รู้จักปั๊มติ๊ก และวิธีเลือกซ่อมอย่างชาญฉลาด
หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อปั๊มติ๊กว่าเป็นอุปกรณ์รถยนต์ชนิดหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าปั๊มติ๊ก ทำหน้าที่อะไร และควรจะต้องดูแลรักษาอย่างไรไม่ให้ชำรุดง่าย รวมถึงจะต้องสังเกตอาการปั้มติ๊กเสียอย่างไร จึงจะรู้ว่าควรนำเปลี่ยนหรือซ่อมแบบไหนให้เหมาะสมที่สุด รวมถึงถ้าปั๊มติ๊กเสียจะเคลมประกันได้หรือไม่ วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันแบบชัด ๆ ให้กระจ่างกันทุกข้อสงสัยเลย
ปั๊มติ๊ก ทำหน้าที่อะไรในรถยนต์
ปั๊มติ๊ก คือ ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงภายใน ซึ่งถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญชิ้นหนึ่งของระบบเชื้อเพลิงที่จะถูกติดตั้งบริเวณใต้เบาะหลังของรถยนต์ ที่มาของชื่อก็มาจากเสียงติ๊ก ๆ ที่ดังขึ้นตลอดเวลาระหว่างที่ปั๊มกำลังทำงาน ถ้าถามว่า ปั๊มติ๊ก ทำหน้าที่อะไร? คำตอบคือ ทำหน้าที่หลักในการดูดน้ำมันเชื้อเพลิงจากถังน้ำมันแล้วจ่ายให้กับรางหัวฉีดด้วยแรงดันที่ควบคุมอย่างเหมาะสมในปริมาณที่เพียงพอสำหรับการทำงานของเครื่องยนต์ต่าง ๆ เพื่อหล่อลื่น ขับเคลื่อน และใช้ในกระบวนการถ่ายเทความร้อนดังนั้นถ้าหากว่าปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงทำงานได้ไม่ดีหรือเสียหาย จะส่งผลให้เครื่องยนต์ได้รับเชื้อเพลิงน้อยเกินไป ทำให้ทำงานไม่สมบูรณ์และอาจจะโอเวอร์ฮีทจนสตาร์ทไม่ติดได้
ปั๊มติ๊กหลักการทำงาน คือ แปลงกระแสไฟฟ้าที่ได้มาป้อนให้กับขดลวดไฟฟ้า และทำให้แผ่นไดอะเฟรม อุปกรณ์ช่วยถ่ายน้ำมันที่ประกอบอยู่กับชุดวาล์วเปิดปิด เกิดแรงดูดและแรงดันจากการขยับตัวเข้าออก ช่วยป้อนนำมันให้ระบบเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปั๊มติ๊กนอกถัง ต่างจาก ปั๊มติ๊กปกติอย่างไร?
ในปัจจุบันปั๊มติ๊กของรถยนต์จะมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภทหลัก คือ ปั๊มติ๊กที่แช่ไว้ในถังน้ำมันโดยตรง ปั๊มติ๊กที่จะติดตั้งไว้นอกถังน้ำมัน ซึ่งทั้ง 2 แบบจะมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกันออกไปหลายอย่าง ผู้ขับขี่รถยนต์จึงควรรู้ก่อนว่าเลือกแบบไหนจะเหมาะกับการใช้งานรถยนต์ของตัวเองที่สุด
- 1. ปั๊มติ๊กแช่ถังน้ำมัน (In-tank Fuel Pump)
ปั๊มประเภทนี้จะมีท่อดูดจุ่มอยู่ในถังน้ำมันโดยตรง ทำให้ระบายความร้อนผ่านน้ำมันออกมาได้ดี และลดการเกิดไอระเหยของน้ำมันจากการดูดที่จะเพิ่มความเสี่ยงเกิดประกายไฟจนลุกไหม้ในห้องเครื่องได้ ปัจจุบันจึงเป็นที่นิยมในรถยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ ๆ เป็นอย่างมาก - 2. ปั๊มติ๊กนอกถัง (External Fuel Pump)
หรือชื่อที่มีคนเรียกกันบ่อยก็คือ “ปั๊มติ๊กซิ่ง” สาเหตุเพราะรถยนต์ส่วนใหญ่ที่ใช้ปั๊มชนิดนี้จะเป็นรถที่ต้องการใช้งานหนัก ใช้ทำความเร็ว อาทิ รถแข่ง ซึ่งตัวปั๊มอาจจะติดตั้งอยู่ที่ห้องเครื่องยนต์ หรือ ติดตั้งไว้ในห้องโดยสารเลยก็ได้ โดยการติดตั้งปั๊มติ๊กนอกถังแบบนี้จะทำให้ตัวปั๊มที่อยู่ใกล้เครื่องยนต์มากขึ้นมีแรงดันดีขึ้น และส่งน้ำมันไปยังรางหัวฉีดได้เร็วและมากกว่าปั๊มจากโรงงานทั่วไป รถจึงมีสมรรถนะดีขึ้น สามารถใช้งานหนักได้อย่างเต็มที่ แต่จะมีปัญหาเกี่ยวกับการระบายความร้อยและความเสี่ยงต่อการเกิดประกายไฟสูงกว่าปั๊มติ๊กแบบธรรมดา
วิธีสังเกตอาการปั้มติ๊กเสีย
วิธีเช็กอาการปั้มติ๊กเสียเบื้องต้นด้วยตัวเอง หากรถของคุณเริ่มมีอาการเหล่านี้ให้สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากความผิดปกติของตัวปั๊มติ๊กได้
- เครื่องยนต์กระตุกหรือดับแม้ขับด้วยความเร็วคงที่ อาจเกิดจากปั๊มติ๊กแรงมีดันน้อย ทำให้ดูดน้ำมันเชื้อเพลิงส่งเข้าไปในระบบได้ไม่เพียงพอกับความต้องการของเครื่องยนต์ กำลังของเครื่องยนต์จึงสะดุดหายไปในบางช่วง หรือถ้าชำรุดหนักอาจทำให้เครื่องดับไปเลย
- สตาร์ทแล้วกระตุก มักจะเกิดขึ้นเมื่อปั๊มติ๊กไม่สามารถดูดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดีเหมือนเดิม ทำให้แรงดันและปริมาณน้ำมันที่ส่งให้จุดระเบิดไม่สม่ำเสมอจนกระตุกตอนสตาร์ทได้
- รถสตาร์ทไม่ติด ถ้าเช็กแล้วระบบฟิวส์และแรงดันระบบยังสมบูรณ์ ก็อาจเป็นเพราะปั๊มติ๊กเสีย จึงไม่สามารถดูดน้ำมันเชื้อเพลิงจากถังแล้วจ่ายไปให้หัวเทียนใช้เพื่อจุดระเบิดได้
- รถติดแก๊ส สตาร์ทด้วยน้ำมันไม่ติด แต่สตาร์ทด้วยแก๊สติด แสดงว่าะบบเชื้อเพลิงเสื่อมสภาพหรือชำรุดแล้ว แต่ระบบแก๊สยังโอเค ต้องรีบเปลี่ยนปั๊มตัวใหม่สถานเดียว
- เครื่องยนต์อ่อนกำลังเมื่อขับรถขึ้นทางชัน จากที่ปกติรถเคยมีแรงส่งขึ้นทางชันได้ดี แต่ถ้าวันนี้กลับกลายเป็นรถอืด เร่งไม่ค่อยขึ้น ก็อาจจะมีปัญหาที่เสื่อมสภาพจนจ่ายน้ำมันได้ไม่ดีจนไม่มีแรงดันเพียงพอจะส่งน้ำมันไปได้เท่าที่เครื่องยนต์ต้องการใช้ในการขึ้นเนิน
วิธีการดูแลปั้มติ๊ก
เพราะปั๊มน้ำมันเชื่อเพลิงเป็นอุปกรณ์สำคัญอย่างมากสำหรับระบบบเชื่อเพลิงภายในรถ ดังนั้นการดูแลรักษาก็จะยิ่งต้องใส่ใจ นอกจากสังเกตความผิดปกติแล้วทุกอย่างก็มีอายุการใช้งานของมัน ปั๊มติ๊ก กี่ปีเปลี่ยน? ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ขับขี่รถยนต์ควรทราบ ซึ่งคำตอบก็คือ เราควรเช็กสภาพระบบเชื้อเพลิงและเปลี่ยมปั๊มติ๊กทุก 3 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะทางและยี่ห้อที่ใช้ด้วยว่ามีการใช้งานได้กี่ปี หรือถ้าหากว่าอยู่ในช่วง 150,000 - 200,000 กิโลเมตร ก็ควรจะพิจารณาเปลี่ยนตัวใหม่ได้แล้ว นอกจากนี้ก็ควรดูแลรักษาปั๊มติ๊กด้วยการเติมน้ำมันที่มีคุณภาพดี ไม่ผสมเอทานอล เพราะน้ำมันสะอาดเช่น เบนซิน หรือ ดีเซลล้วน จะลดความเสี่ยงจากสิ่งแปลกปลอม เช่น เชื้อรา ตะกอนชั้นแบคทีเรีย ที่จะเข้าไปอุดตัน หรือทำให้ชิ้นส่วนเสียหายง่าย อีกทั้งไม่ควรปล่อยให้น้ำมันเหลือน้อยจนไฟขึ้นเตือน ควรเติมให้อยู่ที่ระดับ 1 ใน 4 ของถังเสมอ เพราะเมื่อน้ำมันเหลือน้อยจะทำให้ทำงานหนักขึ้นเพื่อดูดน้ำมันมาจ่ายให้เพียงพอ ทำให้ปั๊มเสื่อมสภาพเร็ว รวมถึงเมื่อเครื่องยนต์ขาดสารหล่อลื่นก็จะทำให้เกิดการเสียดสีมากขึ้น ระบายความร้อนแย่ลง สึกกร่อนได้เร็วกว่าเดิม และสำหรับรถที่ไม่ค่อยได้ใช้ ต้องหมั่นถ่ายน้ำมันเก่าออกและเติมน้ำมันใหม่เข้าไป เพราะน้ำมันที่ทิ้งไว้ในถังนานจะเสื่อมสภาพเกิดคราบตะกรัน และสิ่งสกปรกอุดตันปั๊มติ๊กได้
ซ่อมปั๊มติ๊ก ราคาเท่าไหร่?
- การซ่อมปั๊มติ๊ก เมื่อชำรุดหรือเสื่อมสภาพจนอาจเป็นอัตรายในการขับขี่ การไปใช้บริการอู่ซ่อมรถหรือศูนย์บริการจะมีค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนปั๊มและค่าปั๊มติ๊ก ราคารวมแล้วอยู่ที่ประมาณ 5,000 – 10,000 บาท ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อของรถยนต์ แต่ถ้าหากอยากจะเปลี่ยนด้วยตัวเอง ใคร ๆ ก็สามารถทำได้เช่นกันหากมีความรู้
- วิธีเปลี่ยนปั๊มติ๊กเอง เป็นวิธีที่ช่วยประหยัดเงินค่าช่างได้มากเพราะจะมีค่าใช้จ่ายในการซื้อปั๊มติ๊ก ราคาหลัก 1,000 บาทต้น ๆ แล้วแต่รุ่นและยี่ห้อรถเช่นกัน วิธีเปลี่ยนเริ่มจากถอดเบาะหลังออกเพราะปั๊มติ๊กติดตั้งอยู่ข้างใต้นั้น และใช้ไขควงหัวแฉกไขน็อต 4 ตัวที่แผ่นเหล็กรูปวงรีเพื่อถอดเบาะออก จากนั้นปลดล็อคปลั๊กสีเขียวอ่อนทั้งสองข้างออก แล้วจึงใช้ประแจเบอร์ 10 ขันน็อตของปั๊มติ๊กตัวเก่าออกมา จากนั้นก็นำตัวใหม่ขันน็อตติดเข้าไปแทน แล้วจึงขันน็อตเก็บทุกอย่างให้กลับสู่สภาพเดิมเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ปั๊มติ๊กชำรุดเสื่อมสภาพ เคลมกับประกันรถยนต์ได้หรือไม่?
เมื่อปั๊มติ๊ก ราคาซ่อมหรือเปลี่ยนกับสถานบริการค่อนข้างสูงแบบนี้หลายคนอาจจะเริ่มมีคำถามว่า แล้วการซ่อมหรือเปลี่ยนปั๊มติ๊กที่ชำรุดเสื่อมสภาพจะสามารถทำเรื่องเคลมกับประกันรถยนต์ได้หรือไม่? คำตอบคือการซ่อมแซมรถยนต์ยนต์ที่เป็นผลมาจากการใช้งานปกติหรือการเสื่อมสภาพตามอายุใช้งาน “ไม่สามารถเคลมประกันได้ทุกกรณี” แต่ก็มีข้อยกเว้นที่จะสามารถขอเคลมได้ เช่น เด็กปั๊มเติมน้ำมันให้รถเราผิดประเภทจนทำให้เครื่องยนต์มีปัญหาไปจนถึงปั๊มติ๊กเสียหาย ต้องรีบโทรแจ้งประกันทันทีที่เกิดเหตุ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันภัยเข้ามาตรวจสอบโดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้นบริษัทประกันอาจไม่รับเคลม และประกันที่จะให้เคลมในกรณีแบบนี้ได้ต้องเป็นประกันชั้น 1 เท่านั้น
หากว่าใครที่ยังไม่มี ประกันรถยนต์ และยังลังเลว่าจะสมัครกับที่ไหน โปรดไว้ใจ้ให้ แรบบิท แคร์ ช่วยเปรียบเทียบราคากับประกันตัวเด็ดเจ้าดังทุกแห่ง การันตีราคาสุดคุ้ม ประหยัดได้สูงสุดถึง 70% เราใส่ใจพร้อมช่วยเหลือฉุกเฉินตลอดเวลา ให้ทุกคนสามารถขับขี่ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันอีกต่อไป
ความคุ้มครองประกันรถยนต์