ถุงลมนิรภัย เรื่องใหญ่ที่ไม่ควรมองข้าม
ในปัจจุบัน ระบบความปลอดภัยภายในรถยนต์ถือเป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งที่ผู้ผลิตรถยนต์จะต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต้น ๆ เพราะระบบความปลอดภัยจะช่วยป้องกันทั้งผู้ขับและผู้โดยสารภายในรถยนต์จากอันตรายที่เกิดจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ถุงลมนิรภัยจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญมาโดยตลอด ในบทความนี้ เราจะพูดถึงว่าถุงลมนิรภัยคืออะไร หลักการทำงานของถุงลมเป็นอย่างไร มีวิธีการตรวจสอบ (check airbag) หรือเช็คถุงลมนิรภัยอย่างไร เปลี่ยนถุงลมนิรภัยอย่างไร และถุงลมนิรภัยไม่ได้มาตรฐานเป็นอย่างไร
ถุงลมนิรภัย คืออะไร
ถุงลมนิรภัย คืออุปกรณ์ที่ถือว่าเป็นระบบความปลอดภัยภายในรถยนต์ชิ้นหนึ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่ มีความยืดหยุ่นสูงเมื่อพองตัว จึงทำหน้าที่รับแรงกระแทกจากแรงที่เกิดขึ้นในอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ดี โดยเฉพาะในกรณีรถชน ทำให้ทั้งผู้ขับขี่รวมไปถึงผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บน้อยลง และยังช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้อีกด้วย โดยปกติแล้ว ถุงลมนิรภัยจะได้รับการติดตั้งภายในรถยนต์อยู่ 4-6 ตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับรุ่นของรถยนต์ หรือในบางรุ่น จะมีตำแหน่งของถุงลมถึง 8 ตำแหน่ง ถ้าหากมีถุงลมติดตั้งอยู่มากเท่าไร ถุงลมก็จะครอบคลุมห้องโดยสารได้มากเท่านั้น ตำแหน่งของถุงลมนิรภัย มีอยู่ 3 ตำแหน่งหลัก ได้แก่ ถุงลมด้านหน้า ช่วยรองรับแรงกระแทกและปกป้องส่วนศีรษะและหน้าอก ถุงลมด้านข้าง ช่วยปกป้องส่วนด้านข้างของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นร่างกายส่วนบนหรือส่วนล่างก็ตาม และถุงลมป้องกันเข่าและขา ช่วยป้องกันร่างกายส่วนล่าง โดยเฉพาะหัวเข่าและขา รวมไปถึงสะโพก
หลักการทำงานของถุงลมนิรภัย
สำหรับหลักการทำงานของถุงลมนิรภัย โดยปกติ เมื่อเกิดการชนหรือการกระแทกที่เกินเกณฑ์ที่ระบบความปลอดภัยและระบบตรวจจับแรงกระแทกได้ตั้งค่าไว้ ระบบจะทำงานและปล่อยให้ถุงลมนิรภัยทำงานทันทีโดยมีสารเคมีที่อยู่ในสถานะแก๊สเข้าไปเติมถุงลมเพื่อรับแรงกระแทกภายในระยะเวลาไม่ถึง 0.1 วินาที จากนั้น สารเคมีดังกล่าวจะทำปฏิกิริยา ทำให้ถุงลมยุบตัวลงเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้ตัวถุงลมบีบอัดกับร่างกายของผู้ขับและผู้โดยสารนานจนอาจทำให้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ถุงลมจะทำงานก็ต่อเมื่อระบบตรวจจับสามารถตรวจจับแรงกระแทกที่ถึงเกณฑ์ที่ระบบได้ตั้งค่าไว้เท่านั้น หมายความว่า หากเกิดอุบัติเหตุแล้ว ในบางครั้ง ถุงลมนิรภัยอาจไม่ทำงาน เพราะโดยส่วนใหญ่แล้ว ระบบจะตั้งค่าไว้ว่าให้ถุงลมทำงานเมื่อเกิดการชนจากด้านหน้าอย่างรุนแรงเท่านั้น เช่น การชนต้นไม้หรือเสาไฟฟ้าจนรถยนต์เกิดความเสียหายจนรถยนต์ผิดรูป มากไปกว่านั้น หลักการทำงานของถุงลมจะทำงานร่วมกับเข็ดขัดนิรภัยควบคู่กันไป หากไม่คาดเข็มขัดนิรภัย อาจทำให้เราได้รับแรงกระแทกจากถุงลมมากจนเกินไป เพราะไม่มีเข็มขัดนิรภัยที่คอยลดแรงกระแทกให้ร่างกายเราไว้อีกหนึ่งขั้น ดังนั้น ผู้ขับและผู้โดยสารทุกคนควรคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
วิธีเช็คถุงลมนิรภัย
สำหรับการตรวจสอบถุงลมหรือเช็คถุงลมนิรภัยว่ายังสามารถทำงานได้ดีอยู่หรือไม่ จะต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะทางที่ตรวจสอบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น จึงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ตรวจสอบการทำงานของถุงลมว่ายังมีสภาพที่ดีอยู่หรือไม่ ยังสามารถทำงานได้ดีอยู่หรือไม่ รวมไปถึงวงจรภายในระบบรถยนต์ที่เกี่ยวข้องกับระบบถุงลมนิรภัยว่าวงจรยังทำงานได้ดีอยู่หรือไม่ ดังนั้น หากต้องการตรวจสอบถุงลมภายในรถยนต์ ควรติดต่อและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในศูนย์บริการ เพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม หากระบบถุงลมเกิดขัดข้อง จะมีสัญลักษณ์แจ้งเตือนในคอนโซลรถยนต์ว่าระบบมีปัญหา ควรติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบ แต่ไม่แนะนำให้ตรวจสอบระบบด้วยตัวเอง เพราะระบบความปลอดภัยภายในรถยนต์มีความซับซ้อน จึงควรให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบจะเป็นการดีกว่า
วิธีเปลี่ยนถุงลมนิรภัย
หากระบบถุงลมนิรภัยมีปัญหา หรือมีการใช้งานถุงลมแล้ว ต้องนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญทำการเปลี่ยนชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในระบบถุงลม ไม่แนะนำให้ทำการเปลี่ยนด้วยตัวเอง เพราะจะต้องมีการตรวจสอบ (check airbag) ถอดและติดตั้งชิ้นส่วน ซึ่งเกี่ยวข้องกับวงจรภายในรถยนต์ด้วย อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนคร่าว ๆ ของการเปลี่ยนถุงลมนิรภัย มีดังนี้
1. เตรียมชิ้นส่วน อุปกรณ์ และเครื่องมือที่ต้องใช้
ในการเปลี่ยนถุงลมนิรภัยในแต่ละครั้ง จะต้องเปลี่ยนถุงลมที่อยู่ตามตำแหน่งต่าง ๆ ภายในรถยนต์ทั้งหมด เพื่อความปลอดภัย อีกทั้งยังต้องเปลี่ยนตัวให้กำเนิดสำหรับระบบถุงลมนิรภัยอีกด้วย ซึ่งรายละเอียดของชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่จะต้องเปลี่ยนขึ้นอยู่กับรถยนต์แต่ละรุ่น โดยขั้นตอนแรก จะต้องเตรียมสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นในการเปลี่ยนไว้ก่อน เพื่อความรวดเร็วในการเปลี่ยนแต่ละครั้ง
2. ถอดชิ้นส่วนออก
ในการเมื่อเตรียมอุปกรณ์ไว้เรียบร้อยแล้ว ผู้เชี่ยวชาญจะทำการถอดชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในระบบเพื่อนำชิ้นส่วนใหม่มาเปลี่ยน เพราะเมื่อระบบถุงลมทำงานแล้ว มีความเสี่ยงที่ชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในระบบอาจเกิดขัดข้องขึ้นเมื่อต้องทำงานครั้งถัดไป ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องถอดชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในระบบเพื่อเปลี่ยนเป็นชิ้นส่วนใหม่ เพื่อให้ระบบความปลอดภัยภายในรถยนต์สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และช่วยลดอัตราการสูญเสียอีกด้วย
3. ติดตั้งชิ้นส่วนใหม่
เมื่อทำการถอดชิ้นส่วนต่าง ๆ ออกแล้ว จะต้องติดตั้งชิ้นส่วนใหม่เข้าไป โดยหลายชิ้นส่วนจะต้องติดตั้งเข้ากับวงจรของรถยนต์ จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการติดตั้งชิ้นส่วนใหม่เข้าไป
4. ตรวจสอบการทำงานอีกรอบ (check airbag)
เมื่อติดตั้งชิ้นส่วนใหม่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญจะตรวจสอบ (check airbag) การทำงานของรถยนต์ทั้งหมด รวมไปถึงการขับด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีสิ่งผิดปกติใด ๆ กับรถยนต์
ถุงลมนิรภัยไม่ได้มาตรฐาน เป็นอย่างไร
ในบางครั้ง เราอาจได้พบหรือได้ยินว่ามีถุงลมนิรภัยไม่ได้มาตรฐานติดตั้งในรถยนต์บางรุ่น ซึ่งถุงลมนิรภัยไม่ได้มาตรฐานสามารถก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ จากคลังสารสนเทศของสถาบันนิติบัญญัติ ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมได้ระบุถึงการทดสอบถุงลมนิรภัย โดยระบุถึงวิธีการต่าง ๆ สำหรับตรวจสอบถุงลม โดยมีวิธีการตรวจสอบที่แตกต่างกันออกไป รวมไปถึงยังมีการตรวจสอบชิ้นส่วนต่าง ๆ โดยมีเกณฑ์และขั้นตอนการตรวจสอบ (check airbag) ที่ชัดเจนระบุไว้ในเอกสาร เช่น วิธี Drop Test วิธี Salt Spray Test วิธี Temperature Shock Test โดยจะต้องผ่านการตรวจสอบ (check airbag) ที่มีระบุไว้ในเอกสารไว้ทั้งหมดเพื่อผ่านเกณฑ์ตามที่ ISO กำหนดไว้ในการผลิตในอุตสาหกรรม
ส่วนประกอบรถยนต์อื่น ๆ
หากรถเกิดอุบัติเหตุและระบบถุงลมทำงานขึ้น หรือมีถุงลมนิรภัยไม่ได้มาตรฐานติดตั้งอยู่ สามารถเคลมกับประกันรถยนต์ที่ทำไว้ได้ เพราะถือว่าเป็นชิ้นส่วนหนึ่งที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ หรือถ้าหากระบบถุงลมทำงานขัดข้อง ก็สามารถติดต่อกับศูนย์บริการรถยนต์ได้ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบว่าเกิดเหตุขัดข้องในส่วนใดของระบบ ซึ่งหากเป็นเหตุขัดข้องที่เกิดจากตัวชิ้นส่วนหรือระบบแล้ว ทั้งทางประกันและทางศูนย์บริการมักจะทำการตรวจสอบและเปลี่ยนชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ชำรุดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ควรให้ความสำคัญแก่ผู้ขับขี่ทุกคน
ถุงลมนิรภัยถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ได้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นชิ้นส่วนที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม เราควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนของตนเองและผู้อื่น และควรหมั่นสังเกต (check airbag) ว่ามีสิ่งใดผิดปกติกับระบบถุงลมนิรภัยหรือไม่ หรือมีถุงลมนิรภัยไม่ได้มาตรฐานติดตั้งอยู่หรือไม่ หากต้องการสิ่งที่ช่วยทำให้อุ่นใจยามขับขี่บนท้องถนน ประกันรถยนต์ก็ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยทำให้เราอุ่นใจได้เช่นกัน เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนแล้ว นอกจากประกันจะสามารถเคลมค่าเสียหายต่าง ๆ ได้แล้ว ยังสามารถเรียกใช้บริการจากประกันรถยนต์ เช่น บริการเคลมไว บริการให้ความช่วยเหลือบนท้องถนน และยังมีเจ้าหน้าที่คอยติดต่อและให้บริการอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้น หากมีประกันรถยนต์ติดไว้ จะทำให้เราอุ่นใจทุกเมื่อยามต้องขับขี่บนท้องถนน สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนเดินทางโดยสวัสดิภาพนะ