หัวฉีดทำหน้าที่อะไร? ไปรู้จักกับชิ้นส่วนรถยนต์นี้กันให้มากขึ้น

หัวฉีด หรือ ระบบหัวฉีดรถยนต์เป็นชิ้นส่วนสำคัญในระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง (Fuel Injection System) ที่เรา ๆ น่าจะคุ้นหูกันเป็นอย่างดี เพื่อน ๆ เคยสงสัยกันไหมว่าน้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์ของเราถูกส่งไปยังเครื่องยนต์อย่างไร? เพราะของเราในวันนี้อย่างหัวฉีดจึงเป็นคำตอบของเรื่องทั้งหมด ซึ่งน้องแคร์จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับชิ้นส่วนชิ้นนี้กันให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหัวฉีดทำหน้าที่อะไร มีอายุการใช้งานเท่าไหร่ ล้างหัวฉีด จําเป็นไหม? และอีกหลากหลายคำถามที่ชวนสงสัยที่จะทำให้ทุก ๆ คนรู้จักกับหัวฉีดกันให้มากขึ้น ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันได้เลย

หัวฉีด (Fuel Injector) คือชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์ในระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง หรือที่เรียกว่า Fuel Injection System โดยที่หัวฉีดทำหน้าที่ในการฉีดน้ำมันหรือเชื้อเพลิงเข้าไปในห้องเครื่องในรูปแบบของละอองฝอย เพื่อให้เครื่องยนต์มีการเผาไหม้และเกิดการทำงาน สามารถขับเคลื่อนได้อย่างเต็มกำลัง

โดยที่หัวฉีดรถยนต์ได้รับการพัฒนาและถูกใช้ทดแทนชิ้นส่วนการฉีดน้ำมันเข้าห้องเครื่องอย่างชิ้นส่วนคาร์บูเรเตอร์ (Carburettor) ในช่วงราวยุค 80’s โดยตัวหัวฉีดเองก็ได้รับการพัฒนาอยู่เรื่อยมาจนในปัจจุบัน เป็นหัวฉีดแบบ Electronic Fuel Injection หรือหัวฉีดแบบ EFI ซึ่งเป็นหัวฉีดที่ถูกควบคุมการทำงานในระบบไฟฟ้าร่วมกับกล่อง ECU (Electronic Fuel Injection) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นคอมพิวเตอร์ของรถยนต์นั่นเอง จึงทำให้หัวฉีดในปัจจุบันมีประสิทธิภาพในการใช้งานที่สูง และยังมีส่วนช่วยในการประหยัดน้ำมันอีกด้วย

“การล้างหัวฉีด” เป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่ผู้ใช้รถยนต์มักจะหยิบขึ้นมาพูดคุยกัยบ่อย ๆ ว่าการล้างหัวฉีดเป็นสิ่งที่จำเป็นไหม ซึ่งสำหรับคำตอบในเรื่องนี้หลังจากที่น้องแคร์ได้ไปทำการค้นคว้ามาต้องบอกเลยว่าการล้างหรือการทำความสะอาดหัวฉีดเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ใช้งานรถยนต์ควรทำ

เพราะเมื่อเราใช้รถยนต์เป็นเวลานานและไม่ได้มีการทำความสะอาด ก็จะมีสิ่งสกปกต่าง ๆ เข้ามาอุดตันทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมามากมายดังนั้นการล้างหรือทำความสะอาดหัวฉีดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยคำแนะนำสำหรับการล้างหัวฉีดก็คือควรทำความสะอาดหรือล้างหัวฉีดในทุกๆระยะ 20,000 – 25,000 กิโลเมตร หรืออาจสังเกตุได้จากอาการผิดปกติของหัวฉีดอย่างอาการเครื่องกระตุก เร่งเครื่องไม่ขึ้น รถยนต์มีอัตราการบริโภคน้ำมันหรือเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ ซึ่งก็เป็นสัญญาณเตือนให้ทำการทำความสะอาดหัวฉีดรถยนต์ได้แล้ว

อย่างที่น้องแคร์ได้บอกกับเพื่อน ๆ ไปในตอนต้นว่าการล้างหัวฉีดเป็นสิ่งที่จำเป็น เนื่องจากเป็นการขจัดสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่เกาะอยู่และอาจเข้าไปอุดตันหัวฉีด จนทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ซึ่งเราจะพาเพื่อน ๆ ไปดูกันว่าหากไม่ทำการล้างหัวฉีดหรือว่าใช้เป็นเวลานานแล้วจะมีอาการหรือปัญหาอะไรตามมาบ้าง

• เครื่องยนต์เร่งเครื่องไม่ขึ้น : ในกรณีที่หัวฉีดมีสิ่งอุดตันขัดขวางการทำงาน จะทำให้การผสมผสานระหว่างเชื้อเพลิงและอาการในห้องเครื่องไม่เป็นไปตามอัตราส่วนที่เหมาะสม ส่งผลเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ มีกำลังของเครื่องที่ต่ำลง เร่งเครื่องยนต์ไม่ขึ้นตามความต้องการ
• รถยนต์มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าปกติ : หากมีสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันที่หัวฉีด ก็จะส่งผลให้เกิดอัตราการบริโภคหรืออัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่มากกว่าปกติ ถ้าเริ่มมีอาการนี้เกิดขึ้นก็น่าจะเป็นสัญญาณเตือนให้เช็กหรือล้างหัวฉีดได้แล้ว
• รถยนต์สตาร์ทไม่ติด : สืบเนื่องจากในข้อแรกหากหัวฉีดมีการอุดตันทำให้ปล่อยเชื้อเพลิงออกมาได้ไม่เหมาะสมกับสัดส่วนของอาการในห้องเครื่อง อาจทำให้เครื่องยนต์ไม่ทำงานและส่งผลให้รถยนต์ของคุณสตาร์ทไม่ติดได้
• เครื่องยนต์สั่น : อาการเครื่องยนต์สั่น รอบเดินเบาหรือเครื่องยนต์กระตุก เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เกิดจากการที่หัวฉีดรถยนต์มีความสกปรกได้

การล้างหัวฉีดในปัจจุบันมีแนวทางการล้างอยู่ 2 วิธี สำหรับใครที่ต้องการขจัดสิ่งสกปกที่เข้าไปอุดตันหัวฉีดทำให้การทำงานผิดปกติ สามารถทำตามวิธีต่าง ๆ ได้ดังนี้

ล้างหัวฉีดด้วยน้ำยาเฉพาะ

เหมาะกับคนที่มีความสามารถด้านงานช่างอยู่บ้าง โดยใช้น้ำยาสำหรับล้างหัวฉีด เติมลงไปในถังน้ำมันเพื่อเพื่อทำการชำระล้างสิ่งสกปรกต่าง ๆ รวมไปถึงที่หัวฉีดด้วย โดยกระบวนการล้างจะให้ตัวน้ำยาทำความสะอาดไหลเวียนรวมอยู่ในระบบพร้อระบบ จากนั้นเมื่อมีการจ่ายน้ำมัน ตัวน้ำยาก็จะถูกฉีดออกมาทำให้ชำระล้างหัวฉีดไปพร้อมกันด้วย

ล้างด้วยเครื่องล้างหัวฉีด

เป็นวิธีการที่เหมาะกับคนปกติธรรมดาทั่วไป ไม่มีความสมารถด้านงานช่าง และไม่มีเวลา โดยวิธีการนี้จะต้องนำไปล้างศูนย์ซ่อมหรืออู่รถ โดยการล้างหัวฉีดแบบนี้จะใช้เครื่องมือเฉพาะ ซึ่งจะต้องมีขั้นตอนการถอดชิ้นส่วนต่าง ๆ ออกมา ทำให้ามารถขจัดสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม

โดยปกติแล้วหัวฉีดมีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างยาวนาน และหากเรามีการบำรุงรักษาดูแล ทำการล้างหัวฉีดเมื่อครบกำหนดระยะทาง ก็จะยิ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของหัวเทียนไปได้อีก โดยหัวฉีดรถยนต์จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 70,000 – 100,000 กิโลเมตร หรือหากดูแลดี ๆ อาจจะยืดอายุการใช้งานไปได้อีก

ซึ่งหากหัวฉีดรถยนต์มีการเสียหาย หรืออยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมใช้งานเราก็ขอแนะนำให้เปลี่ยนหัวฉีดที่ศูนย์รถยนต์ หรืออู๋ซ่อมรถที่ได้รับมาตราฐาน หัวฉีดรถยนต์ ราคาจะแตกต่างกันออกไปตามรุ่นและประเภทของรถยนต์คันนั้น ๆ

หัวฉีดหรือหัวฉีดรถยนต์เป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากช่วยให้รถสามารถขับเคลื่อน ๆ ไปได้ โดยการบำรุงดูแลอย่างการล้างหัวฉีดจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพราะจะช่วยทำให้หัวฉีดมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น และยังคงสภาพการทำงานของรถยนต์ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน ซึ่งจะช่วยลดการเกิดปัญหารวมถึงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้ด้วย แต่ถ้าอยากจะได้รับความปกป้องในเรื่องอุบัติเหตุที่มากขึ้น เราขอแนะนำให้ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ซึ่งเป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด ทั้งตัวคุณเอง คู่กรณี รถยนต์ รวมไปถึงผู้เกี่ยวข้อง และยังมาพร้อมกับประการอู่ซ่อมจากพันธมิตรเครือข่ายต่าง ๆ ถ้าหากเพื่อน ๆ สนใจสมัครประกันรถยนต์ ก็สามารถมาสมัครง่าย ๆ ได้ที่ แรบบิท แคร์ กันได้เลย