รถยนต์เกียร์ออโต้คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไรบ้าง?
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ มักเป็นรถเกียร์ออโต้กันหมดแล้ว อย่างที่เราทราบกันเบื้องต้นว่าระบบเกียร์จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนรถยนต์ โดยจะเป็นระบบเกียร์ที่จะปรับเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติตามความเหมาะสมกับความเร็วและน้ำหนักของตัวรถ ทำให้ขับขี่ง่ายเพราะไม่ต้องมาปรับเกียร์เองแบบเกียร์กระปุกสมัยก่อน รถเกียร์ออโต้ในปัจจุบันนั้นจะแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ
เกียร์ออโต้ มีอะไรบ้าง?
- เกียร์ออโต้แบบคอนเวอร์เตอร์ ซึ่งจะใช้ระบบคอนเวอร์เตอร์และน้ำมันในการส่งถ่ายกำลัง โดยระบบดังกล่าวจะขับเคลื่อนโดยสูญเสียกำลังไปมาก ไม่เหมาะสมกับการขับขี่ทำความเร็ว
- เกียร์ออโต้แบบ CVT (Continuously Variable Transmission) ซึ่งจะทำงานโดยเปลี่ยนอัตราทดเกียร์แบบต่อเนื่อง ทำให้เปลี่ยนเกียร์สมูทไม่ติดขัด ทำรอบเครื่องยนต์ได้ดี ทำความเร็วได้ดี และประหยัดน้ำมัน
จุดเด่นของรถยนต์เกียร์ออโต้ มีอะไรบ้าง?
หากเทียบกันแล้วระหว่างรถยนต์เกียร์ออโต้ และเกียร์กระปุก จะพบว่าเกียร์ระบบออโต้นั้นดีกว่ามาก นักขับหลายคนได้ลองใช้แล้วแทบไม่อยากกลับไปขับเกียร์กระปุกกันเลยทีเดียว ซึ่งข้อดีของรถยนต์เกียร์ออโต้มีดังนี้
- 1. เป็นเกียร์ที่ขับขี่ง่ายเหมาะกับมือใหม่ที่เพิ่งออกรถยนต์เป็นคันแรก เพราะเกียร์จะเปลี่ยนให้อัตโนมัติไม่ต้องมาเหยียบคลัตช์เปลี่ยนเกียร์กันเอง
- 2. เหมาะกับขับขี่ในเมือง เพราะการจราจรในเมืองมักติดขัด ติดแยกไฟแดงบ่อย ๆ หากใช้เกียร์กระปุกจะต้องเหยียบคลัตช์ค้างไว้ไม่ให้รถไหล แต่เกียร์ออโต้ก็แค่เข้าที่ตัว N ก็หยุดได้เลยไม่เมื่อยขา
- 3. หมดปัญหาเรื่องรถดับขณะขับขี่ เพราะการเหยียบคลัตช์ของเกียร์กระปุกหากเหยียบผิดจังหวะจะทำให้เครื่องดับได้ แต่ถ้าใช้เกียร์ระบบออโต้จะหมดปัญหาดังกล่าว
- 4. มีเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาให้ใช้งาน เพราะค่ายรถยนต์แต่ละเจ้ามักจะสร้างระบบที่เป็นจุดขายมาคู่กับรถเกียร์ออโต้ เช่น ระบบช่วยออกตัวบนพื้นที่ลาดชัน ระบบกันรถไหล เป็นต้น
แต่ทั้งนี้เกียร์กระปุกก็ยังนับว่ามีข้อดีมากกว่าเกียร์ออโต้คือ การส่งกำลังขับเคลื่อนจะสูญเสียกำลังน้อยกว่า การขับขี่โดยรวมประหยัดน้ำมันมากกว่า ระบบเกียร์ทนทานกว่า ค่าซ่อมถูกกว่า และรถยนต์เกียร์กระปุกราคาถูกว่า
เกียร์ออโต้ กับเกียร์ CVT มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?
เกียร์ CVT มีชื่อเต็มว่า Continuously Variable Transmission เป็นเกียร์แบบแปรผันที่จัดอยู่ในกลุ่มของเกียร์ออโต้ประเภทหนึ่ง แต่ชุดอุปกรณ์จะมีความแตกต่างจากเกียร์ออโต้ทั่วไป เพราะเกียร์ CVT แบบพื้นฐานนั้นไม่มีเฟืองเกียร์ แต่จะประกอบด้วยพูลเลย์ 2 ตัว ตัวแรกจะเรียกว่า พูลเล่ย์ขับ (DRIVE PULLEY) เป็นส่วนที่ต่อกับเครื่องยนต์ และอีกหนึ่งตัวจะเรียกว่าพูลเล่ย์กำลัง (DRIVEN PULLEY) ซึ่งจะต่ออยู่กับเพลา โดยมีสายพานโซ่ที่มีลักษณะการทำงานคล้ายกับจานโซ่จักรยานแบบไม่มีเกียร์ แกนพูลเลย์ทั้ง 2 ตัวของระบบ CVT สามารถขยับถอยเข้า-ออกได้ เพื่อลดหรือเพิ่มขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของวงสายพานแต่ละด้านสำหรับเปลี่ยนแปลงอัตราทดแทนชุดเฟืองเกียร์ในเกียร์อัตโนมัติปกติ ซึ่งเกียร์ชนิดนี้จะเปลี่ยนแปลงการทำงานตามกำลังที่ส่งมาจากเครื่องยนต์ ทำให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความต่อเนื่อง ไหลลื่น ไร้รอยต่อ ส่วนใหญ่เกียร์แบบ CVT จะนิยมนำมาใช้กับรถยนต์ขนาดเล็กและขนาดกลาง
จุดเด่นของเกียร์ CVT
เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การเร่งความเร็วเป็นไปอย่างราบรื่นต่อเนื่องทั้งทางตรงและทางลาดชัน ไม่กระตุก สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างนุ่มนวล ประหยัดเชื้อเพลิง สามารถควบคุมช่วงความเร็วของรถได้อย่างเสถียรช่วยสามารถลดอุบัติเหตุลงได้
ข้อเสียของเกียร์ CVT
ถึงแม้เกียร์แบบ CVT จะมีข้อดีเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็แอบมีข้อเสียอยู่บ้างเช่นกัน ตรงที่เกียร์ CVT จะมีค่าบำรุงรักษาสูงกว่าเกียร์ออโต้ทั่วไป อาจเกิดเสียงดังระหว่างการเร่งความเร็วได้ รวมถึงมีข้อจำกัดในการใช้งานเนื่องจากมีชิ้นส่วนที่น้อย
ระบบเกียร์ CVT ใช้ในรถยนต์รุ่นไหนบ้าง?
ปัจจุบันนี้ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะใช้ระบบเกียร์ประเภทนี้ และมักพบได้น้อยในรถยนต์ยุโรป เทรนด์ของเกียร์ชนิดนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องจากประหยัดน้ำมันมากกว่า ค่ายรถที่นิยมใช้ เช่น Honda, Toyota, Mitsubishi, Nissan, Subaru, รวมถึงรถรุ่น SUV ต่าง ๆ ก็นิยมใช้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามหากเป็นรถยนต์ที่ใช้แรงโหลดหนัก ๆ เช่น รถกระบะ มักจะติดตั้งเกียร์ออโต้หรือเกียร์กระปุกแทน เนื่องจากในอนาคตอาจทำให้เกิดการเสื่อมสภาพหรือสึกหรอได้
เกียร์ CVT มีอายุการใช้งานกี่ปี
ระยะเวลาการใช้งานขึ้นอยู่กับการดูแลเหมือนกับเกียร์ออโต้ และการรักษา หากทำถูกวิธี คุณจะสามารถใช้งานเกียร์ชนิดนี้ได้ในระยะเวลาที่ยาวนานมากกว่าสองแสนกิโลเมตร ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอยู่บ่อย ๆ ทำให้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างดีทีเดียว
ซ่อมเกียร์ CVT ได้ไหม?
หากเป็นแบบสายพานจะไม่สามารถซ่อมบำรุงได้เมื่อเกิดการสึกหรอ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งเส้น อย่างไรก็ตาม คุณจำเป็นต้องตรวจสอบพื้นผิวของตัวพูลเลย์ด้วยว่ามีการสึกหรอหรือไม่ หากมีการสึกหรอ จำเป็นต้องขัดผิวหน้าพูลเลย์ให้เรียบเนียนทุกครั้งก่อนเสมอ
น้ำมันเกียร์ CVT เลือกยี่ห้อไหนดี?
- MOTUL MULTI CVTF
เป็นน้ำมันเกียร์ระบบ CVT สูตรสังเคราะห์ มักใช้กับเกียร์แบบสายพาน ผลิตจากน้ำมันหล่อลื่นที่มีมาตรฐาน มีการส่งกำลังสม่ำเสมอ ช่วยประหยัดน้ำมัน และลดการเกิดสนิม ราคาประมาณ 500 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามผู้ผลิต ผู้ขาย และช่องทางการสั่งซื้อ)
- MOTUL HT CVTF
เป็นน้ำมันเกียร์สูตรสังเคราะห์ รองรับเกียร์ทั้งแบบสายพานและโซ่ มีการต้านการสึกหรอสูงมากทำให้เกียร์มีความทนทานมากยิ่งขึ้น ราคาประมาณ 440 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามผู้ผลิต ผู้ขาย และช่องทางการสั่งซื้อ)
ตำแหน่งเกียร์ออโต้ มีอะไรบ้าง? ต้องเข้าเกียร์อย่างไรให้เหมาะสม
แม้จะเป็นระบบรถเกียร์ออโต้แต่คุณก็ต้องเข้าเกียร์ด้วยเช่นกัน ซึ่งตำแหน่งเกียร์ในแต่ละจุดก็จะแสดงการทำงานที่แตกต่างกันดังนี้
- ตำแหน่ง P (parking) ใช้งานเมื่อมีการนำรถไปจอด ซึ่งจะเป็นการล็อกล้อรถให้หยุดอยู่กับที่ ไม่สามารถขยับได้ หากคุณต้องการจอดรถเป็นเวลานานหรือจอดบนเนินก็ให้ใส่เกียร์ P เพื่อความปลอดภัยและป้องกันรถไหล
- ตำแหน่ง N (Neutral) เป็นตำแหน่งเกียร์ว่าง ใช้งานเมื่อใช้จอดชั่วคราว หรือจอดซ้อนคันให้คนอื่นเข็นรถเราได้
- ตำแหน่ง R (Reverse) เป็นตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง ใช้เพื่อการถอยรถ หรือถอยเข้าซองเพื่อจอด
- ตำแหน่ง D (Drive) เป็นตำแหน่งสำหรับเคลื่อนที่รถยนต์ไปข้างหน้าเพื่อการขับเคลื่อน ไม่ว่าจะเคลื่อนที่เร็วหรือช้าก็เข้าตำแหน่ง D หมด ซึ่งรถเกียร์ออโต้จะเปลี่ยนเกียร์ให้เองอัตโนมัติ
- ตำแหน่ง L (Low) เป็นตำแหน่งเกียร์ต่ำที่ใช้สำหรับการขึ้น-ลงทางลาดชัน หรือขับในพื้นที่ทางลูกรัง ซึ่งเป็นการสร้างกำลังขับเคลื่อนและป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนที่เร็วจนเกินไป
วิธีใช้งานรถเกียร์ออโต้อย่างถูกต้อง ให้รถอยู่คู่กับเราไปนาน ๆ
- 1. อย่าเหยียบคันเร่งลึกเพิ่งเร่งทำความเร็วเร่งด่วนบ่อยครั้ง เพราะชุดเกียร์จะได้รับความเสียหายจากแรงบิดอย่างกะทันหัน จึงทำให้ชำรุดทรุดโทรมไวยิ่งขึ้น ดังนั้นการขับที่ดีจึงควรค่อย ๆ แตะคันเร่งเพิ่มไว ๆ นั่นเอง
- 2. ควรใส่เบรกมือเมื่อจอดรถตรงทางลาดชัน อย่าใส่แค่เกียร์ P อย่างเดียว เพื่อไม่ให้สลักเกียร์รับน้ำหนักมากเกินไป วิธีปฎิบัติที่ถูกต้องเมื่อ- จอดรถบนทางลาดชัยคือให้เหยียบเบรกให้สุดแล้วดึงเบรกมือ ปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรก แล้วใส่เกียร์ P
- 3. ขับรถด้วยความเร็วที่คงที่ ควรตระหนักไว้อยู่เสมอว่าระบบเกียร์ออโต้ จะมีลักษณะค่อย ๆ เร่งความเร็ว ไม่ใช่เพิ่มความเร็วแบบทันทีจึ ดังนั้นคุณควรขับรถด้วยความเร็วและจังหวะที่คงที่ เพื่อรักษาระบบเกียร์ไม่ให้พังเร็วจนเกินไป และเพื่อเป็นการลดอุบัติเหตุด้วย
- 4. ห้ามปล่อยเกียร์ว่างให้รถไหลขณะขับขี่ เพราะน้ำมันหล่อลื่นจะหยุดไหลเวียน ทำให้น้ำมันเกียร์เสื่อม ประสิทธิภาพลดลง เกิดความร้อนสูง ส่งผลให้ชุดเกียร์เสียหายทั้งชุด
- 5. พยายามใช้ตำแหน่งเกียร์ให้ถูกต้อง อย่างการใช้เกียร์ D ที่การขับขี่บนทางลาด และใช้เกียร์ต่ำอย่างเกียร์ L ที่ทางลาดชัน ห้ามใช้เกียร์ L บนทางลาดถ้าไม่จำเป็น
- 6. เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ออโต้บ่อย ๆ ตามระยะทางที่กำหนด ประมาณระยะทาง 40,000 กิโลเมตร หรือ 2 ปี ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ได้แล้ว เพราะน้ำมันเกียร์จะช่วยเรื่องการหล่อลื่นและถนอมชุดเกียร์ให้ใช้งานไปได้ยาวนาน
- 7. อย่าเข้าเกียร์ถอยหลังในขณะที่รถยังไม่หยุดนิ่ง เพราะสิ่งที่ตามมาคือผู้ขับขี่จะได้ยินเสียงดังกึ๊กเพราะฟันเฟืองของเกียร์ขัดกัน และเกียร์ออโต้อาจพังเอาง่าย ๆ
ซื้อรถยนต์ใหม่เลือกใช้รถเกียร์ออโต้ หรือเกียร์กระปุกดี?
สำหรับมือใหม่หัดขับหลายๆ คนน่าจะเกิดข้อสงสัย และยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกหัดขับรถเกียร์ออโต้ หรือเกียร์ธรรมดาดีกว่ากัน แบบไหนยาก แบบไหนง่ายกว่า เราจะพาเหล่ามือใหม่หัดขับไปหาคำตอบพร้อมๆ กันว่า หัดขับรถเกียร์ออโต้ ง่ายกว่าหัดขับเกียร์กระปุกจริงหรือไม่
เกียร์ออโต้ ขับง่ายกว่าเกียร์ประปุกจริงหรือไม่?
สำหรับคำตอบนี้สามารถตอบได้แบบไม่ต้องคิดเลยทีเดียว ว่าการหัดขับรถเกียร์ออโต้ ง่ายกว่าหัดขับเกียร์กระปุกจริง เพราะเกียร์ออโต้ ตัวระบบจะทำหน้าที่เปลี่ยนตำแหน่งของเกียร์ตามความเหมาะสมของความเร็วรถและน้ำหนักบรรทุกให้อัตโนมัติ ต่างจากเกียร์กระปุกที่ผู้ขับขี่จะต้องเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ด้วยตัวเอง รวมถึงเกียร์กระปุกยังต้องคอยเหยียบคลัทช์เอาไว้ด้วย แต่ถึงแม้ว่าการหัดขับรถเกียร์ออโต้จะง่ายกว่าการขับรถเกียร์ธรรมดา
วิเคราะห์ข้อดี - ข้อเสียของรถเกียร์ออโต้และเกียร์ธรรมดา
ข้อดีของรถเกียร์ออโต้
- ระบบเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติ ผู้ขับขี่ไม่ต้องคอยจับจังหวะความเร็วเพื่อเปลี่ยนเกียร์เอง
- ไม่ต้องเลี้ยงคลัทช์ เพราะคลัทช์คือสิ่งสำคัญที่ใช้ในการเปลี่ยนเกียร์ เมื่อไม่ต้องเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์เอง ก็ไม่จำเป็นต้องเหยียบคลัทช์ด้วย
- มีเทคโนโลยีอำนวยความสะดวก รถยนต์เกียร์ออโต้รุ่นใหม่ๆ มักมีเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกทำให้ง่ายต่อการขับขี่ เช่น ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ไม่ต้องกังวลว่ารถจะไหล
ข้อเสียของรถเกียร์ออโต้
- ความแข็งแรงทนทานต่ำ ความแข็งแรงทนทานต่ำในที่นี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีคุณภาพ พังง่ายอย่างที่คิด เพียงแต่มีความแข็งแรงทนทานต่ำกว่าเกียร์ธรรมดา และอาจมีเปอร์เซ็นของเกียร์หลุด เกียร์ค้างได้มากกว่าเท่านั้นเอง
- ค่าใช้จ่ายสูง แน่นอนว่าความสะดวกสบายมักมาพร้อมค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า ระบบเกียร์ออโต้มีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งต้นทุนการผลิต รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการดูแล และซ่อมบำรุงด้วย
ข้อดีของรถเกียร์ธรรมดา
- มีความแข็งแรงทนทานมากกว่าเกียร์ออโต้ ด้วยระบบและฟังก์ชันที่ไม่ซับซ้อน ทำให้ระบบเกียร์ธรรมดามีความแข็งแรง ทนทานต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี
- ประหยัดน้ำมันได้ดีกว่า ด้วยน้ำหนักและความซับซ้อนของระบบ ทำให้ช่วยลดการเสียของกำลังเครื่องยนต์ และลดการเสียดทาน จึงประหยัดน้ำมันได้เป็นอย่างดี
ข้อเสียของรถเกียร์ธรรมดา
- ขับขี่ได้ยากกว่าเกียร์ออโต้ ด้วยความไม่ซับซ้อนของระบบเกียร์ จึงทำให้ผู้ขับขี่เป็นคนฝ่ายควบคุมด้วยตัวเอง ทั้งต้องเหยียบคลัทช์ เหยียบคันเร่ง เปลี่ยนเกียร์ จึงทำให้การขับขี่ไม่สะดวกสบายสักเท่าไหร่
- ขับขี่ไม่นิ่มนวลเท่าเกียร์ออโต้ หากพูดตามตรงการขับขี่รถเกียร์ธรรมดาต้องมีความเชี่ยวชาญ และรู้ใจรถระดับหนึ่ง ถ้าพึ่งหัดขับอาจเจอปัญหารถกระชาก รถดับเอาได้ง่าย ๆ
สรุปแล้วขอแนะนำว่าหากคุณเป็นนักขับมือใหม่ยังไม่มีประสบการณ์ขับขี่มากพอเราขอแนะนำให้คุณเลือกใช้รถยนต์เกียร์ออโต้ย่อมดีกว่า เพราะใช้งานง่ายตามเหตุผลที่แจ้งไปด้านบน คุณจะไม่ต้องกังวลกับปัญหาเปลี่ยนเกียร์แล้วไปโฟกัสเรื่องการขับขี่ในด้านอื่น ๆ แต่ถ้าขับรถแข็งแล้วแต่อยากได้ความสะดวกสบายในการขับขี่โดยเฉพาะการขับขี่ในเมืองใหญ่ที่ต้องจอดรถตามแยกบ่อยครั้งก็ควรเลือกใช้รถเกียร์ออโต้เช่นกัน
แต่ถ้าใครขับขี่ต่างจังหวัดที่ต้องใช้เส้นทางลูกรังหรือขึ้น-ลง เนินเขาบ่อย ๆ ก็แนะนำให้ใช้เกียร์กระปุกเพราะการขึ้นเนิน เกียร์กระปุกทำได้ดีกว่า หรือถ้าใครเป็นสายซิ่งรวมถึงชอบขับขี่สไตล์ออฟโร้ดก็เลือกเกียร์กระปุกได้เช่นกัน เพราะการส่งกำลังทำความเร็วจะดีกว่า นอกจากนี้ถ้าคุณมีงบซื้อรถไม่มากก็อาจมองเกียร์กระปุกไว้พิจารณาเพราะราคาจะถูกกว่ามาก
ปัญหารถยนต์ยอดฮิตอื่น ๆ
รถเข้าเกียร์ไม่ได้
- รถเข้าเกียร์ไม่ได้เกิดจากอะไร
- อาการน้ำมันเกียร์รั่ว วิธีแก้ไข
- รถเข้าเกียร์ไม่ได้ ประกันรับเคลมไหม
เหยียบคันเร่งแล้วรถกระตุก
- รถยนต์กระตุก เกิดจากอะไรได้บ้าง?
- วิธีการแก้ไขอาการเหยียบคันเร่งแล้วรถกระตุก
รถเกียร์ออโต้เสีย สามารถเบิกเคลมประกันได้หรือไม่?
กรณีเกียร์ออโต้เสียไม่สามารถใช้งานได้นั้น ประกันจะคุ้มครองค่าซ่อมในกรณีรถยนต์ของคุณประสบอุบัติเหตุและชุดเกียร์ออโต้ได้รับความเสียหายเท่านั้น ตามความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ดังนี้
- ประกันรถยนต์ชั้น 1 : เกียร์ออโต้เสียจากอุบัติเหตุ ทั้งแบบมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี รวมถึงไฟไหม้ จะสามารถเคลมได้
- ประกันรถยนชั้น 2+ : เกียร์ออโต้เสียจากอุบัติเหตุเท่านั้น และรถไฟไหม้ จึงจะสามารถเคลมประกันได้
- ประกันรถยนชั้น 3+ : เกียร์ออโต้เสียจากอุบัติเหตุเท่านั้น จึงจะสามารถเคลมประกันได้
แต่ถ้าเกียร์ออโต้ชำรุดหรือเสียหายจากการเสื่อมสภาพ หรือการใช้งานของผู้ขับขี่เอง ประกันภัยจะไม่ให้ความคุ้มครองแต่อย่างใด หรือก็คือคุณจะไม่สามารถเบิกค่าซ่อมเกียร์ออโต้กับบริษัทประกันได้นั่นเอง
เชื่อว่าหลายคนอ่านบทความนี้คงจะเข้าใจหลักการขับขี่ของรถยนต์เกียร์ออโต้กันมากขึ้น และสามารถตัดสินใจได้แล้วว่าจะซื้อรถยนต์แบบไหนดี สิ่งที่น้องแคร์อาจจะแนะนำสุดท้ายก็คือเมื่อซื้อรถยนต์แล้วก็อย่ามองข้ามความคุ้มครองขณะขับขี่อย่างประกันภัยรถด้วย และยิ่งถ้าคุณเป็นนักขับมือใหม่ก็ต้องทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เลย เพราะเป็นประกันที่คุ้มครองแทบทุกอย่างเหมาะกับมือใหม่อย่างยิ่ง เลือกประกันที่โดนใจใช้บริการเรา แรบบิท แคร์
ความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์