ราคาน้ำมันวันนี้
ราคาน้ำมันเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับคนใช้รถ เพราะราคาน้ำมันขึ้น ๆ ลง ๆ มาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ราคาน้ำมันดิบ, อัตราแลกเปลี่ยนเงินระหว่างประเทศ, โครงสร้างราคาน้ำมัน และอื่น ๆ ดังนั้นผู้ใช้รถจึงต้องมีการวางแผนในเดินทางและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ รวมไปถึงราคาน้ำมัน เพื่อให้การเดินทางของคุณราบรื่นมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันน้ำมันเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นการขับรถยนต์ไปทำงาน หรือใช้รถบรรทุกส่งสินค้า น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงที่ไม่สามารถแทนที่ได้ในการทำงานเหล่านี้
เนื่องจากราคาน้ำมันวันนี้เป็นข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นข้อมูลที่แจ้งไปนี้เป็นเพียงการประมาณการณ์สถานการณ์ในช่วงวันนี้และพรุ่งนี้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันในตลาดโลก ดังนั้นการตรวจสอบราคาน้ำมันปัจจุบันจะต้องดูจากข้อมูลอัพเดตล่าสุด
สำหรับราคาน้ำมันเบนซิน 95 และ 91 ราคาที่กล่าวมาเป็นราคาเฉลี่ยของประเทศทั้งหมด ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ โดยมีการปรับปรุงราคาในแต่ละวันโดยมีผู้ประกอบการเชื้อเพลิงในแต่ละพื้นที่แจ้งราคาตามตลาด
การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันวันนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการผลิตน้ำมันที่มีปัญหาและการส่งออกที่มีข้อจำกัด รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่นการแข่งขันของตลาดน้ำมัน และความต้องการใช้งานจากผู้บริโภค
การเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันในตลาดโลกมีผลต่อราคาน้ำมันในประเทศไทยเนื่องจากปริมาณน้ำมันที่นำเข้ามาในประเทศไทยส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกจึงส่งผลต่อการนำเข้าน้ำมันที่มีราคาแพงหรือถูกลงมาในประเทศไทย
หน่วยงานใดประกาศราคาน้ำมันดีเซลและราคาน้ำมันเบนซินในประเทศไทย?
ราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินในประเทศไทยถูกกำหนดโดยกรมพัฒนาพลังงานที่เป็นหน่วยงานมหาชน ราคาน้ำมันที่ประกาศโดยกรมพัฒนาพลังงานเป็นราคาเฉลี่ยของน้ำมันในท้องตลาดในประเทศไทย ซึ่งอ้างอิงราคาจากตลาดน้ำมันในประเทศไทยเอง
ราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินในประเทศไทยจะมีการปรับตามสถานการณ์ของตลาดน้ำมันในต่างประเทศและสถานการณ์การผลิตและจำหน่ายน้ำมันในประเทศไทย เนื่องจากปริมาณน้ำมันที่นำเข้ามาในประเทศไทยส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ และมีผลต่อราคาน้ำมันในประเทศไทย
ดังนั้น ราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินในประเทศไทยอาจจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละวัน โดยมีการปรับราคาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของตลาดน้ำมันในแต่ละช่วงเวลา และในการอ้างอิงราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน ทำให้เกิดกระแสการเติมน้ำมันก่อนขึ้นราคา จึงควรตรวจสอบราคาที่ประกาศโดยกรมพัฒนาพลังงานเพื่อรับรองข้อมูลราคาที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน
ราคาน้ำมันวันนี้ในประเทศไทย อ้างอิงราคาจากประเทศใด?
การกำหนดราคาน้ำมันในประเทศไทยจะอ้างอิงจากราคาน้ำมันในตลาดโลก นั่นก็คือราคาน้ำมันดีเซลและราคาน้ำมันเบนซิน โดยส่วนใหญ่จะอ้างอิงจากราคาน้ำมันในตลาดน้ำมันในสิงคโปร์ และราคาน้ำมันในตลาดน้ำมันในดูไบ โดยมีการปรับราคาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในตลาดโลกและสถานการณ์ในประเทศไทย
เนื่องจากสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการค้าน้ำมันในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมีการซื้อขายน้ำมันเป็นประจำกับประเทศไทยและประเทศในภูมิภาคเอเชียอื่น ๆ ดังนั้นราคาน้ำมันในสิงคโปร์มีผลต่อราคาน้ำมันในประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้น การกำหนดราคาน้ำมันในประเทศไทยไม่ได้พึงพิงแค่แหล่งข้อมูลเดียวเท่านั้น แต่อาจมีการใช้ข้อมูลจากหลายแหล่งเพื่อให้เป็นไปตามความเหมาะสมและยังมีการกำหนดราคาด้วยกฎหมายโดยภาครัฐ โดยทางภาครัฐได้กำหนดอัตราภาษีในการผลิตและนำเข้าน้ำมัน รวมถึงอัตราค่าธรรมเนียมการนำเข้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันอื่น ๆ เพื่อกำหนดราคาขายน้ำมันในประเทศไทย
ทำไมราคาน้ำมันรถยนต์ในประเทศไทย ต้องอ้างอิงมาจาก ปั๊ม ปตท.?
ราคาน้ำมันรถยนต์ในประเทศไทยต้องอ้างอิงมาจากปั๊ม ปตท. เนื่องจาก ปตท. เป็นบริษัทปิโตรเลียมชั้นนำของประเทศไทย และได้รับมอบหมายในการควบคุมการค้าน้ำมันในประเทศ ดังนั้น ปตท. จึงเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจในการกำหนดราคาน้ำมันและมีบทบาทสำคัญในการควบคุมความเสี่ยงทางการเงินและความเสียหายของรัฐบาล รวมถึงผู้บริโภคด้วย
นอกจากนี้ ปั๊ม ปตท. ยังเป็นผู้จัดหาน้ำมันเชิงพาณิชย์และสามารถควบคุมการค้าน้ำมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการจัดทำสัญญาซื้อขายกับบริษัทน้ำมันอื่นๆ โดยมีเงื่อนไขในการซื้อ-ขายน้ำมันที่มีผลกระทบต่อราคาน้ำมันในประเทศ
น้ำมัน 1 ลิตร วิ่งได้กี่กิโล
เมื่อขับรถแบบเพลิน ๆ ดี ๆ แต่สัญลักษณ์ไฟเหลืองเตือนน้ำมันหมดดันเตือนขี้นมา เรียกได้ว่าเป็นสัญญาณบีบหัวใจเลยก็ว่าได้ หลายคนมักจะลนลานทำตัวไม่ถูกว่าจะทำยังไต่อดี เราจะมาไขข้อข้องใจกันกับสัญญาณน้ำมันเตือน วิ่งได้กี่กิโล? แล้วจะมีวิธีรับมืออย่างไรต่อไปดี เพื่อให้คุณไปถึงปั๊มน้ำมันอย่างปลอดภัยมากที่สุด
สัญญาณน้ำมันเตือน วิ่งได้กี่กิโล
เมื่อสัญญาณน้ำมันใกล้หมดแจ้งเตือน หลายคนคงจึงเกิดความสงสัยแล้วว่าถ้าสัญญาณน้ำมันเตือนวิ่งได้กี่กิโลต่อจากนี้ เพราะจะได้ทำการกะระยะทางจากจุดที่อยู่ ไปยังปั๊มน้ำมันที่ไกล้ที่สุดก่อนที่รถจะดับกลางทาง ซึ่งส่วนมากแล้วเมื่อสัญญาณน้ำมันเตือน วิ่งได้กี่กิโลเฉลี่ยอยู่ที่ 40-50 กิโลเมตร ก่อนที่น้ำมันจะหมดจริง ๆ แล้วทำให้รถยนต์ของคุณดับได้ แต่ก็ยังมีรถที่สัญญาณน้ำมันเตือนขึ้น แต่ก็ยังขับไปต่อได้มากกว่า 50 กิโลเมตร ได้แก่รถยี่ห้อต่อไปนี้
- Mercedes-Benz C-Class: 74 กม.
- Mini Cooper: 72 กม.
- Nissan Qashqai: 69 กม.
- Volkswagen Golf: 67 กม.
- Audi A3: 67 กม.
- Ford Focus: 64 ไมล์
- Volkswagen Polo: 62 กม.
- Ford Fiesta: 59 กม.
ทำยังไงเมื่อสัญญาณน้ำมันเตือน
นอกจากจะต้องกังวลเรื่องสัญลักษณ์น้ำมันเตือน วิ่งได้กี่กิโลต่อไปแล้ว จะต้องทำยังไงต่อดีเมื่อรถขึ้นสัญญาณเตือน เพื่อให้คุณได้ไปถึงปั๊มน้ำมันได้ทันเวลา ก่อนที่น้ำมันจะหมดเกลี้ยงถังระหว่างทาง มาดูวิธีการรับมือให้คุณประคองรถไปยังปั๊มน้ำมันที่ใกล้ที่สุดได้อย่างปลอดภัยกันเถอะ
- ปิดเครื่องปรับอากาศ เมื่อสัญลักษณ์น้ำมันเตือนใกล้หมดปรากฏขึ้นที่หน้าปัด ให้คุณทำการปิดเครื่องปรับอากาศ เพื่อที่รถยนต์จะได้ไม่ดึงพลังงานที่สิ้นเปลืองมาใช้กับการทำความเย็น ก็จะช่วยยืดอายุน้ำมันได้ฝนระยะหนึ่งเมื่อน้ำมันเตือน วิ่งได้กี่กิโลก็ถึงปั๊มแน่นอน
- งดใช้ไฟฟ้าบนรถ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเปิดวิทยุ การเล่นเครื่องเสียง ไฟภายในห้องโดยสาร หรือการพ่วงชาร์จแบตเตอรี่ ให้งดไปก่อนขณะน้ำมันใกล้หมด
- ไม่เบรกจนเกินจำเป็น เมื่อรถของคุณขึ้นสัญลักษณ์น้ำมันเตือน วิ่งได้กี่กิโลก็ตามก็ไม่ควรเบรกถี่จนเกินไป เพราะการเหยียบเบรกในแต่ละครั้งจะกินน้ำมันได้เปลืองมาก ต่อให้เป็นสถานการณ์ปกติที่น้ำมันไม่หมด ก็ไม่ควรเหยียบเบรกถี่จนเป็นนิสัย ให้เหยีบเบรกเมื่อยามจำเป็นที่จะต้องใช้เท่านั้น.
- ปิดกระจก หลายคนอาจคิดว่าเมื่อปิดเครื่องปรับอากาศภายในรถลงแล้ว ก็ให้เปิดกระจกวิ่งแทน ซึ่งไม่ควรทำเด็ดขาด เพราะลมที่เข้ามาภายในห้องโดยสารจะทำให้รถยนต์ของคุณเฉื่อยลงได้ ทำให้เปลืองน้ำมันยิ่งกว่าเดิม
เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่สัญลักษณ์น้ำมันเตือน วิ่งได้กี่กิโลก็ตามแต่ ให้คุณทำตามวิธีที่เราได้แนะนำไปในข้างต้น ก็จะช่วยให้คุณสามารถยืดเวลาในการหาปั๊มออกไปได้ แล้วถึงปั๊มน้ำมันได้ทันเวลาโดยที่รถไม่ดับไปเสียก่อน แต่ถ้าหากน้ำมันใกล้หมดแล้วบริเวณนั้นที่คุณอยู่ไม่มีปั๊มน้ำมัน ให้รีบนำรถจอดที่ไหล่ทาง จากนั้นให้โทรขอความช่วยเหลือจากสายด่วน 1586 (กรมทางหลวง) หรือ โทร. 1543 (การทางพิเศษ) กรณีที่คุณน้ำมันหมดบนทางด่วน หรือจะโทรหาบริษัทประกันรถยนต์ที่รับผิดชอบคุณอยู่ก็ได้เช่นกัน
เมื่อสัญลักษณ์น้ำมันเตือน วิ่งได้กี่กิโลต่อไปก็ตาม ให้คุณรีบตั้งสติแล้วรีบทำตามวิธีรับมือเมื่อน้ำมันใกล้หมด ก็จะช่วยให้คุณเดินทางถึงปั๊มน้ำมันได้อย่างปลอดภัย โดยที่น้ำมันไม่หมดกลางทางเสียก่อน โดยปฏิบัติตามวิธีที่เราได้แนะนำในข้างต้นย่างเคร่งครัด และหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา สำหรับผู้ที่ทำประกันรถยนต์ที่ Rabbit Care เรามีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง ให้คุณอุ่นใจได้เมื่อเกิดปัญหาบนท้องถนน ไม่ว่าจะหนักหรือเบาเราก็พร้อมช่วย เคลมง่าย LINE Official Account พร้อมมีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือ สมัครเลย!
ความคุ้มครองประกันรถยนต์
น้ำมันเบนซิน 95
น้ำมันเบนซิน 91
น้ำมัน E85
น้ำมันดีเซล B7
น้ำมัน E10
น้ำมันเบนซิน 95 มีอะไรบ้าง ใช้แล้วรถแรงเครื่องสะอาดจริงหรือไม่?
เวลาขับรถไปเติมน้ำมัน เลือกเติมน้ำมันประเภทไหน เลือกน้ำมันที่เติมจากอะไร? ในการเลือกประเภทของน้ำมันเชื้อเพลิง ผู้ขับขี่แต่ละคนก็จะมีเกณฑ์ในการเลือกที่แตกต่างกันออกไป ทั้งคุณภาพ ราคา หรือบางครั้งก็เติมเพียงเพราะมีคนบอกว่าดี หลายคนน่าจะคุ้นชินกับคำที่ว่าน้ำมันเบนซิน 95 ดีที่สุด วันนี้เราจะพาไปดูว่า น้ำมันเบนซิน 95 ดีจริงต่อรถยนต์จริงหรือไม่ แล้วต่างจากน้ำมันประเภทอื่นๆ อย่างไร
น้ำมันเบนซินเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ ซึ่งถูกเรียกว่า แนฟธา (Naphtha) เป็นส่วนที่เบาที่สุด จากนั้นจึงถูกนำมาปรับปรุงคุณภาพ ด้วยการเพิ่มค่าออกเทนน้ำมันเบนซินปัจจุบันมี 2 ประเภท คือ
- น้ำมันเบนซินรถยนต์ (Motor Gasoline)
- น้ำมันเบนซินอากาศยาน (Aviation Gasoline)
น้ำมันเบนซิน 95 คืออะไร?
น้ำมันเบนซิน 95 (Gasoline 95) คือ น้ำมันเบนซินพิเศษไร้สารตะกั่ว ไม่มีส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์ หรือเอทานอล มีค่าออกเทน 95 เรียกได้ว่าเป็นน้ำมันที่มีความเสถียรมากที่สุด ทำให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์สมบูรณ์และสะอาด การตอบสนองในการขับขี่เต็มประสิทธิภาพ เหมาะกับรถยนต์ทุกประเภท แต่น้ำมันเบนซิน 95 จะมีราคาสูง
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ จึงกลายเป็นอีกหนึ่งคำตอบได้ว่า น้ำมันเบนซิน 95 ใช้แล้วรถแรงเครื่องสะอาดจริง เนื่องจากมีการเผาไหม้ของเครื่องยนต์สมบูรณ์
ค่าออกเทน : เป็นตัวเลขที่บอกถึงความสามารถในการต้านทานการน็อก (Antiknock Quality) ของน้ำมันเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์เบนซิน หรือถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือค่าการทนความร้อนไม่ให้น้ำมันเชื้อเพลิงนั้นจุดระเบิดง่ายเกินไป ในระหว่างการทำงานของเครื่องยนต์ โดยน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่าออกเทนต่ำจะชิงจุดระเบิดได้ง่ายกว่า น้ำมันที่มีค่าออกเทนสูงนั่นเอง
นอกจาก น้ำมันเบนซิน 95 (Gasoline 95) ก็จะมีเบนซินออกเทน 91(Gasoline 91) ด้วย เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ที่มีค่าออกเทนอยู่ที่ 91 มีอัตราการเร่งและการตอบสนอง ก็จะต่ำกว่าเบนซินออกเทน 95 เล็กน้อย แต่ในปัจจุบันไม่มีให้เติมแล้ว
น้ำมันเบนซิน 95 ต่างจาก แก๊สโซฮอล์ 95 อย่างไร?
สำหรับคนที่ไม่ได้มีความเข้าใจเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิงน่าจะเกิดข้อสงสัยว่าระหว่าง น้ำมันเบนซิน 95 ต่างจาก แก๊สโซฮอล์ 95 แต่งกันอย่างไร ถึงแม้ชื่อจะดูคล้ายกันมากๆ แต่ส่วนผสมและคุณสมบัติต่างกันอยู่
- น้ำมันเบนซิน 95 (Gasoline 95) : น้ำมันเบนซินพิเศษไร้สารตะกั่ว ที่ไม่มีส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์ หรือเอทานอล มีค่าออกเทน 95
- แก๊สโซฮอล์ 95 (Gasohol 95) : น้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากการนำน้ำมันเบนซิน 91 ผสมกับเอทิลแอลกอฮอล์ บริสุทธิ์ 99.5% (อัตราส่วน เบนซิน 90% : เอทานอล 10%)
ถึงจะมีเลขออกเทนที่เท่ากัน แต่ในส่วนของคุณภาพน้ำมันเบนซิน 95 ให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์สมบูรณ์ สะอาด อัตราการเร่งและการตอบสนองได้ดีกว่าแก๊สโซฮอล์ 95 อยู่เล็กน้อย
ข้อดีของน้ำมันเบนซิน 95 มีอะไรบ้าง?
- ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์
- ช่วยคงความสะอาดของเครื่องยนต์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น
- ช่วยให้รถยนต์สามารถตอบสนองในการขับขี่เต็มประสิทธิภาพ
อย่างที่บอกไปว่าน้ำมันเบนซิน 95 เป็นน้ำมันที่ดีที่สุดในตระกูลเบนซิน เมื่อเป็นสิ่งที่ดีที่สุดก็มักจะมาพร้อมราคาที่สูงที่สุดด้วยเช่นกัน สำหรับใครที่ต้องการดูแลรถเป็นพิเศษ การใช้น้ำมันเบนซิน 95 ก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้าสู้ค่าน้ำมันไม่ไหว น้ำมันทดแทนตัวอื่นๆ ก็มีคุณภาพไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ทดแทนได้เหมือนกัน
ถึงแม้น้ำมันที่ดีที่สุดจะมีราคาสูง แต่ประกันรถยนต์ที่ดีที่สุด ไม่จำเป็นจะต้องจ่ายแพงอย่างที่คิด แม้จะจ่ายเบี้ยประกันในราคาถูก แต่ได้ความคุ้มครองแบบจัดเต็มได้ เพราะทำประกันรถยนต์กับ Rabbit Care ยังไงก็จ่ายเบี้ยประกันถูกกว่า การันตีราคาสุดคุ้ม เจอราคาถูกกว่า เราคืนส่วนต่างให้ ภายใต้เงื่อนไขของบริษัทเดียวกัน แถมยังมีโปรโมชั่นพิเศษอีกมากมาย มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ที่พร้อมช่วยเหลือคุณเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินบนท้องถนน และยังมีชดเชยค่าเดินทางสูงสุด 500 บาท (2 ครั้ง/ปี) ระหว่างรถยนต์เข้าอู่ซ่อมอีกด้วย คุ้มค่ากว่าซื้อตรงแน่นอน!