ความหมายและความสำคัญของเฟืองท้ายรถยนต์

ปกติแล้วเราจะไม่ค่อยได้คุ้นชินถึงคำว่าเฟืองท้ายรถยนต์กันสักเท่าไหร่ เพราะดูจะเป็นอะไหล่รถยนต์ที่จะต้องศึกษาหาความรู้กันแบบเจาะลึก แต่จริง ๆ แล้วตัวชุดเฟืองท้ายรถยนต์นั้นเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์เลยก็ว่าได้ เพราะว่าเฟืองท้ายรถยนต์จะมีหน้าที่ในการถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อรถ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าหรือล้อหลัง ก็จะต้องมีระบบเฟืองท้ายรถยนต์ด้วยกันทั้งสิ้น อีกทั้งเฟืองท้ายรถยนต์จะมีบทบาทเฉพาะเวลาที่รถยนต์มีการเลี้ยวหรือมีการขับเข้าโค้งเท่านั้น

เฟืองท้ายรถยนต์จะเป็นเฟืองทดอันสุดท้ายที่อยู่ภายในรถยนต์ และจะใช้ในการส่งแรงกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อรถยนต์ หรือทำให้ล้อรถยนต์หมุนนั่นเอง ส่วนเฟืองทดอันแรกจะเป็นกระปุกเกียร์ ซึ่งจะทำหน้าที่ช่วยลดอัตราความเร็วรอบการหมุนของเครื่องยนต์ เพราะกระปุกเกียร์จะมีเพลาเชื่อมต่อมายังเฟืองท้ายรถยนต์ก่อนที่จะทำหน้าที่ถ่ายทอดการหมุนไปยังล้อของรถยนต์ นอกจากนี้ตัวเฟืองท้ายรถยนต์ก็ยังมีหน้าที่คอยลดอัตราความเร็วรอบของเครื่องยนต์ที่มีการส่งแรงไปยังล้อรถยนต์ให้หมุนช้าลงจนเหลือประมาณ 1 ใน 3 เท่านั้น เพราะรถยนต์ในแต่ละรุ่นจะมีความเร็วรอบของเครื่องยนต์ที่แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่ 2,000 หรือ 3,000 รอบต่อนาที(สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล) และขึ้นไปจนถึง 10,000 กว่ารอบต่อนาที(สำหรับรถแข่ง) เพื่อเป็นการเพิ่มแรงบิดไปหมุนล้อรถยนต์ให้มากขึ้น และเป็นแรงขับดันให้รถยนต์เคลื่อนที่ต่อไปได้นั่นเอง

• เฟืองบายศรีหรือเฟืองวงแหวน(Ring Gear) ทำหน้าที่ในการลดอัตราการหมุนของเฟืองเดือยหมู และทำหน้าที่ในการปรับทิศทางการหมุน เพื่อทำการส่งแรงออกไปสู่เพลาของล้อรถยนต์ทั้ง 2 ข้าง
• เฟืองเดือยหมูหรือเฟืองขับ(Drive Pinion Gear) ทำหน้าที่ในการส่งกำลังจากชุดเกียร์ไปยังเฟืองบายศรี
• เฟืองข้างหรือเฟืองเพลาท้าย(Rear Axle Gear) ทำหน้าที่ในการส่งกำลังให้ล้อรถยนต์หมุน
• เฟืองดอกจอก(Differential Gear) ทำหน้าที่ในการกระจายแรงจากเฟืองบายศรีไปตามเพลา และส่งไปยังล้อรถยนต์ทั้ง 2 ข้าง เพราะว่าในขณะที่รถยนต์เข้าโค้งนั้น ล้อรถที่อยู่ด้านในโค้งกับด้านนอกโค้งจะเกิดการหมุนที่แตกต่างกันและไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกับเวลาที่รถยนต์วิ่งทางตรงที่ล้อรถยนต์จะเท่ากันทั้ง 2 ข้าง ดังนั้นจึงมีแรงส่งสำหรับการหมุนล้อรถยนต์ที่แตกต่างกันไปด้วย
• เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป(Limited Slip Differential หรือ LSD) จะเป็นเฟืองท้ายรถยนต์ที่มีระบบพิเศษกว่าเฟืองท้ายรถยนต์รูปแบบอื่น และจะไม่ได้มีในรถยนต์ทุกรุ่น โดยหน้าที่ของตัวเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปนี้ ก็จะทำหน้าที่ในการล็อกล้อรถยนต์ของทั้ง 2 ข้างเอาไว้ ให้หมุนในความเร็วที่เท่ากันตลอดเวลา เพื่อเป็นการเพิ่มแรงเสียดทานในขณะที่รถยนต์กำลังวิ่งอยู่บนพื้นถนนที่มีผิวลื่น

จากที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าเฟืองท้ายรถยนต์จะมีบทบาทเฉพาะเวลาที่รถยนต์มีการเลี้ยวหรือมีการขับเข้าโค้งเท่านั้น ก็เพราะว่าเวลาที่รถเลี้ยวซ้ายหรือเลี้ยวขวา ล้อรถที่อยู่ด้านนอกจะต้องมีระยะทางในการเคลื่อนที่ที่มากกว่าล้อรถที่อยู่ด้านใน เพราะฉะนั้นถ้าหากไม่มีเฟืองท้ายรถยนต์ เครื่องยนต์ก็จะถ่ายทอดการหมุนเกียร์รถยนต์ผ่านเพลากลางไปยังเพลาข้างที่ติดกับล้อรถ มันเลยจะทำให้ล้อรถทั้ง 2 ข้างหมุนไปด้วยความเร็วที่เท่ากัน ดังนเส้นล้อรถด้านนอกเลยอาจจะเกิดการลื่นไถลขึ้นได้ อีกทั้งรถยนต์จะบังคับยากขึ้น และจะทำให้ยางรถยนต์สึกเร็วอีกด้วย ดังนั้นตัวเฟืองท้ายรถยนต์จึงมีหน้าที่ทำให้การหมุนของล้อรถมีความเร็วรอบที่ต่างกัน และทำให้การบังคับรถง่ายขึ้นตามไปด้วย

เฟืองท้ายรถยนต์จะมีทั้งหมด 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่

1. เฟืองท้ายแบบธรรมดา(Conventioal)
เฟืองท้ายรถยนต์รูปแบบนี้จะประกอบไปด้วยชิ้นส่วนต่าง ๆ อีก 7 อย่างคือ เพลาเฟืองขับ, เฟืองขับ, เฟืองบายศรี, เสื้อดอกจอก, เฟืองทด, เฟืองดอกจอกใหญ่ และเพลาข้าง และนอกจากนี้ในระบบชุดเฟืองท้ายรถยนต์จะต้องมีแบริ่งและซีลกันน้ำมันด้วย

2. เฟืองท้ายแบบการหมุนฟรีจำกัด(Limited Slip)
เฟืองท้ายรถยนต์รูปแบบนี้จะมีชื่อที่แตกต่างกันไปในทางการค้า แต่ก็จะมีวัตถุประสงค์ในการผลิตที่เหมือนกัน คือ การผลิตเฟืองท้ายรถยนต์ออกมาเพื่อให้มีความสามารถในการทำให้ล้อของรถยนต์ทั้ง 2 ข้างหมุนด้วยความเร็วที่เท่ากันได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากสำหรับรถยนต์ที่จะต้องวิ่งบนถนนที่มีพื้นผิวที่ลื่นบ่อย ๆ เช่น รถยนต์ในภูมิประเทศที่อาจจะมีหิมะตก เพราะเมื่อล้อรถยนต์ข้างใดข้างหนึ่งเกิดลื่นขึ้นมา ตัวเฟืองท้ายรถยนต์แบบการหมุนฟรีจำกัดก็จะไปทำหน้าที่ล็อกให้ล้อรถยนต์ทั้ง 2 ข้างนั้นหมุนด้วยความเร็วที่เท่ากัน และจะทำให้รถยนต์นั้นยังสามารถเคลื่อนที่ต่อไปได้ โดยหลักการทำงานของเฟืองท้ายรถยนต์แบบการหมุนฟรีจำกัดนี้ก็จะอาศัยแผ่นคลัทช์ที่ยึดติดอยู่ที่เพลาของทั้ง 2 ข้าง เพราะเมื่อเวลาที่เราต้องการจะล็อกให้ล้อรถยนต์ทั้ง 2 ข้างหมุนไปในความเร็วที่เท่ากัน ตัวชุดคลัทช์ในแต่ละด้านก็จะเข้าไปจับกับเสื้อดอกจอก เพื่อที่จะทำให้เพลาของทั้ง 2 ข้างนั้นหมุนไปได้ในความเร็วที่เท่ากันกับเสื้อดอกจอกนั่นเอง

โดยทั่วไปเราจะนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็กความเรียบร้อยของรถยนต์ภายในระยะเวลาที่ผู้ผลิตกำหนดอยู่แล้วตามปกติ อาจจะเป็นทุก ๆ 20,000 กิโลเมตร เพื่อป้องกันการเกิดอาการเฟืองท้ายรถยนต์หอน แต่ถ้าหากว่ารถยนต์ของเราได้มีการถูกใช้งานไปแล้วเป็นระยะเวลานาน หรือเวลาที่ซ่อมรถยนต์ก็จะใช้บริการอู่นอกทั่วไป ก็ควรที่จะเปลี่ยนถ่ายน้ำมันให้กับเฟืองท้ายรถยนต์เป็นประจำ เพราะโดยปกติแล้วน้ำมันเฟืองท้ายกับน้ำมันเกียร์รถธรรมดาจะเป็นน้ำมันประเภทเดียวกันอยู่แล้ว ดังนั้นจึงสามารถใช้งานร่วมกันได้เลย แต่ถ้าเกิดในกรณีที่เป็นรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยล้อหลัง อันนี้ก็จำเป็นที่จะต้องใช้น้ำมันเฟืองท้ายที่มีรายละเอียดความหนืดเพิ่มเข้ามา ซึ่งสามารถดูได้จากในคู่มือที่มาพร้อมกับรถยนต์

ถ้าระบบเฟืองท้ายรถยนต์เสียหรือมีปัญหาโดยที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ ในส่วนนี้ทางบริษัทประกันภัยก็จะไม่ได้ให้ความคุ้มครองหรือเคลมไม่ได้นั่นเอง แต่ถ้าหากว่าเกิดมีปัญหาจากอุบัติเหตุหรือว่าภัยธรรมชาติ ในกรณีนี้จะสามารถเคลมได้เพราะว่าความคุ้มครองของประกันรถยนต์นั้นจะคุ้มครองในส่วนที่เกิดจากอุบัติเหตุหรือว่าเกิดจากภัยธรรมชาติเท่านั้น จึงแนะนำสำหรับท่านที่ต้องการจะได้รับความคุ้มครองแบบครอบคลุม การทำประกันอะไหล่รถยนต์ควบคู่ไปกับการทำประกันรถยนต์ก็เป็นทางเลือกที่ดีอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะมั่นใจเลยได้ว่าจะได้รับความคุ้มครองแน่นอนไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม

ถ้าจะพูดถึงในเรื่องของความแตกต่าง แน่นอนว่าประกันภัยทั้ง 2 ประเภทนี้จะให้ความคุ้มครองที่แตกต่างกันอยู่แล้ว โดยประกันรถยนต์จะคุ้มครองความเสียหายเฉพาะที่เกิดจากอุบัติเหตุเท่านั้น แต่ทางประกันอะไหล่นั้นจะให้ความคุ้มครองเฉพาะส่วนที่เป็นระบบอะไหล่ภายในรถยนต์ ถึงแม้ว่าจะเกิดจากปัญหาในกรณีใดก็ตาม ก็จะได้รับความคุ้มครองทันที เช่น อะไหล่รถยนต์ที่เสื่อมสภาพหรือเสียหายชำรุดตามไประยะเวลาในการใช้งาน การหมดประกันจากทางโรงงานผู้ผลิตรถยนต์ เป็นต้น

แนะนำว่าควรทำประกันภัยชั้น 1 เอาไว้เพื่อความอุ่นใจที่มากกว่า เพราะถึงแม้ว่าราคาจะแพงที่สุดในบรรดาประกันภัยทุกชั้น แต่ในเรื่องของความคุ้มครองที่จะได้รับนั้นก็สามารถที่จะมั่นใจได้เลยว่าคุ้มค่าแน่นอน เพราะถือว่าเป็นประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นรถหาย รถไฟไหม้ รถน้ำท่วม ไม่ว่าทางเราจะเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด ทางบริษัทประกันภัยก็รับเคลมให้ทั้งสิ้น

ลูกค้าสามารถมั่นใจได้เลยว่าจะได้รับสิทธิพิเศษตั้งแต่เริ่มวางแผนซื้อประกันภัยผ่านทางแรบบิท แคร์ เพราะว่าแรบบิท แคร์ นั้นจะมีระบบเปรียบเทียบแผนประกันออนไลน์ที่ใช้งานง่าย รวดเร็ว ใช้เวลาเพียงแค่ 30 วินาทีก็จะสามารถรู้ราคาประกันภัยรถยนต์จากบริษัทประกันภัยชั้นนำทั่วประเทศได้เลย เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกมากมาย อีกทั้งยังประหยัดเวลา และยังได้รับประกันภัยรถยนต์ที่ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุดด้วย และนอกจากนี้ยังมีข้อเสนอสุดพิเศษอื่น ๆ ที่ลูกค้าจะได้รับหากซื้อประกันรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของแรบบิท แคร์