อัปเดต! สิทธิ์บัตรทอง 2568 เปลี่ยนรพ.สิทธิ์บัตรทอง ย้ายสิทธิ์บัตรทองออนไลน์อย่างไร?







สิทธิ์บัตรทอง หรือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นหนึ่งในสวัสดิการสำคัญที่รัฐมอบให้กับประชาชนไทย เพื่อให้เข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ในบทความนี้ แรบบิท แคร์ จะพาทุกคนไปอัปเดตข้อมูลล่าสุดของ สิทธิ์บัตรทอง 2568 ทั้งวิธีย้ายสิทธิ์ การลงทะเบียน การตรวจสอบสิทธิ และสิ่งที่ควรรู้ที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้ทุกคนสามารถใช้สิทธิได้อย่างเต็มที่ และถูกต้องทุกขั้นตอน
สิทธิ์บัตรทอง คืออะไร ? ใครใช้สิทธิ์ได้บ้าง ?
สิทธิ์บัตรทอง หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า “สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” เป็นสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลที่รัฐฯจัดให้ประชาชนชาวไทย เพื่อให้สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างทั่วถึง และเท่าเทียม โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในรายการที่อยู่ภายใต้สิทธิ์ เช่น การตรวจรักษาโรคทั่วไป การรับยา การทำฟัน การผ่าตัดพื้นฐาน รวมถึงบริการส่งต่อกรณีจำเป็น
โดยผู้ที่สามารถใช้ สิทธิ์บัตรทอง ได้แก่
- คนไทยทุกคน ที่มีสัญชาติไทย และมีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร
- ไม่ได้อยู่ในสิทธิ์สวัสดิการอื่น เช่น ข้าราชการ , รัฐวิสาหกิจ , ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39 ของประกันสังคม
ทั้งนี้ผู้ถือสิทธิ์บัตรทองต้องทำการยืนยันตัวตน และมีการเลือกสถานพยาบาลประจำ เพื่อให้สามารถใช้บริการได้สะดวกรวดเร็วในยามเจ็บป่วย หรือต้องการเข้ารับการรักษาพยาบาล
ขั้นตอนการลงทะเบียนยื่นสิทธิ์บัตรทอง
การลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิ์บัตรทองเป็นกระบวนการที่สำคัญสำหรับประชาชนที่ยังไม่มีสิทธิ์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยสปสช.ให้ข้อมูลการลงทะเบียนยื่นสิทธิ์บัตรทอง ว่าประชาชนที่อยู่ภายใต้เกณฑ์การรับสิทธิ์บัตรทองสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์บัตรทองผ่านแอป สปสช. และช่องทางอื่น ๆ ได้ โดยจะมีขั้นตอนในการยื่นลงทะเบียนดังต่อไปนี้
ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันสปสช.
- ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน “สปสช.” จาก Google Play Store หรือ App Store
- เข้าสู่ระบบด้วยหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก
- เลือกเมนู “ลงทะเบียนสิทธิ์บัตรทอง”
- กรอกข้อมูลส่วนตัว และเลือกหน่วยบริการประจำที่ต้องการ
- ยืนยันการลงทะเบียน และรอรับการอนุมัติ
ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์สปสช.
- เข้าเว็บไซต์ www.nhso.go.th
- เลือกเมนู “ลงทะเบียนสิทธิ์บัตรทอง”
- กรอกข้อมูลส่วนตัว และเลือกหน่วยบริการประจำที่ต้องการ
- ยืนยันการลงทะเบียน และรอรับการอนุมัติ
ลงทะเบียนผ่าน Line Official Account สปสช. (@nhso)
- เพิ่มเพื่อน Line Official Account สปสช. โดยค้นหา @nhso
- เลือกเมนู “ลงทะเบียนสิทธิ์บัตรทอง”
- กรอกข้อมูลส่วนตัว และเลือกหน่วยบริการประจำที่ต้องการ
- ยืนยันการลงทะเบียน และรอรับการอนุมัติ
หลังจากลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ผู้ลงทะเบียนจะได้รับการแจ้งผลการอนุมัติผ่านช่องทางที่เลือกไว้ และสามารถใช้สิทธิ์บัตรทอง ได้ทันทีเมื่อได้รับการอนุมัติ

ย้ายสิทธิ์บัตรทอง ได้ไหม ทำอย่างไร ?
ผู้มีสิทธิ์บัตรทองสามารถดำเนินการ “ย้ายสิทธิ์” หรือเปลี่ยนหน่วยบริการประจำได้ หากมีความจำเป็น เช่น ย้ายที่พักอาศัย , ย้ายถิ่นฐาน , ไม่สะดวกในการเดินทางไปยังโรงพยาบาลเดิม หรือเกิดเหตุจำเป็นอื่น ๆ โดยการย้ายสิทธิ์สามารถทำได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ไม่เสียค่าใช้จ่าย และสามารถทำได้หลายวิธีการ ดังต่อไปนี้
ย้ายผ่านแอปฯ สปสช.
- ดาวน์โหลดแอป “สปสช.” และเข้าสู่ระบบ
- เลือกเมนู “ย้ายหน่วยบริการ”
- ระบุสถานพยาบาลใหม่ที่ต้องการ
- กดยืนยัน และรอระบบอนุมัติภายใน 15-30 นาที
ย้ายผ่าน Line Official Account สปสช. (@nhso)
- แอด Line @nhso แล้วเลือกเมนู “เปลี่ยนหน่วยบริการ”
- ทำตามขั้นตอนที่แสดงบนหน้าจอ
ย้ายผ่านเว็บไซต์ สปสช.
- เข้าเว็บไซต์ www.nhso.go.th
- ไปที่เมนู “ตรวจสอบสิทธิ/เปลี่ยนหน่วยบริการ”
- กรอกข้อมูล และดำเนินการตามขั้นตอน
ย้ายที่หน่วยบริการ/โรงพยาบาลที่ต้องการเปลี่ยน
- นำบัตรประชาชนติดต่อเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
- แจ้งความประสงค์ขอเปลี่ยนสิทธิ์
- เจ้าหน้าที่จะดำเนินการในระบบให้
ใครบ้างที่สามารถย้ายสิทธิ์บัตรทองได้ ?
- ผู้ที่ย้ายที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน
- ผู้ที่ย้ายถิ่นที่อยู่อาศัยชั่วคราว (เช่น ไปทำงาน หรือเรียนต่างจังหวัด)
- ผู้ที่หน่วยบริการเดิมมีปัญหาการให้บริการ
- ผู้ที่ต้องการใช้บริการหน่วยบริการอื่นที่อยู่ใกล้กว่า
สิ่งที่ควรรู้ในการย้ายสิทธิ์บัตรทอง
- ย้ายสิทธิ์ได้ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง แต่แนะนำให้เปลี่ยนเฉพาะเมื่อจำเป็นจริง ๆ
- ไม่สามารถย้ายสิทธิ์ไปยังโรงพยาบาลที่เต็มโควต้าแล้ว
- หลังการย้ายสิทธิ์สำเร็จ สามารถใช้บริการที่หน่วยใหม่ได้ทันที (ระบบจะอัปเดตโดยอัตโนมัติ)
ตรวจสอบสิทธิ์บัตรทอง ตรวจสิทธิ 30 บาท เช็กสิทธิ์บัตรทอง ได้ที่ไหนบ้าง ?
สำหรับผู้ที่ต้องการตรวจสอบว่า ตนเองมีสิทธิ์บัตรทองหรือไม่ หรืออยากเช็กข้อมูลหน่วยบริการประจำที่ได้รับสิทธิ์ 30 บาทรักษาทุกโรคปัจจุบันสามารถตรวจสอบได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ผ่านหลายช่องทาง ดังต่อนี้
เช็คสิทธิ์บัตรทองออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน สปสช.
- ดาวน์โหลดแอป “สปสช.” จาก Play Store หรือ App Store
- เข้าระบบด้วยเลขบัตรประชาชน 13 หลัก
- หน้าหลักจะแสดงข้อมูล “สิทธิ์บัตรทอง”, ชื่อหน่วยบริการ และรายละเอียดต่าง ๆ
- สามารถตรวจสอบประวัติการใช้สิทธิ์ย้อนหลังได้
เช็คสิทธิ์บัตรทองออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ สปสช.
- เข้าสู่เว็บไซต์ www.nhso.go.th
- เลือกเมนู “ตรวจสอบสิทธิหลักประกันสุขภาพ”
- กรอกเลขบัตรประชาชน และวันเดือนปีเกิด
- ระบบจะแสดงข้อมูล สิทธิ์บัตรทอง และสถานะปัจจุบัน
เช็คสิทธิ์บัตรทองออนไลน์ผ่านLine Official Account สปสช. (@nhso)
- เพิ่มเพื่อน Line โดยค้นหา “@nhso”
- พิมพ์คำว่า “ตรวจสอบสิทธิ” หรือเลือกเมนู “ตรวจสอบสิทธิ”
- ระบบจะแสดงข้อมูลสิทธิ์ปัจจุบัน และสามารถเปลี่ยนหน่วยบริการได้หากต้องการ
เช็คสิทธิ์บัตรทองผ่านสายด่วน สปสช. 1330
- โทรได้ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
- แจ้งเลขบัตรประชาชนแก่เจ้าหน้าที่เพื่อขอข้อมูลสิทธิ์
- เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สะดวกใช้งานออนไลน์
แนะนำให้ตรวจสอบ สิทธิ์บัตรทอง อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือทุกครั้งที่มีการย้ายที่อยู่อาศัย หากพบว่าข้อมูลไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งแก้ไขผ่านแอป สปสช. หรือที่หน่วยบริการประจำได้ทันที

ข้อดีของสิทธิ์บัตรทอง
สิทธิ์บัตรทอง หรือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นหนึ่งในสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลที่รัฐจัดให้กับประชาชนไทยทุกคนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในระบบประกันสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมมากที่สุดในประเทศ โดยมีข้อดีที่เด่นชัด ดังต่อไปนี้
1. รักษาฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ประชาชนที่มีสิทธิ์บัตรทองสามารถเข้ารับการรักษาโรคทั่วไป โรคเรื้อรัง หรือแม้แต่โรคเฉพาะทางได้ฟรีในหน่วยบริการที่ลงทะเบียนไว้ โดยไม่ต้องเสียค่ารักษา หรือค่าบริการเพิ่มเติม
2. ค่ารักษาครอบคลุมทั้งผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยใน
สิทธิ์นี้ครอบคลุมบริการรักษาพยาบาลทั้งแบบผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) รวมถึงการวินิจฉัย การตรวจทางห้องปฏิบัติการ การให้ยา และการติดตามผล
3. มีบริการส่งต่อกรณีเจ็บป่วยเฉียบพลัน
หากหน่วยบริการประจำไม่สามารถให้การรักษาได้ในบางกรณี ผู้ป่วยสามารถรับการส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญมากขึ้นได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
4. มีบริการที่ครอบคลุมด้านส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค
สิทธิ์บัตรทอง ไม่ได้ครอบคลุมแค่การรักษาโรคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริการส่งเสริมสุขภาพ เช่น การฉีดวัคซีน การตรวจสุขภาพประจำปี และการคัดกรองโรค เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ ฯลฯ
5. ใช้สิทธิ์ได้ทั่วประเทศ (ตามเงื่อนไข)
กรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็นต้องรักษานอกพื้นที่ สิทธิ์บัตรทองสามารถใช้บริการในโรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น กรณีอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับสิทธิ์บัตรทอง
แม้ว่าสิทธิ์บัตรทองจะเป็นสิทธิพื้นฐานด้านการรักษาพยาบาลที่ประชาชนไทยได้รับฟรีจากภาครัฐ แต่ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ควรรู้เพื่อให้สามารถใช้สิทธิได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และไม่เสียสิทธิไปโดยไม่รู้ตัว ดังต่อไปนี้
1. สิทธิ์บัตรทองไม่ได้ครอบคลุมการรักษาทุกประเภท
แม้สิทธิ์จะครอบคลุมบริการรักษาโดยทั่วไป แต่ก็ยังมีบางรายการที่ไม่ได้อยู่ในความคุ้มครอง เช่น การทำศัลยกรรมเพื่อความงาม , การรักษาทางเลือกบางประเภท , ยาหรือวัสดุแพทย์นอกบัญชียาหลักแห่งชาติ เป็นต้น
2. การใช้สิทธิ์ต้องมี “หน่วยบริการประจำ”
ผู้มีสิทธิ์บัตรทองจะต้องเลือกหน่วยบริการประจำ เช่น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือโรงพยาบาลที่เข้าร่วมระบบ หากไปใช้บริการที่อื่นโดยไม่มีการส่งต่อ หรือไม่มีเหตุจำเป็นฉุกเฉินตามเกณฑ์ที่กำหนดอาจไม่สามารถเบิกค่ารักษาได้
3. ผู้ที่มีสิทธิ์อื่นจะไม่ได้รับสิทธิ์บัตรทอง
หากมีสิทธิ์รักษาพยาบาลในระบบอื่น เช่น สิทธิข้าราชการ สิทธิประกันสังคม หรือสิทธิรัฐวิสาหกิจ จะไม่ได้รับสิทธิ์บัตรทอง ยกเว้นในกรณีที่ลาออกจากงาน หรือหมดสิทธิ์เดิมแล้ว
4. เด็กแรกเกิดได้รับสิทธิ์โดยอัตโนมัติ
เด็กแรกเกิดที่ไม่มีสิทธิ์ในระบบอื่น จะได้รับการลงทะเบียน สิทธิ์บัตรทอง โดยอัตโนมัติจากโรงพยาบาลที่ทำคลอด หรือสามารถให้ผู้ปกครองลงทะเบียนผ่านหน่วยบริการใกล้บ้านได้
5. ผู้มีบัตรประจำตัวประชาชนไม่สมบูรณ์ ควรรีบแก้ไข
ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อมูลบัตรประชาชน เช่น เลข 13 หลักผิด หรือชื่อไม่ตรงกับทะเบียนบ้าน อาจไม่สามารถใช้สิทธิ์บัตรทองได้ ควรรีบตรวจสอบ และแก้ไขข้อมูลที่สำนักงานเขต หรืออำเภอในทันที
ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิ์บัตรทองทั้งหมดนี้คือข้อมูลสำคัญที่ประชาชนคนไทยทุกคนควรทราบเป็นพื้นฐานเอาไว้ เพื่อที่จะได้รักษาผลประโยชน์อันพึงได้รับของตนเองได้ ทั้งนี้สำหรับใครที่ต้องการดูแลสุขภาพของตนเอง และครอบครัวอย่างครอบคลุมรอบด้าน ยามเจ็บป่วยไม่อยากต้องไปต่อคิวรอรับสิทธิ์บัตรทองนาน ๆ ก็อย่าลืมทำประกันสุขภาพ กับ แรบบิท แคร์ ไว้ แรบบิท แคร์ จะช่วยทุกคนดูแลสุขภาพของตนเอง และครอบครัวด้วยความใส่ใจ จะป่วยเมื่อไหร่ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย เข้ารับการรักษาพยาบาลได้อย่างทันที
บทความแนะนำอื่น ๆ
สรุป
ผู้ที่สามารถใช้สิทธิ์บัตรทอง คือ คนไทยทุกคน ที่มีสัญชาติไทย มีชื่ออยู่ในทะเบียนราษฎร และไม่ได้อยู่ในสิทธิ์สวัสดิการอื่น เช่น ข้าราชการ , รัฐวิสาหกิจ , ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39 ของประกันสังคม โดยสามารถยืนยันสิทธิได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน ผ่านทางเว็บไซต์ ผ่าน Line Official Account ของทาง สปสช. ทั้งนี้ผู้ถือสิทธิ์บัตรทองต้องทำการยืนยันตัวตน และมีการเลือกสถานพยาบาลประจำเพื่อให้สามารถใช้บริการได้สะดวกรวดเร็วในยามเจ็บป่วยได้

ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี