที่วิ่งได้สูงสุด 170 กม. มาพร้อมกับอัตราเร็วสูงสุดที่ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กคันนี้จุคนได้สูงสุด 4 ที่นั่ง ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามเมื่อเปิดตัว
VOLT City EV
รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่มีให้เลือก 2 รูปแบบด้วยกันกับ VOLT FOR-TWO รถ mini EV 3 ประตู 2 ที่นั่งและรุ่น VOLT FOR-FOUR รถยนต์ไฟฟ้ามินิ 5 ประตู 4 ที่นั่งที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ราคาอยู่ที่ 3.25-3.85 แสนบาท มาพร้อมกับแบตเตอรี่แบบลิเธียม ไอออนฟอสเฟตขนาด 11.8 kWh และ 16.5 kWh ตามลำดับ โดยรุ่นเล็กวิ่งได้ไกลสุดที่ 165 กิโลเมตร ส่วนรุ่น 5 ประตูจะวิ่งได้ไกลสุดที่ 200 กิโลเมตร จัดว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูกที่น่าสนใจอีกหนึ่งรุ่น
Fomm ONE
รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กหน้าตาสุดล้ำ ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามินิ 3 ประตู 2+2 ที่นั่ง สามารถวิ่งในเมืองได้สบาย ๆ โดยเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ราคาอยู่ที่ราว 599,900 บาท สามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร
POCCO รุ่น MM และรุ่น DD
ถือว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กอีกหนึ่งแบรนด์ที่ถูกพูดถึงและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในไทยกับรถยนต์ไฟฟ้ามินิจาก POCCO ซึ่งมีรุ่นที่น่าสนใจนั่นก็คือรุ่น MM และ DD
- POCCO รุ่น MM : เป็น mini EV 3 ประตูที่มีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกันคือ MM YX มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 9.2 kWh วิ่งได้ไกล 116 กิโลเมตร กับรุ่น MM ZX ความจุแบตเตอรี่ 14.0 kWh โดยเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ราคาเริ่มต้นที่ 379,000 บาท
- POCCO รุ่น DD : รถยนต์ไฟฟ้ามินิ 5 ประตูกับ 2 รุ่นย่อยอย่าง DD L รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ราคา 379,000 บาท วิ่งได้ 128 กิโลเมตร และรุ่น DD K ในราคา 399,000 รถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่วิ่งได้ไกล 178 กิโลเมตร
Takano TTE 500
เรียกได้ว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่มาในรูปทรงแตกต่างจากเพื่อน กับรถยนต์ไฟฟ้ามินิที่มาในรูปทรงกระบะจากประเทศญี่ปุ่น โดยทำความเร็วสูงสุดได้ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง สามารถวิ่งได้ไกล 100-120 กิโลเมตร เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ราคาขึ้นอยู่กับรุ่นโดยรุ่น TTE 500 ราคา 499,000 บาท ส่วนรุ่น TTE 500 L ราคา 580,000 บาท เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในไทยอีกคันที่มีเอกลักษณ์และความน่าสนใจ
สรุปภาพรวมรถยนต์ไฟฟ้า ดียังไง?
สรุปสุดท้ายเกี่ยวกับภาพรวมรถยนต์ไฟฟ้า ดียังไง เราจะมาลิสต์เป็นรายการเพื่อให้ได้อ่านแบบครบถ้วนในครั้งเดียว ถึงจุดเด่นหรือข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าจากทั้งหมดที่เรากล่าวมา
- ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ทำให้ประหยัดค่าเชื้อเพลิงไปได้มาก เพราะหากเทียบอัตราการสิ้นเปลือง และอัตราการชาร์จคิดเป็นค่าไฟแล้วถูกกว่ามาก
- ปัจจุบันมีแบรนด์รถพลังงานไฟฟ้าให้เลือกใช้ค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะแบรนด์ญี่ปุ่น, จีน หรืออเมริกา
- มีช่วงราคาที่จับต้องได้ ตั้งแต่ราคาครึ่งล้าน ไปจนถึงเกือบ 10 ล้านเลยก็มี
- สถานีชาร์จสำหรับรถไฟฟ้า EV กำลังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
- ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนรักษ์โลก
- รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่มีโครงสร้างที่ความปลอดภัยสูงกว่า
- ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์น้อยกว่ารถทั่วไป ทำให้รถเบา และดูแลได้ง่ายกว่าในระยะยาว
ในด้านของข้อเสียที่อาจต้องนำไปคิดเพิ่ม หากกำลังเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง คือ ระยะเวลาในการชาร์จไฟแบบเต็ม 100% บางรุ่นค่อนข้างนาน หากรถไฟฟ้า EV คันไหนไม่มีระบบ Fast Charge อาจต้องรอนานมากขึ้นเป็นหลัก 7-10 ชั่วโมง รวมถึงราคาของ EV Car ในอนาคต โดยเฉพาะวงการมือ 2 อาจมีการปรับตัวลง ด้วยเทคโนโลยีที่อาจมาถึงในอนาคต ทำให้การพัฒนาต้องเดินไปข้างหน้า ทำให้ระบบใหม่ในวันนี้ อาจล้าหลังได้นั่นเอง
สถานีชาร์จรถไฟฟ้าคืออะไร
สถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV Charging Station) คือแหล่งจ่ายพลังงานให้กับแบตเตอรี่ของรถไฟฟ้าเพื่อที่จะทำให้ตัวรถมีชีวิตและขับเคลื่อนได้ ซึ่งถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็เหมือนกับสถานีจ่ายน้ำมันหรือปั๊มน้ำมันนั่นเอง ถ้าขาดสถานีชาร์จไปแล้วล่ะก็คงจะเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าต่างจากชาร์จที่บ้านอย่างไร ต้องบอกเลยว่าการชาร์จที่จะสถานีจะใช้เวลาชาร์จที่น้อยกว่ามากทำให้ประหยัดเวลา และเหมาะกับการชาร์จในกรณีฉุกเฉิน
สถานีชาร์จรถไฟฟ้ามีกี่ประเภท
สถานีชาร์จรถไฟฟ้าหรือ EV Charging Station เป็นตัวช่วยเพิ่มประจุไฟฟ้าเพื่อเป็นพลังงานไฟฟ้าให้กับรถยนต์ของคุณ ทำให้สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลักๆ แล้วสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
Normal Charg
สถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่มักใช้กันภายในบ้าน สำหรับบ้านที่ไม่ได้มีการติดตั้งเพิ่มเติม Normal Charge จะเป็นการชาร์จไฟจากเต้ารับภายในบ้านโดยตรง มีรายละเอียดในการติดตั้งหรือปรับปรุงระบบจ่ายไฟเช่นกัน ควรให้ผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดูหากต้องการสถานีชาร์จรถไฟฟ้าแบบนี้ มักจะใช้เวลานานถึง 12 – 15 ชั่วโมงในการชาร์จหนึ่งครั้ง เนื่องจากการจ่ายประจุไฟฟ้าแบบกระแสสลับนั้นกินเวลา
Quick Charge
สถานีชาร์จรถไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่เห็นในประเทศเรานั้นจะเป็นแบบ Quick Charge สถานีแบบนี้จะเป็นการจ่ายประจุไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ทำให้ภายในระยะเวลา 40 – 60 นาทีคุณก็สามารถชาร์จไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้าของคุณได้ เหมาะกับคนที่เร่งรีบหรือต้องการชาร์จด่วน ๆ ก่อนที่จะกลับไปชาร์จอย่างเต็มกำลังที่บ้าน
อย่างไรก็ตามยังมีการจ่ายไฟฟ้าด้วยกระแสสลับ (AC) ที่นิยมติดตั้งกันเป็นสถานีชาร์จรถไฟฟ้าส่วนตัวภายในบ้านอีกด้วย มักจะมาในลักษณะของตู้ WALL BOX รวดเร็วกว่าเต้ารับ ใช้เวลาประมาณ 4 – 6 ชั่วโมง ค่อนข้างเป็นที่นิยมไม่แพ้กับ Quick Charge
หัวชาร์จรถไฟฟ้ามีกี่ประเภท
นอกจากสถานีชาร์จรถไฟฟ้าแล้วหัวชาร์จรถไฟฟ้าก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่มองข้ามไม่ได้ เพราะถ้าหากใช้ผิดประเภทก็อาจเสียทั้งเงินและเวลาเลยทีเดียว หลักๆ แล้วเราสามารถแยกประเภทของหัวชาร์จรถไฟฟ้าได้ทั้งหมด 4 ประเภทด้วยกันคือ
- สำหรับไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) Type 1 เหมาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจากอเมริกาและญี่ปุ่น
- สำหรับไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) Type 2 เหมาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทวีปยุโรป
- สำหรับไฟฟ้ากระแสตรง (DC) CHAdeMO เหมาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าญี่ปุ่น จีน อเมริกา
- สำหรับไฟฟ้ากระแสตรง (DC) Combined Charging System สามารถแบ่งได้เป็น Type 1 และ Type 2 โดยประเทศไทยนิยมใช้หัวชาร์จชนิดนี้แบบ Type 2 มากกว่าแบบอื่นๆ
ที่ชาร์จรถไฟฟ้าแต่ละประเภทเหมาะกับรถยนต์แบบไหนบ้าง
สถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่นิยมนำมาใช้งานกันมักจะเป็นแบบ Quick Charge และ Wall Box เป็นหลัก โดยประเภทแรกเหมาะกับการชาร์จรถไฟฟ้าแบบเร่งด่วนตามปั๊มน้ำมัน แต่ประเภทที่สองจะเหมาะกับการติดตั้งภายในห้างสรรพสินค้าหรือบ้านเรือนมากกว่าเพราะต้องใช้เวลานานกว่าจะชาร์จจนสามารถนำรถยนต์มาใช้งานต่อได้
ทำไมต้องมีสถานีชาร์จรถไฟฟ้า
สถานีชาร์จรถไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยในการเดินทางสำหรับผู้ขับรถไฟฟ้าก็ว่าได้ เพราะรถยนต์หนึ่งคันก็จะมีลิมิตในการเก็บไฟฟ้าไว้ใช้งาน เมื่อใช้งานไปเรื่อยๆ ก็จะลดจนหมดไปเหมือนแบตโทรศัพท์ หากไม่มีสถานีชาร์จรถไฟฟ้าก็จะทำให้การเดินทางติดขัดได้ บางคนเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าแต่ไม่มีแผนในการติดตั้งเครื่องชาร์จไว้ที่บ้าน สถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการจึงจำเป็นอย่างยิ่ง
มีสถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่ไหนบ้าง และค่าบริการเท่าไหร่?
อีกหนึ่งหัวข้อที่ผู้ใช้รถไฟฟ้าให้ความสนใจนั่นก็คือสถานีชาร์จรถไฟฟ้ามีค่าบริการอยู่เท่าไหร่นั่นเอง เนื่องมาจากการชาร์จพลังงานไฟฟ้าที่บ้านมีค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก ซึ่งเป็นข้อดีที่ทำให้หลาย ๆ คนเลือกเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้า แต่อย่างที่เราทราบกันดีว่าการชาร์จที่สถานีชาร์จรถไฟฟ้าจะใช้เวลาที่น้อยกว่ามากและในบางครั้งตัวรถอาจจะพลังงานหมดก่อนกลับไปชาร์จที่บ้านก็ได้
สถานีชาร์จรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบันมีอยู่มากมายหลายที่ซึ่งแต่ละที่เองก็มีการคิดค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน เราจึงได้ทำการรวบรวมสถานที่ชาร์จต่าง ๆ ว่าแต่สถานีชาร์จรถไฟฟ้ามีค่าบริการเป็นอย่างไรบ้าง โดยก่อนที่เราจะไปทราบถึงอัตราค่าบริการยังมีคำศัพท์ที่เราควรจะเรียนรู้กันก่อนนั่นก็คือ
- On Peak : คือช่วงเวลา 09.00 – 22.00 น. ของวันจันทร์ – วันศุกร์ เป็นช่วงที่มีการใช้พลังงานไฟฟ้าสูง ทำให้ราคาค่าไฟในช่วงนี้จะแพง
- Off Peak : มีอยู่ 3 ช่วงเวลาด้วยกันคือ เวลา 22.00 – 09.00 น. วันจันทร์ – วันอาทิตย์, เวลา 00.00 – 24.00 น. วันเสาร์ – วันอาทิตย์ และ วันหยุดราชการ โดยเป็นช่วงที่มีการใช้น้อย ทำให่ค่าไฟในช่วงนี้มีราคาถูกกว่า
รถยนต์ไฟฟ้า ชาร์จที่ไหนได้บ้าง?
โดยจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่เราจะแชร์ต่อ เป็นการสรุปรวบรวมมาจากทั้งหมด 5 จุดใหญ่ และจะมีจุดย่อยเพิ่มเติมลงไปในแต่ละสถานที่ เผื่อว่าใครที่ต้องเดินทางไกลด้วยรถ EV Car คันโปรด จะได้วางแผนถูกว่าผู้ใช้งานรถพลังงานไฟฟ้าจะต้องแวะชาร์จแบตที่จุดไหนบ้าง เพื่อไม่ให้เสียงต่อการแบตเตอรี่หมดกลางทาง
จุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง (MEA)
มีให้เลือกชาร์จ 2 ระบบทั้งแบบ Normal Charger และ Quick Charger ในเขตกรุงเทพฯ มีจุดชาร์จสำหรับรถพลังงานไฟฟ้าอยู่ประมาณ 17 แห่ง ได้แก่ สำนักงานใหญ่เขตเพลินจิต, เขตวัดเลียบ, เขตสามเสน, เขตบางขุนเทียน, เขตลาดกระบัง, เขตราษฎร์บูรณะ, เขตบางเขน, เขตบางใหญ่, เขตมีนบุรี, 7-11 สาขาบ้านสวนลาซาล, 7-11 สาขา สน.บางขุนนนท์, อาคารธนพิพัฒน์, CP Tower, Siam Square One, MBK, CU และคลองเตย
จุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA)
เป็นสถานีชาร์จที่มีการร่วมมือกับสถานีบริการน้ำมันบางจาก ทำให้เราสามารถเข้าถึงจุดชาร์จไฟฟ้าสำหรับ EV Car ได้โดยมีที่จอดรถเฉพาะ และยังเข้าใช้บริการอื่น ๆ พร้อมพักรถได้แบบสบายใจ ใครเดินทางไกลสามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างง่ายดาย ด้วยจุดชาร์จไฟจาก PEA ที่มีกระจายอยู่ทั่วภูมิภาคในประเทศไทย
จุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT)
กฟผ. เป็นรัฐวิสาหกิจด้านการผลิตพลังงานไฟฟ้า จึงมีบริการสถานีชาร์จไฟสำหรับรถพลังงานไฟฟ้าอย่างครอบคลุมทั่วประเทศไม่แพ้ PEA เลยทีเดียว เพราะนอกเหนือจากตามจุดของ กฟผ. เองแล้วยังมีการกระจายสถานีชาร์จไฟยัง PT Station เพื่อให้รถไฟฟ้า EV ที่อยู่ระหว่างการเดินทางข้ามจังหวัด ได้แวะพักรถพร้อมชาร์จพลังงานได้อีกด้วย
จุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)(OR)
ถ้าพูดชื่อสถานีบริการน้ำมันอย่าง ปตท. หรือ PTT Station คนใช้รถยนต์ทุกคนคงรู้จักกันดีอยู่แล้ว เพราะปัจจุบันไม่ได้มีให้บริการน้ำมันเชื้อเพลิงหรือแก๊ส NPG เพียง 2 ชนิดเท่านั้น มีสถานีชาร์จสำหรับรถพลังงานไฟฟ้าให้ใช้งานอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ด้วยกระแสการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในไทยกำลังเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ทาง PTT Station มีแผนสร้างสถานีชาร์จให้ครอบคลุมทั่วประเทศในเร็ววัน
จุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)(EA)
ผู้ให้บริการสถานีชาร์จสำหรับรถพลังงานไฟฟ้ารายนี้ มีการร่วมมือกันทางธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งโรงแรม, ศูนย์การค้า, สถานีบริการน้ำมัน และอาคารสำนักงานทั่วไปจำนวนมาก ทำให้เฉพาะเขตพื้นที่ภายในกรุงเทพฯ มีจำนวนสถานีชาร์จให้เหล่าผู้ใช้งาน EV Car ได้เลือกเข้าไปใช้งานมากกว่า 1,000 จุด และนอกเหนือจากนั้นยังมีสถานีชาร์จตามศูนย์บริการรถยนต์ BMW, Mercedes-Benz, Porsche และ MG เพิ่มเติมเข้ามาอีกบางแห่ง
อัตราค่าบริการชาร์จสถานีต่าง ๆ
- PTT EV Station : On Peak 7.5 บาท/หน่วย, Off Peak 4.5 บาท/หน่วย
- PEA : On Peak 7.9 บาท/หน่วย, Off Peak 4.5 บาท/หน่วย
- MEA EV : On Peak 7.5 บาท/หน่วย
- EA Anywhere : On Peak 6.5 บาท/หน่วย
- ARUN+ (on|ion) : On Peak 7.25 บาท/หน่วย
- Elexa : On Peak 7.5 บาท/หน่วย
- EVOLT : On Peak 8 - 9 บาท/หน่วย
*ราคาอ้างอิง ณ วันที่เก็บข้อมูล
สถานีชาร์จรถไฟฟ้าตามภูมิภาคต่าง ๆ
เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เพิ่มเป็นเงาตามตัวไปพร้อม ๆ กับการเพิ่มขึ้นของการใช้งานรถไฟฟ้า นั่นก็คือสถานีชาร์จรถไฟฟ้านั่นเอง ต้องบอกเลยว่าจะกระแสความนิยมของตัวรถในปัจจุบัน ทำให้มีสถานีชาร์จรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามมามากมาย ในส่วนนี้เองก็ช่วยทำให้หลาย ๆ คนคลายความกังวลเรื่องสถานีชาร์จจะไม่เพียงพอต่อความต้องการนั่นเอง โดยเราได้ทำการรวบรวมสถานีชาร์จในภูมิภาคต่าง ๆ กันไว้เป็นข้อมูลให้กับเพื่อน ๆ ทุกคน
สถานีชาร์จรถไฟฟ้า กรุงเทพมหานครและภาคกลาง
- PTT EV Station PluZ สาขา แยกประชาอุทิศ-ลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร
- PTT EV Station PluZ สาขา สาขาพุทธมณฑลสาย 4 นครปฐม
- PTT EV Station PluZ สาขา แยกสันติสุข ปทุมธานี
- PTT Station สาขา พหลโยธิน กม.25 กรุงเทพมหานคร
- PTT Station สาขาสามย่าน กรุงเทพมหานคร
- PTT Station สาขาบางนา-ตราด กม.16 สมุทรปราการ
- PTT Station สาขาวังน้อย พระนครศรีอยุธยา
- MEA EV การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ เพลินจิต กรุงเทพมหานคร
- MEA EV การไฟฟ้านครหลวง เขตวัดเลียบ กรุงเทพมหานคร
- MEA EV สถานีบริการอัดประจุไฟฟ้า MBK กรุงเทพมหานคร
- PEA VOLTA สำนักงานใหญ่ กรุงเทพมหานคร
- PEA VOLTA พระนครศรีอยุธยา
- PEA VOLTA ปั๊มน้ำมันบางจาก สามพราน นครปฐม
- EA Anywhere Caltex สินทรัพย์มงคลชัย นนทบุรี
- EA Anywhere Caltex ศูนย์การค้า Habito Mall ถ.สุขุมวิท 77 กรุงเทพมหานคร
- EA Anywhere Caltex บางกอกเดย์ราม่า นนทบุรี
- on-ion EV Charging Station คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ กรุงเทพมหานคร
- on-ion EV Charging Station เซ็นทรัลเวิร์ล กรุงเทพมหานคร
- on-ion EV Charging Station เซ็นทรัล ศาลายา นครปฐม
- EVOLT KMUTT by Toyota กรุงเทพมหานคร
- EVOLT The Mall งามวงศ์วาน นนทบุรี
สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ภาคตะวันออก-ตะวันตก
- PTT EV Station PluZ สาขาตำบลมาบข่า ระยอง
- PTT EV Station PluZ สาขาโรงแยกก๊าซ ระยอง
- PTT Station สาขาท่ามะขาม กาญจนบุรี
- PTT Station บจ.ไนซ์ปิโตรเลียมเพชรบุรี เพชรบุรี
- PTT Station บจ.เติมเต็มปิโตรเลียม ตราด
- PTT Station บจ.ปตท สามร้อยยอด ประจวบคีรีขันธ์
- PTT Station สาขาแยกหาดจอมเทียน พัทยา ชลบุรี
- PEA VOLTA เขาย้อย เพชรบุรี
- PEA VOLTA พัทยาใต้ ชลบุรี
- PEA VOLTA หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์
- PEA VOLTA ปั๊มน้ำมันบางจาก แกลง ระยอง
- PEA VOLTA ปั๊มน้ำมันบางจาก เมืองชลบุรี ชลบุรี
- EleX by EGAT สาขาโรงไฟฟ้าบางปะกง ฉะเชิงเทรา
- EleX by EGAT สาขาโรงพยาบาลกรุงเทพพัทยา ชลบุรี
- EleX by EGAT Max สาขา PT ชะอำ 3 เพชรบุรี
- on-ion EV Charging Station เซ็นทรัล Festival พัทยา บีช ชลบุรี
- on-ion EV Charging Station เซ็นทรัล ระยอง ระยอง
- EVOLT Holiday Inn พัทยา ชลบุรี
- EVOLT Din cafe กาญจนบุรี
- EVOLT ร้านอาหารคีรีมันตรา กาญจนบุรี
สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ภาคอีสาน
- PTT EV Station PluZ สาขาเมืองขอนแก่น ขอนแก่น
- PTT Station สาขาสวัสดิการกองบิน 1 นครราชสีมา
- PTT Station สาขาเมืองขอนแก่น 2 ขอนแก่น
- PTT Station สาขาไพรบึง-โชคชัย ศรีสะเกษ
- PTT Station สาขาเมืองบุรีรัมย์ บุรีรัมย์
- PTT Station บจ.ร่วมใจบริการ (2002) บุรีรัมย์
- PTT Station หจก.การดี ปิโตรเลียม อุบลราชธานี
- PTT Station บจ.ไทยเจริญ เพทโทรล สเตชั่น อุดรธานี
- PEA VOLTA นครราชสีมา
- PEA VOLTA ปั๊มน้ำมันบางจาก มิตรภาพ กม.141 เมืองนครราชสีมา
- PEA VOLTA ร้อยเอ็ด
- PEA VOLTA ปั๊มน้ำมันบางจาก มิตรภาพ กม.348 เมืองขอนแก่น ขอนแก่น
- PEA VOLTA ปั๊มน้ำมันบางจาก เมืองหนองคาย
- EleX by EGAT Max สาขา PT นครราชสีมา 11 นครราชสีมา
- EleX by EGAT Max สาขา PT วารินชำราบ 6 อุบลราชธานี
- EA Anywhere MG อุดรธานี
- EA Anywhere MG ร่วมใจเอ็มจีหนองบัวลำภู
- on-ion EV Charging Station เซ็นทรัล ขอนแก่น
- on-ion EV Charging Station เซ็นทรัล อุดรธานี
- EVOLT IPC 5 ขอนแก่น
สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ภาคเหนือ
- PTT EV Station PluZ สาขาสารภี จ.เชียงใหม่
- PTT Station สาขาหายยา เชียงใหม่
- PTT Station สาขาพิษณุโลก
- PTT Station สาขาตาก (ตากเคที.แอนด์ซันส์) ตาก
- PTT Station หจก.วันสิริ เซอร์วิส พะเยา
- PTT Station บจ.ธ.1994 ปิโตรเลียม ลำปาง
- PTT Station สาขาดู่ใต้ น่าน
- PEA VOLTA ปั๊มน้ำมันบางจาก ดอยสะเก็ด เชียงใหม่
- PEA VOLTA ปั๊มน้ำมันบางจาก แม่ริม เชียงใหม่
- PEA VOLTA ปั๊มน้ำมันบางจาก ดอยหล่อ เชียงใหม่
- PEA VOLTA พะเยา
- PEA VOLTA ปั๊มน้ำมันบางจาก เมืองตาก
- EleX by EGAT สาขาสนามกอล์ฟแม่เมาะ ลำปาง
- EleX by EGAT Max สาขา PT พิษณุโลก 4 พิษณุโลก
- เทศบาลตำบลแม่เหียะ เชียงใหม่
- on-ion EV Charging Station เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต
- on-ion EV Charging Station เซ็นทรัล เชียงใหม Festival
- on-ion EV Charging Station เซ็นทรัล ลำปาง
- EVOLT IPC 1 เชียงใหม่
- EVOLT CMU by Toyota เชียงใหม่
สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ภาคใต้
- PTT EV Station PluZ สาขาหาดใหญ่ใน (ขาออก) สงขลา
- PTT Station หจก.กัลปพฤกษ์ พังงา
- PTT Station สาขาท่าแซะ ชุมพร
- PTT Station บจ.วี คอร์ป นครศรีธรรมราช
- PTT Station สาขาภูเก็ต
- PTT Station สาขาสนามบินกระบี่
- PEA VOLTA สถานีบริการน้ำมันบางจาก หาดใหญ่ สงขลา
- PEA VOLTA สถานีบริการน้ำมันบางจาก เมืองกระบี่
- PEA VOLTA สถานีบริการน้ำมันบางจาก เมืองตรัง
- PEA VOLTA สถานีบริการน้ำมันบางจาก ท่าแซะ ชุมพร
- PEA VOLTA สถานีบริการน้ำมันบางจาก เมืองภูเก็ต
- PEA VOLTA สถานีบริการน้ำมันบางจาก เมืองพังงา
- EleX by EGAT สาขาโรงไฟฟ้าจะนะ สงขลา
- EleX by EGAT Max สาขา PT ตรัง 2 ตรัง
- EleX by EGAT Max สาขา PT สวี 3 ชุมพร
- EleX by EGAT Max สาขา PT ไชยา 3 สุราษฎร์ธานี
- on-ion EV Charging เซ็นทรัล ภูเก็ต Festival
- EVOLT โรงแรม New Season สงขลา
- EVOLT โรงแรม The Bed Vacation Rajamangala สงขลา
- EVOLT The Signature Hotel Airport สงขลา
ต้องบอกว่าที่รายชื่อที่เราได้รวบรวมมาให้เพื่อน ๆ รู้จักเป็นเพียงแค่บางส่วนของสถานีชาร์จรถไฟฟ้าในปัจจุบันเท่านััน จากกระแสความนิยมของตัวรถ EV ต้องบอกเลยว่ายังมีสถานีชาร์จที่พร้อมรอเกิดกระจายตามภูมิภาคต่าง ๆ ภายในประเทศอีกมากมาย เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้เมื่อเราค้นหาคำว่า“สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ใกล้ฉัน”แล้วคงจะเจอสถานีชาร์จไปทั่วทุกแห่งอย่างแน่นอน
อยากเปิดสถานีชาร์จรถไฟฟ้าลงทุนอะไรบ้าง
“สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ใกล้ฉัน” เป็นอีกหนึ่งคำค้นหายอดนิยมในปัจจุบัน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการตัวสถานีชาร์จ ถึงแม้ว่าจะมีการวางแผนสร้างสถานีชาร์จกันเป็นจำนวนมาก แต่เชื่อเหลือเกินว่านี่ยังเป็นอีกหนึ่งโอกาสทองให้กับผู้สนใจลงทุนหรือสร้างรายได้ได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่สถานีชาร์จรถไฟฟาลงทุนหลัก ๆ คงเป็นเรื่องของอุปกรณ์ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่ของตัวรถนั่นเอง โดยอุปกรณ์เหล่านี้เป็นอุปกรณ์ที่มีราคาค่อนข้างสูงทำให้ต้องใช้เม็ดเงินเป็นจำนวนมากในการลงทุน แต่ด้วยความต้องการสถานีชาร์จรถไฟฟ้าในอนาคต เมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายแล้วต้องบอกเลยว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามาก
นอกจากนี้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ยังมีการปรับปรุงสิทธิประโยชน์เพื่อส่งเสริมการลงทุนสร้างสถานีชาร์จรถไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีนิติบุคคลไปจนถึงยกเลิกเงื่อนไขรับรองมาตรฐาน ISO 18000 เพื่อกระตุ้นการลงทุนจากทั้งผู้ประกอบการรายเล็กและสตาร์ทอัพ เพื่อตอบรับนโยบายการเพิ่มการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในภาคประชาชนอีกด้วย
แนะนำให้รู้จักกับประกันรถยนต์ไฟฟ้า EV
ประกันรถยนต์ไฟฟ้า EV อีกหนึ่งสิ่งสำคัญเพื่อการคุ้มครองรถยนต์ไฟฟ้าที่คุณหลัง หลังจากที่พาทุกคนไปรู้จักกับรถยนต์ไฟฟ้าไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรูปแบบการทำงาน แบรนด์ของรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงข้อดี-ข้อเสีย ไปดูกันว่าประกันรถยนต์ไฟฟ้าคืออะไร? มีความต่างกับประกันรถยนต์ทั่วหรือไม่? ไปติดตามกันได้เลย
ประกันรถยนต์ไฟฟ้า EV คืออะไร? ให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง?
ประกันรถยนต์ไฟฟ้า EV คือ การซื้อความคุ้มครองความความเสียหายหรือความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับทั้งตัวรถยนต์ไฟฟ้า EV และตัวผู้ขับขี่หรือผู้เอาประกันภัย โดยแบ่งระดับความคุ้มครองตามชั้นประกันที่ได้ทำไว้ ซึ่งก็เหมือนกับการทำประกันรถยนต์ทั่วไปนั่นเองแต่ประกันรถยนต์ไฟฟ้า EV จะมีความแตกต่างตรงที่เบี้ยประกันจะมีราคตาที่สูงกว่าเนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์ EV มีระบบการทำงานที่ซับซ้อน มีการใช้อะไหล่หรือชิ้นส่วนเฉพาะทางในการซ่อมแซม และต้องใช้ช่างที่มีความรู้ความชำนสญเฉพาะทางในการซ่อมบำรุง
ใครถอยรถยนต์ไฟฟ้ามาแล้วอย่าลืมมองหาประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติม เพื่อให้รถไฟฟ้า EV ของเราได้รับการดูแลคุ้มครองตลอดเวลา ให้ทุกการขับขี่มีแต่ความสบายใจ โดยที่ทุกคนสามารถเข้ามาเปรียบเทียบประกันรถยนต์ที่เหมาะสมได้โดยตรงกับ แรบบิท แคร์ พร้อมรับข้อเสนอผ่อน 0% นาน 10 เดือน, ประหยัดได้ถึง 70%, มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน และอื่น ๆ อีกเพียบ
ความคุ้มครองประกันรถยนต์