Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ

โปรแกรมคำนวณ DSCR ประเมินความสามารถในการชำระหนี้

DSCR คืออะไร? มีความสำคัญอย่างไร ใช้ทำอะไร พร้อมบอกสูตรคำนวณ

ในการทำธุรกิจ หลาย ๆ คนอาจมีการกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำเงินเหล่านั้นมาลงทุน บางคนกู้จากธนาคารหรือสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ บางคนอาจกู้หนี้นอกระบบ ซึ่งบางคนอาจไม่เข้าใจถึงการอันตรายของหนี้นอกระบบ มีคำศัพศ์อยู่คำหนึ่งเกี่ยวกับการชำระหนี้ นั่นก็คือ “DSCR” ถือว่าเป็นคำที่มีความสำคัญอย่างมากในด้านการเงิน วันนี้น้องแคร์จะไปทุกคนรู้จักกับคำนี้ว่ามันคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร พร้อมบอกวิธีการคำนวณ ไปดูกันเลย!!

DSCR ratio คืออะไร?

DSCR ย่อมาจาก Debt Service Coverage Ratio ซึ่งเป็นตัวชี้วัดทางการเงินที่ใช้ในการประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของธุรกิจหรือบุคคล โดยเฉพาะเมื่อมีการขอสินเชื่อหรือกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินหรือธนาคาร

DSCR คำนวณจากสัดส่วนระหว่างรายได้ที่สามารถใช้สำหรับการชำระหนี้กับจำนวนหนี้ที่ต้องชำระ ค่าที่สูงขึ้นแสดงว่าธุรกิจหรือบุคคลมีความสามารถในการชำระหนี้ที่ดีกว่า ในทางกลับกัน ค่าที่ต่ำลงหมายถึงความไม่เสถียรในการชำระหนี้

สำหรับการประเมิน DSCR ที่ถือว่าดีนั้นอยู่ที่ 1.25 หรือสูงกว่า ซึ่งหมายความว่ารายได้ที่สามารถใช้สำหรับการชำระหนี้มีมากกว่าหนี้ที่ต้องชำระ 25% ของยอดเงินที่ต้องจ่ายเป็นดอกเบี้ยและเงินต้นต่อปี

DCSR ใช้ในการทำอะไร?

DSCR (Debt Service Coverage Ratio) ใช้ในการวัดความสามารถในการชำระหนี้ของธุรกิจหรือบุคคล โดยเฉพาะเมื่อมีการขอสินเชื่อหรือกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินหรือธนาคาร โดย DSCR จะช่วยให้ผู้ให้สินเชื่อหรือสถาบันการเงินประเมินความเสี่ยงของการให้สินเชื่อ และตรวจสอบว่าผู้ขอสินเชื่อมีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่ การใช้งานมีดังนี้:

1. การประเมินความสามารถในการขอสินเชื่อ

สถาบันการเงินหรือผู้ให้สินเชื่ออาจใช้ DSCR เพื่อประเมินความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ขอสินเชื่อ ถ้ามีค่าสูงกว่าค่าเกณฑ์ที่กำหนด อาจทำให้มีโอกาสได้รับสินเชื่อมากขึ้น

2. การวิเคราะห์ความเสี่ยง

การใช้ DSCR ช่วยในการวิเคราะห์ความเสี่ยงของการให้สินเชื่อ ค่าที่ต่ำกว่าค่าเกณฑ์ที่กำหนดอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าผู้ขอสินเชื่ออาจมีความเสี่ยงในการชำระหนี้ที่สูง

3. การตัดสินใจในการอนุมัติสินเชื่อ

DSCR เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการตัดสินใจว่าจะอนุมัติหรือปฏิเสธการสินเชื่อ สถาบันการเงินหรือผู้ให้สินเชื่ออาจตัดสินใจโดยพิจารณา DSCR ที่ตรงกับนโยบายหรือมาตรฐานทางการเงินของตน

การใช้ DSCR ช่วยให้สถาบันการเงินและผู้ให้สินเชื่อสามารถประเมินความเสี่ยงในการให้สินเชื่อและตัดสินใจว่าจะอนุมัติหรือปฏิเสธสินเชื่อให้กับผู้ขอสินเชื่อได้อย่างมีระบบ และส่งผลให้มีการบริหารจัดการการกู้ยืมเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

สูตร DSCR คืออะไร มีการคำนวณอย่างไร?

สูตรการคำนวณ Debt Service Coverage Ratio คือ:

สูตร DSCR = (รายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้) / (จำนวนหนี้ที่ต้องชำระ)



ขั้นตอนการคำนวณ DSCR

  1. รวบรวมข้อมูลที่จำเป็น เช่น รวบรวมรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ และจำนวนหนี้ที่ต้องชำระในช่วงเวลาที่กำหนด (เช่น รายเดือนหรือรายปี)
  2. คำนวณรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ ขั้นตอนนี้คือการหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับดอกเบี้ยหรือเงินต้นของหนี้ที่ต้องชำระจากรายได้ทั้งหมดของธุรกิจหรือบุคคล
  3. คำนวณจำนวนหนี้ที่ต้องชำระโดยการรวมจำนวนเงินต้นและดอกเบี้ยที่ต้องชำระต่อเดือนหรือต่อปี

นำผลลัพธ์จากขั้นตอนที่ 2 และ 3 มาคำนวณ: หารรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ด้วยจำนวนหนี้ที่ต้องชำระ

ตัวอย่างการคำนวณ

สมมุติว่าธุรกิจ ABC Co. มีรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้เป็น 500,000 บาทต่อเดือน และต้องชำระหนี้ทั้งหมดรวมกันเป็น 300,000 บาทต่อเดือน

DSCR = (รายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้) / (จำนวนหนี้ที่ต้องชำระ) = 500,000 / 300,000 = 1.67

ดังนั้น DSCR ของ ABC Co. คือ 1.67 ซึ่งหมายความว่ารายได้ของธุรกิจมีอัตราสูงกว่าหนี้ที่ต้องชำระ 1.67 เท่า ซึ่งค่าที่ดีนั้นจะอยู่ที่ 1.25 หรือสูงกว่า ดังนั้นสามารถสรุปได้คร่าว ๆ ว่า ABC Co. มีความสามารถในการชำระหนี้ที่สูง

ในทางตรงกันข้าม ถ้าบริษัท XYZ Co. มีรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้เป็น 100,000 บาทต่อเดือน และต้องชำระหนี้ทั้งหมดรวมกันเป็น 320,000 บาทต่อเดือน

DSCR = (รายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้) / (จำนวนหนี้ที่ต้องชำระ) = 100,000 / 320,000 = 0.31

ดังนั้น DSCR ของ XYZ Co. คือ 0.31 สามารถสรุปได้ว่ามีความสามารถในการชำระหนี้ต่ำ เนื่องจากมีรายได้ที่ต่ำกว่าหนี้ที่ต้องชำระ

DSCR เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สถาบันทางการเงินจะนำมาพิจารณาเมื่อคุณต้องการกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนทำกิจการต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น คุณสมบัติของผู้กู้ ปัจจัยภายนอก เงินทุน สินทรัพย์ หรือหลักประกัน ดังนั้นถ้าความสามารถในการชำระหนี้ยิ่งสูง ก็ยิ่งกู้ผ่านได้ง่ายและมีโอกาสที่จะอนุมัติไว

เหล่านี้คือข้อมูลทั้งหมดของ DSCR ที่ แรบบิท แคร์ พยายามรวบรวมมาให้แล้ว หากคุณกำลังมีแพลนที่จะกู้เงินกับธนาคารเพื่อนำเงินมาหมุนในธุรกิจ หรือลงทุนทำกิจการใหม่ น้องแคร์ขอแนะนำให้คุณขอสินเชื่อกับ แรบบิท แคร์ แทนการกู้นอกระบบเนื่องจากไม่ปลอดภัย เรามีผลิตภัณฑ์สินเชื่อจากหลายธนาคาร สามารถเปรียบเทียบง่ายเพียง 30 วินาที สะดวก ปลอดภัย มีโอกาสได้รับการอนุมัติสูง หากมีปัญหาอะไรเราก็มีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา หากสนใจสมัครหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โทรเลย 1438

สินเชื่อที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ

สินเชื่อบุคคล CardX Speedy Loan
  • ผ่อนนานสูงสุด 24 และ 72 เดือน
  • วงเงินกู้ถึงหลักล้าน
  • อัตราดอกเบี้ย 25% ต่อปี
  • มีอายุงานตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป
  • มีรายได้ต่อเดือน 15,000 บาทขึ้นไป
สินเชื่อบุคคลซิตี้
  • ผ่อนชิลๆ 60 เดือน
  • อนุมัติวงเงินสูงสุด 2 ล้านบาท
  • มีรายได้ต่อเดือน 20,000 บาทขึ้นไป
  • อายุงานตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไป
  • ไม่เคยยื่นกับ Citi ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
สินเชื่อส่วนบุคคล Happy Cash ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์

LH Bank

  • ดอกเบี้ยต่ำ 8.88%/ปี*
  • วงเงินสูงสุด 1.5 ล้านบาท*
  • ผ่อนนานสูงสุด 60 เดือน*
  • ไม่ต้องค้ำประกัน
  • อายุงานไม่น้อยกว่า 1 ปีขึ้นไป
  • ทำงานในเขตกรุงเทพ และปริมณฑล
  • รายได้ต่อเดือนขั้นต่ำ 30,000 บาทขึ้นไป
สมัครสินเชื่อส่วนบุคคล TTB Cash2Go
  • อัตราดอกเบี้ยสูงสุด 25% ต่อปี
  • ไม่ต้องค้ำ
  • ดอกเบี้ยพิเศษ ลดต้นลดดอก
  • ผ่อนได้นานสุด 60 เดือน
  • วงเงินอนุมัติสูง 5 เท่าของรายได้

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา