Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
ประกันชีวิตตลอดชีพ

ทำไมต้องซื้อประกันชีวิตตลอดชีพ กับ Rabbit Care ?

แคร์อุบัติเหตุ

คุ้มครองกรณีเสียชีวิต จากอุบัติเหตุ สูงสุด 1 ล้านบาท

แคร์การขับขี่

คุ้มครองกรณีขับขี่ หรือโดยสาร รถจักรยานยนต์ สูงสุด 1 แสนบาท*

แคร์หนี้บัตรเครดิต

ชดเชยบัตรเครดิตกรณีเสียชีวิต หรือทุพพลภาพ* สูงสุด 1 แสนบาท

แคร์คนข้างหลัง

หมดห่วงกับเรื่องไม่คาดฝัน เพราะมีความคุ้มครองชีวิตดูแลให้ยาว ๆ

แคร์คุ้มค่า

จ่ายค่าเบี้ยประกันคงที่ ได้ทั้ง คุ้มครองชีวิต และลดหย่อนภาษีทุกปี

แคร์เรื่องไม่คาดฝัน

กรณีที่เสียชีวิต หรือมีชีวิตอยู่ครบ ตามกำหนดสัญญา รับเงินคืน 100%

ประกันชีวิต แบบคุ้มครองชีวิต

ลงทะเบียนรับความแคร์ง่าย ๆ ใน 3 ขั้นตอน

ขั้นตอนที่ 1 : เลือกแผนที่ใช่

ค้นหาแผนประกันภัยจากบริษัทชั้นนำ พร้อมเปรียบเทียบราคาคุ้มค่า เพื่อเลือกความคุ้มครองที่ตอบโจทย์คุณ

ขั้นตอนที่ 2 : ใส่ข้อมูลส่วนตัว

กรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้ซื้อ เพื่อรับการติดต่อกลับ จากผู้เชี่ยวชาญด้านแผนประกันภัยของ Rabbit Care

ขั้นตอนที่ 3 : เลือกซื้อความแคร์

เลือกซื้อแผนประกันภัย พร้อมรับความคุ้มครองใน 1 วันทำการถัดไป เมื่อผ่านการพิจารณาเงื่อนไขของบริษัทประกันภัย

บริษัทประกันภัยชั้นนำที่เราคัดสรรมาให้คุณ

คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย

  • FAQs

  • ลดหย่อนภาษี

  • ติดต่อ

ทำไมคนถึงเลือกทำประกันชีวิตตลอดชีพ?

แน่นอนว่าต้องมีหลายคนที่มีความสงสัยกันว่าที่คนเลือกซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตประเภทนี้ เป็นเพราะอะไร มันจะคุ้มค่าสมกับค่าเบี้ยประกันที่เสียไปหรือ ดังนั้นเราจะบอกถึงผลประโยชน์โดยรวมที่คุณจะได้รับเมื่อซื้อความคุ้มครองจากประกันชีวิตรูปแบบนี้

  • ได้รับความคุ้มครองตลอดชีพ
  • ต้นทุนค่าเบี้ยประกันคงที่
  • สามารถนำเบี้ยประกันขอลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้
  • ไม่ต้องเป็นภาระลูกหลานเมื่อยามเจ็บป่วย แถมหากเป็นอะไรไป ก็มีมรดกตกทอดถึงลูกหลาน
  • ได้รับเงินคืน 100% กรณีที่เสียชีวิต หรือ มีชีวิตอยู่ครบตามกำหนดสัญญากรมธรรม์

 

นี่เป็นตัวอย่างสิทธิประโยชน์ที่คุณจะได้รับเมื่อซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิตตลอดชีพ ซึ่งแน่นอนว่า ถ้ามองถึงความมั่นคงในอนาคต เชื่อได้เลยว่าคุ้มค่าแน่นอน เพราะนอกจากจะไม่ต้องกังวลในเรื่องของค่าใช้จ่ายในสุขภาพ และความเสี่ยงต่าง ๆ แล้ว ยังไม่เป็นภาระหรือเป็นการผลักภาระให้ลูกหลานยามเราแก่ชราแล้วด้วย

 

คนเราเกิดมาครั้งเดียว ตายครั้งเดียว อย่าปล่อยเวลาให้ร่วงโรยไปโดยเปล่าประโยชน์ เลือกประกันชีวิตที่จะคอยดูแลชีวิตของคุณแบบไร้ขีดจำกัด อย่างประกันชีวิตตลอดชีพ เป็นเพื่อคู่คิดในชีวิตคุณรับรองไม่ผิดหวัง

ความแตกต่างระหว่างประกันชีวิตตลอดชีพ และ ประกันชีวิตอื่น?

ประกันชีวิตมีหลายประเภท โดยจะแยกตามลักษณะความคุ้มครองและรูปแบบของเงินผลประโยชน์ หลัก ๆ มี 5 ประเภทดังต่อไปนี้

 

ประกันชีวิตแบบคุ้มครองตลอดชีพ
เป็นประกันชีวิตที่มอบความคุ้มครองจนถึงอายุ 90-99 ปี โดยจะมีการชำระเบี้ยประกันในช่วงเวลาหนึ่ง มีตั้งแต่ 5 ปี 10 ปี หรือมากกว่านั้น ตามข้อกำหนดของแต่ละบริษัทฯ โดยผู้เอาประกันจะได้รับเงินทุนประกันคืนหากมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญากรมธรรม์ หรือในกรณีที่เสียชีวิต บริษัทฯ จะจ่ายเงินตามวงเงินคุ้มครองให้กับผู้รับผลประโยชน์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์


ประกันชีวิตแบบคุ้มครองระยะสั้น
ประกันชีวิตที่เน้นความความคุ้มครองชีวิตในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น 10 ปี 15 ปี หรือ 20 ปี โดยผู้เอาประกันจะทำการชำระเบี้ยประกันในช่วงสั้น ๆ และรับความคุ้มครองตามระยะเวลาที่กำหนด หากเสียชีวิตภายในระยะเวลาคุ้มครองจะมีการจ่ายวงเงินคุ้มครองให้ แต่ถ้ามีชีวิตอยู่จนครบกำหนดจะไม่ได้รับเงินคืน


ประกันชีวิตแบบบำนาญ
ประกันชีวิตที่มีการจ่ายเงินคืนให้กับผู้เอาประกันเมื่อผู้เอาประกันมีอายุอยู่ในช่วงที่กำหนด (ช่วงวัยเกษียณ) โดยจะเริ่มจ่ายเบี้ยประกันในช่วงที่อายุยังน้อยสะสมมาต่อเนื่อง เมื่ออายุ 55 ปี หรือ 60 ปี ขึ้นไป ทางผู้เอาประกันจะได้รับเงินคืนเป็นงวดตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ เป็นเงินสำหรับใช้จ่ายในช่วงเกษียณอายุนั่นเอง


ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
ประกันชีวิตที่เน้นเรื่องการออมเงิน ร่วมกับการได้รับความคุ้มครองชีวิต โดยผู้เอาประกันจะได้รับเงินคืนบวกกับผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย เมื่อมีการชำระเบี้ยประกันตามข้อกำหนดของกรมธรรม์ มีทั้งแบบที่ได้รับระหว่างอายุกรมธรรม์ และแบบที่ได้รับหลังครบอายุสัญญากรมธรรม์

ประกันชีวิตตลอดชีพเหมาะกับใคร?

ประกันที่ให้ความคุ้มครองตลอดชีพ เป็นประกันที่เหมาะกับทุกคน ตลอดจนคนที่มีความรับผิดชอบมาก และคนที่อยากสร้างความมั่นคงในชีวิต

 

เพราะคุณไม่สามารถรู้ได้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แต่การทำประกันชนิดนี้ เมื่อครบกำหนดกรมธรรม์คุณจะได้เงินคืน มีเงินไว้ใช้ไม่ต้องเป็นภาระของลูกหลาน หรือ หากคุณเสียชีวิต ลูกหลานคนข้างหลัง ก็จะได้รับมรดกของคุณ

ข้อดีของการทำประกันชีวิตตลอดชีพ?

  • คุ้มครองนาน
    ลักษณะความคุ้มครองของประกันชีวิตตลอดชีพนั้นจะเป็นการเน้นความคุ้มครองระยะยาว ตั้งแต่วันที่สมัครไปจนถึงอายุ 99 ปี (หรือ 90 ปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท) สามารถเลือกชำระเบี้ยประกันได้ 15 ปี หรือจนอายุครบ 90 ปี และถ้าหากผู้ทำประกันอยู่จนครบสัญญาก็จะได้รับเงินทุนประกันคืน 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อเสนอของประกันชีวิตแต่ละกรมธรรม์ด้วย
     
  • ซื้อความคุ้มครองเพิ่มได้
    ถึงแม้จะสมัครประกันชีวิตแบบตลอดชีพเอาไว้แล้ว แต่ถ้าคุณต้องการความคุ้มครองด้านอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้มากยิ่งขึ้น ก็สามารถเลือกซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มครองด้านสุขภาพ, อุบัติเหตุ หรือความคุ้มครองอื่น ๆ
     
  • ซื้อประกันชีวิตออนไลน์ได้เลย
    สำหรับท่านใดที่ไม่สะดวกไปติดต่อบริษัทฯ เพื่อทำการสมัครประกันชีวิตตลอดชีพได้ด้วยตนเอง ก็สามารถสมัครประกันชีวิตผ่านช่องทางออนไลน์ได้เลย โดยในเว็บไซต์ของแรบบิท แคร์ จะมีข้อเสนอดี ๆ จากบริษัทผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตหลายแห่ง ให้คุณได้เลือกตามความเหมาะสม

ประกันคุ้มครองชีวิต คืออะไร?

ประกันคุ้มครองชีวิต คือ การที่บุคคลหนึ่งเรียกว่า ผู้เอาประกัน ทำการชำระเงินหรือที่เรียกว่าค่าเบี้ยจำนวนหนึ่งให้กับบริษัทประกัน เพื่อรับผลประโยชน์ความคุ้มครองชีวิต บริษัทประกันจะมีการชดเชยรายได้ที่ต้องสูญเสียไปหรือจำนวนเงินเอาประกันชีวิตเนื่องจากการเสียชีวิต การทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง การสูญเสียอวัยวะ การบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วยภายในระยะเวลาที่กำหนดตามจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญากรมธรรม์ประกันชีวิตแก่ผู้เอาประกันหรือผู้รับประโยชน์ ในที่นี้ผู้รับผลประโยชน์ ก็คือ บุคคลที่ผู้าเอาประกันระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันชีวิต ให้เป็นผู้ได้รับเงินประกันชีวิตตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในสัญญา โดยผู้รับผลประโยชน์ที่สามารถเป็นผู้รับจำนวนเงินเอาประกันชีวิตของผู้เอาประกันจะต้องเป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับผู้เอาประกัน 6 ลำดับชั้น ดังนี้

 

คู่สมรส บุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้ว หรือบุตรบุญธรรมโดยชอบด้วย

 

  1. กฎหมายของผู้เอาประกัน
  2. บิดา - มารดาของผู้เอาประกัน
  3. พี่น้องร่วมบิดา - มารดาเดียวกันของผู้เอาประกัน
  4. พี่น้องต่างบิดา หรือต่างมารดาของผู้เอาประกัน
  5. ปู่ ย่า ตา ยายของผู้เอาประกันลุง ป้า น้า อาของผู้เอาประกัน

 

การทำประกันคุ้มครองชีวิต เป็นการสร้างหลักประกันและความมั่นคงทางการเงินให้แก่ผู้เอาประกันในกรณีเกิดการเสียชีวิต การเจ็บป่วยหรือทุพพลภาพ ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับผลประโยชน์ก็จะได้รับเงินก้อนจากบริษัทประกันตามที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขสัญญา ขึ้นอยู่กับแบบการประกันชีวิตที่เลือกทำ

แบบประกันคุ้มครองชีวิตพื้นฐานมีอะไรบ้าง?

แบบประกันคุ้มครองชีวิตโดยพื้นฐานจะถูกแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบหลัก ที่มีวัตถุประสงค์ในการให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมนอกเหนือจากความคุ้มครองชีวิตที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่

 

  1. แบบชั่วระยะเวลา (Term) : จะเป็นแบบประกันชีวิตที่มีระยะเวลาในการคุ้มครองสั้น มีวัตถุประสงค์หลักคือการให้ความคุ้มครองชีวิตในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ๆ ตามที่ผู้เอาประกันเลือกซื้อความคุ้มครอง เช่น 10 ปี หากครบกำหนด 10 ปีประกันจะหมดความคุ้มครองทันที ประกันคุ้มครองชีวิตรูปแบบนี้ค่าเบี้ยประกันจึงไม่แพง แต่ให้ความคุ้มครองชีวิตสูง
  2. แบบตลอดชีพ (Whole Life)  : ประกันคุ้มครองชีวิตแบบตลอดชีพจะมีค่าเบี้ยประกันสูงกว่าแบบชั่วระยะเวลาขึ้นมา เนื่องจากให้ผลประโยชน์ความคุ้มครองชีวิตยาวนานจนถึงอายุ 90 ปี หรือ 99 ปี  แล้วแต่เงื่อนไขของแบบประกันแต่ละแบบแต่ละบริษัทประกัน นอกจากนี้ประกันรูปแบบนี้ยังสามารถเป็นเงินออมได้ด้วยในกรณีอยู่ครบสัญญาหรือกรณีปิดเล่มกรมธรรม์โดยการเวนคืนกรมธรรม์
  3. แบบสะสมทรัพย์ (Endowment) : เป็นแบบประกันคุ้มครองชีวิตที่เป็นที่นิยมสำหรับผู้เอาประกัน เป็นการประกันชีวิตที่บริษัทประกันจะดำเนินการจ่ายเงินคืนพร้อมผลตอบแทนให้แก่ผู้เอาประกันในกรณีมีชีวิตอยู่ครบกำหนดสัญญา หรือจ่ายเงินเอาประกันให้แก่ผู้รับประโยชน์กรณีผู้เอาประกันเสียชีวิตภายในระยะเวลาเอาประกันภัย
  4. แบบประกันบำนาญ (Annuity) : เป็นแบบประกันชีวิตที่มีวัตถุประสงค์หลักในการเกษียณอายุบริษัทประกันชีวิตจะมีการจ่ายเงินตามจำนวนที่เป็นไปตามเงื่อนไขของแผนประกันนั้น ๆ ให้กับผู้เอาประกันอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ อาจจะมีการจ่ายเป็นรายเดือน หรือรายปี นับแต่ผู้เอาประกันเกษียณอายุ หรือมีอายุครบ 55 ปี หรือ 60 ปี เป็นต้นไป แล้วแต่เงื่อนไขในกรมธรรม์กำหนด

คำแนะนำในการเลือกทำประกันคุ้มครองชีวิต

หากคุณสนใจแบบประกันคุ้มครองชีวิตที่ทาง แรบบิท แคร์ คัดสรรนำมาบริการกับคุณ คุณสามารถเลือกซื้อประกันคุ้มครองชีวิตตามคำแนะนำจากเราเพื่อให้คุณได้รับแบบประกันชีวิตที่เหมาะสมและให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม ดังนี้

 

  1. ​เลือกแบบประกันชีวิตที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการ โดยพิจารณาจากความเสี่ยงในการดำเนินชีวิตและวัตถุประสงค์ในการทำประกันของคุณ
  2. เลือกวงเงินเอาประกันที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงรายได้ที่ได้รับและความสามารถในการชำระค่าเบี้ยประกัน
  3. แถลงข้อมูลความเป็นจริงในแบบคำขอเอาประกันชีวิตให้ครบถ้วน โดยเฉพาะคำแถลงเกี่ยวกับสุขภาพ เนื่องจากการปิดบังข้อมูลความจริงหรือการแถลงเท็จจะเป็นเหตุให้คุณไม่ได้รับความคุ้มครองตามกรมธรรม์​
  4. ในการชำระค่าเบี้ยประกันควรชำระค่าเบี้ยตามกำหนดเวลา เพื่อป้องกันการถูกยกเลิกกรมธรรม์เนื่องจากไม่ชำระค่าเบี้ย จะทำให้คุณไม่ได้รับความคุ้มครองต่อไป
  5. หลังจากดำเนินการทำประกันคุ้มครองชีวิตแล้ว ควรแจ้งให้บุคคลที่ถูกระบุเป็นผู้รับประโยชน์ในกรมธรรม์ หรือบุคคลในครอบครัวรับทราบถึงการทำประกันชีวิต รวมถึงแจ้งสถานที่เก็บกรมธรรม์​ เผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดผู้เอาประกันผู้รับผลประโยชน์หรือบุคคลในครอบครัวจะได้สามารถดำเนินการกับบริษัทประกันเพื่อทำเรื่องต่อไปได้

ควรทำประกันคุ้มครองชีวิตจำนวนเท่าไหร่?

การทำประกันคุ้มครองชีวิตเป็นเสมือนการซื้อความคุ้มครองความรับผิดชอบทางการเงินต่าง ๆ ที่ต้องรับผิดชอบแม้จะมีชีวิตอยู่หรือไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ตาม แต่ภาระทางการเงินยังคงมีอยู่เช่นเดิม หากเป็นกรณีที่ผู้รับผิดชอบภาระทางการเงินเสียชีวิต ก็จะต้องมีบุคคลอื่นมารับผิดชอบต่อไป ดังนั้นประกันชีวิตจึงเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงเรื่องภาระความรับผิดชอบที่ดีที่สุด ซึ่งการซื้อประกันชีวิตให้ครอบคลุมจึงควรมีจำนวนเงินเอาประกันเทียบเท่ากับจำนวนภาระทางการเงินที่ต้องรับผิดชอบหรือมากกว่า โดยคุณสามารถประเมินจำนวนเงินเอาประกันที่เหมาะสมตามขั้นตอน ดังนี้

 

  1. ประเมินภาระค่าใช้จ่ายความรับผิดชอบทางการเงินที่บุคคลในครอบครัวต้องแบกรับต่อ หากเกิดเหตุไม่คาดคิดกับคุณ โดยพิจารณาตั้งแต่ค่าใช้จ่ายรายเดือน ค่าการศึกษาบุตร (หากมี) ค่าเลี้ยงดูบิดามารดา ประเมินร่วมกับระยะเวลาที่คิดว่าจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายดังกล่าว เช่น ค่าใช้จ่ายรายเดือน 10,000 บาท และคาดว่าต้องใช้เวลาอีก 10 ปีในการเลี้ยงดูครอบครัว ดังนั้นค่าใช้จ่ายของครอบครัวจะเท่ากับ 1,200,000 บาท ค่าการศึกษาบุตรปีละ 80,000 ใช้เวลาอีก 10 ปี ดังนั้นภาระค่าการศึกษาบุตรจะเท่ากับ 800,000 บาท ค่าเลี้ยงดูบิดามารดาเดือนละ 10,000 บาท จำนวนปีที่คาดว่าบิดามารดาจะมีชีวิตอยู่คือ 20 ปี ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบิดามารดาเท่ากับ 2,400,000 บาท เป็นต้น
  2. ประเมินหนี้สินคงค้างจ่าย ไม่ว่าจะเป็นหนี้สินในการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ บัตรเครดิต ฯลฯเช่น หนี้สินในการผ่อนบ้าน 1,000,000 บาท หนี้สินในการผ่อนรถ 200,000 บาท รวมภาระหนี้สินเท่ากับ 1,200,000 บาท เป็นต้น
  3. ประเมินมูลค่าสินทรัพย์ที่มีในปัจจุบันทั้งหมด ทั้งที่ดิน บ้าน รถยนต์ เงินสด เงินลงทุน รวมถึงเงินทดแทนอื่น ๆ ที่จะได้รับกรณีเสียชีวิต เช่น ที่ดินมูลค่า 2,000,000 บาท บ้านมูลค่า 1,500,000 บาท เงินสดฝากธนาคาร 300,000 บาท เงินลงทุนต่าง ๆ รวม 300,000 บาท รวมมูลค่าสินทรัพย์ที่มีในปัจจุบันเท่ากับ 4,100,000 บาท
  4. นำข้อมูลที่ได้มาคำนวณหาทุนประกันชีวิตที่เหมาะสม โดยนำ (ตัวเลขข้อ 1. + ข้อ. 2) - ข้อ 3. เช่น จากตัวอย่างข้างต้นทุนประกันชีวิตที่คุณควรเลือกทำ คือ 4,400,000 + 1,200,000 – 4,100,000 = 1,500,000 บาท เป็นต้น

ข้อดีจากการทำประกันคุ้มครองชีวิต

หากคุณพิจารณาจากวัตถุประสงค์ในการเลือกทำประกันคุ้มครองชีวิตแล้วว่าคุณต้องการทำประกันเพื่ออะไร จะทำให้คุณทราบถึงผลประโยชน์และข้อดีที่จะได้รับจากการทำประกันของคุณ โดยสามารถสรุปโดยรวมได้ ดังนี้

 

  • ประกันคุ้มครองชีวิตสร้างหลักประกันทางการเงินให้กับบุคคลในครอบครัว ในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิดครอบครัวก็จะได้รับเงินเอาประกันจากบริษัทประกันในการดำเนินชีวิตต่อไปในยามขาดผู้นำครอบครัว
  • สามารถเป็นทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับคุณในกรณีทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองหรือประกอบอาชีพได้ตามปกติ ประกันชีวิตจะชดเชยรายได้ให้สามารถดำรงชีวิตต่อไปได้จนกว่าจะเสียชีวิตหรือขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทประกัน
  • ในกรณีเกิดเหตุไม่คาดคิด คนที่คุณรักอย่างบุตร จะได้รับเงินทุนจากบริษัทประกันสำหรับใช้ในการศึกษาต่อไปจนถึงขั้นสูงสุดที่คุณได้วางแผนไว้ ไม่หยุดชะงักหรือผิดไปจากความตั้งใจของคุณก่อนหน้านี้ 
  • สามารถเก็บออมเงินได้ผ่านการทำประกันคุ้มครองชีวิต พร้อมรับผลตอบแทนโดยไม่มีความเสี่ยง 
  • ในกรณีมีชีวิตอยู่ครบสัญญาหรือถึงช่วงอายุหนึ่ง คุณจะมีเงินก้อนที่ได้จากบริษัทประกันไว้สำหรับสำรองใช้ในช่วงวัยเกษียณอายุหรือสำหรับเป็นเงินบำนาญตลอดชีพ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละแผนประกัน
  • ใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่คุณจะต้องมีการเสียภาษีตามกฎหมายในทุก ๆ ปี ซึ่งประกันคุ้มครองชีวิตจะสามารถนำไปยื่นลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาท หากเป็นประกันชีวิตแบบบำนาญจะสามารถยื่นลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 200,000 บาท ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร

กรณีใดบ้างที่ประกันคุ้มครองชีวิตจะไม่ให้ความคุ้มครอง?

ในการทำประกันชีวิตบริษัทประกันจะมีการกำหนดเงื่อนไขในการให้ความคุ้มครองกับผู้เอาประกัน เพื่อให้ผู้เอาประกันรับทราบและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ทั้งของผู้เอาประกันและบริษัทประกันร่วมกันนั่นเอง โดยบริษัทประกันจะไม่ให้ความคุ้มครองการจ่ายเงินเอาประกันกับผู้เอาประกันที่มีสาเหตุการเสียชีวิต ดังนี้

 

  1. ผู้เอาประกันตั้งใจฆ่าตัวตายภายใน 1 ปี นับจากวันทำสัญญาประกันหรือวันต่ออายุสัญญาประกันครั้งสุดท้าย ในกรณีนี้บริษัทจะไม่มีการจ่ายผลประโยชน์เงินเอาประกันแต่จะดำเนินการคืนเบี้ยประกันที่ผู้เอาประกันเคยทำการชำระมาแล้วทั้งหมด
  2. บุคคลผู้ซึ่งผู้เอาประกันระบุชื่อในกรมธรรม์ให้เป็นผู้รับประโยชน์ ทำการฆ่าผู้เอาประกันเสียชีวิตโดยเจตนา ในกรณีนี้บริษัทประกันจะไม่จ่ายผลประโยชน์เงินเอาประกันให้กับผู้รับประโยชน์ที่เป็นคนฆ่าผู้เอาประกัน แต่จะดำเนินการจ่ายเป็นเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ (หักด้วยหนี้สินกรมธรรม์ ถ้ามี) หรือคืนเบี้ยประกันที่ผู้เอาประกันเคยชำระมาแล้วทั้งหมดให้กับผู้รับประโยชน์บุคคลอื่น ๆ ที่ถูกระบุชื่อในกรมธรรม์ด้วยเช่นกันในสัดส่วนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา