ไดชาร์จรถยนต์ ชิ้นส่วนสำคัญเทียบเท่ากับแบตเตอรี่

เมื่อพูดถึงชิ้นส่วนรถยนต์ที่สำคัญภายในรถยนต์ ไดชาร์จถือเป็นชิ้นส่วนหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้ชิ้นส่วนรถยนต์อื่น ๆ เช่น แบตเตอรี่ เครื่องยนต์ และล้อแม็ก เป็นต้น โดยชิ้นส่วนดังกล่าวสามารถส่งผลต่อสมรรถนะในการขับขี่รถยนต์ได้หากเกิดการชำรุดขึ้น เพราะจะส่งผลต่ออุปกรณ์และชิ้นส่วนรถยนต์ที่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงาน ดังนั้น ในบทความนี้ เราจะพูดถึงว่าชิ้นส่วนรถยนต์ชิ้นนี้คืออะไร ทำหน้าที่อะไร ไดชาร์จเสีย อาการเป็นอย่างไร ไดชาร์จเสีย เกิดจากอะไร สาเหตุที่ทำให้ชิ้นส่วนชิ้นนี้ชำรุด และวิธีสังเกตเมื่อชิ้นส่วนเกิดชำรุด

ไดชาร์จรถยนต์ คือชิ้นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญต่อระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์ โดยชิ้นส่วนนี้เป็นชิ้นส่วนที่ทำการเปลี่ยนแปลงพลังงานกลที่ได้จากการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ขณะขับขี่เป็นพลังงานไฟฟ้า แล้วจ่ายไฟฟ้าให้กับชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในรถยนต์ที่ต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงาน โดยส่วนมาก ในปัจจุบัน รถยนต์ใช้ชิ้นส่วนที่ต้องใช้ไฟฟ้าในการทำงานมากขึ้น เช่น ระบบเลื่อนกระจกรถยนต์ ระบบวิทยุ เครื่องเสียง ระบบปรับอากาศภายในรถยนต์ และอื่น ๆ อีกมากมาย

อีกทั้ง ชิ้นส่วนนี้ยังส่งพลังงานไฟฟ้าเพื่อเข้าไปเก็บสำรองไว้ในแบตเตอรี่ได้ด้วย ซึ่งหลักการทำงานของชิ้นส่วนรถยนต์ชิ้นนี้คือ การที่ชิ้นส่วนนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยสายพานที่เชื่อมต่อกับเครื่องยนต์ภายในห้องเครื่อง เมื่อเกิดกระแสไฟฟ้าที่มีความดันไฟฟ้าสูงกว่าแรงดันไฟของแบตเตอรี่ กระแสไฟฟ้าที่ชิ้นส่วนนี้สร้างได้ก็จะถูกส่งเข้าไปเก็บสำรองไว้ในแบตเตอรี่ คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าแหล่งพลังงานไฟฟ้าส่วนใหญ่มาจากแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งอันที่จริงแล้ว ถึงแม้ว่าแบตเตอรี่รถยนต์มีความสำคัญในการสตาร์ทรถ แต่แบตเตอรี่รถยนต์ก็ต้องพึ่งพาไดชาร์จรถยนต์ให้ทำการเปลี่ยนแปลงพลังงานกลให้เป็นพลังงานไฟฟ้า แล้วแจกจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ต้องใช้งานพลังงานไฟฟ้าทั่วทั้งรถยนต์

ดังนั้น ไดชาร์จรถยนต์จึงมีความสำคัญเท่ากับแบตเตอรี่ หากชิ้นส่วนรถยนต์ชิ้นนี้เกิดการชำรุดหรือทำงานผิดปกติ จะทำให้ระบบต่าง ๆ ภายในรถยนต์ต้องนำไฟฟ้าภายในแบตเตอรี่มาใช้งาน เมื่อไฟฟ้าภายในแบตเตอรี่ไม่เพียงพอต่อการใช้ไฟฟ้า ทำให้ระบบต่าง ๆ ภายในรถยนต์ทำงานผิดปกติตามกันไปด้วย และยังส่งผลต่อสมรรถนะการขับขี่ของรถยนต์อีกด้วย โดยเฉพาะปัญหาสตาร์ทรถไม่ติด

เมื่อชิ้นส่วนนี้เกิดชำรุดหรือทำงานผิดปกติ สามารถส่งผลกระทบต่อการทำงานของรถยนต์ได้เป็นวงกว้าง ซึ่งทำให้สมรรถนะและการทำงานของรถยนต์ทำได้ไม่เต็มที่ อีกทั้ง ในบางกรณี อาจส่งผลต่อการขับขี่จนสามารถนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ อาการต่าง ๆ ที่เกิดจากชิ้นส่วนนี้เสีย มีดังต่อไปนี้

1. อาการสตาร์ทรถไม่ติด

อาการหนึ่งที่สามารถพบได้บ่อยถึงบ่อยมากเมื่อไดชาร์จรถยนต์เสีย นั่นคือปัญหาสตาร์ทรถไม่ติด จากที่กล่าวไว้ข้างต้น เมื่อชิ้นส่วนรถยนต์ชิ้นนี้ชำรุดหรือทำงานผิดปกติ ทำให้ระบบภายในรถยนต์ต้องนำไฟฟ้าภายในแบตเตอรี่มาใช้งาน เมื่อไฟฟ้าภายในแบตเตอรี่ถูกใช้จนหมด ทำให้เมื่อสตาร์ทรถครั้งต่อไป จะทำให้เกิดปัญหาสตาร์ทรถไม่ติด

ซึ่งหากไม่ทราบถึงปัญหาหรือความสัมพันธ์ระหว่างชิ้นส่วนรถยนต์ชิ้นนี้กับแบตเตอรี่รถยนต์ อาจคิดว่าปัญหาสตาร์ทรถไม่ติดเกิดจากแบตเตอรี่รถยนต์เพียงอย่างเดียว และในหลาย ๆ ครั้ง ทำให้เราเลือกเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ก่อนที่จะทำการตรวจสอบชิ้นส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะชิ้นส่วนที่กล่าวมาข้างต้น และเมื่อขับรถไปได้สักพัก อาจพบปัญหาแบตเตอรี่รถยนต์หมดทั้งที่เพิ่งทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่มา

2. อาการระบบที่ใช้ไฟฟ้าทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ

อีกหนึ่งอาการที่สามารถพบได้เมื่อไดชาร์จรถยนต์เสีย นั่นคือปัญหาระบบภายในรถยนต์ที่ต้องใช้ไฟฟ้าทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เช่น ปัญหาไฟหน้าไม่สว่าง โดยเราอาจสังเกตได้ว่าไฟหน้าไม่ส่องสว่างตามที่ควรจะเป็น โดยเบื้องต้น อาจลองเปลี่ยนชิ้นส่วนของไฟหน้าก่อน แล้วทำการลองเปิดไฟหน้าอีกครั้ง หากไฟหน้ายังคงไม่ส่องสว่าง มีความเป็นไปได้สูงที่ชิ้นส่วนชิ้นนี้ชำรุดหรือทำงานผิดปกติ

ปัญหาหน้าต่างรถยนต์ทำงานได้อย่างไม่เต็มที่ กล่าวคือ ระบบต้องใช้เวลานานกว่าปกติในการเลื่อนกระจกขึ้นหรือเลื่อนกระจกลง รวมไปถึงปัญหาอุปกรณ์เสริมภายในรถยนต์ เช่น ระบบ GPS ช่องเสียบ USB จ่ายไฟอ่อนกว่าปกติ จากปัญหาทั้งหมด ควรทำการตรวจสอบชิ้นส่วนรถยนต์ชิ้นนี้ว่าทำงานปกติหรือไม่ ชำรุดหรือไม่ หากชำรุดหรือทำงานผิดปกติ ควรทำการเปลี่ยนชิ้นส่วนนี้ทันที เพราะส่งผลต่อสมรรถนะการขับขี่ของรถยนต์เป็นอย่างมาก

3. อาการเหม็นไหม้ภายในรถยนต์

อาการนี้สามารถเกิดได้จาก 2 กรณีหลัก ได้แก่ กรณีที่ยางรถยนต์ใกล้ถึงอายุการใช้งาน จนทำให้เมื่อต้องการเบรก ยางรถยนต์ต้องใช้พื้นผิวทำการเบรกจนดอกยางหาย และกรณีที่สายไฟหรือสายพานที่เชื่อมต่อกับแบตเตอรี่รถยนต์มีการไหม้ กรณีเกิดขึ้นได้เมื่อสายพานของชิ้นส่วนรถยนต์ชิ้นนี้เริ่มเสื่อมสภาพจากการใช้งานที่ต้องพบเจอกับแรงเสียดทานขณะที่รถขับเคลื่อน ทำให้เกิดความร้อนสะสม และหากถึงจุดที่สายพานทนความร้อนไม่ได้ ก็จะทำให้สายพานไหม้ เมื่อเกิดปัญหาดังกล่าว ควรตรวจสอบชิ้นส่วนที่สามารถก่อให้เกิดกลิ่นไหม้ได้ และรีบนำรถยนต์เข้าศูนย์บริการเพื่อทำการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญต่อไป

1. ลักษณะการทำงานของไดชาร์จรถยนต์

ไดชาร์จรถยนต์ถือเป็นชิ้นส่วนหนึ่งที่ต้องทำงานหนัก โดยเฉพาะส่วนสายพานที่ต้องขับเคลื่อนชิ้นส่วนรถยนต์ชิ้นนี้ให้เปลี่ยนแปลงพลังงานกลเป็นพลังงานไฟฟ้า ทำให้เกิดความร้อนทั้งจากตัวเครื่องยนต์เองและแรงเสียดทานที่เกิดจากการขับเคลื่อนของระบบ จึงสามารถบอกได้ว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ชิ้นส่วนชิ้นนี้เสีย คือลักษณะการทำงานของชิ้นส่วนนี้ที่ต้องทำงานหนักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

2. น้ำเข้าชิ้นส่วน

อีกหนึ่งสาเหตุที่สามารถทำให้ชิ้นส่วนนี้ชำรุดได้ นั่นคือการที่มีน้ำเข้าไปในชิ้นส่วน โดยอาจเกิดจากการขับรถลุยน้ำท่วมจนทำให้น้ำเข้าชิ้นส่วน หากต้องขับรถลุยน้ำท่วม เมื่อถึงที่หมาย ให้ทำการตรวจสอบว่ามีน้ำเข้าชิ้นส่วนหรือไม่ ไม่เช่นนั้น เมื่อน้ำเข้าชิ้นส่วนแล้ว จะทำให้ชิ้นส่วนเกิดสนิม อีกทั้งยังทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรได้อีกด้วย

3. สายพานเสื่อมสภาพ

อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ชิ้นส่วนนี้ชำรุดได้ นั่นคือสายพานที่เสื่อมสภาพ เพราะสายพานถือเป็นองค์ประกอบหลักที่ขับเคลื่อนให้ชิ้นส่วนทำงานได้อย่างปกติ หากสายพานมีความตึงหรือหย่อนเกินไป จะทำให้ชิ้นส่วนไม่สามารถแจกจ่ายไฟฟ้าได้ทั่วระบบ และยังส่งผลให้ตัวชิ้นส่วนเสื่อมสภาพเร็วขึ้นอีกด้วย

เมื่อระบบการจ่ายไฟฟ้าภายในรถยนต์เกิดขัดข้องหรือทำงานผิดปกติ โดยเบื้องต้นแล้วจะมีไฟสัญลักษณ์ปรากฏอยู่บนหน้าคอนโซลรถ โดยจะต้องทำการตรวจสอบอีกครั้งว่าเกิดปัญหาจากตัวแบตเตอรี่รถยนต์หรือจากชิ้นส่วนดังกล่าว และเมื่อสตาร์ทรถ จะเกิดอาการสตาร์ทรถไม่ติด หรือต้องสตาร์ทรถหลายรอบจึงจะติด ระบบที่ต้องใช้ไฟฟ้าภายในรถยนต์ทำงานผิดปกติ รวมไปถึงรอบของเครื่องยนต์ที่ตก เมื่อเหยียบคันเร่งแล้วเร่งไม่ขึ้น หากเกิดอาการดังกล่าว ควรทำการตรวจสอบว่าเกิดจากชิ้นส่วนได้ โดยเฉพาะไดชาร์จรถยนต์

จากความรู้เรื่องไดชาร์จรถยนต์ ทำให้เราทราบถึงรายละเอียดต่าง ๆ ของชิ้นส่วน ได้แก่ ความหมายของชิ้นส่วน หน้าที่สำคัญของชิ้นส่วน อาการต่าง ๆ ที่สามารถเกิดจากชิ้นส่วน สาเหตุที่ก่อให้ไดชาร์จเสีย รวมไปถึงวิธีการสังเกตเมื่อชิ้นส่วนชำรุด เมื่อทราบถึงความรู้ที่ได้กล่าวมาแล้ว ทำให้เราสามารถรับมือเมื่อเกิดปัญหาที่มาจากชิ้นส่วนนี้ และยังสามารถชะลอไม่ให้เกิดปัญหาเหล่าบ่อย ๆ

ทั้งนี้ เมื่อชิ้นส่วนเกิดชำรุด ไม่แนะนำให้ทำการซ่อมแซมเอง เพราะชิ้นส่วนนี้มีความอันตราย ควรให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบและซ่อมแซมเมื่อเกิดปัญหาขึ้น โดยจะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญที่น่าเชื่อถือทำการตรวจสอบ และหากต้องการเคลมชิ้นส่วนชิ้นนี้ หากเกิดปัญหาจากน้ำเข้าชิ้นส่วน อาจมีความเสี่ยงว่าไม่สามารถทำการเคลมได้ อย่างไรก็ตาม การเคลมชิ้นส่วนนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศูนย์บริการและบริษัทฯ ว่าสามารถทำการเคลมได้หรือไม่

และสำหรับผู้ที่มีรถยนต์แล้ว ตัวเลือกหนึ่งที่สามารถคอยดูแลและให้บริการกับเจ้าของรถและรถยนต์ของเราเอง นั่นคือประกันรถยนต์ เพราะเมื่อซื้อประกันรถยนต์แล้ว หากเกิดปัญหาที่เกิดจากรถยนต์ระหว่างขับขี่จนไม่สามารถขับต่อได้ ก็สามารถเรียกใช้บริการจากประกันเพื่อให้ความช่วยเหลือได้ อีกทั้ง เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ประกันจะเข้าคุ้มครองทั้งคนขับ ผู้โดยสาร รวมไปถึงตัวรถยนต์เอง ทั้งในด้านค่าใช้จ่ายเพื่อซ่อมแซม และค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุอีกด้วย

และหากต้องการซื้อประกันรถยนต์ ควรเลือกซื้อประกันที่ให้ความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ที่ตรงตามความต้องการของเรามากที่สุด สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกคนหมั่นดูแลเอาใจใส่รถยนต์ และขอให้ทุกคนเดินทางด้วยความปลอดภัยนะ