คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย
ประกันรถยนต์ตาม Segment คืออะไร?
ประกันรถยนต์ตาม Segment คือประกันรถยนต์แบบพิเศษ เช่น รถยนต์โดยสาร, รถตู้, รถยนต์นำเข้าต่าง ๆ และเน้นให้ความคุ้มครองรถยนต์ประเภท Segment เป็นหลัก ถึงแม้ความคุ้มครองหลัก ๆ จะใกล้เคียงกับประกันรถยนต์ และเป็นไปตามข้อกำหนดที่ คปภ. แบ่งความคุ้มครองเอาไว้ แต่จะเพิ่มเติมความคุ้มครองเฉพาะทางมากขึ้น
เช่น ศูนย์ซ่อมรถเฉพาะทาง สำหรับรถ b segment หรือรถ c segment มั่นใจได้ถึงการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญ อะไหล่ที่ได้คุณภาพ และมาตราฐาน เป็นต้น
ประเภท หรือ Segment ของรถยนต์มีกี่แบบ?
รู้จักกับประกันรถยนต์ตาม Segment กันไปแล้ว มารู้จักรถยนต์ประเภทนี้กันให้มากขึ้นดีกว่า โดย Segment คือการแบ่งประเภทรถยนต์ของประเทศในยุโรป ซึ่งเแยกได้ต่อไปนี้
- รถ A Segment ขนาดเครื่องยนต์ 660 ซีซี - 1,000 ซีซี เป็นรถยนต์เน้นใช้งานในเมือง จึงมีขนาดที่เล็ก หาที่จอดได้ง่าย และมีความคล่องตัวสูง เป็นที่นิยมมากในญี่ปุ่น เช่น Toyota Aygo, Suzuki Hustler และ Honda N-Box
- รถ B Segment รถยนต์ขนาดเล็กเครื่องยนต์ 1,000 ซีซี - 1,500 ซีซี เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มคนวัยทำงาน มีพื้นที่ใช้เก็บสัมภาระขนาดพอเหมาะ ทั้งนี้ Eco Car ก็รวมอยู่ในหมวด รถ B Segment ด้วย เช่น Nissan March, Suzuki Swift และ Mazda 2
- รถ C Segment เป็นรถยนต์ที่ขยับไซส์ใหญ่ขึ้นจาก รถ B Segment เครื่องยนต์ 1,500 ซีซี - 2,200 ซีซี รถคันนี้เหมาะกับครอบครัว 3 - 4 คน เป็นที่นิยมในไทย เนื่องจากมีขนาดไม่ใหญ่ไปไม่เล็กไป ขับไปได้ทุกที่ เช่น Toyota Corolla Altis, Honda Civic และ Mazda 3
- รถ D Segment ถัดมาจาก รถ C Segment ก็คือ D Segment รถเอนกประสงค์ขนาดกลาง มีจุดเด่นที่ภายในตกแต่งหรูหรา ประสิทธิภาพเครื่องยนต์ที่เหนือชั้น เช่น Toyota Camry, Honda Accord และ Nissan Teana
- รถ E Segment เป็นรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ ภายในถูกออกแบบให้มีขนาดกว้าง หรูหรา ราคาแพง บางคันมาพร้อมระบบอำนวยความสะดวกสบายมากมาย เช่น BMW 5-Series, Audi A6 และ Mercedes-Benz E-Class
จะเห็นได้ว่ารถยนต์ในแต่ละประเภทล้วนเป็นรถยนต์นำเข้า ทำให้การซื้อประกันรถยนต์ตาม Segment โดยเฉพาะจะให้ความคุ้มครองที่คุ้มครอง และครอบคลุมมากกว่านั่นเอง
SUV, CUV, MPV Segment เหล่านี้ต่างกันอย่างไร?
ประกันรถยนต์ Segment เป็นประกันรถยนต์รูปแบบพิเศษ ที่นอกเหนือจากรถยนต์แบบทั่วไป (รถยนต์, รถกระบะ) เช่น รถตู้, รถยนต์แบรนด์นำเข้า หรือรถยนต์รูปแบบอื่น ๆ ที่มีลักษณะการใช้งานแบบเฉพาะทาง โดยจะแบ่งเป็น Segment ต่าง ๆ ตามคุณสมบัติและวิธีการใช้งานของรถยนต์เอง นอกจาก Segment A - E ที่เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้ว ก็ยังมีชื่อเรียกเพิ่มเติมเพื่อให้เข้าใจลักษณะของรถยนต์มากขึ้นด้วย โดยจะมีดังต่อไปนี้
- Sport Utility Vehicle (SUV) - รถยนต์ทรงสปอร์ตยกตัวสูง เหมาะกับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ห้องโดยสารกว้างขวาง บรรจุสัมภาระได้เยอะ
- Crossover Utility Vehicle (CUV) - พัฒนามาจาก SUV โดยจะมีการขับขี่ที่นุ่มนวลกว่า ดีไซน์ปราดเปรียวคล้ายรถเก๋ง ใช้พื้นที่น้อยกว่า
- Multi Purpose Vehicle (MPV) - เป็นที่รู้จักกันในชื่อของรถยนต์เอนกประสงค์ คือมีพื้นที่ห้องโดยสารกว้าง สามารถบรรจุผู้โดยสารได้ 7-10 คน พร้อมพื้นที่สำหรับใส่สัมภาระ
- Pick-up Passenger Vehicle (PPV) - มีลักษณะคล้ายกับ SUV แต่จะมีพื้นฐานโครงสร้างมาจากรถกระบะ เป็นรูปแบบของรถยนต์กึ่งนั่งกึ่งบรรทุกสัมภาระ
ทำไมประกันรถยนต์ตามประเภท Segment ถึงน่าซื้อ?
เนื่องจากประกันรถยนต์ตามประเภท Segment ให้ความใกล้เคียงกับประกันรถยนต์อย่างมาก หลายคนอาจยังลังเล หรือไม่มั่นใจที่จะซื้อ ซึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจและน่าซื้อ มีดังนี้
- ประกันรถยนต์ตามประเภท Segment ออกแบบมาเพื่อรถยนต์นำเข้าต่าง ๆ คุณจึงมั่นใจได้ถึงบริการซ่อมแซมจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
- เบี้ยประกัน และโปรโมชั่นที่เหมาะสมกับรถยนต์ Segment
- ได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติม นอกเหนือจากความคุ้มครองหลัก เช่น บางบริษัทประกันภัย ให้ความคุ้มครองรถสูญหาย หรือถูกโจรกรรม ในวงเงินที่สูง และครอบคลุมมากกว่า
- ได้ประกันรถยนต์ที่เหมาะกับขนาดเครื่องยนต์
ประกันสำหรับรถตู้ต่างจากประกันรถยนต์อย่างไร?
สำหรับผู้ที่ใช้รถตู้อาจกำลังสงสัยว่า ประกันสำหรับรถตู้นั้นแตกต่างกับประกันภัยรถยนต์ทั่วไปอย่างไร แล้วทำไมจึงควรซื้อประกันรถตู้ อันดับแรกต้องทำความเข้าใจว่าการทำประกันรถยนต์ทั้ง 2 ชนิดนั้นให้ความคุ้มครองค่อนข้างใกล้เคียงกัน เนื่องจากการทำประกันรถยนต์คือการที่คุณโอนถ่ายความเสี่ยงที่เกิดจากราคาค่าใช้จ่าย อันเกิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เพื่อที่บริษัทฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบความเสี่ยงนั้นแทน แต่ทางบริษัทฯ จะไม่มีการเสนอประกันภัยชั้น 1 ให้แก่รถตู้ เนื่องจากรถตู้เป็นรถยนต์ประเภทที่มีราคาแพง ค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดความเสียหายจึงค่อนข้างสูง
ค่าเสียหายส่วนแรก คืออะไร?
ค่าเสียหายส่วนแรก คือ เงินที่ผู้เอาประกันต้องยอมจ่ายหรือสมัครใจจ่ายเองส่วนหนึ่ง ในกรณีเกิดอุบัติเหตุแล้วเป็นฝ่ายผิด หรือไม่สามารถระบุสาเหตุในการเกิดอุบัติเหตุที่ชัดเจน แบ่งเป็น 2 รูปแบบได้แก่
- ค่าเอ็กเซส (Excess) คือ ค่าเสียหายส่วนแรกที่ผู้เอาประกันต้องจ่าย หากเกิดเหตุที่ไม่สามารถหาสาเหตุ หรือ ระบุคู่กรณีชัดเจนได้
- ค่าดีดักทิเบิ้ล (Deductible) คือ ค่าเสียหายส่วนแรก ที่ผู้เอาประกันยอมจ่ายเองโดยสมัครใจ ตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงไว้กับประกันรถยนต์ เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ตนเป็นฝ่ายผิดหรือระบุคู่กรณีไม่ได้