Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
info

💙 แจก Starbuck Voucher มูลค่า 800 บาทฟรี! เพียงเปิดบัญชี Webull ผ่านช่องทางของ Rabbit Care สนใจ คลิก! 💙

user profile image
เขียนโดยTawan A.วันที่เผยแพร่: Jun 05, 2024

โช๊ครถยนต์ควรเลือกแบบไหน ให้ปลอดภัยเหมาะกับการใช้งาน

เจาะกันลึกเน้นๆ เรื่อง “โช๊ครถยนต์” หรือ ที่เรามักได้ยินคนเรียกสั้น ๆ กันจนชินหูแล้วว่า “โช๊ครถยนต์” โดยจะมีทั้งโช๊คหน้ารถยนต์ และโช๊คหลังอุปกรณ์ชิ้นนี้มีหน้าที่ที่สำคัญมากในรถยนต์ทุกคันที่ถ้าหากปล่อยให้ชำรุดเสียหายก็อาจส่งผลให้เกิดอันตรายในการขับขี่รถยนต์บนท้องถนนได้ ไม่ใช่แค่อันตรายกับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร แต่อาจรวมไปถึงผู้ใช้ถนนคนอื่นๆ ด้วย

แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า โช๊คอัพ ทําหน้าที่อะไร และควรเลือกโช๊ครถยนต์ ยี่ห้อไหนดี และ โช๊ครถยนต์ ราคาเท่าไหร่ดี โช๊ครถยนต์ ราคาถูก กับ โช๊ครถยนต์ ราคาแพงต่างกันแค่ไหน บทความนี้จะช่วยเคลียร์ให้กระจ่างทุกคำถามค้างคาใจ

โช๊คอัพ ทําหน้าที่อะไรในรถยนต์?

  • โช๊ครถยนต์ (Shock Absorber) มีอยู่ทั้งแบบโช๊คหน้ารถยนต์และโช๊คหลัง เป็นอุปกรณ์ของระบบช่วงล่างรถยนต์ที่ช่วยในการดูดซับแรงกระแทก ลดความโคลงเคลงของตัวรถ ทำให้รถทรงตัวดี และลดแรงสั่นสะเทือนเมื่อรถวิ่งอยู่บนถนนที่ไม่เรียบ โดยเฉพาะกับถนนที่มีความเป็นหลุมบ่อหรือมีลูกระนาด โช๊คอัพ ทำหน้าที่หน่วงการเคลื่อนที่ขึ้นลงของตัวถังรถยนต์เพื่อให้ไม่ให้ล้อหลุดจากการยึดเกาะถนนจนทำให้รถเสียการควบคุมได้ง่าย หลายคนมักถามถึงการเลือกโช๊ครถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ที่เหมาะสมกับรถยนต์และอุปนิสัยการใช้รถของแต่ละคน ซึ่งถ้าสามารถตอบคำถามตัวเองว่าโช๊ครถยนต์ ยี่ห้อไหนดีได้ถูกต้องจะทำให้การขับขี่นั้นนุ่มนวลและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

  • การทำงานของโช๊ครถยนต์ จะทำงานโดยจำกัดการหดและคลายตัวของสปริงรถร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ คือ ลูกสูบ สปริง และแหนบ ส่วนหูด้านบนของโช๊ครถยนต์จะเชื่อมกับกระบอกลูกสูบ เมื่อรถยนต์เกิดการขยับขึ้นลงจากการวิ่งบนถนนที่ไม่เรียบ สปริงและแหนบจะหดและคลายตัวเกิดเป็นพลังงานส่งให้ลูกสูบในกระบอกโช๊คขยับขึ้นลง และถ้าถามว่า โช๊คอัพ ทําหน้าที่อะไร โช๊คอัพ ทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานจลน์ส่วนเกินจากสปริงเป็นพลังงานความร้อนแล้วใช้น้ำมันไฮดรอลิกที่อยู่ในกระบอกเป็นตัวทำให้ความร้อนนั้นสลายไป เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการใช้น้ำมันในกระบอกรับแรงกระแทกระหว่างตัวรถและล้อรถเพื่อลดความเสียหาย ทำให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างราบรื่น ทั้งโช๊คหน้ารถยนต์และโช๊คหลัง

  • ความแตกต่างระหว่างโช๊ครถยนต์กับสตรัท อะไหล่ทั้งสองอย่างนี้แม้จะดูคล้ายกันในสายตาของใครหลายคน แต่ถ้าถามว่าแท้จริงแล้วโช๊คอัพ ทําหน้าที่อะไรที่แตกต่างกัน นั่นคือ โช๊คอัพรถยนต์กระบอกถูกออกแบบมาเพื่อดูดซับแรงกระแทก ในขณะที่สตรัทถูกออกแบบมาเพื่อรับน้ำหนักและควบคุมสมดุลสำหรับรถที่มีน้ำหนักบรรทุกค่อนข้างมาก โดยในรถยนต์อาจจะมีอะไหล่ทั้งสองชนิดหรือแค่ชนิดเดียวก็ได้ขึ้นอยู่กับการใช้งาน ซึ่งถ้าเลือกใช้สตรัทอย่างเดียวก็จะไม่ต้องคิดเลยว่าจะเลือกโช๊ครถยนต์ ยี่ห้อไหนดี

ส่วนการเลือกโช๊ครถยนต์ ยี่ห้อไหนดี และ โช๊ครถยนต์ ราคาเท่าไหร่ดีจะมีรายละเอียดให้ศึกษาต่อด้านล่าง

ประเภทของโช๊ครถยนต์

แบ่งตามโครงสร้างกระบอก


1) โช๊ครถยนต์กระบอกเดี่ยว (Mono Tube) เป็นการจำกัดการทำงานทั้งหมดของโช๊คอัพไว้ในในกระบอกเดียวทั้งโช๊คหน้ารถยนต์และโช๊คหลัง ซึ่งจะใช้การทำงานในระบบน้ำมัน แก๊สไนโตรเจน และวาล์วลูกสูบ โดยลูกสูบจะเป็นตัวกั้นห้องน้ำมันให้อยู่ด้านบนและแก๊สให้อยู่ด้านล่างแยกจากกัน เมื่อโช๊คอัพหดตัวลูกสูบก็จะดันน้ำมันลงมาและจะทำให้เกิดแรงดันในห้องแก๊สที่ด้านล่างดันลูกสูบให้กลับขึ้นไป ทำให้น้ำมันเกิดความหนืด ทำให้โช๊คอัพ ทําหน้าที่อะไรที่ดูดซับแรงกระแทกแก่รถยนต์ได้ดี

  • ข้อดี คือ ทำงานได้ดีในทุกอุณหภูมิเพราะระบายความร้อนจากภายในตัวโช๊ครถยนต์ได้ดี จุน้ำมันได้มากกว่าทำให้โช๊ครถยนต์ทำงานได้มั่นคง อากาศเข้าไปเจือปนกับน้ำมันได้ยากทำให้น้ำมันไม่เสื่อมสภาพเร็ว ข้อสำคัญ คือ สามารถสร้างแรงหนืดได้เสถียรกว่า เหมาะกับรถยนต์ที่มีการสั่นสะเทือนนาน ๆ หรือ เน้นการขับขี่ที่ใช้ความเร็ว เช่น รถแข่ง
  • ข้อด้อย คือ ราคาแพง อีกทั้งยังเป็นโครงสร้างชั้นเดียวไม่มีเกราะหุ้มและมีแรงดันแก๊สภายในกระบอกค่อนข้างสูง ทำให้มีความกระด้างในการขับขี่ ซีลภายนอกแตกง่าย เกิดโช๊ครถยนต์ชำรุดเสียหายได้ง่าย

2) โช๊ครถยนต์กระบอกคู่ (Twin Tube) มีกระบอกโช๊ครถยนต์ 2 ชั้นซ้อนกันเพื่อแยกน้ำมันและแก๊สออกจากกันโดยสิ้นเชิง ห้องด้านนอกจะเป็นห้องแก๊สไนโตรเจน ส่วนห้องด้านในเป็นเป็นห้องน้ำมัน โดยจะมีลูกสูบอยู่ในกระบอกสูบน้ำมันเท่านั้น เมื่อรถมีการสั่นสะเทือนขึ้นลง ลูกสูบจะปั๊มให้น้ำมันโช๊คขยับจนไหลลงมาผ่านวาล์วลูกสูบไปยังไปห้องแก๊ส ช่วยสร้างความหนืดดูดซับแรงกระแทกให้รถยนต์

  • ข้อดี คือ ราคาถูก อีกทั้งยังแตกยาก เพราะมีเกราะหุ้มป้องกันความเสียหายจากภายนอกและแรงดันแก๊สภายในกระบอกสูบน้อยกว่า ช่วยให้ขับขี่ได้นิ่มนวลกว่าด้วย จึงเหมาะกับรถยนต์ที่ใช้ขับขี่ทั่วไป
  • ข้อด้อย คือ ติดตั้งยากกว่า น้ำมันเกิดฟองได้ง่าย ทำให้น้ำมันเสื่อมสภาพเร็ว ลดประสิทธิภาพในการทำงานของโช๊คลง

แบ่งตามคุณสมบัติ


  • โช๊ครถยนต์น้ำมัน เป็นโช๊คอัพ ทําหน้าที่อะไรก็ตามด้วยน้ำมันไฮดรอลิกเพียงอย่างเดียว ปรับได้ 3 ระดับ จากความเร็วต่ำ ความเร็วปกติ ไปจนถึงความเร็วสูง หลักการทำงานคือให้น้ำมันไหลผ่านวาล์วภายในลูกสูบจนเกิดความหนืด แต่ก็จะน้ำมันจะมีฟองอากาศมากทำให้สะสมความร้อน น้ำมันเสื่อมเร็ว เหมาะกับรถที่ใช้งานทั่วไปและไม่มีการสั่นสะเทือนนาน ๆ
  • โช๊คอัพแก๊ส (Gas Charged) ใช้ทำงานร่วมกันระหว่างแก๊สไนโตรเจนและน้ำมันไฮดรอลิกโดยสามารถใช้ได้ทั้งระบบกระบอกสูบคู่และกระบอกสูบเดี่ยวตามความเหมาะสมของการใช้งาน
  • โช๊คอัพแก๊ส PSD (Position Sensitive Damping) เป็นระบบเสริมเทคโนโลยี PSD สำหรับโช๊คกระบอกคู่ โดยเพิ่มร่องเข้าไปในท่อแรงดัน ร่ช่วยให้ลูกสูบเคลื่อนที่ได้อิสระในช่วงที่ไม่มีการสั่นสะเทือน แต่จะตอบสนองต่อการเปลี่ยนพื้นผิวที่ผิดปกติได้ดีขึ้น
  • โช๊ครถยนต์แก๊ส ASD (Acceleration Sensitive Damping) เป็นระบบเสริมเทคโนโลยี ASD ที่ออกแบบใหม่ให้โช๊ครถยนต์ทำงานในกลับไปกลับมา (Close loop system) ทำให้น้ำมันไหลผ่านรอบวาล์ว ทำให้รับรู้แรงกระแทกแบบกะทันหันและสามารถดูดซับแรงกระแทกนั้นได้ในทันที ลดอาการเหวี่ยงกระดอน (Pitch) ในการเบรกเลี้ยวด้วยความเร็วสูง
  • โช๊คพร้อมสปริง (Coil Over) เป็นโช๊ครถยนต์กระบอกคู่ที่มีสปริงในตัว และมีประจุไฟฟ้าภายในสปริง นิยมใช้ในระบบกันสะเทือนด้านหน้าและด้านหลังของรถยนต์ออฟโรด

โช๊คหน้ารถยนต์และโช๊คหลังต่างกันอย่างไร?

โช๊คอัพ ทําหน้าที่อะไรต่างกันระหว่างโช๊คหน้ารถยนต์กับโช๊คหลัง? โดยปกติแล้วรถยนต์รุ่นใหม่ทุกคันในปัจจุบันจะติดตั้งโช๊คหน้ารถยนต์และโช๊คหลังที่ละสองตัว แต่จะแตกต่างกันที่โช๊คหน้าจะเล็กและมีอายุการใช้งานสั้นกว่า เพราะน้ำหนักบรรทุกส่วนใหญ่จะอยู่ที่เครื่องยนต์ด้านหลัง ทำให้โช๊คหลังของรถยนต์ต้องตัวใหญ่และแข็งแรงกว่าเพื่อรับภาระในการสั่นสะเทือนที่มากกว่า ดังนั้น ผู้ผลิตส่วนใหญ่จริงมักใช้โช๊คหน้ารถยนต์แบบรวมสปริงเพื่อเพิ่มความทนทานและยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น

เมื่อจำเป็นต้องเปลี่ยนโช๊ครถยนต์จะต้องเลือกเปลี่ยนเป็นคู่ ทั้งคู่หน้าและคู่หลัง แม้ว่าโช๊คจะชำรุดเพียงแค่ตัวเดียวก็ตาม อย่าเปลี่ยนโช๊คอัพรถยนต์เพียงชิ้นเดียว เพราะอาจทำให้ความสมดุลในการรับแรงกระแทกระหว่างข้างซ้ายและข้างขวาไม่เท่ากัน อาจทำให้รถเสียหลักได้ง่าย ส่วนจะเลือกโช๊ครถยนต์ ยี่ห้อไหนดีจะมีแนะนำต่อไป

เลือกซื้อโช๊ครถยนต์ ยี่ห้อไหนดี และ โช๊ครถยนต์ ราคาเท่าไหร่ดี?

วัสดุที่ใช้ในการผลิตโช๊คอัพ ทําหน้าที่อะไรที่สำคัญมาก โช๊คหน้ารถยนต์และโช๊คหลัง โดยทั่วไปโช๊คอัพจะสร้างจากโลหะผสมระหว่างเหล็กและคาร์บอน โดยโช๊คที่มีปริมาณคาร์บอนเยอะจะยิ่งแข็ง รองรับการกระแทกได้ดีแต่ความยืดหยุ่นและอ่อนตัวจะต่ำกว่ารถที่มีปริมาณคาร์บอนน้อยกว่า ดังนั้นควรจะเลือกให้เหมาะสมกับรถที่ใช้งานหนักและรถยนต์ใช้งานปกติ เพราะคุณภาพและโช๊ครถยนต์ ราคาแต่ละแบบก็จะต่างกันมาก

อย่างที่รู้กันแล้วว่าโช๊คอัพ ทําหน้าที่อะไร เราจึงควรต้องคำนึงถึงระยะการหดและคลายตัว หรือในภาษาช่างจะเรียกกันว่าช่วงชักของโช๊ครถยนต์ ต้องอิงตามยี่ห้อและรุ่นรถยนต์ที่ใช้ โดยระยะยืดสุดต้องไม่สั้นกว่าของเดิม และระยะยุบสุดก็ควรใกล้เคียงกับโช๊คเดิมที่มาจากผู้ผลิตด้วย อีกทั้งยังควรเลือกซื้อหูแบบเดียวกับของเดิม เพราะหูโช๊คอัพรถยนต์ในท้องตลาดจะมีอยู่หลัก ๆ ถึง 5 แบบ ส่วนใหญ่แล้วหูโช๊ครถยนต์ด้านบนกับด้านล่างจะไม่เหมือนกัน หากเลือกมาไม่ถูกก็อาจจะใส่ไม่ได้ หรือถ้ามีขนาดใหญ่เกินไปก็อาจทำให้โช๊คชำรุดเร็วอีกด้วย นอกจากเรื่องนี้ อีกสิ่งที่หลายคนต้องการคำแนะนำก็หนีไม่พ้น คือ จะซื้อโช๊ครถยนต์ ยี่ห้อไหนดี และ โช๊ครถยนต์ ราคาเท่าไหร่ดี โช๊ครถยนต์ ราคาถูก กับ โช๊ครถยนต์ ราคาแพงต่างกันแค่ไหนต้องไปศึกษาด้านล่างนี้ดู ซึ่งใครจะตัดสินใจเลือกโช๊ครถยนต์ ยี่ห้อไหนดีก็แล้วแต่การตัดสินใจ

ราคาและความแตกต่างของโช๊ครถยนต์แต่ละยี่ห้อ


  • Monroe ถือเป็นยี่ห้อโช๊ครถยนต์ยอดนิยมนำเข้าจากออสเตรเลีย มีราคาให้เลือกค่อนข้างหลายระดับแล้วแต่รุ่นรถยนต์จนถึงรถกระบะ โดยราคาจะอยู่ในช่วง 2,000 - 10,000 บาทขึ้นไป จุดเด่น คือ เกาะถนนได้ดีในทุกพื้นผิว มีค่าแรงดันที่ทำงานตอบสนองได้อัตโนมัติ ลดการสั่นสะเทือนและอาการรถเหวี่ยง ช่วยให้ทรงตัวได้ดี
  • Fox แบรนด์โช๊ครถยนต์จากอเมริกาที่เหมาะกับรถยนต์ยกสูง, รถแข่งและกระบะสายลุยที่ต้องการความทนทานสูงไว้ใช้งานหนัก ขับขี่ได้ทั้งในเมืองและนอกเมือง แต่มีราคาที่สูงมากอยู่ในช่วง 10,000 - 100,000 บาทเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดเรื่องความสูงทำให้ไม่สามารถใช้กับรถยนต์บางรุ่นได้
  • Sachs จัดว่าแบรนด์โช๊ครถยนต์นำเข้าของเยอรมันที่เป็นที่นิยมในไทย เพราะคุณภาพค่อนข้างดีและราคาจับต้องได้ โดยมีราคาอยู่ในช่วง 2,500 - 6,000 บาท จุดเด่น คือ ความทนทาน ใช้งานได้นาน เหมาะกับรถขนส่งสินค้าหรือรถที่มีการใช้งานหนัก เพราะทนความเร็วได้ถึง 150 - 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง
  • Bilstein โช๊ครถยนต์อีกหนึ่งยี่ห้อจากเยอรมันที่ยังไม่เป็นที่นิยมนัก เพราะมักใช้อยู่แค่ในสนามแข่ง หรือ ในหมู่คนที่ขับรถยุโรปอย่าง BMW หรือ Mercedes-Benz และมีราคาแพงอยู่ในช่วง 4,000 - 20,000 บาทขึ้นไป โช๊ครถยนต์ยี่ห้อนี้ขึ้นชื่อเรื่องมีประสิทธิภาพสูงในการทรงตัวเกาะถนนเข้าโค้งแล้วไม่เหวี่ยงเมื่อใช้ความเร็ว รวมถึงใช้งานได้ทุกสภาพพื้นผิว
  • Koni โช๊ครถยนต์แบรนด์จากเนเธอร์แลนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพที่คุ้มราคา เพราะมีความทน และคุณสมบัติคล้ายกับ Bilstein รวมถึงราคาใกล้เคียงกันแต่ถูกกว่าอยู่ในช่วง 2,000 – ไม่เกิน 20,000 บาท ทำให้เป็นที่นิยมมากกว่า
  • Kayaba หรือ KYB โช๊ครถยนต์แบรนด์นำเข้าจากญี่ปุ่น ที่คนไทยนิยมใช้มานาน เพราะราคาค่อนข้างย่อมเยาอยู่ในช่วง 590 – 3,500 บาท อีกทั้งยังทนทาน และใช้งานได้นาน อีกทั้งยังมีการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งการยึดเกาะถนนและระบบซีลน้ำมันกันรั่ว

ส่วนประกอบรถยนต์อื่น ๆ

ได้รู้กันไปแล้วว่า โช๊คอัพ ทําหน้าที่อะไร โช๊ครถยนต์ ยี่ห้อไหนดี รวมถึงโช๊ครถยนต์ ราคาเท่าไหร่บ้าง ทั้งโช๊คหลังและโช๊คหน้ารถยนต์ ถ้าเลือกโช๊ครถยนต์ดี เหมาะสมกับรุ่นและการใช้งาน ช่วงล่างก็จะดี ทำให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างนุ่มนวลและปลอดภัยยิ่งขึ้น เช่นเดียวกันกับการเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสไตล์การใช้รถและสถานะทางการเงิน ก็จะยิ่งทำให้ชีวิตง่ายยิ่งขึ้น นึกถึงประกัน ไว้ใจ แรบบิท แคร์ โบรกเกอร์ที่พร้อมตอบโจทย์ชีวิตของทุกคนอย่างลงตัว

ความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา