Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
info

💙 แจก Starbuck Voucher มูลค่า 800 บาทฟรี! เพียงเปิดบัญชี Webull ผ่านช่องทางของ Rabbit Care สนใจ คลิก! 💙

user profile image
เขียนโดยNok Srihongวันที่เผยแพร่: Mar 14, 2022

โปรแกรมคำนวณรีไฟแนนซ์

การรีไฟแนนซ์ (Refinance) คืออะไร?

การรีไฟแนนซ์ (Refinance) คือ กระบวนการที่เป็นการเปลี่ยนแปลงสัญญาเงินกู้ที่ขอกู้เงินจากสถาบันการเงินแห่งใหม่เพื่อนำไปปลดภาระเงินกู้เก่าที่มีอยู่เดิม โดยทำการยกเลิกสัญญาเงินกู้เดิมและทำสัญญาเงินกู้ใหม่ที่มีเงื่อนไขต่างๆ ที่ต่างจากสัญญาเงินกู้เดิม เพื่อให้ได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ลดค่างวดที่ต้องจ่ายต่อเดือน หรือเพิ่มระยะเวลาในการผ่อนให้นานขึ้น เช่น ในกรณีที่ผ่อนคอนโดหรือรถไม่ไหว เพราะเงินที่ต้องจ่ายค่างวดในปัจจุบันสูงเกินไป เราอาจเปลี่ยนไปทำสัญญากู้เงินกับที่ใหม่ที่ให้ผ่อนต่อเดือนน้อยกว่า

การรีไฟแนนซ์สามารถทำได้กับหลายประเภทของหนี้ที่มีอยู่ เช่น เงินกู้บ้าน กู้รถ หรือเงินกู้ส่วนบุคคลอื่นๆ

การรีไฟแนนซ์อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าปรับสัญญา ค่าตรวจสอบเครดิต หรือค่าประกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและนโยบายของแต่ละธนาคาร ดังนั้นคุณควรทำการศึกษาและเปรียบเทียบรายละเอียดต่างๆ ก่อนตัดสินใจที่จะรีไฟแนนซ์หนี้ของคุณ

ธนาคารมีหลักการคิดดอกเบี้ยกี่วิธี?

ธนาคารใช้หลักการคิดดอกเบี้ยโดยมีการประเมินความเสี่ยงของผู้กู้และเงินกู้ โดยหลักการคิดดอกเบี้ยของธนาคารมีหลายวิธี โดยทั่วไปแล้วจะมีวิธีการคิดดอกเบี้ยแบบเดียวกันหรือคล้ายๆ กัน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

- ดอกเบี้ยแบบคงที่ (Fixed interest rate)

ธนาคารจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่คงที่ตลอดช่วงเวลากู้ยืม ส่วนใหญ่จะมีระยะเวลากู้ยืมตั้งแต่ 1-30 ปี และมีเปอร์เซ็นต์ดอกเบี้ยที่แน่นอนตลอดระยะเวลาการกู้ยืม ค่าดอกเบี้ยจะไม่เปลี่ยนแปลงตามอัตราดอกเบี้ยตลาด (Market interest rate) หรือสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง

- ดอกเบี้ยแบบลอยตัว (Floating interest rate)

ธนาคารจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยโดยอิงตามอัตราดอกเบี้ยตลาดหรือ MRR (Minimum Retail Rate) โดยอัตราดอกเบี้ยจะเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ของตลาดและเศรษฐกิจ

ข้อดีของการรีไฟแนนซ์ (Refinance) มีอะไรบ้าง?

การรีไฟแนนซ์ (Refinance) เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์มากมายหากใช้อย่างถูกวิธี ซึ่งมีข้อดีหลัก ๆ ดังนี้

• ลดดอกเบี้ย

การรีไฟแนนซ์สามารถช่วยลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ใหม่ที่ถูกกว่า เพราะอัตราดอกเบี้ยส่วนใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพตลาดและสภาพเศรษฐกิจ ถ้าในกรณีสินเชื่อที่คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ก็จะทำให้ค่างวดเงินต้นได้มากขึ้น และทำให้ผ่อนหมดเร็วขึ้น

• วงเงินกู้มากกว่ายอดคงค้างเดิม

การรีไฟแนนซ์อาจช่วยเพิ่มโอกาสในการขอกู้เงินให้กับผู้กู้เมื่อเทียบกับยอดคงค้างเดิม เนื่องจากการปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระเงินกู้ให้เหมาะสมกับสภาพการเงินและความต้องการของผู้กู้ ทำให้ผู้กู้สามารถขอกู้เงินได้มากขึ้น และอาจขอสินเชื่ออเนกประสงค์จากวงเงินนั้นได้ โดยสิ่งที่สำคัญคือผู้กู้จะต้องมีฐานะการเงินและความสามารถในการชำระหนี้เพียงพอต่อการขอรีไฟแนนซ์วงเงินกู้ใหม่

• ปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระ

การรีไฟแนนซ์ช่วยปรับเงื่อนไขการผ่อนชำระเงินกู้ให้เหมาะสมกับสภาพการเงินและความต้องการของผู้กู้ได้มากขึ้น เช่น ลดจำนวนเงินที่ต้องผ่อนต่อเดือน ทำให้ภาระในแต่ละเดือนลดลงตามไปด้วย

• ลดค่าใช้จ่าย

การรีไฟแนนซ์อาจช่วยลดค่าใช้จ่ายในดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผ่อนชำระเงินกู้ ทำให้คุณมีเงินเหลือมากขึ้น สามารถนำเงินส่วนต่างที่ได้จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงไปช่วยเหลือค่าใช้จ่ายส่วนอื่น ๆ ที่จำเป็นได้มากขึ้นหรือสามารถนำเงินไปหมุนเวียนในธุรกิจได้

ข้อเสียของการรีไฟแนนซ์ (Refinance) มีอะไรบ้าง?

ถึงแม้ว่าการรีไฟแนนซ์ (Refinance) จะมีข้อดีอยู่หลายข้อ แต่ผู้ที่สนใจก็ควรพิจารณาข้อเสียด้วยเพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม ซึ่งข้อเสียของการรีไฟแนนซ์มีดังนี้

• สภาพเงินกู้ใหม่

การรีไฟแนนซ์อาจทำให้ผู้กู้ต้องทำให้ระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้นานขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการจัดการเงินของผู้กู้ในระยะยาว ในบางกรณีการรีไฟแนนซ์อาจส่งผลกระทบต่อสถานะเครดิตของผู้กู้

• ค่าใช้จ่าย

การรีไฟแนนซ์อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าปรับสัญญา ค่าตรวจสอบเครดิต ค่าประกัน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายยิบย่อยอย่างการเดินทางไปธนาคารไปจนถึงค่าปรับหากมีการไถ่ถอนก่อนกำหนด ที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของธนาคารหรือสถาบันการเงินที่รีไฟแนนซ์ ซึ่งจำเป็นต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายเหล่านี้และนำมาเทียบกับประโยชน์ที่จะได้รับจากการรีไฟแนนซ์ก่อนตัดสินใจ

• ความไม่แน่นอน

การรีไฟแนนซ์อาจมีความไม่แน่นอนในการอนุมัติและเสียเวลาในการเตรียมเอกสารต่าง ๆ เช่น เอกสารเกี่ยวกับรายได้ของผู้กู้ ซึ่งหากไม่สามารถหาเอกสารที่ยืนยันรายได้ของตนเองมาได้ ก็อาจทำให้ยื่นกู้ไม่ผ่าน

• ดอกเบี้ยสูงขึ้น

การรีไฟแนนซ์อาจทำให้ผู้กู้ต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยในสัญญาเงินกู้เดิม โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้กู้ต้องรีไฟแนนซ์เพื่อยืดระยะเวลาการผ่อนชำระเงินกู้

สามารถทำรีไฟแนนซ์ (Refinance) อะไรได้บ้าง?

การทำ Refinance สามารถทำได้กับผลิตภัณฑ์สินเชื่อต่าง ๆ ได้หลากหลายประเภท ซึ่งผู้ให้บริการจะมีทั้งธนาคารและสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร โดยขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งนำเสนอ

1. รีไฟแนนซ์บ้าน


การ Refinance บ้านหรือคอนโดคือการย้ายสินเชื่อบ้านที่เรากู้อยู่กับธนาคารเดิมไปธนาคารใหม่ เพื่อให้ได้ดอกเบี้ยบ้านที่ถูกกว่าเดิม ผ่อนชำระต่อเดือนถูกลง และผ่อนบ้านหมดเร็วขึ้น รวมถึงเรายังสามารถนำบ้านหรือคอนโดที่ติดขายฝากหรือกำลังผ่อนกับสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารมา Refinance เพื่อผ่อนกับธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยบ้านถูกกว่าได้เช่นกัน

การ Refinance บ้านหรือคอนโดช่วยลดดอกเบี้ยบ้าน ซึ่งตลอดระยะเวลาสินเชื่ออาจลดดอกเบี้ยได้มากถึงหลักล้านบาท โดยเราสามารถรีไฟแนนซ์ได้ทุก 3 ปีหรือตามระยะเวลาที่สัญญากู้กำหนด และยังสามารถเพิ่มวงเงินได้ในกรณีที่ต้องการกู้เงินเพิ่มในอัตราดอกเบี้ยต่ำลง สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเหมาะกับคนที่ต้องการลดดอกเบี้ยบ้านเพื่อผ่อนบ้านหมดไว้ขึ้น หรือต้องการผ่อนบ้านต่อเดือนถูกลง หรือต้องการลดระยะเวลาการผ่อนบ้าน และหาก Refinance แบบขอเพิ่มวงเงิน ก็จะเหมาะกับผู้ที่ต้องต้องการวงเงินกู้เพิ่มเติมเพื่อซ่อมแซมบ้านหรือปิดหนี้บัตรเครดิต โดยผู้ที่สนใจสามารถเลือกรีไฟแนนซ์บ้านที่ไหนดีได้จากหลากหลายธนาคาร

2. รีไฟแนนซ์รถ


การ Refinance รถยนต์คือการขอสินเชื่อเพื่อย้ายไฟแนนซ์จากธนาคารเดิมไปธนาคารใหม่เพื่อให้ได้เงื่อนไขที่ดีขึ้นและได้สิทธิประโยชน์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อเดิม การรีไฟแนนซ์รถทำได้ทั้งกับรถยนต์ รถกระบะ และรถจักรยานยนต์

การ Refinance รถจะช่วยยืดระยะเวลาในการผ่อนให้นานขึ้น ได้ดอกเบี้ยในการผ่อนที่ถูกลงกว่าเดิม และลดยอดผ่อนต่อเดือนให้น้อยลง รวมถึงมีเงินก้อนจากส่วนต่างมาหมุนเวียนให้เกิดสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม การรีไฟแนนซ์รถจะต้องผ่อนกับธนาคารเดิมมาแล้วเกิน 50% ของยอดหนี้

สินเชื่อ Refinance รถยนต์เหมาะกับคนที่มีรถและผ่อนไปมากกว่า 50% แล้ว ซึ่งต้องการใช้เงินฉุกเฉิน หรือคนที่ต้องการลดภาระในการชำระหนี้ในแต่ละเดือนเพื่อให้สามารถบริหารเงินได้ดีขึ้นโดยยืดระยะเวลาผ่อนออกไป

3. รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต


การ Refinance บัตรเครดิตคือการขอสินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อรวมหนี้บัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดทุกใบที่มีอยู่เป็นหนี้ก้อนเดียวแล้วย้ายไปผ่อนกับธนาคารใหม่ ซึ่งธนาคารใหม่จะให้ดอกเบี้ยได้ถูกกว่าและมีระยะเวลาในการผ่อนชัดเจนตั้งแต่ 12 - 48 เดือน

การ Refinance จะช่วยให้มีเงินก้อนนำไปชำระปิดหนี้บัตรเครดิตที่มีอยู่ ลดภาระหนี้ที่ต้องจ่ายต่อเดือนเพราะสินเชื่อตัวใหม่มีอัตราดอกเบี้ยถูกลงกว่าเดิม ยืดเวลาผ่อนชำระหนี้ได้นานขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้บริหารจัดการหนี้ง่ายขึ้น เพราะเหลือหนี้เพียงก้อนเดียว จึงมีโอกาสชำระหนี้ได้ตรงเวลาและปลดหนี้ได้เร็วขึ้น

สินเชื่อ Refinance บัตรเครดิตเหมาะกับคนที่ต้องการลดดอกเบี้ยหนี้บัตรเครดิต เพิ่มสภาพคล่อง ลดยอดผ่อนต่อเดือน และต้องการรวมหนี้บัตรเครดิตหลาย ๆ ใบไว้ในที่เดียว

การรีไฟแนนซ์ (Refinance) ใช้เอกสารอะไรบ้าง?

เอกสารที่ใช้ในการ Refinance จะแตกต่างกันไปตามข้อกำหนดของสถาบันการเงินและประเภทสินเชื่อที่ขอ แต่โดยรวมแล้วจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือเอกสารข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สำเนาบัตรประชาชนหรือบัตรข้าราชการ สำเนาทะเบียนบ้าน เอกสารยืนยันรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน หรือเอกสาร 50 ทวิ ปีล่าสุด สำเนารายการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน และในกรณีที่เป็นบ้านหรือรถ จะต้องมีเอกสารแสดงหลักประกันที่นำมารีไฟแนนซ์ เช่น สำเนาทะเบียนรถ โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองกรรมสิทธิ์ห้องชุด

สินเชื่อที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ

CardX SPEEDY LOAN
  • ผ่อนนานสูงสุด 24 และ 72 เดือน
  • วงเงินกู้ถึงหลักล้าน
  • อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี
  • มีอายุงานตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป
  • มีรายได้ต่อเดือน 15,000 บาทขึ้นไป
สินเชื่อบุคคลซิตี้
  • ผ่อนชิลๆ 60 เดือน
  • อนุมัติวงเงินสูงสุด 2 ล้านบาท
  • มีรายได้ต่อเดือน 20,000 บาทขึ้นไป
  • อายุงานตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป
  • ไม่เคยยื่นกับ Citi ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
Top-Banner-LINE BK_mobile.jpg

LINE BK

  • รายได้ 5,000.- ก็ยืมได้
  • วงเงินสูงสุด 8 แสนบาท
  • ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก
  • มีบัญชีเงินฝาก LINE BK
  • ฟรีทุกค่าธรรมเนียม
  • ดอกเบี้ย 25% - 33% ต่อปี
สมัครสินเชื่อส่วนบุคคล TTB Cash2Go
  • อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 25% ต่อปี
  • ไม่ต้องค้ำ
  • ดอกเบี้ยพิเศษ ลดต้นลดดอก
  • ผ่อนได้นานสุด 60 เดือน
  • วงเงินอนุมัติสูง 5 เท่าของรายได้
Promise-TopBanner_Mobile.jpg
  • รายได้เริ่มต้น 8,000 บาท
  • อนุมัติไวใน 1 ชั่วโมง
  • สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท
  • อัตราดอกเบี้สูงสุดไม่เกิน 25% ต่อปี
  • ไม่ต้องใช้คนค้ำ
KrungSriPL_PromotionBanner_750x750_18082023.jpg
  • พนักงานที่มีรายได้ 20,000 บาท
  • เจ้าของกิจการมีรายได้ 200,000 บาท
  • อายุการทำงาน/อายุกิจการ 3 ปีขึ้นไป
  • Statement ย้อนหลัง 6 เดือน
  • ผ่อนสูงสุด 60 เดือน
  • วงเงินสูงสุด 5 เท่า สูงสุด 2 ล้านบาท
  • อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 25% ต่อปี
KKP_Cashcard_RabbitCI_Slide&CTA_Top banner_mobile.jpg
  • รายได้ต่อเดือน 30,000 บาท
  • อายุงานตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป
  • อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 25% ต่อปี
  • ผ่อนชำระ: 12-72 เดือน
  • ผ่อนสบาย 80 บาทต่อวัน
 สินเชื่อส่วนบุคคล UOB i-Cash
  • ดอกเบี้ยต่ำ เริ่มต้น 9.99% ต่อปี (ตลอดอายุสัญญา)
  • วงเงินสูงสุด 2,000,000 บาท
  • ผ่อนนานสูงสุด 60 เดือน

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา