Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
user profile image
เขียนโดยNok Srihongวันที่เผยแพร่: Apr 06, 2022

โปรแกรมคำนวณหาค่าดัชนีมวลกาย (BMI)

คำนวณหาค่าดัชนีมวลกาย (BMI)

BMI หรือ Body Mass Index คืออะไร?

BMI หรือ Body Mass Index เป็นดัชนีวัดน้ำหนักตัวที่มีความสัมพันธ์กับส่วนสูงของร่างกาย โดยจะคำนวณจากน้ำหนักตัว (kg) หารด้วยส่วนสูง (m) ยกกำลังสอง

สูตรคำนวณ BMI BMI = น้ำหนักตัว (kg) / (ส่วนสูง (m) x ส่วนสูง (m))

ตัวอย่างเช่น น้องแคร์มีน้ำหนักตัว 70 กิโลกรัม และส่วนสูงเป็น 1.75 เมตร จะได้ผล BMI ดังนี้

BMI = 70 / (1.75 x 1.75) = 22.86

ผลลัพธ์ที่ได้จะอยู่ในระหว่าง 18.5 - 24.9 จึงถือว่าเป็นน้ำหนักปกติ

ดัชนีมวลกายระหว่างผู้ชายและผู้หญิง

สูตรคำนวณดัชนีมวลกาย (BMI) สำหรับผู้ชาย และผู้หญิง จะมีความแตกต่างกันไปตามเพศ เนื่องจากผู้ชายและผู้หญิงมีโครงสร้างร่างกายและส่วนสูงที่แตกต่างกัน

ดัชนีมวลกายสำหรับผู้ชาย


BMI ผู้ชาย (kg/m2)

อยู่ในเกณท์

ภาวะเสี่ยงต่อโรค

น้อยกว่า 18.5 ผอม (Underweight) เสี่ยงมากกว่าปกติ
18.5 - 24.9 ปกติ (Normal weight) ปกติ
25 - 29.9 ท้วม (Overweight) เสี่ยง
30 - 34.9 โรคอ้วนระดับ 1 (Obese class I) เสี่ยงมาก
35 - 39.9 โรคอ้วนระดับ 2 (Obese class II) เสี่ยงมากและเข้าสู่เกณฑ์อันตราย
40 ขึ้นไป โรคอ้วนระดับ 3 (Obese class III) เสี่ยงอันตรายมาก



ดัชนีมวลกายสำหรับผู้หญิง


BMI ผู้หญิง (kg/m2)

อยู่ในเกณท์

ภาวะเสี่ยงต่อโรค

น้อยกว่า 18.5 ผอม (Underweight) เสี่ยงมากกว่าปกติ
18.5 - 23.9 ปกติ (Normal weight) ปกติ
24 - 28.9 ท้วม (Overweight) เสี่ยง
29 - 34.9 โรคอ้วนระดับ 1 (Obese class I) เสี่ยงมาก
35 - 39.9 โรคอ้วนระดับ 2 (Obese class II) เสี่ยงมากและเข้าสู่เกณฑ์อันตราย
40 ขึ้นไป โรคอ้วนระดับ 3 (Obese class III) อันตรายมาก

ดัชนีมวลกาย (BMI) มีความสำคัญอย่างไร?

ดัชนีมวลกายหรือ BMI (Body Mass Index) เป็นตัววัดค่าน้ำหนักตัวที่สำคัญสำหรับการประเมินสุขภาพของร่างกาย ดัชนีมวลกายจะบอกค่าความอ้วนหรือค่าน้ำหนักที่เกินมาตรฐานหรือไม่ และสามารถใช้เป็นตัววัดเบื้องต้นของความเสี่ยงต่อการเป็นโรคสำหรับบุคคลทั่วไปได้ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ นอกจากนี้ ยังมีความสำคัญเพิ่มเติมดังนี้

• ช่วยตรวจสอบสุขภาพร่างกาย

ดัชนีมวลกายสามารถช่วยตรวจสอบสุขภาพร่างกายได้เป็นอย่างดี เนื่องจากค่าดัชนีมวลกายจะบอกค่าความอ้วนหรือค่าน้ำหนักที่เกินมาตรฐานหรือไม่ โดยมีค่าดัชนีมวลกายปกติอยู่ระหว่าง 18.5 - 24.9 โดยทั่วไป

• ช่วยวางแผนการลดน้ำหนัก

หากค่าดัชนีมวลกายเกินมาตรฐาน จะต้องมีการลดน้ำหนักเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรังได้ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ดังนั้น การคำนวณดัชนีมวลกายสามารถช่วยในการวางแผนการลดน้ำหนัก

• ช่วยประเมินการเจริญเติบโตของเด็กและเยาวชน

ดัชนีมวลกายยังเป็นตัววัดสำคัญสำหรับการประเมินการเจริญเติบโตของเด็กและเยาวชนด้วย โดยมีค่าดัชนีมวลกายสำหรับเด็กและเยาวชนต่างจากผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กและเยาวชนมีโครงสร้างร่างกายและส่วนสูงที่แตกต่างกัน การคำนวณดัชนีมวลกายสำหรับเด็กและเยาวชนจะใช้สูตรที่แตกต่างจากผู้ใหญ่

• ช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกาย

การตรวจสุขภาพโดยใช้ดัชนีมวลกายสามารถช่วยส่งเสริมการดูแลสุขภาพร่างกายได้ เช่น การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่เหมาะสม และการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก

การคำนวณดัชนีมวลกายสำหรับเด็กและเยาวชน

การคำนวณดัชนีมวลกายสำหรับเด็กและเยาวชนมีวิธีการที่แตกต่างจากผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กและเยาวชนมีโครงสร้างร่างกายและส่วนสูงที่แตกต่างกัน วิธีการคำนวณดัชนีมวลกายสำหรับเด็กและเยาวชนสามารถทำได้ดังนี้

1. เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี

สำหรับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี ไม่สามารถใช้วิธีการคำนวณดัชนีมวลกายได้โดยตรง แต่สามารถใช้กราฟเปรียบเทียบน้ำหนักตามอายุและเพศของเด็ก เพื่อให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักและอายุ

2. เด็กอายุระหว่าง 2-20 ปี

สำหรับเด็กและเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 2-20 ปี การคำนวณดัชนีมวลกายจะใช้สูตร BMI ดังนี้

BMI = น้ำหนัก (กิโลกรัม) ÷ ส่วนสูง (เซนติเมตร) ÷ ส่วนสูง (เซนติเมตร) x 10,000

หลังจากได้ค่าแล้ว เราจะนำค่าที่ได้ไปตรวจสอบตาราง BMI for age ขององค์กรหรือสถาบันที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาเกณฑ์ของ BMI ที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มอายุของเด็ก เพื่อให้ได้ผลการประเมินที่มีความถูกต้องน้องแคร์จึงขอใช้เกณฑ์ขององค์กร Center of Disease Control (CDC) ของสหรัฐฯ

ตัวอย่างการอ่านค่าตาราง BMI for age สำหรับเด็กและผู้เยาว์ (เป็นตัวอย่างเท่านั้น):

น้องแคร์ เป็นเด็กผู้ชาย อายุ 6 ขวบ น้ำหนัก 20 กิโลกรัม มีความสูง 110 เซนติเมตร

BMI = 20 ÷ 110 ÷ 110 x 10,000 = 16.53

น้องแคร์ มีค่า BMI = 16.53



เมื่อเทียบในตารางน้องแคร์จะมีค่าเปอร์เซนไทล์ระหว่าง 75 - 85 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ สามารถเปรียบเทียบได้จากเอกสารที่แนบ โดยจำแนกตามเพศของเด็ก ดังนี้

ช่วงเปอร์เซ็นไทล์เด็ก

อยู่ในเกณฑ์

น้อยกว่า 5 เปอร์เซ็นไทล์ น้ำหนักต่ำมาก
5 - 84 เปอร์เซ็นไทล์ น้ำหนักที่มีสุขภาพดี
85 - 94 เปอร์เซ็นไทล์ น้ำหนักเกิน
มากกว่า 95 เปอร์เซ็นไทล์ โรคอ้วน



การคำนวณดัชนีมวลกายสำหรับเด็กและเยาวชนเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพในการประเมินสุขภาพของเด็กและเยาวชน โดยในการวางแผนดูแลสุขภาพร่างกาย ควรรู้ดัชนีมวลกายของตนเองและพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมกับอายุและเพศของเด็ก และควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพเพื่อขอคำแนะนำในการดูแลสุขภาพให้เหมาะสมและปลอดภัย

วิธีการเพิ่มหรือลดค่า BMI

วิธีการเพิ่มหรือลดค่าดัชนีมวลกาย (BMI) สำหรับเด็กและผู้ใหญ่นั้นอาจมีความแตกต่างกันไปตามลักษณะของการเจริญเติบโต สุขภาพร่างกาย และพฤติกรรมการดูแลสุขภาพ ดังนั้นวิธีการเพิ่มหรือลดค่า BMI สำหรับเด็กและผู้ใหญ่จะมีความแตกต่างกันไป ดังนี้

• การเพิ่มน้ำหนัก

การเพิ่มน้ำหนักสำหรับเด็ก

ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนและแคลอรี่สูงเพื่อเพิ่มการสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงรับประทานอาหารที่มีไขมันไม่เกิน 30% ของปริมาณพลังงานทั้งหมด และเพิ่มปริมาณการออกกำลังกาย เช่น การวิ่งเร็ว การเล่นกีฬา เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มน้ำหนัก

การเพิ่มน้ำหนักสำหรับผู้ใหญ่

ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เช่นเดียวกับเด็ก แต่ควรคำนึงถึงปริมาณพลังงานที่รับประทานให้เหมาะสมกับอายุ ส่วนสูง และกิจกรรมที่ทำ และควรเพิ่มปริมาณการออกกำลังกายเช่นเดียวกัน

• การลดน้ำหนัก

การลดน้ำหนักสำหรับเด็ก

ควรเลือกอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น ผลไม้ ผัก นม อาหารที่มีไขมันไม่เกิน 30% และรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่น้อยกว่าปกติ และควรเพิ่มปริมาณการออกกำลังกาย เช่น การวิ่ง การว่ายน้ำ การเต้นแอ๊บโด้ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน

การลดน้ำหนักสสำหรับผู้ใหญ่

ควรลดปริมาณการรับประทานอาหารที่มีไขมัน และแคลอรี่สูง โดยเลือกอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ และโปรตีน เช่น ไก่ ปลา ถั่ว เป็นต้น ควรเพิ่มปริมาณการออกกำลังกาย เช่น วิ่งเร็ว ปั่นจักรยาน เพื่อเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน

• การนอนหลับเพียงพอ

การนอนหลับเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายและจิตใจมีสุขภาพดี ควรนอนหลับในเวลาที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งเวลาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับช่วงอายุและสภาพร่างกายของแต่ละคน หากนอนน้อยเกินไปอาจทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าและสูญเสียสมดุล หรือหากนอนมากเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า ดังนั้น ควรมีนิสัยการนอนหลับที่เหมาะสมเพื่อสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ดี

อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มการเพิ่มน้ำหนัก และเพิ่มค่า BMI

หากคุณต้องการเพิ่มน้ำหนักและ BMI ของคุณ อาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมสำหรับการเพิ่มน้ำหนักได้แก่

• อาหารที่มีโปรตีนสูง

การบริโภคอาหารที่มีโปรตีนสูงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มน้ำหนัก อาหารที่มีโปรตีนสูงประกอบด้วยเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัว ไก่ และเนื้อหมู และอาหารที่มีโปรตีนจากแหล่งพืช เช่น ถั่ว เมล็ดเจีย และเม็ดมะม่วงหิมพานต์

• อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง

อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น ข้าว แป้ง ที่จะช่วยเพิ่มพลังงานและให้คุณมีพลังงานมากขึ้น

• อาหารที่มีไขมันสูง

อาหารที่มีไขมันสูง เช่น นม ชีส ไข่แดง ปลา และเนย จะช่วยเพิ่มพลังงานและการเพิ่มน้ำหนัก

• ผักและผลไม้

การบริโภคผักและผลไม้ที่มีประโยชน์จะช่วยให้ร่างกายของคุณได้รับวิตามินและเส้นใยที่สำคัญสำหรับสุขภาพ

• อาหารว่างที่มีประโยชน์

อาหารว่างที่มีประโยชน์ เช่น ผลไม้และโอ๊ต จะช่วยเพิ่มพลังงานและช่วยให้คุณเพิ่มน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ต้องการจะลด BMI ด้วยการออกกำลังกาย

น้องแคร์ขอยกตัวอย่าง หากน้องแคร์มีค่า BMI เกินมาตรฐานมา 5 หน่วย น้องแคร์ที่รักสุขภาพของตนเองเป็นอย่างยิ่งในตอนนี้จึงได้ตัดสินใจที่จะทำการวางแผนออกกำลังกาย และนี่คือตัวอย่างการออกกำลังกายเพื่อลด BMI 5 หน่วย ภายใน 1 เดือน (30 วัน)

วันที่

การออกกำลังกาย

เวลา (นาที)

วันที่ 1 เดินเร็ว 20 นาที
วันที่ 2 ฝึกกำลังแบบต้านทาน 15 นาที
วันที่ 3 วิ่ง 15 นาที
วันที่ 4 โยคะ 20 นาที
วันที่ 5 เดินเร็ว 25 นาที
วันที่ 6 ฝึกกำลังแบบต้านทาน 20 นาที
วันที่ 7 วิ่ง 20 นาที
วันที่ 8 โยคะ 25 นาที
วันที่ 9 เดินเร็ว 30 นาที
วันที่ 10 ฝึกกำลังแบบต้านทาน 25 นาที
วันที่ 11 วิ่ง 25 นาที
วันที่ 12 โยคะ 30 นาที
วันที่ 13 เดินเร็ว 35 นาที
วันที่ 14 ฝึกกำลังแบบต้านทาน 30 นาที
วันที่ 15 วิ่ง 30 นาที
วันที่ 16 โยคะ 35 นาที
วันที่ 17 เดินเร็ว 40 นาที
วันที่ 18 ฝึกกำลังแบบต้านทาน 35 นาที
วันที่ 19 วิ่ง 35 นาที
วันที่ 20 โยคะ 40 นาที
วันที่ 21 เดินเร็ว 45 นาที
วันที่ 22 ฝึกกำลังแบบต้านทาน 40 นาที
วันที่ 23 วิ่ง 40 นาที
วันที่ 24 โยคะ 45 นาที
วันที่ 25 เดินเร็ว 50 นาที
วันที่ 26 ฝึกกำลังแบบต้านทาน 45 นาที
วันที่ 27 วิ่ง 45 นาที
วันที่ 28 โยคะ 50 นาที
วันที่ 29 เดินเร็ว 55 นาที
วันที่ 30 ฝึกกำลังแบบต้านทาน 50 นาที

หมายเหตุ: แผนการออกกำลังกายนี้เป็นเพียงอ้างอิงเท่านั้น ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการออกกำลังกายและสุขภาพทั่วไปของแต่ละบุคคล กรุณาปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อนเริ่มต้นโปรแกรมออกกำลังกายใด ๆ

หากมีความเสี่ยงเนื่องจาก BMI เกินมาตรฐาน คุณอาจสนใจในผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพที่มีความคุ้มครองสูง โดยมีผลิตภัณฑ์หลากหลายตามที่คุณต้องการ เช่น ประกันอุบัติเหตุ ประกันโรคร้ายแรง ประกันชีวิต เป็นต้น การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เหมาะสมสำหรับคุณควรพิจารณาบางสิ่งก่อนการเลือกซื้อ อาทิ ความคุ้มครอง ความสะดวกสบายในการชำระหรือเบิกจ่ายเงิน และราคาค่าเบี้ยประกันที่เหมาะสมกับเงินในกระเป๋า

ประกันสุขภาพที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ

Generali Health Lump Sum Plus ประกันสุขภาพเหมาจ่ายGenerali Health Lump Sum Plus

เหมาจ่าย

  • คุ้มครองครบ IPD, OPD เบี้ยเริ่ม 22 บาท
  • เหมาจ่ายค่ารักษาสูงสุดถึงล้านบาท
  • นอน รพ. ค่าห้องไม่บานปลาย สูงสุด 8,000 บาท
  • ค่าพยาบาลพิเศษ สูงสุด 1,000 บาท/วัน
  • ทันตกรรม คุ้มครองสูงสุด 1,000 บาท/ปี
  • คุ้มครอง OPD สูงสุด 1,500 บาท ไม่เกิน 30 ครั้ง
  • สิทธิลดหย่อนภาษีได้ถึง 25,000 บาท
เติมเงินยามป่วย ประกันสุขภาพเหมาจ่ายเติมเงินยามป่วย

เหมาจ่าย

  • เบี้ยเริ่มเพียง 4 บาท/วัน คุ้มครองครบ
  • รับเงินชดเชย 1,500 บาท/วัน นาน 1 ปี
  • นอน ICU รับชดเชย 3,000 บาท/วัน นาน 30 วัน
  • ชำระเบี้ยสั้น อายุรับประกัน 16 - 60 ปี
  • ผ่าตัดใหญ่ รับเงินสูงสุด 30,000 บาท/ครั้ง
  • เสียชีวิตทุกกรณี รับเงินก้อน 300,000 บาท
  • รับเงินปลอบขวัญ 1,500 บาท/ครั้ง หลังออก รพ.
วิริยะ วี เบ็ทเทอร์ แคร์วิริยะ วี เบ็ทเทอร์ แคร์

สุขภาพและอุบัติเหตุ

  • สมัครง่าย แคร์คนทำ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ
  • คุ้มครองเหมาจ่าย แคร์ทั้งปี 770,000 บาท/ปี
  • แคร์ยามนอน รพ. ค่าห้อง 4,500 บาท/วัน
  • แคร์ทุกวัย สมัครได้ตั้งแต่อายุ 15 วัน
  • ค่าฟื้นฟูผู้ป่วยใน จ่ายจริง สูงสุด 30 วัน/ครั้ง
  • การสูญเสียอวัยวะ การได้ยิน 100,000 บาท
  • ลดหย่อนภาษีได้ สูงสุด 25,000 บาท แคร์ภาษี
PRUHealthcare Plus ประกันสุขภาพเหมาจ่ายPRUHealthcare Plus

เหมาจ่าย

  • เบี้ยฯ คุ้มค่า 20 บาท/วัน คุ้มครองสุขภาพ
  • เจ็บป่วย คุ้มครองสูงสุด 500,000 บาท
  • ค่าห้องผู้ป่วยใน 5,000 บาท/วัน สูงสุด 365 วัน
  • สมัครอายุ 20-60 ปี ต่ออายุได้ถึง 64 ปี
  • เจอ จ่าย จบ มะเร็งทุกระยะ คุ้มครอง 1 ล้าน
  • คุ้มครองชีวิตทุกกรณี สูงสุด 100,000 บาท
  • คุ้มครอง ICU เพิ่ม 2 เท่า สูงสุด 10,000 บาท

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา