ขับรถเกียร์กระปุกมีข้อดีอย่างไร ขับง่ายหรือไม่?
ระบบเกียร์เป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนรถ โดยจะเป็นตัวส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังระบบล้อรถให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า- ถอยหลัง และจะมีการเปลี่ยนเกียร์เมื่อมีการเพิ่มความเร็วขึ้น ซึ่งรถยนต์ในปัจจุบันจะมีระบบเกียร์อยู่ 2 แบบคือ เกียร์กระปุกและเกียร์ออโต แต่ในบทความนี้เราจะมาบอกข้อดีของรถเกียร์กระปุกที่คุณอาจมองข้ามไป รวมถึงตอบคำถามว่ารถเกียร์กระปุกขับยากแค่ไหนและเหมาะกับใคร
รถยนต์เกียร์กระปุกคืออะไร แตกต่างจากเกียร์ออโต้อย่างไร?
รถเกียร์กระปุกหรือเกียร์ธรรมดา (Manual Transmission) นับเป็นระบบเกียร์รุ่นเก่าแต่ก็ยังเก๋าเพราะยังคงเป็นที่นิยมใช้งานในปัจจุบัน ระบบเกียร์ธรรมดานั้นจะมีคลัตช์เป็นองค์ประกอบ เวลาเปลี่ยนเกียร์เพื่อเร่งความเร็ว ผู้ขับจะต้องเหยียบคลัตช์ทุกครั้งและต้องปรับระดับเกียร์ด้วยตัวเอง แตกต่างจากเกียร์ออโต้ที่ระบบจะเปลี่ยนเกียร์ให้เราโดยอัตโนมัติ ทำให้เกียร์กระปุกนั้นเหมาะกับผู้ที่มีความชำนาญในการขับขี่รถยนต์มาอยู่บ้าง ส่วนนักขับมือใหม่นั้นมักจะไปขับเกียร์ออโต้กันเป็นหลักเสียมากกว่า
ขั้นตอนการขับรถยนต์เกียร์กระปุกสำหรับมือใหม่
แม้ว่าเกียร์กระปุกจะมีความยุ่งยากและใช้งานยากกว่าเกียร์ออโต้ แต่ถ้าคุณลองฝึกจนชินมือแล้วก็สามารถขับได้ไม่ยากเย็นนัก ลองทำตามขั้นตอนนี้รับรองว่าขับเป็นไวชัวร์
1. จดจำตำแหน่งเกียร์ให้ได้ก่อน
- ตรงกลางคือเกียร์ว่าง
- เกียร์ 1 อยู่ซ้ายบน
- เกียร์ 2 อยู่ล่างซ้าย
- เกียร์ 3 อยู่กลางบน
- เกียร์ 4 อยู่กลางล่าง
- เกียร์ 5 อยู่ขวาบน
- เกียร์ 6 อยู่ขวาล่าง
- ส่วนเกียร์ R ที่เป็นเกียร์ถอยหลังจะอยู่ขวาบนสุดที่เลยไปจากเกียร์ 5 อีกที
สิ่งที่นักขับมือใหม่ต้องจดจำอีกประการคือการเปลี่ยนเกียร์กระปุกทุกครั้งต้องเหยียบคลัตช์เสมอ โดยคลัตช์จะเป็นแป้นเหยียบตรงกลางอยู่ระหว่างเบรกกับคันเร่ง
ตำแหน่งแป้นเหยียบ
- แป้นด้านซ้าย เป็นตำแหน่งของคลัตช์
- แป้นตรงกลาง เป็นตำแหน่งของเบรก
- แป้นด้านขวา เป็นตำแหน่งของคันเร่ง
2. ลองสตาร์ทรถ
ใช้เท้าซ้ายเหยียบคลัตช์ก่อน แนะนำว่าให้เหยียบจนสุดไปเลย จากนั้นให้เริ่มเข้าเกียร์ 1 พอรถยนต์เคลื่อนที่ไปข้างหน้า ให้ใช้เท้าขวาค่อย ๆ เหยียบคันเร่ง พร้อมกันกับเอาเท้าซ้ายออกจากคลัตช์ ต้องพึงระวังไว้ว่าการเหยียบคลัตช์นั้นต้องเหยียบให้สุดทุกครั้ง และอย่างเหยียบคลัตช์ค้างไว้นานเมื่อเหยียบคันเร่ง แนะนำว่าผู้ขับขี่ควรศึกษาให้ดีก่อนว่าเกียร์กระปุกของรถแต่ละรุ่นนั้นทำความเร็วสูงสุดได้เท่าไหร่ ช่วงความเร็วที่เหมาะสมในการเปลี่ยนเกียร์อยู่ระดับไหน จะได้เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างเหมาะสม
3. วิธีเปลี่ยนเกียร์กระปุก
พอรถยนต์เคลื่อนไปที่ข้างหน้าสักพักจะเริ่มได้ยินเสียงเครื่องยนต์เริ่มตื้อและความเร็วไม่ขึ้น ก็ให้เปลี่ยนเป็นเกียร์ 2 โดยเริ่มผ่อนคันเร่ง จากนั้นให้ใช้เท้าซ้ายเหยียบคลัตช์จนสุดอีกรอบ และเปลี่ยนเกียร์จากเกียร์ 1 มาเป็นเกียร์ 2 จากนั้นผ่อนเท้าออกจากคลัตช์ พร้อมกันกับเหยียบคันเร่งเหมือนเดิม
4. วิธีเพิ่มความเร็วรถ
การเพิ่มความเร็วสำหรับรถเกียร์กระปุก หากต้องการเพิ่มความเร็วไปเป็นเกียร์ 3 เกียร์ 4 หรือเกียร์ 5 ก็ให้ทำวนซ้ำแบบเดิมเหมือนเปลี่ยนจากเกียร์ 1 ไปเป็นเกียร์ 2 ซึ่งการเปลี่ยนเกียร์นั้นต้องเปลี่ยนให้เหมาะสมกับความเร็วของรถ โดยคุณสามารถดูรอบความเร็วของรอบเครื่องยนต์ได้ที่แผงคอนโซล
5. วิธีหยุดรถ
เมื่อต้องการชะลอหรือหยุดรถ ให้เอาเท้าปล่อยออกจากคันเร่ง แล้วใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรกแทน เมื่อรถคุณลดความเร็วในระดับที่ต้องการแล้วให้เหยียบคลัตช์ และลดเกียร์ลงตามลำดับ แต่ถ้าจะจอดรถเลยก็ให้เข้าเกียร์ว่างและเบรกได้เลย
6. วิธีถอยรถ
หากคุณต้องการถอยรถให้เหยียบเบรกจนจอดรถยนต์สนิทก่อน จากนั้นให้เหยียบคลัตช์และให้เกียร์ R ซึ่งเป็นเกียร์ถอยหลังแทน
7. เกียร์กระปุกกับทางลาดชัน
ผู้ใช้รถเกียร์กระปุกควรจำไว้เสมอว่า หากจอดรถบนทางลาดชันให้ใส่เบรกมือไว้ด้วยเพื่อกันรถไหล
เทคนิค! หัดขับรถเกียร์ธรรมดาอย่างไรให้เป็นเร็ว
แถมให้พิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกขับเกียร์กระปุกให้เป็นไว ๆ เราจึงจอแนะนำเทคนิคเพิ่มเติมให้ดังนี้
- ใช้เบรกมือเมื่อขับทางชัน : สำหรับมือใหม่ที่กลัวเวลาต้องจอดรอตรงทางชัน กังวลว่ารถจะไหล ให้ดึงเบรกมือเอาไว้ เวลาออกตัวให้เหยียบคลัทช์ แล้วเข้าเกียร์ 1 เหยียบคันเร่งเบาๆ แล้วค่อยๆ ปล่อยคลัทช์ จนรถเริ่มออกตัวได้จึงค่อยปลดเบรกมือลง
- เลี้ยงคลัทช์ให้ดี : รถดับบ่อย เป็นหนึ่งปัญหาที่คนขับรถเกียร์ธรรมดาต้องเจอ ให้เหยียบคันเร่งลึกๆ แช่คลัทช์ไว้แล้วค่อยๆ ปล่อยคลัทช์ก่อนออกตัวรถ จะช่วยให้รถไม่ดับ แต่จะกินน้ำมันมากหน่อย
- อย่าเข้าเกียร์แรงๆ : การเข้าเกียร์แรงๆ จะส่งผลเสียต่อระบบเกียร์และยังอาจทำให้เข้าเกียร์ผิดตำแหน่งด้วย ให้ใช้ข้อมือในการบังคับเกียร์เป็นหลัก
- เปลี่ยนเกียร์ต้องเหยียบคลัทช์ให้สุด : ทุกครั้งที่เปลี่ยนเกียร์ให้ผ่อนคันเร่งและเหยียบคลัตช์ เมื่อขับรถไปสักระยะแล้วรถเริ่มมีเสียงเครื่องเริ่มตื้อๆ ให้เปลี่ยนเป็นเกียร์
ข้อดีของรถยนต์เกียร์กระปุกมีอะไรบ้าง?
แม้ว่ารถเกียร์กระปุกจะไม่ได้ขับง่ายหรือขับสบายเหมือนเกียร์ออโต้ แต่ก็มีข้อดีที่น่าใช้งานคือ
- รถยนต์เกียร์กระปุกมีราคาตามท้องตลาดถูกกว่าระบบเกียร์ออโต้ เมื่อเทียบในรุ่นเดียวกัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขับรถยนต์ในงบที่จำกัด
- รถยนต์เกียร์กระปุกดูแลรักษาง่าย มีความทนทาน ไม่ต้องส่งซ่อมหรือเช็กรถบ่อย ๆ เหมือนเกียร์ออโต้
- ประหยัดน้ำมันกว่ารถยนต์เกียร์ออโต้
- สมรรถนะดีกว่ารถเกียร์ออโต้ เหมาะกับการขับขี่ทำความเร็ว หรือขับในพื้นที่ออฟโร้ด
หากคุณเป็นนักขับผู้ที่มีความชำนาญหรือมีประสบการณ์ขับรถมาแล้วสักระยะแล้วต้องการประหยัดกว่าเดิมรถยนต์เกียร์กระปุกก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ หรือถ้าคุณขับขี่ในพื้นที่ต่างจังหวัดบ่อยครั้ง หรือมีการใช้ถนนบนทางลูกรังบ่อย ๆ ก็เหมาะกับการซื้อรถเกียร์กระปุกมาใช้งานเช่นกัน
ใช้รถยนต์เกียร์กระปุก ต้องดูแลรักษาอย่างไร?
อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่ารถยนต์เกียร์กระปุกนั้นดูแลรักษาง่ายกว่าเกียร์ออโต้ หากอยากให้รถยนต์ของคุณอยู่ใช้งานไปยาว ๆ ให้บำรุงรักษาดังนี้
- คอยดูแลและเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ โดยเช็กจากระยะทางที่คุณวิ่ง ซึ่งควรเปลี่ยนถ่านทุกครั้งต่อการวิ่งระยะทาง 20,000 กิโลเมตร
- หมั่นตรวจสอบรอบรั่วของระบบเกียร์ โดยเฉพาะรอยรั่วตรง Seal ท้ายเกียร์, Switch เกียร์ถอย, และ Seal หน้าแปลนเกียร์ 4 หากพบรูรั่วก็ให้นำไปตรวจซ่อมทันที
- หากนำรถยนต์ไปลุยน้ำมา หรือถูกน้ำท่วมขังมา ให้เช็กสภาพน้ำมันเกียร์ทุกครั้ง เพราะน้ำอาจเข้าไปท่วมรวมกับน้ำมันเกียร์ ส่งผลให้ระบบชำรุดเสียหาย
แม้ว่ารถเกียร์กระปุกโดยรวมแล้วจะขับขี่ยากกว่าเกียร์ออโต้ แต่ทุกวันนี้เทคโนโลยียานยนต์ก็พัฒนาไปได้มากทำให้ขับขี่ง่ายกว่าเดิม เช่นการพัฒนาเครื่องยนต์รุ่นใหม่ที่ทันสมัยขึ้นทำให้เร่งเครื่องง่ายกว่าเดิม การพัฒนาไปใช้ชุดคลัตช์แบบหลายแผ่นซ้อนช่วยในการออกตัวบนทางลาดชันได้ดีขึ้นและตัวคลัตช์เบาขึ้น การพัฒนาด้ามเกียร์ให้สั้นกระชับทำให้เข้าเกียร์ได้คล่องมือกว่าเดิม การพัฒนาระบบแรงดันเบรกเพื่อป้องกันรถไหลในทางชัน เป็นต้น ทำให้เกียร์กระปุกแม้จะเป็นระบบเก่าแต่ก็ยังคงความเก๋า ความนิยมจึงไม่ลดลงไปมากนัก
สุดท้ายนี้ไม่ว่าคุณจะใช้รถยนต์ระบบเกียร์ออโต้หรือเกียร์กระปุก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คงเป็นการสร้างความปลอดภัยในขณะขับขี่ เพราะอุบัติเหตุนั้นสามารถเกิดขึ้นได้บ่อยครั้งและหากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นมาก็ย่อมมีค่าความเสียหายตามมา ซึ่งประกันรถยนต์ก็จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ ช่วยให้คุณมีค่าซ่อมรวมถึงค่ารักษาพยาบาลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เลือกเปรียบเทียบประกันรถยนต์ที่ตรงกับใจคุณ พร้อมรับบริการความแคร์ที่จัดเต็มกว่าใคร เลือกใช้บริการกับเรา แรบบิท แคร์
ปัญหารถยนต์ยอดฮิตอื่น ๆ
รถเข้าเกียร์ไม่ได้
- รถเข้าเกียร์ไม่ได้เกิดจากอะไร
- อาการน้ำมันเกียร์รั่ว วิธีแก้ไข
- รถเข้าเกียร์ไม่ได้ ประกันรับเคลมไหม
เหยียบคันเร่งแล้วรถกระตุก
- รถยนต์กระตุก เกิดจากอะไรได้บ้าง?
- วิธีการแก้ไขอาการเหยียบคันเร่งแล้วรถกระตุก
ความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์