

รถยนต์ฮอนด้าซิตี้ (Honda City)
ประวัติความเป็นมาของรุ่นรถยนต์ฮอนด้าซิตี้ (Honda City)
รถยนต์ฮอนด้าซิตี้เป็นหนึ่งในรถยนต์ยอดนิยมจากบริษัท Honda ที่มีประวัติยาวนานและนวัตกรรมอันหลากหลาย โดยรุ่นแรกของ Honda City นั้นได้มีการเปิดตัวเมื่อปี 1981 และด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดีไซน์ที่มีความเรียบหรู และสะดุดตา จึงทำให้ Honda City ได้กลายเป็นรถยนต์ที่มีภาพจำที่มีความหรูหรา และได้รับความนิยมในตลาดรถยนต์ทั่วโลก
เนื่องด้วยกระแสตอบรับเชิงบวกตั้งแต่การเปิดตัวรุ่นแรกของ Honda City สู้ตลาด ทำให้เวลาต่อมาบริษัทฮอนด้า ได้มีการพัฒนารูปลักษณ์รวมถึงนวัตกรรมสมัยใหม่ต่าง ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในท้องตลาดมากยิ่งขึ้นในทุก ๆ ปี ทำให้ปัจจุบันนั้น Honda City ถือเป็นรถยนต์ที่ครองตลาดยานยนต์ได้อย่างเหนียวแน่น และเป็นรถยนต์รุ่นแรก ๆ ที่ถูกนึกถึงและนำมาเป็นตัวเลือกในการพิจารณาหากผู้ใช้งานต้องการซื้อรถยนต์คันใหม่สักคัน
ปัจจุบันนั้นรุ่นล่าสุดของ Honda City ได้มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยอันทรงพลัง และการออกแบบที่สวยงามทั้งภายในและภายนอก อีกทั้งรถยนต์ Honda City นี้ยังเน้นประสิทธิภาพในการอนุรักษ์เชิงสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้กำลังจากเครื่องยนต์ที่เป็นเทคโนโลยีล้ำหน้าช่วยลดการใช้น้ำมัน และมีระบบควบคุมอัจฉริยะรวมถึงเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ถือเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของ Honda City ในปัจจุบัน
กล่าวได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของดีไซน์ที่มีความสวยงาม การมอบประสบการณ์ขับขี่ที่สะดวกสบาย เทคโนโลยี รวมถึงนวัตกรรมการรักษาความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่ทันสมัย รถยนต์ Honda City ก็สามารถทำได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ทางแบรนด์ Honda ก็ยังคงมีปณิธานที่แน่วแน่ว่าจะไม่หยุดพัฒนาและปรับปรุงรถยนต์ Honda City เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกคนอย่างเหนือชั้นในอนาคตต่อไปอย่างยาวนาน
ราคาของรถยนต์ฮอนด้าซิตี้ (Honda City)
ราคาของรถยนต์ Honda City จะขึ้นอยู่กับรุ่นและสิ่งอำนวยความสะดวกที่มากับตัวรถ โดยราคาเริ่มต้นของรุ่นพื้นฐานนั้นจะมีราคาที่สามารถจับต้องได้เนื่องจากมีราคาไม่สูงมากนัก ในขณะเดียวกันราคา Honda City รุ่นที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเช่น City E:HEV RS ก็จะสูงขึ้นตามลำดับ กล่าวได้ว่าราคาของรถยนต์ Honda City ตัวเริ่มต้นนั้นอาจมีความแตกต่างกับรุ่นสูงสุดหรือตัวท็อปค่อนข้างมาก เนื่องจากคุณสมบัติและเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้นอย่างมากนั่นเอง
ด้วยความแตกต่างทางด้านราคาของฮอนด้าซิตี้แต่ละรุ่นเหล่านี้ ถือเป็นข้อดีที่ทำให้ผู้ใช้งานจะได้มีโอกาสในการเลือกซื้อรถยนต์ฮอนด้าซิตี้รุ่นที่ต้องการทั้งในด้านสิ่งอำนวยความสะดวก สมรรถนะ และราคา ที่เหมาะสมต่อจุดประสงค์การใช้งานและงบประมาณที่มีอยู่ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นหากคุณกำลังมองหารถยนต์ที่มีรูปลักษณ์หรูหรา สมรรถภาพในการขับขี่ดีเยี่ยม และคุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล อีกทั้งยังมีตัวเลือกให้ค่อนข้างหลากหลาย ก็สามารถลองพิจารณาฮอนด้าซิตี้รุ่นต่าง ๆ กันดูได้ และสำหรับใครที่สงสัยว่า Honda City มีกี่รุ่นนั้น ก็สามารถดูรายละเอียดรุ่นและราคาเริ่มต้นตามที่ แรบบิท แคร์ ได้รวบรวมมาให้ได้เลย
ฮอนด้าซิตี้ Honda City ราคาแต่ละรุ่น
รุ่นรถ | ราคาแต่ละรุ่น |
V | ราคาเริ่มต้น 629,000 บาท* |
SV | ราคาเริ่มต้น 679,000 บาท* |
RS | ราคาเริ่มต้น 749,000 บาท* |
e:HEV SV | ราคาเริ่มต้น 769,000 บาท* |
e:HEV RS | ราคาเริ่มต้น 839,000 บาท* |
ข้อมูลราคารถยนต์ฮอนด้าซิตี้ (Honda City) จากเว็บไซต์ Honda เมื่อวันที่ 22/10/66
เครื่องยนต์และสมรรถนะรถฮอนด้าซิตี้
รถยนต์ฮอนด้าซิตี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ เครื่องยนต์สามารถให้กำลังขับเคลื่อนที่ดีสำหรับการใช้งานในเมืองหรือในทางหลวง โดยเครื่องยนต์รุ่นสูงสุดของ Honda City มีขนาดเครื่องยนต์ที่สูงถึง 1,498 ซีซี และมีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยเช่นระบบ VTEC ที่ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างเสถียรและประหยัดน้ำมัน
นอกจากนี้รถยนต์ฮอนด้าซิตี้ยังสามารถให้กำลังขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวกสบาย มีนวัตกรรมอำนวยความสะดวกมากมาย ทำให้คุณสามารถนำรถไปออกทริปท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดหรือใช้ในการเดินทางระยะทางยาวได้อย่างสะดวกและราบรื่นนั่นเอง
รุ่น | ขนาดเครื่องยนต์ (ซีซี) | กำลังขับเคลื่อน (แรงม้า) | แรงบิด (นิวตันเมตร) |
V | ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) 3 สูบ 12 วาล์ว VTEC TURBO 988 ซีซี | 122 แรงม้า / 5,500 รอบต่อนาที | 173 นิวตัน-เมตร / 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที |
SV | ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) 3 สูบ 12 วาล์ว VTEC TURBO 988 ซีซี | 122 แรงม้า / 5,500 รอบต่อนาที | 173 นิวตัน-เมตร / 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที |
RS | ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) 3 สูบ 12 วาล์ว VTEC TURBO 988 ซีซี | 122 แรงม้า / 5,500 รอบต่อนาที | 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที |
e:HEV SV | ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) 4 สูบ 16 วาล์ว i-VTEC 1,498 ซีซี | 98 แรงม้า / 5,600-6,400 รอบต่อนาที | 127 นิวตัน-เมตร / 4,500 - 5,000 รอบต่อนาที |
e:HEV RS | Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 1,498 CC | 98 แรงม้า / 3,500 - 8,000 รอบต่อนาที | 253 นิวตัน-เมตร / 0 - 3,000 รอบต่อนาที |
จุดเด่นดีไซน์รถฮอนด้าซิตี้
รถยนต์ Honda City มีดีไซน์ที่ค่อนข้างสปอร์ตและทันสมัย ตอบโจทย์ความชอบและไลฟ์สไตล์ของคนสมัยใหม่ ด้วยการตกแต่งและขอบสีคาดเครื่องยนต์ที่ทันสมัย ตัวรถออกแบบให้มีความคมชัดดูโฉบเฉี่ยว มีไฟหน้ารถแบบ LED ที่ช่วยเติมเต็มดีไซน์ให้ดูสมบูรณ์และสร้างความหรูหรา ล้อแม็กขนาดใหญ่ ให้รายละเอียดที่ทันสมัยและสวยงาม ถือเป็นรถที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการสัมผัสกับสไตล์สปอร์ตยุคใหม่และผู้ที่ชื่นชอบความทะมัดทะแมง
ภายในห้องโดยสารของ Honda City กว้างขวาง มาพร้อมกับที่นั่งที่ออกแบบให้สะดวกสบายสมกับการขับขี่ทั้งในเส้นทางระยะสั้น และการเดินทางในระยะยาว
รีวิว รถยนต์ฮอนด้าซิตี้ Honda City ดีไหม
ข้อดี | ข้อเสีย |
ดีไซน์สปอร์ตและสวยงาม | ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาค่อนข้างสูง |
สะดวกสบายในการขับขี่ | ราคาค่อนข้างสูง |
ห้องโดยสารกว้างขวาง |
ประกันรถยนต์ Honda City และคู่มือเลือกประกันฉบับสมบูรณ์ เพื่อความคุ้มครองที่ใช่สำหรับคุณ
Honda City คือรถยนต์ยอดนิยมที่ครองใจคนไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย ประหยัดน้ำมัน และสมรรถนะที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ทำให้ City กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของผู้ที่กำลังมองหารถยนต์นั่งขนาดเล็ก แต่เมื่อพูดถึงการดูแลรักษารถยนต์ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการทำประกันภัยรถยนต์ ซึ่งจะช่วยคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน
การเลือก ประกัน Honda City ที่เหมาะสม ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด เพียงแค่ทำความเข้าใจประเภทของประกัน ความคุ้มครองที่ได้รับ และเปรียบเทียบราคาจากบริษัทประกันภัยต่าง ๆ เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับคุณและรถยนต์ Honda City คู่ใจของคุณ
และบทความ จาก แรบบิท แคร์ นี้จะเจาะลึกทุกเรื่องที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ ประกันรถยนต์ Honda City เพื่อให้คุณเลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับความต้องการและงบในกระเป๋าของคุณได้อย่างมั่นใจ
ประกันรถยนต์ Honda City มีกี่ประเภท? เลือกแบบไหนให้เหมาะกับคุณ
ก่อนที่จะตัดสินใจเลือก ประกันรถยนต์ฮอนด้า สักประเภท สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจประเภทของประกันภัยรถยนต์ที่มีอยู่ในตลาด ซึ่งแต่ละประเภทจะให้ความคุ้มครองที่แตกต่างกันไป ดังนี้
- ประกันชั้น 1 เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายต่อตัวรถยนต์จากอุบัติเหตุ (ทั้งที่มีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี) รถหาย ไฟไหม้ ภัยธรรมชาติ รวมถึงความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองสูงสุดและไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงใด ๆ ทั้งสิ้น ประกันชั้น 1 ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับรถใหม่ หรือผู้ที่ต้องการความอุ่นใจสูงสุด เพราะครอบคลุมความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้แทบทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุเล็กน้อย ไปจนถึงความเสียหายร้ายแรง
- ประกันชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองคล้ายกับประกันชั้น 1 แต่จะคุ้มครองเฉพาะกรณีรถชนกับยานพาหนะทางบกที่มีคู่กรณีเท่านั้น นอกจากนี้ยังคุ้มครองรถหาย ไฟไหม้ และความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก เหมาะสำหรับผู้ที่ขับรถอย่างระมัดระวัง และต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกัน ประกันชั้น 2+ เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มั่นใจในทักษะการขับขี่ของตนเอง และต้องการลดค่าใช้จ่ายในการทำประกัน โดยยังคงได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมในระดับหนึ่ง
- ประกันชั้น 3+ ให้ความคุ้มครองที่จำกัดกว่าประกันชั้น 2+ โดยจะคุ้มครองเฉพาะกรณีรถชนกับยานพาหนะทางบกที่มีคู่กรณี และความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอกเท่านั้น ไม่คุ้มครองรถหายและไฟไหม้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกันมากที่สุด และยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ประกันชั้น 3+ เป็นตัวเลือกที่ประหยัดที่สุด แต่ก็มาพร้อมกับความคุ้มครองที่จำกัด หากคุณมั่นใจว่าสามารถดูแลรักษารถยนต์ได้เป็นอย่างดี และไม่ต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากนัก ประกันชั้น 3+ อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
- ประกันชั้น 3 เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองน้อยที่สุด โดยจะคุ้มครองเฉพาะความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอกเท่านั้น ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำประกันตามกฎหมายเท่านั้น และยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด ประกันชั้น 3 เป็นตัวเลือกที่ถูกที่สุด แต่ก็แทบจะไม่มีประโยชน์ในกรณีที่รถของคุณได้รับความเสียหาย ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้เลือกประกันประเภทนี้ ยกเว้นในกรณีที่คุณต้องการทำประกันเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมายเท่านั้น
ตารางเปรียบเทียบความคุ้มครองของประกันรถยนต์แต่ละประเภท
ความคุ้มครอง | ประกันชั้น 1 | ประกันชั้น 2+ | ประกันชั้น 3+ | ประกันชั้น 3 |
ความเสียหายต่อตัวรถ (มีคู่กรณี) | ✅ | ✅ | ✅ | ❌ |
ความเสียหายต่อตัวรถ (ไม่มีคู่กรณี) | ✅ | ❌ | ❌ | ❌ |
รถหาย | ✅ | ✅ | ❌ | ❌ |
ไฟไหม้ | ✅ | ✅ | ❌ | ❌ |
ความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
ประกันชั้น 1 Honda City ราคาเท่าไร? ปัจจัยที่ส่งผลต่อเบี้ยประกัน
ประกันชั้น 1 Honda City จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่
- รุ่นและปีของรถยนต์ : รถยนต์รุ่นใหม่และมีราคาสูงกว่า มักจะมีค่าเบี้ยประกันที่สูงกว่า
- ประวัติการขับขี่ : ผู้ที่มีประวัติการขับขี่ดี ไม่มีอุบัติเหตุ จะได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกัน
- อายุของผู้ขับขี่ : ผู้ขับขี่ที่มีอายุน้อยกว่า มักจะมีค่าเบี้ยประกันที่สูงกว่า เนื่องจากมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากกว่า
- บริษัทประกันภัย : แต่ละบริษัทประกันภัยจะมีอัตราเบี้ยประกันที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรเปรียบเทียบราคาจากหลายๆ บริษัทก่อนตัดสินใจ
- ทุนประกัน : ทุนประกันที่สูงขึ้น จะส่งผลให้ค่าเบี้ยประกันสูงขึ้นตามไปด้วย
โดยทั่วไปแล้ว Honda City ประกันชั้น 1 ของ แรบบิท แคร์ จะมีราคาเริ่มต้นประมาณ 7,500 บาท สำหรับประกัน Honda City แบบซ่อมอู่พร้อมมีค่าเสียหายส่วนแรก 3,000 บาท จาก ไทยวิวัฒน์ประกันภัย พร้อมแพ็คเกจประกัน Honda City ที่ไม่มีค่าเสียหายส่วนแรกราคา 11,900 บาท จาก Jaymart และแพ็คเกจราคา 19,600 บาท สำหรับประกัน Honda City แบบซ่อมศูนย์จาก AXA
ทั้งนี้ปัจจัยด้านราคาจะขึ้นอยู่กับปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อให้ได้ราคาที่แม่นยำที่สุด ควรติดต่อ แรบบิท แคร์ โดยตรง และให้ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์และผู้ขับขี่
ประกันศูนย์ฮอนด้ากี่ปี? ทำไมต้องเลือกประกันภัยรถยนต์กับศูนย์บริการ?
โดยทั่วไปแล้ว รถยนต์ Honda จะมีระยะเวลาการรับประกันจากศูนย์บริการ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน) ทั้งนี้ประกันศูนย์ฮอนด้า หรือที่เรียกกันว่า "การรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่" (New Car Warranty) นั้น ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากความบกพร่องในการผลิต หรือความผิดพลาดของวัสดุที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ โดยมีรายละเอียดดังนี้
สิ่งที่ประกันศูนย์ฮอนด้าครอบคลุม
- ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่าง ๆ ของรถยนต์ : ครอบคลุมชิ้นส่วนและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ติดตั้งมาจากโรงงาน รวมถึงเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ระบบเบรก ระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ และส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ระบุไว้ในคู่มือการรับประกัน
- ความบกพร่องในการผลิต : ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากความบกพร่องในการผลิต หรือความผิดพลาดของวัสดุที่ใช้ในการผลิต เช่น เครื่องยนต์มีปัญหา ระบบไฟฟ้าขัดข้อง หรือสีรถยนต์ลอกร่อนก่อนกำหนด
- ค่าแรงในการซ่อม : ครอบคลุมค่าแรงในการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนที่อยู่ภายใต้การรับประกัน
สิ่งที่ประกันศูนย์ฮอนด้า ไม่ ครอบคลุม
- การสึกหรอตามอายุการใช้งาน : ไม่ครอบคลุมการสึกหรอตามปกติของชิ้นส่วนต่างๆ เช่น ผ้าเบรก ยางรถยนต์ น้ำมันเครื่อง ไส้กรองต่าง ๆ หรือแบตเตอรี่ (อาจมีข้อยกเว้นสำหรับแบตเตอรี่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง)
- ความเสียหายจากอุบัติเหตุ : ไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุ การชน การพลิกคว่ำ หรือภัยธรรมชาติ
- การดัดแปลงหรือติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม : ไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากการดัดแปลงรถยนต์ หรือการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก Honda
- การใช้งานผิดประเภท : ไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานรถยนต์ผิดประเภท เช่น การบรรทุกน้ำหนักเกินกำหนด หรือการขับรถในสภาพถนนที่ไม่เหมาะสม
- การละเลยการบำรุงรักษา : ไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากการละเลยการบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะที่กำหนดในคู่มือ
- ความเสียหายจากปัจจัยภายนอก : ไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น ความเสียหายจากสารเคมี ฝุ่นละออง หรือการโจรกรรม
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
- เพื่อให้ประกันมีผลสมบูรณ์ คุณควรนำรถยนต์เข้ารับการบำรุงรักษาตามระยะที่ศูนย์บริการ Honda กำหนด
- หากคุณทำการซ่อมแซมรถยนต์ที่อู่อื่นที่ไม่ใช่ศูนย์บริการ Honda การรับประกันอาจถูกยกเลิก
- ควรอ่านคู่มือการรับประกันอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจขอบเขตความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นต่าง ๆ
หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรับประกันคุณภาพรถยนต์ Honda ของคุณ ควรติดต่อศูนย์บริการ Honda ใกล้บ้าน เพื่อขอข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันที่สุด
เลือกประกันรถยนต์ Honda City อย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด?
เพื่อให้การเลือก ประกันรถยนต์ Honda City ของคุณคุ้มค่ามากที่สุด ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- ความต้องการและความเสี่ยง : พิจารณาว่าคุณต้องการความคุ้มครองมากน้อยแค่ไหน และคุณมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากน้อยเพียงใด หากคุณเป็นผู้ที่ขับรถอย่างระมัดระวัง และไม่ค่อยได้ใช้รถยนต์ การเลือกประกันชั้น 2+ หรือ 3+ อาจเพียงพอ แต่หากคุณต้องการความคุ้มครองสูงสุด และไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงใด ๆ ทั้งสิ้น การเลือกประกันชั้น 1 จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
- งบประมาณ : กำหนดงบประมาณที่คุณสามารถจ่ายได้สำหรับค่าเบี้ยประกัน และเลือกแผนประกันที่อยู่ในงบประมาณของคุณ
- เปรียบเทียบราคาและความคุ้มครอง : เปรียบเทียบราคาและความคุ้มครองจากบริษัทประกันภัยต่าง ๆ เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
- อ่านรายละเอียดกรมธรรม์ : อ่านรายละเอียดกรมธรรม์อย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นต่าง ๆ
การเลือก ประกัน Honda City ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณได้รับการคุ้มครองที่ครอบคลุมและคุ้มค่าที่สุด ควรพิจารณาประเภทของประกัน ความคุ้มครองที่ได้รับ ปัจจัยที่ส่งผลต่อเบี้ยประกัน และเปรียบเทียบราคาจากบริษัทประกันภัยต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้คุณได้แผนประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการและงบประมาณของคุณได้อย่างลงตัว
หากคุณกำลังมองหาประกันรถยนต์ Honda City ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ แรบบิท แคร์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านประกันรถยนต์ที่พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยคุณเลือกแผนประกันที่ตรงใจได้สะดวก พร้อมการคุ้มครองครอบคลุมทุกความต้องการ พร้อมบริการฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง จากทีมงานมืออาชีพ และโปรโมชั่นพิเศษมากมาย ติดต่อแรบบิท แคร์วันนี้ เพื่อรับข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
ประกันรถยนต์แต่ละประเภท
คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย
รถยนต์ฮอนด้าซิตี้ (Honda City) ควรทำประกันชั้นไหนดี?
สำหรับเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าซิตี้ที่กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะต้องซื้อประกันรถยนต์ชั้นไหนดี แรบบิท แคร์ ขอแนะนำว่าหากคุณถอยรถยนต์ฮอนด้าซิตี้คันใหม่ป้ายแดงออกมา ก็ควรที่จะตัดสินใจซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 ซึ่งถือเป็นแผนประกันที่มีความคุ้มค่า และมีความโดดเด่นในเรื่องของการดูแลครอบคลุมในทุกสถานการณ์ เพราะแม้ว่าฮอนด้าซิตี้นั้นจะเป็นรถยนต์ที่เน้นการใช้งานในเมืองและวิ่งบนทางหลวง ไม่ได้ใช้ในพื้นที่เสี่ยงหรือขับบนท้องถนนที่มีความสมบุกสมบันก็ตามแต่ ทว่าการใช้รถยนต์ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นและแออัด ก็มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุน้อย-ใหญ่ที่สูงมาก และแม้จะเป็นอุบัติเหตุเล็กน้อย ก็อาจทำให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมค่อนข้างสูงมาก จึงควรเลือกแผนประกันที่ครอบคลุม คุ้มค่า ป้องกันสถานการณ์ค่าใช้จ่ายบานปลายที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตนั่นเอง
ซื้อประกันรถยนต์ฮอนด้าซิตี้ผ่าน แรบบิท แคร์ จะได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?
คำถามยอดฮิตที่หลายคนอาจกำลังสงสัย อยากเช็คเบี้ยประกันรถยนต์และซื้อประกันรถยนต์ให้รถของตนเอง ทำไมต้องเลือกซื้อกับ แรบบิท แคร์ หากเลือกซื้อประกัน กับ แรบบิท แคร์ จะได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง ลองมาอ่านรายละเอียดด้านล่างดูกันได้เลย
- แรบบิท แคร์ มีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญที่มีความใส่ใจอย่างมากในการสแตนบายคอยให้บริการ และมอบคำแนะนำให้คำปรึกษาแก่ผู้ใช้บริการทุกคนเพื่อให้ได้แผนประกันที่เหมาะสมกับความต้องการและมีความคุ้มค่ามากที่สุด
- แรบบิท แคร์ มีพันธมิตรบริษัทประกันภัยมากกว่า 30 บริษัท ทำให้สามารถเปรียบเทียบแผนประกันภัยจากหลายบริษัทชั้นนำทั่วประเทศได้อย่างรวดเร็วสะดวกสบาย ได้แผนประกันภัยที่ตรงกับความต้องการและเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด
- เลือกซื้อประกันกับ แรบบิท แคร์ มีความคุ้มค่า เพราะนอกจากจะมีโปรโมชันดี ๆ อยู่เสมอ ยังมีส่วนลดต่าง ๆ และสิทธิประโยชน์ที่จะทำให้คุณรู้สึกคุ้มค่า
- ซื้อประกัน กับ แรบบิท แคร์ สามารถผ่อนชำระค่าเบี้ยประกันได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่อยากจ่ายเงินก้อนใหญ่ หรือยังไม่พร้อมด้านค่าใช้จ่ายแต่ต้องการซื้อประกัน
- มีบริการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์สุดวิสัยในเวลาไหน ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องรับมือกับปัญหาอย่างเดียวดาย แรบบิท แคร์ พร้อมช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง
- สามารถเลือกซื้อประกันออนไลน์ได้ สำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดทางด้านเวลา ไม่สะดวกในการเข้าไปเลือกซื้อแผนประกันยังบริษัทประกัน สามารถรับคำแนะนำและเลือกซื้อแผนประกันออนไลน์ได้เลย