สัญลักษณ์ไฟโชว์หน้าปัด เรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะไฟเบรคค้าง!

หากมีความรู้สัญญาณไฟหน้าปัดรถยนต์ ไว้ ปลอดภัยแน่ หลายท่านที่ใช้รถยนต์เป็นประจำจะเคยสังเกตเห็นสัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ รูปร่างและสีสันต่าง ๆ ที่แสดงไฟหน้าปัดโชว์ขึ้น เมื่อเริ่มสตาร์ทรถก่อนบางตัวหายไป บางครั้งเวลาสัญญาณไฟหน้าปัดรถยนต์กะพริบขึ้นมาแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ขับรถต่อไปจะมีผลอันตรายหรือเปล่าสัญลักษณ์ไฟหน้าปัดโชว์ เรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม วันนี้เราจึงจะมาแนะนำอธิบายสร้างความเข้าใจ หากมีสัญลักษณ์ไฟหน้าปัดโชว์ ว่ามีความหมายอย่างไร และถ้ามีไฟโชว์หน้าปัด จะแก้ไขอย่างไร ไปกันเลย

สำหรับผู้ที่ใช้รถควรรู้เอาไว้ไฟหน้าปัดโชว์ไฟเตือนต่าง ๆ พวกนี้บ่งบอกความผิดปกติของรถยนต์คุณ ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ซึ่งมีการเรียงลำดับความสำคัญตามสีไว้ด้วยเพื่อความเข้าง่ายต่อการสังเกต เริ่มจาก สีแดง → สีเหลือง → สีเขียว (สีแดงสำคัญที่สุด) ซึ่งถ้าไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์สัญลักษณ์สีแดงขึ้นโชว์นั้นหมายถึงว่าเครื่องยนต์มีปัญหาแล้ว ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด

แต่ถึงอย่างนั้นสีของสัญลักษณ์ไฟหน้าปัดโชว์รถยนต์ ก็มีถึง 3 สีขึ้นอยู่กับรถแต่ละรุ่น รวมถึงรถเก่า รถใหม่ก็แตกต่างกัน โดยสัญญาณไฟหน้าปัดรถยนต์แต่ละสีก็มีความหมายแตกต่างกันออกไป ดังนี้

• ไฟสีเขียวหรือไฟสีฟ้า : เมื่อไฟหน้าปัดโชว์สีนี้ขึ้นหน้าจอรถยนต์เตือน เป็นการบ่งบอกถึงสภาพของระบบต่าง ๆ และฟังก์ชันไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ยังคงทำงานปกติ สามารถใช้งานได้
• ไฟสีเหลือง : เมื่อไฟหน้าปัดโชว์ เป็นการแจ้งเตือนว่ามีระบบหรืออุปกรณ์บางชิ้นส่วนเริ่มมีปัญหาไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์เตือนให้ระวังแต่ก็ยังสามารถใช้งานได้อยู่ แต่ไม่ควรนิ่งนอนใจ เมื่อมีเวลาควรนำรถเข้าไปตรวจสอบที่ศูนย์บริการโดยทันที
• ไฟสีแดง : เมื่อไฟหน้าปัดโชว์เป็นการแจ้งหน้าจอรถยนต์เตือนว่าระบบในรถมีปัญหาแล้ว และสามารถก่อให้เกิดความเสียหายหรือเสี่ยงอุบัติเหตุได้ง่าย ควรรีบพักเครื่อง หรือรีบตรวจสอบ ซ่อมแซมให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะการนำรถไปให้ช่างที่ศูนย์หรืออู่ตรวจเช็กสภาพรถ

เมื่อไฟหน้าปัดโชว์บนรถยนต์ที่ปรากฏให้เห็นทั้งตอนสตาร์ทรถหรือขณะขับขี่ มีความหมายอย่างไร และสัญญาณไฟหน้าปัดรถยนต์โชว์แบบไหนที่ควรนำรถเข้าเช็คสภาพ เพื่อตรวจหาความผิดปกติก่อนดำเนินการแก้ไข ดังนี้

หากมีไฟหน้าปัดโชว์รูปน้ำมันเตือนที่เป็นรูปปั๊มน้ำมันสีเหลืองโชว์ขึ้น ถือเป็นการบอกให้ผู้ใช้รถเริ่มเตรียมตัวที่จะต้องเติมน้ำมัน ซึ่งรถของคุณยังคงสามารถขับต่อไปได้อีกระยะ แต่จะไม่มีทางทราบเลยว่ามีน้ำมันเหลืออยู่ในถังเท่าไหร่ เพราะขึ้นอยู่กับข้อจำกัดของรถแต่ละคัน และไม่มีระบุไว้ชัดเจนในคู่มือรถ แต่โดยเฉลี่ยให้คิดไว้ก่อนเลยว่าน้ำมันอาจเหลือไม่ถึง 10 ลิตรแล้ว ดังนั้นควรรีบหาปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุด และขับรถให้อยู่ในความเร็วคงที่ ไม่ขับเร็ว หรือขับกระชาก รวมถึงเลี่ยงเส้นทางสภาพการจราจรที่ติดขัด และสภาพถนนที่เป็นโค้งหรือขึ้นเนินสูง ถ้าเป็นไปได้ให้ปิดระบบต่าง ๆ ในรถ ไม่ว่าจะเป็นการ ฟังเพลง หรือระบบปรับอากาศ

หากเกิดน้ำมันหมดกลางทางระหว่างขับรถอยู่ ตัวรถยนต์จะเกิดการกระตุกเหมือนเครื่องจะดับ ให้รีบนำรถชิดซ้ายทันที แล้วหาพื้นที่จอดที่ปลอดภัย จากนั้นให้แจ้งไปยังหน่วยงานที่ดูแลเพื่อลากรถไปยังปั๊มน้ำมัน ในกรณีที่รถจอดดับอยู่บนทางด่วนให้โทร. แจ้ง 1543 สายด่วนการทางพิเศษแห่งประเทศไทย หรือ 1586 สายด่วนกรมทางหลวง ทันที

ไฟรูป แบตเตอรี่ (Battery) หากมีไฟโชว์หน้าปัดขึ้นบนแผงหน้าปัดรถยนต์ เกิดจากปัญหาอะไร

• สายไฟของแบตเตอรี่ (Battery) หลวมหรือเกิดการสึกกร่อน
• ปัญหาเกี่ยวกับไดชาร์จรถยนต์หรือตัวควบคุมแรงดันไฟฟ้าขัดข้อง
• เซลล์หรือแผ่นธาตุภายในแบตเตอรี่ (Battery) เกิดการชำรุด
• การเดินสายไฟผิดพลาดในระบบชาร์จไฟฟ้าของรถยนต์
  
  

การแก้ไขปัญหาไฟรูป แบตเตอรี่ (Battery) ขึ้นโชว์บนแผงหน้าปัดรถยนต์

การแก้ไขปัญหาไฟโชว์หน้าปัดรูป แบตเตอรี่ (Battery) ขึ้นโชว์บนแผงหน้าปัดรถยนต์ ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์นี้เกิดขึ้นคุณสามารถทำการตรวจเช็กเบื้องต้น ได้ด้วยตัวเองจากอ่านคู่มือการใช้งานรถยนต์ของคุณประกอบร่วมกับการตรวจเช็กตามขั้นตอนที่เราแนะนำดังต่อไปนี้ ซึ่งขั้นตอนแรกคุณควรสวมถุงมือทุกครั้งเมื่อทำการตรวจเช็กแบตเตอรี่ (Battery) เพื่อป้องกันการบาดเจ็บในระหว่างการตรวจเช็ค หลังจากนั้นก็ปฏิบัติตามคำแนะนำจากคู่มือการใช้งานของคุณ

• ตรวจเช็ก การกัดกร่อนบริเวณ แบตเตอรี่ (Battery)
• ทำความสะอาดขั้ว แบตเตอรี่
• ตรวจเช็กสายไฟบริเวณขั้วแบตเตอรี่ ปรับสายไฟกับที่หนีบขั้วแบตเตอรี่ ให้แน่น
  
  

จะทำอย่างไรเมื่อไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์รูปแบตเตอรี่ ยังคงมีไฟโชว์หน้าปัดบนแผงหน้าปัดรถยนต์ของคุณอยู่ หลังจากที่คุณได้ทำการตรวจเช็กและทำการแก้ไขเบื้องต้นตามคำแนะนำแล้ว แต่ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ยังมีไฟโชว์หน้าปัดรูป แบตเตอรี่ อยู่ ซึ่งอาจเป็นปัญหาเกี่ยวกับทางกลไกของแบตเตอรี่ เช่น ปัญหาเกี่ยวกับไดชาร์จรถยนต์หรือตัวควบคุมแรงดันไฟฟ้าขัดข้อง หรืออาจเป็นการเดินระบบสายไฟผิดพลาด ถ้าเกิดเป็นอาการเหล่านี้ควรนำรถยนต์ของคุณเข้าศูนย์บริการให้ช่างเทคนิคทำการแก้ไขให้ทันที เพื่อความปลอดภัยของรถยนต์และตัวผู้ขับขี่

หากมีไฟหน้าปัดโชว์เตือนรูปสัญลักษณ์น้ำมันเครื่องขึ้นบ่งบอกว่า ระบบการหล่อลื่นเครื่องยนต์กำลังมีปัญหา แต่ถ้าปล่อยเลยไปก็พร้อมส่งผลกระทบต่อระบบเครื่องได้อย่างแน่นอน หากไฟโชว์หน้าปัดเตือนน้ำมันเครื่องควรรีบนำรถของคุณเข้าอู่ให้เช็กอาการทันที

สาเหตุที่ไฟเตือนน้ำมันเครื่องขึ้นโชว์

1. ไฟโชว์หน้าปัดเกิดจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง เช่น ปล่อยให้น้ำมันเครื่องแห้ง ประเก็นฝาสูบแตกทำให้น้ำมันรั่วซึมไปที่ห้องเผาไหม้หรือระบบระบายความร้อน อ่างน้ำมันเครื่องทะลุ ซีลรั่ว เป็นต้น
2. ไฟโชว์หน้าปัดเกิดจากการดัดแปลงเครื่องยนต์ เช่น เลือกใช้ชิ้นส่วนที่ไม่เข้ากัน มีการขันตัวยึดต่าง ๆ ไม่แน่น
3. ไฟโชว์หน้าปัดเกิดจากการเสื่อมสภาพหรือเสียของชิ้นส่วนต่าง ๆ เมื่อใช้งานมานาน เช่น ซีลยางรั่ว ไส้กรองน้ำมันเครื่องสกปรก ปั๊มน้ำมันเครื่องเสีย เซ็นเซอร์วัดแรงดันน้ำมันเครื่องเสีย
   
   

ไฟเตือนน้ำมันเครื่องโชว์แก้ไขอย่างไร

1. ไฟโชว์หน้าปัดต้องหาที่จอด และดับเครื่องยนต์ในทันที
2. ไฟโชว์หน้าปัดต้องตรวจหาร่องรอยการรั่วซึม หรือดูว่ามีน้ำมันเครื่องหยดที่พื้นหรือไม่
3. ไฟโชว์หน้าปัดต้องเช็กระดับน้ำมันเครื่อง โดยดึงก้านวัดขึ้นมาเช็ก หากระดับน้ำมันเครื่องต่ำ จะต้องเติมน้ำมันเครื่องให้เต็ม
4. ไฟโชว์หน้าปัดต้องลองสตาร์ทเครื่องอีกครั้ง หากไฟเตือนน้ำมันเครื่องยังอยู่ ควรติดต่อรถลากเข้าอู่หรือศูนย์บริการเพื่อให้ช่างมาเช็กอาการ

หากมีไฟหน้าปัดโชว์สัญลักษณ์นี้ หมายถึง ยังไม่ได้เอาเบรคมือลง หรือลดเบรกมือยังไม่สุดก็ส่งผลให้มีไฟโชว์หน้าปัด แต่เมื่อเอาลงแล้วยังมีไฟโชว์หน้าปัดอยู่ แปลว่า น้ำมันเบรกอาจจะผิดปกติ หรืออาจจะเกี่ยวข้องถึงระบบล็อกล้อ ถ้ามีการใช้สัญญาณร่วมกัน

หากมีไฟหน้าปัดโชว์สัญญาณไฟนี้ขึ้น แสดงว่าเครื่องยนต์มีอุณหภูมิที่สูงเกินไป และอาจทำให้เกิดความเสียหายได้ ให้นำรถจอดข้างทางทันที เบื้องต้นให้ดับเครื่องยนต์ และรอจนกว่าเครื่องยนต์จะเย็นตัว แล้วให้เช็กระดับน้ำในหม้อน้ำ

หากมีไฟหน้าปัดโชว์เป็นสัญลักษณ์เตือนเมื่อพวงมาลัยไฟฟ้าเกิดปัญหา เเละจะทำให้การควบคุมพวงมาลัยยากขึ้น เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ให้ประคองรถยนต์เข้าศูนย์ทันที หรือใช้บริการรถยกเพื่อแก้ไขปัญหาไฟโชว์หน้าปัด

หากมีไฟหน้าปัดโชว์ส่วนใหญ่แล้ว สัญลักษณ์เมื่อเปิดไฟหน้า ตัวดวงไฟจะแสดงเป็นสีเขียว หรือสีส้มอำพัน (แตกต่างกันในแต่ละรุ่น) แต่ถ้ามีดวงไฟสีน้ำเงิน หรือฟ้าขึ้นมา แสดงว่ามีการเปิดไฟสูง ควรใช้ในการขับขี่ตอนกลางคืน และในที่ที่ไม่มีรถคันอื่นอยู่ข้างหน้า และสวนทางมา

หากมีไฟหน้าปัดโชว์ขึ้นมาแล้วไม่ดับ แสดงว่าการทำงานของเครื่องยนต์เริ่มมีปัญหา ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่ครอบจักรวาล เพราะตัวนี้ตัวเดียว ถ้าไฟโชว์หน้าปัดอาจแจ้งความผิดปกติหลายอย่าง ต้องนำไปตรวจเช็กที่ศูนย์ หรืออู่ซ่อมรถ

ระบบเบรกรถเป็นหนึ่งในระบบที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในการขับขี่ เพราะหากเบรกรถทำงานได้ผิดปกติก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ เช่น รถไหลไปชนคันหน้า เพราะเบรกรถไม่อยู่ ดังนั้นคุณควรหมั่นสังเกตรถยนต์ของคุณ ว่ามีระบบไหนผิดปกติหรือไม่โดยการเช็กระยะรถให้ตรงเวลา และหากพบความผิดปกติควรรีบนำรถเข้าศูนย์เพื่อซ่อมและตรวจอย่างละเอียดทันที

ระบบเบรกรถยนต์ปัจจุบันจะใช้งานเป็นแบบไฮโดรลิกซึ่งสามารถแบบได้ 2 ประเภท คือดรัมเบรก และดิสเบรก ราคา อายุการใช้งาน ข้อดี ข้อเสีย ของ 2 เบรกรถนี้มีความแตกต่างกัน ดังนั้นก่อนเลือกเบรกรถน้องแคร์แนะนำให้ศึกษาการใช้งานของแต่ละประเภทก่อนเสมอ

1. Brembo

ยี่ห้อนี้ ผู้ขับขี่รถยนต์มักจะคุ้นหูเป็นอย่างดี เป็นแบรนด์ที่ผลิตเบรกรถรายใหญ่ของประเทศ เพราะเป็นบริษัทที่ผลิตเบรกรถให้กับยานพาหนะทุกชนิด ไม่ว่าจะรถยนต์ทั่วไป หรือรถแข่ง แบรนด์นี้มีชื่อเสียงและโด่งดังไม่ทั่วโลก ทำให้หลาย ๆ คนอยากที่จะใช้เบรกยี่ห้อนี้ แต่ข้อเสียคือ ราคาที่สูงจนยากที่จะจับต้อง เพราะราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 2 แสนกว่าบาท หรือบางรุ่นอาจเฉียดล้านเลยก็ว่าได้ ยี่ห้อและรุ่นรถยนต์ที่ใช้เบรกยี่ห้อ Brembo เช่น Mercedes-AMG, Porsche GT3 RS และอื่น ๆ อีกมากมาย

2. ATS

เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อของเบรกรถที่มาแรงมาก ๆ มีชื่อเสียงโด่งดัง จึงไม่แปลกที่หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยินชื่อผ่านหูมาบ้าง โดยชิ้นส่วนของเบรกผลิตจากโรงงานที่มีคุณภาพระดับแนวหน้าของประเทศเยอรมัน ซึ่งเบรกที่ใช้ในหลาย ๆ ยี่ห้อก็ถูกผลิตโดยแบรนด์นี้เช่นกัน ข้อดีคือวัสดุเบรกทำจาก Aluminium Force ซึ่งจะมีความแข็งแรง ทนทาน อายุการใช้งานสูง และมีน้ำหนักเบา เหมาะกับรถใหญ่ที่มีกำลังและน้ำหนักมาก ทางแบรนด์มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ตอบโจทย์กับรถยนต์หลายยี่ห้อ ราคาเบรกเริ่มต้นที่ 30,000 หรืออาจสูงไปถึงหลักแสนได้ในบางรุ่น

3. Endless

เป็นเบรกรถสัญชาติญี่ปุ่น ที่โด่งดังไม่แพ้ 2 รุ่นที่กล่าวมาข้างต้น รถหลายยี่ห้อเลือกใช้โดยเฉพาะในหมู่รถแข่ง ลักษณะเด่นของเบรกแบรนด์นี้คือมีสีน้ำเงินเข้ม มีความสวยงาม สามารถใส่กับล้อรถสีไหนก็ทำให้สวยยิ่งขึ้น ตัวเบรกมีให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ 4 Pot จนไปถึง 6 Pot พบมากในรายการแข่งรถ เช่น SUPER GT ราคาค่อนข้างที่จะสูงหากเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ โดยราคามากกว่า 100,000 บาท แม้ราคาจะสูง แต่อายุการใช้งานและคุณภาพก็สูงเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างปแน่นอน

4. Spoon

เป็นหนึ่งในแบรนด์เบรกที่พบได้บ่อยมากในรถยี่ห้อ Honda เรียกง่าย ๆ ว่าใครที่ใช้รถฮอนด้า ทุกคนแทบจะรู้จักแบรนด์นี้ มากไปกว่านั้นมักถูกใช้ในรถแข่งของ Honda เช่น รุ่น NSX, Honda City Hatchback, Honda Jazz และอื่น ๆ เบรกรถของ Spoon มีความแตงต่างจากยี่ห้ออื่น มาพร้อมกับรูปแบบที่ทันสมัย มีความอลังการ มีรูปร่างที่เล็กกว่าปกติทั่วไป เพราะเบรกที่ใหญ่จะทำให้เสียสมดุลเวลาเหยียบเบรก และทำให้รถวิ่งได้ช้าลง ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 50,000 บาท

เบรกรถนับว่าเป็นส่วนสำคัญเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยของรถยนต์ ที่ผู้ใช้รถควรทำความเข้าใจ เพราะในบางครั้งอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอย่างเช่น ไฟเบรกมือค้างเกิดขึ้นได้ ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ บทความนี้เลยจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับอาการไฟเบรกมือค้าง

เบรกมือ คือหนึ่งในระบบเบรกรถที่มีไว้เพื่อช่วยในระบบความปลอดภัย สำหรับการห้ามล้อเพื่อป้องกันการไหลของรถยนต์ในขณะที่รถจอดสนิท ทั้งในการจอดแบบปกติและการจอดในพื้นที่ลาดเอียง ซึ่งในปัจจุบัน จะมีทั้งแบบคันโยก และแบบไฟฟ้าแบบปุ่มกดที่มีสัญลักษณ์ตัว P

ปกติแล้ว เบรกมือจะใช้งานในสภาวะที่รถจอดนิ่งสนิทเท่านั้น เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้งานในขณะที่รถกำลังเคลื่อนที่ เพราะอาจจะทำให้เบรกรถเกิดความเสียหายได้ โดยวิธีการใช้งานที่ถูกต้องคือ การดึงเบรกขึ้นมาให้สุดโดยไม่ต้องกดจนรู้สึกตึงมือและมีเสียงดังแกร๊กเบาๆ เมื่อต้องการปลดเบรกลง ให้ทำการกดปุ่มทุกครั้งพร้อมกับกดด้ามเบรกลง เพื่อเป็นการถนอมอายุการใช้งานของเบรกให้ยาวนานยิ่งขึ้น แต่สำหรับเบรกรถแบบไฟฟ้าที่มาในรูปแบบของปุ่มกดที่มีสัญลักษณ์ตัว P จะมีการใช้งานที่ง่ายขึ้นเพียงแค่กดหรือดึงปุ่มขึ้นเบาๆ เบรกรถก็จะทำงานทันที

เบรกมือรถยนต์สามารถช่วยลดอุบัติเหตุได้ เนื่องจากหากเบรกรถไม่หยุด ซึ่งเป็นสาเหตุจากเบรกแตก หรือเบรกรถมีปัญหา ดังนั้นความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญมากในการขับขี่ เบรกรถจึงทำหน้าที่เป็นตัวช่วยสำคัญที่จะพอทำให้รถหยุดหรือชะลอความเร็วของรถลงได้ แต่ผู้ขับขี่จำเป็นต้องรู้ว่าเบรกมือไม่ได้ช่วยให้รถหยุดแบบทันที ดังนั้นวิธีก็คือควรดึงเบรกขึ้นลงบ่อยๆ

บ่อยครั้งที่ผู้ขับขี่รถยนต์อาจจะเกิดความสงสัยว่า ทำไมเมื่อเอาเบรกลงแล้ว ถึงยังเกิดสัญลักษณ์ไฟเบรกมือค้างอยู่ ซึ่งจริงๆ แล้วการที่ไฟเบรกมือค้าง ไม่เพียงแต่บอกถึงระบบเบรกรถอย่างเดียวเท่านั้น แต่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุดังนี้

1. เอาเบรกลงไม่สุด สาเหตุนี้สามารถพบเจอได้บ่อยครั้ง เพราะหากเป็นเบรกแบบก้านคันโยก บางครั้งเมื่อเราดึงขึ้นจนสุด แต่เมื่อปลดเบรกกลับดึงลงไม่สุด อาจจะทำให้ไฟเบรกมือค้าง และทำให้การเคลื่อนตัวของรถมีอาการหน่วง หากฝืนขับไปอาจจะทำให้ระบบเบรกไหม้ได้
2. น้ำมันเบรกอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าปกติ เพราะหลายคนอาจจะรู้แค่ว่า ไฟเบรกมือค้าง น่าจะเกี่ยวข้องกับระบบของเบรกเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ถ้าหากไฟเบรกขึ้นโชว์ขณะที่ไม่ได้ใส่เบรกมือไว้ แสดงว่าน้ำมันเบรกอาจจะลดลงไปจนถึงระดับต่ำสุด และจะทำให้เกิดปัญหาในระบบเบรกได้หากฝืนใช้งาน
3. ผ้าเบรกรถหมด หรือจานดิสเบรกสึกหรอ กรณีนี้ จะมีความเชื่อมโยงกับข้อ 2 เนื่องจากหากจานดิสเบรกเกิดการสึกหรอและผ้าเบรกใกล้หมด จะทำให้น้ำมันเบรกลดลงต่ำกว่าปกติ โดยเฉพาะในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มีเซนเซอร์ตรวจจับความหนาของผ้าเบรก เมื่อผ้าเบรกบางก็จะส่งสัญญาณไฟเบรกมือค้างโชว์อยู่ที่หน้าปัด
4. หม้อลมเบรกรั่ว หม้อลมเบรก เป็นอุปกรณ์ช่วยผ่อนแรงในการเหยียบแป้นเบรก หลักการทำงานคือใช้ระบบสุญญากาศ ที่เกิดจากการดูดอากาศเข้าไปเมื่อสตาร์ทรถผ่านท่อไอดีและไดอะแฟรม ช่วยให้เหยียบเบรกได้นุ่มนวลมากขึ้น ซึ่งหากหม้อลมเบรกรั่ว ก็อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ไฟเบรกมือค้างได้เช่นกัน แต่ก็อาจจะต้องสังเกตอาการอื่นร่วมด้วย เช่น เหยียบแป้นเบรกแล้วจมหรือแข็งมากกว่าปกติ

การป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับกรณีไฟเบรกมือค้างคือ เราควรหมั่นตรวจสอบการปลดเบรกทุกครั้งก่อนออกรถ รวมถึงการหมั่นสังเกตความผิดปกติต่างๆ ระหว่างการใช้รถ นอกเหนือไปจากนี้ การนำรถเข้าศูนย์เช็คระยะให้ตรงตามรอบโดยช่างผู้เชี่ยวชาญก็ถือเป็นการป้องกันความผิดปกติต่างๆ และความผิดปกติจากอาการไฟเบรกมือค้างได้เช่นเดียวกัน การมีความเข้าใจถึงความผิดปกติของไฟเบรกมือค้างและใช้งานอย่างถูกต้อง นอกจากจะลดความเสี่ยงจากการเกิดไฟเบรกมือค้างแล้ว ก็ยังช่วยให้การขับขี่เกิดความปลอดภัยมากขึ้น