Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ

เปรียบเทียบบัตรเครดิต ง่าย ๆ ภายใน 30 วินาที กับ

Rabbit Care

แลกเปลี่ยนเงินตรา

อัตราแลกเปลี่ยน ดูยังไง? สำคัญอย่างไร?

“อัตราแลกเปลี่ยน” อาจดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับใครหลายคน แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วอัตราแลกเงินตราระหว่างประเทศที่เปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือเชิงลบแก่พวกเราทุกคนได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงประชาชนทั่วไปก็ตาม วันนี้ แรบบิท แคร์ รวบรวมข้อมูลมาให้แล้วว่าทำไม “ค่าเงิน” ถึงส่งผลกระทบกับเราทุกคนได้

อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา คืออะไร?

การแลกเปลี่ยนสกุลเงิน หมายถึง กระบวนการแปลงสกุลเงินหนึ่งเป็นอีกสกุลเงินหนึ่งตามอัตราแลกเปลี่ยนที่เป็นอยู่ มีบทบาทสำคัญในการค้าระหว่างประเทศ การเดินทาง และระบบการเงินการธนาคาร ยกตัวอย่างเช่นเมื่อต้องทำธุรกรรมข้ามประเทศ มักจะต้องแปลงสกุลเงินท้องถิ่นเป็นสกุลเงินต่างประเทศที่ประเทศปลายทางยอมรับนั่นเอง

อธิบายอย่างง่าย ๆ คือ อัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Rate) หมายถึง ‘ราคา’ ของเงินสกุลหนึ่งเทียบกับเงินสกุลอื่น ตัวอย่างเช่น อัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาทเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ที่ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับว่า เงิน 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะแลกเงินบาทได้ 30 บาท ในขณะที่เงิน 1 บาท จะแลกเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ 0.04 ดอลลาร์สหรัฐฯ นั่นเอง

ใครเป็นผู้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยน?

ค่าเงินสกุลต่าง ๆ เปรียบเสมือนสินค้าชนิดหนึ่งที่ราคาถูกกำหนดโดยกลไกตลาด ประกอบด้วยความต้องการซื้อ (อุปสงค์) และความต้องการขาย (อุปทาน) จากผู้นำเข้าส่งออก สถาบันการเงิน นักลงทุนต่างชาติ และกองทุนต่าง ๆ ที่ต้องการใช้เงินสกลุต่าง ๆ เป็นเงินสำรองระหว่างประเทศ เก็งกำไร หรือธุรกรรมระหว่างประเทศ โดยมีการซื้อขายกันตลอด 24 ชั่วโมงทั่วโลก ซึ่งส่งผ่านมาเป็นอัตราแลกเปลี่ยนที่บุคคลทั่วซื้อขาย หรือแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่าง ๆ แบบรายวันกับธนาคารพาณิชย์หรือผู้ให้บริการแลกเงินนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทย (Bank of Thailand) หรือ ธปท. มีหน้าที่กำกับดูแลนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศของประเทศไทย โดยใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวแบบมีการจัดการ (managed float) ทั้งนี้ ค่าเงินบาทถูกกำหนดโดยกลไกตลาด โดย ธปท. จะเข้ามาดูแลในกรณีที่ค่าเงินบาทผันผวนมากเกินไป

ปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยน?

  • กลไกตลาด (ความต้องการซื้อ และความต้องการขาย)
  • ภาวะเศรษฐกิจโลก
  • การคาดการณ์และการเก็งกำไร
  • อัตราดอกเบี้ย
  • เงินเฝ้อ
  • ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจในประเทศ
  • นโยบายการเงิน และการคลัง
  • เสถียรภาพทางการเงินในประเทศ และต่างประเทศ
  • ปัจจัยทางเทคนิค
  • จิตวิทยาตลาดและข่าวลือต่าง ๆ

อัตราแลกเปลี่ยน ดูยังไง?

วิธีดูเรทแลกเงินสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อหรือขายสกุลเงินต่างประเทศ สามารถสังเกตได้จากราคาซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศทีติดประกาศ ณ สถาบันนั้น ๆ ประกอบด้วย 'Buying'หรือ ราคารับซื้อ กรณีที่ต้องการนำเงินสกุลต่างประเทศแลกเป็นเงินบาท และ 'Selling' หรือ ราคาขาย กรณีที่ต้องการนำเงินบาทแลกเป็นเงินสกุลต่างประเทศ

ทั้งนี้ สามารถคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองโดยการคำนวณเบื้องต้น ดังนี้ โดยหากเป็นเงินบาท ต้องการคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ ให้นำอัตราแลกเปลี่ยนไป “หาร” ในขณะที่หากเป็นเงินต่างประเทศ ต้องการคำนวณอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาท ให้นำอัตราแลกเปลี่ยนไป “คูณ” ตัวอย่างเช่น

กรณีนำเงินบาท แลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ

5,000 บาท (สกุลเงินบาท) ÷ 0.2531 (ราคาขาย สกุลเงินเยน) จะได้รับเงิน 19,755.03 เยน

กรณีนำเงินต่างประเทศ แลกเปลี่ยนเงินบาท

5,000 เยน (สกุลเงินเยน) × 0.2431 (ราคาซื้อ สกุลเงินเยน) จะได้รับเงิน 1,215.5 บาท

ดูอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศได้ที่ไหนบ้าง?

สามารถเช็กอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Exchange Rate) ในรูปแบบอัตราแลกเปลี่ยนประจำวัน หรือย้อนหลังทั้ง 2 แบบ ได้แก่ 1) เงินสกุลท้องถิ่น และ 2) สกุลต่างประเทศ ได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ สถาบันทางการเงิน หรือผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งอาจมีอัตราซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศที่แตกต่างกันออกไปตามเงื่อนไขและรายละเอียดการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศของแต่ละสถาบัน

ค่าเงินแข็งค่า หรืออ่อนค่า หมายความว่าอะไร?

เมื่ออัตราแลกเปลี่ยนมีการซื้อขายต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง และมีการเคลื่อนไหวขึ้นลงอย่างต่อเนื่องตามสถานการณ์สำคัญต่าง ๆ รวมถึงหรือปัจจัยที่เกี่ยวข้องในแต่ละวัน ส่งผลทำให้สกลุเงินใดสกลุเงินหนึ่งอาจมีความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น หรือน้อยลง ซึ่งอาจเรียกลักษณะดังกล่าวได้ในชื่อ “ค่าเงินแข็งค่า” หรือ “ค่าเงินอ่อนค่า”

ตัวอย่างกรณี “เงินบาทแข็งค่า” หมายความว่า มีความต้องการเงินบาทมากขึ้น ทำให้ราคาของเงินบาทสูงขึ้น หรือมีราคาแพงขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น เช่น เงินบาทแข็งค่าขึ้นจาก 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

ในขณะที่ “เงินบาทอ่อนค่า” หมายความว่า มีความต้องการเงินบาทน้อยลง ทำให้ราคาของเงินบาทปรับลดลง หรือมีราคาถูกลงเมื่อเทียบกันเงินสกุลอื่น เช่น เงินบาทอ่อนค่าลงจาก 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็น 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ นั่นเอง

ค่าเงินเปลี่ยนแปลง ส่งผลกระทบกับใครบ้าง?

อัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงจะส่งผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ เช่น ธุรกิจนำเข้าหรือส่งออกสินค้าและบริการ นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปต่างประเทศ หรือแม้กระทั่งประชาชนทั่วไปที่ต้องบริโภคหรืออุปโภคสินค้าและบริการที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้นแล้ว การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนย่อมมีผู้ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์เสมอ มีรายละเอียดผู้ได้รับประโยชน์ ผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนจากกรณีเงินบาทแข็งค่า และเงินบาทอ่อนค่า ดังต่อไปนี้

นักท่องเที่ยว

  • แลกสกุลเงินตราต่างประเทศด้วยเงินบาทได้มากขึ้น และซื้อสินค้าในต่างประเทศได้ถูกลง เมื่อเงินบาทแข็งค่า
  • แลกสกุลเงินตราต่างประเทศด้วยเงินบาทได้น้อยลง และซื้อสินค้าในต่างประเทศแพงขึ้นลง เมื่อเงินบาทแข็งค่า

ประชาชนทั่วไป

  • สินค้านำเข้ามีราคาถูกลง เมื่อเงินบาทแข็งค่า
  • สินค้านำเข้ามีราคาสูงขึ้น เมื่อเงินบาทแข็งค่า

ผู้ที่ทำงานต่างประเทศ

  • แลกสกุลเงินตราต่างประเทศเป็นเงินบาทได้น้อยลง เมื่อเงินบาทแข็งค่า
  • แลกสกุลเงินตราต่างประเทศเป็นเงินบาทได้เพิ่มขึ้น เมื่อเงินบาทแข็งค่า

บริษัทนำเข้า

  • สินค้านำเข้ามีราคาถูกลง เมื่อเงินบาทแข็งค่า
  • สินค้านำเข้ามีราคาสูงขึ้น เมื่อเงินบาทแข็งค่า

บริษัทส่งออก

  • เงินที่ได้รับจากคู่ค้าต่างประเทศ มีมูลค่าลดลง เมื่อเงินบาทแข็งค่า
  • เงินที่ได้รับจากคู่ค้าต่างประเทศ มีมูลค่าเพิ่มขึ้น เมื่อเงินบาทแข็งค่า

อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราอาจดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับใครหลาย ๆ คน แต่แท้จริงแล้ว ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความผันผวนของค่าเงิน หรือการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศย่อมส่งผลกระทบในทางบวกหรือทางลบให้กับทุกคนไม่ต่างกัน ดังนั้น การทำความเข้าใจสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน เป็นเรื่องที่ทุกคนควรศึกษาไว้ เพื่อเตรียมปรับตัวหรือรับมือกับสภาพเศรษฐกิจไม่แน่นอนดังเช่นในปัจจุบัน

ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต

บัตรเครดิตซิตี้ แคชแบ็ก

ซิตี้ แคชแบ็ก

Citibank / Mastercard

  • เครดิตเงินคืน 10% ที่รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน
  • เครดิตเงินคืน 5% 7-Eleven, Grab, Watsons
  • เครดิตเงินคืน 1% สำหรับยอดใช้จ่ายอื่นๆ
  • เครดิตเงินคืน 1% ที่ปั๊ม Shell ทุกสาขา
  • รับเครดิตเงินคืน 2,000 บาท สำหรับการสมัครบัตรเครดิตซิตี้ แคชแบ็ก ผ่านทางออนไลน์
บัตรเครดิต เคทีซี อโกด้า แพลทินัม มาสเตอร์การ์ด

บัตรเครดิต เคทีซี อโกด้า แพลทินัม มาสเตอร์การ์ด

กรุงไทย / Mastercard

  • สิทธิพิเศษที่มากกว่า สเปเชียลอัพเกรด เป็นสมาชิก AgodaVIP Platinum
  • รับเพิ่ม KTC FOREVER โบนัส 250 คะแนน
  • ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีตลอดชีพ
  • 800 KTC FOREVER = 100 บาท AgodaCash
บัตรเครดิต ซิตี้ ลาซาด้า

บัตรเครดิตซิตี้ ลาซาด้า

ซิตี้แบงก์ / Mastercard

  • รับคะแนนสะสมซิตี้ 10 เท่า ทุกการใช้จ่ายบนลาซาด้า
  • รับคะแนนสะสมซิตี้ 3 เท่า ในหมวดหมู่แฟชั่น สุขภาพ และท่องเที่ยว
  • รับส่วนลดเพิ่ม 10% ทุกหมวดหมู่สินค้า เมื่อใช้จ่ายบน Lazada
  • รับส่วนลด 5% เมื่อซื้อสินค้า LazMall ที่ร่วมรายการ
  • รับส่วนลดพิเศษก่อนใครในทุกเมกาแคมเปญ
  • รับโค้ดส่วนลดลาซาด้า มูลค่า 1,000 บาท + บัตรกำนัล Starbucks มูลค่า 200 บาท
บัตรเครดิตซิตี้ รีวอร์ด

บัตรเครดิตซิตี้ รีวอร์ด

ซิตี้แบงก์ / Mastercard

  • X5 คะแนน ใช้จ่าย Rabbit Line Pay, Lazada, Shopee, e-wallet* และเลือกเปลี่ยน point เป็นเงินคืนได้เลยทันทีที่รูด
  • X5 คะแนน ใช้จ่าย หมวดร้านอาหาร ท่องเที่ยว ใช้จ่ายด้วยสกุลเงินต่างประเทศ
  • X5 คะแนน ใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ อาทิ Netflix, Spotify, Apple Music
  • รับเครดิตเงินคืน 2,000 บาท สำหรับการสมัครบัตรเครดิตซิตี้ รีวอร์ด ผ่านทางออนไลน์
บัตรเครดิต แอร์เอเชีย

บัตรเครดิต แอร์เอเชีย

ธนาคารกรุงเทพ / Mastercard

  • บริการเลือกที่นั่ง Hot Seat ฟรี
  • บริการฝากสัมภาระใต้ท้องเครื่อง ฟรี
  • บริการเครื่องดื่มร้อนหรือเย็นบนเครื่อง ฟรี
  • รูดช้อปรับคะแนน BIG Points สูงสุด 3 เท่า
  • แบ่งชำระสบายๆ 0% หรือ 0.79% นานสูงสุดถึง 10 เดือน
บัตรเครดิตซิตี้ ซิมพลิซิตี้

บัตรเครดิตซิตี้ ซิมพลิซิตี้

ซิตี้แบงก์ / Mastercard

  • ค่าธรรมเนียม การกดเงินสดเพียง 1%
  • สิทธิพิเศษ ณ ร้านค้าชั้นนำในเดือนเกิด
  • เครดิตเงินคืน 1% ที่ปั๊ม Shell ทุกสาขา
  • ฟรีค่าธรรมเนียม การชำระยอดบัตรเครดิต
บัตรเครดิต เคทีซี แคชแบ็ค แพลตทินัม

เคทีซี แคชแบ็ค แพลตทินัม

KTC / Mastercard

  • รับเงินคืนสูงสุด 0.8% ทุกครั้งที่ใช้จ่าย
  • ผ่อน 0% 10 เดือน
  • ไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและรายปีตลอดชีพ
  • ประกันอุบัติเหตุการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ เมื่อใช้บัตรฯ ชำระค่าโดยสาร
บัตรเครดิต ทีทีบี โซ ฟาสต์

ทีทีบี โซ ฟาสต์

ttb / VISA

  • ทุก 10 บาท รับ 1 คะแนน
  • ผ่อน 0% 3 เดือน
  • ฟรี ความคุ้มครองประกันอุบัติเหตุจากการเดินทาง
  • ฟรีค่าธรรมเนียม ทั้งแรกเข้าและรายปี

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา