เทคนิควิธีดูทองปลอมแบบมือโปร รับมืออย่างไรเมื่อเผลอซื้อทองปลอม?
หนึ่งในปัญหาที่ทำให้หลาย ๆ คนยังสองจิตสองใจเกี่ยวกับการซื้อทอง เล่นทอง ก็คือเรื่องของความกลัวที่ว่า ‘ทองที่ได้มาเป็นทองแท้จริง ๆ หรือจะโดนย้อมแมวได้ทองปลอมมา’ ฉะนั้น แรบบิท แคร์ จะมาขอตีแผ่ วิธีดูทองแท้ ป้องกันการเสียเหลี่ยมเหล่ามิจฉาชีพ ตั้งแต่การเลือกร้านขายทองที่ได้มาตรฐาน ตรวจสอบทองปลอมแบบทำเองได้ที่บ้าน ไปจนถึงมืออาชีพ และหลังจากโดนต้มทองปลอม เอาเรื่องทางกฎหมายได้อย่างไร? มาดูกันเลย!
ทองแท้ คืออะไร?
ทองแท้ คือแร่ทองที่จะต้องมีส่วนประกอบของทองจริง ๆ 96.5% ถึง 99.9% ซึ่งหากเป็นระบบกะรัต (Karat) หรือที่เราเรียกกันจนติดปากว่า “ทองเค” จะต้องมีตัวเลขกำกับของทองเคอยู่ที่ 23.16k ไปจนถึง 24k โดยทองแท้จะมีคุณสมบัติ น้ำหนัก และรูปลักษณ์เฉพาะตัว หากมืออาชีพ หรือรู้วิธีดูทองแท้ จะสามารถแยกทองแท้ จากทองปลอมได้
ทองปลอม คืออะไร?
ทองปลอม คือ ทองที่มีโลหะอื่น ๆ เช่นเหล็ก เงิน ทองเหลือง ทองแดง ผสมเข้าไปในทอง จนทำให้เนื้อทองปลอม ไม่ได้ถึงมาตรฐานที่ระบุไว้ตั้งแต่แรก นอกจากนั้นยังมี ทองชุบ คือ การนำเหล็ก ทองเหลือง หรือโลหะอื่น ๆ ที่ราคาถูกกว่าทอง ไปชุบทองเพื่อตบตา
วิธีดูทองแท้จากการรับรองมาตรฐานโดยหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ
ขั้นตอนแรกในการเริ่มวิธีดูทองแท้ เริ่มต้นจากมาดูร้านทองที่น่าเชื่อถือ ซึ่งแน่นอนว่าหลาย ๆ คนอาจใช้วิธีการตัดสินร้านทองจากภายนอก เช่นรูปลักษณ์ของร้านเป็นอย่างไร? น่าเชื่อถือขนาดไหน พนักงานขายมีความรู้หรือเปล่า? แต่สิ่งที่คุณต้องมองหาคือร้านที่ได้รับมาตรฐานจากหน่วยงานดูแลการจัดจำหน่ายทองแห่งประเทศไทย ซึ่งมีดังนี้
สมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย
ร้านทองที่น่าเชื่อถือต้องสามารถเช็กรายชื่อในสมาคมค้าทองแห่งประเทศไทย (Gold Trades Association) ได้ และหน้าร้านต้องติดสัญลักษณ์ของการเป็นสมาชิกของสมาคมฯ พร้อมระบุปี พ.ศ. ที่ได้จดทะเบียนอีกด้วย ซึ่งเป็นหลักค้ำประกันสำคัญที่สามารถการันตีว่าจะได้ทองแท้ ไม่ย้อมแมวทองปลอม
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
ร้านทองจะต้องผ่านการตรวจสอบโดยคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ทุกๆ 3 ปี ซึ่งเป็นการตรวจ และยืนยันทองแท้ รูปพรรณทองแท่ง 96.5% (อ่านความหมายของทองแท่ง 96.5% บทความออมทอง คลิก) ซึ่งทองจะต้องผ่าน สคบ. ก่อนที่จะสามารถตีตราสัญลักษณ์ประจำร้าน หรือสัญลักษณ์บอกความบริสุทธิ์ของทองคำ เป็นหนึ่งในวิธีดูทองแท้ที่ง่ายและเร็วที่สุดว่าร้านไม่ขายทองปลอม
สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT)
หากเป็นทองที่ใช้ในลักษณะของเครื่องประดับหรือมีอัญมณีติดมาด้วยให้ลองหาสัญลักษณ์การยืนยันว่าเป็นทองแท้ ไม่ใช่ทองปลอม โดยสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ หรือ GIT ซึ่งใช้เป็นหลักประกันทองแท้ได้ด้วยเช่นกัน
วิธีดูทองแท้ด้วยตัวเอง
วิธีดูทองแท้ด้วยมือของคุณเอง ทำได้หลากหลายวิธี ในกรณีที่คุณอยากได้ความมั่นใจ หรือตรวจสอบทองคำที่คุณมีอยู่แล้ว ตกทอดมาจากคุณปู่ คุณย่า โดยเป็นวิธีง่าย ๆ ทำเองได้จากของใกล้ตัว และไม่ทำให้ทองแท้เสียหาย ในขณะที่หากเป็นทองปลอม ทองเทียมอาจเสียหายได้
ใช้ตาสังเกตก่อน
สังเกตทองที่คุณซื้อมาหรือก่อนที่จะซื้อให้ถี่ถ้วนมาก ๆ โดยหากเป็นทองแท้ จะต้องมีการแสตมป์เปอร์เซ็นต์ของทอง เช่น 96.5% หรือ 99.9% พร้อมแสดงตัวเลขแสดงความบริสุทธิ์ของทองเช่น 23k ไปจนถึง 24k รวมถึงอาจมีสัญลักษณ์ทางการค้าของร้านทองนั้น ๆ เสริมขึ้นมา
จุดสังเกตทองแท้หรือทองปลอมด้วยสายตา คือ ลักษณะลายประทับว่าได้มาตรฐาน บิดเบี้ยวหรือไม่ เพื่อยืนยันว่าทองของคุณไม่ใช่ทองปลอม และมาจากร้านใด รวมไปถึงดูโครงสร้างของทอง หากเป็นเครื่องประดับให้ดูบริเวณข้อต่อ หากเป็นทองปลอมอาจมีการลอก ถลอก บริเวณที่เสียดสีกัน
ข้อดี : ทำได้ง่ายที่สุด รวดเร็วที่สุด
ข้อเสีย : อาจต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ
นำทองไปแช่น้ำ
หนึ่งในวิธีดูทองแท้ดั้งเดิมที่ทำง่ายมาก ๆ เพียงแค่นำน้ำใส่ถังแล้วทิ้งแหวนทองลงไป ทองแท้จะจบลงสู่ก้นถังเสมอ แต่หากเป็นทองปลอมผสมโลหะเบา หรือทองเหลือง ก็อาจจะลอยอยู่บนผิวน้ำได้ นอกจากนั้นหากแช่น้ำนาน ๆ ทองเก๊สามารถเปลี่ยนสี สีเพี้ยน ทองลอกได้
ข้อดี : ทำง่าย ไม่ต้องใช้ค่าใช้จ่าย
ข้อเสีย : หากเป็นทองปลอมที่เป็นทองแท่ง ที่มีมวลเยอะ ๆ ก็สามารถจมลงได้เช่นกัน
ใช้แม่เหล็ก
ใช้แม่เหล็กดูดทอง หากเป็นทองปลอม ทองเก๊ที่ใช้โลหะเคลือบทอง แม่เหล็กนั้นจะสามารถดูดทองขึ้นมาได้ แต่หากเป็นทองแท้ 96.5% หรือ 99.9% แม่เหล็กจะดูดไม่ขึ้น
ข้อดี : ทำง่าย รวดเร็ว
ข้อเสีย : หากเป็นทองปลอมที่ใช้ทองเหลือง อลูมิเนียม ทองแดง ไม่ใช่โลหะ แม่เหล็กจะดูดไม่ขึ้นเช่นกัน
ใช้ทองถูผิวหนัง
ให้ลองนำทองมาถูกกับผิวหนังของตนเอง หรือหากเป็นแหวนทอง ลองสวมใส่นาน ๆ ทองแท้จะไม่ทำปฎิกิริยากับผิวหนังของคุร ไม่ทิ้งสี หรือคราบใด ๆ ในกรณีที่คุณไม่ได้แพ้ทอง แต่หากเป็นทองปลอมอาจทิ้งสีหรือคราบไว้กับผิวหนังของคุณ เช่น เงินชุบทองอาจทิ้งคราบ ทองแดงอาจทิ้งรอยเขียว เป็นต้น
ข้อดี : ทำงาย ไม่เสียค่าใช้จ่าย
ข้อเสีย : ได้ผลไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับผิวหนังของเราด้วย
ใช้น้ำสมสายชู
ใช้น้ำสมสายชูเช็ดลงไปบนทอง หรืออาจนำทองชุบลงไปในน้ำส้มสายชูเลย ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที และจากนั้นจึงนำมาเช็ดกับผ้าที่หยอดน้ำยาล้างตาลงไปด้วย หากเป็นทองปลอม ทองเก๊ทองจะเปลี่ยนสี แต่หากเป็นทองแท้ จะไม่เปลี่ยนสี เป็นอีกหนึ่งวิธีดูทองแท้ที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ
ข้อดี : ได้ผลค่อนข้างดี
ข้อเสีย : เตรียมอุปกรณ์เยอะ และหากเป็นเครื่องประดับ อาจทำให้ส่วนอื่น ๆ เปลี่ยนสี เสียหายไปด้วยได้
กรณีใช้วิธีดูทองแท้ด้วยตัวเองแล้วยังไม่แน่ใจ หรือร้านทองไม่มีมาตรฐานการรับรองของหน่วยงานที่ชัดเจน อาจเลือกใช้บริการตรวจสอบทองจากมืออาชีพ ซึ่งจะเป็นวิธีดูทองแท้ที่เราอาจไม่สามารถทำได้เองที่บ้าน เช่นการผ่าทองเพื่อดูว่าเนื้อทองแท้ ไม่มีอะไรผสม ไปจนถึงการใช้ไฟเผาทอง หากเป็นทองแท้จะไม่มีการเปลี่ยนสี หรือไม่ไหม้ไฟ ไปจนถึงบางร้านใช้การเอ็กซเรย์เพื่อดูความหนาแน่นของเนื้อทอง
ส่วนวิธีดั้งเดิมที่หลายร้านใช้กันจนมาถึงปัจจุบัน คือการนำทองมาขูดกับหิน พร้อมกับหยอดน้ำกรด หากทองปลอม ทองเก๊รอยขูดที่หินจะหายไปอย่างฉับพลัน แต่หากเป็นทองแท้รอยขูดจะยังอยู่บนหิน
ทองเค คืออะไร?
ทองเค คือทองที่มีการผสมโลหะอื่น ๆ เข้าไปด้วยในกรณีที่สูงกว่าทองแท้ทั่วไป แต่จะไม่ได้นับว่าเป็นทองปลอมหรือทองเก๊ เพราะได้มีการกำหนดไว้อย่างแน่ชัดแล้วว่าเป็นทองที่มีการผสมโลหะกี่เปอร์เซ็นต์ โดยราคาก็จะถูกกว่าราคาทองแท้ค่อนข้างเยอะ ส่วนมากทองเคจะใช้กับเครื่องประดับ เพราะยิ่งผสมโลหะ หรือทองแดงเข้าไปมากเท่าไหร่ ทองจะเปลี่ยนสี อันเป็นต้นกำเนิดของประเภทของทองต่าง ๆ ตั้งแต่โรสโกลด์ (Rose Gold), ทองเหลือง (Yellow Gold) ไปจนถึง ทองคำขาว (White Gold)
ชนิดของทองเค | เปอร์เซ็นต์ของทอง |
ทองเค 10K | ~41% |
ทองเค 12K | ~37.5% |
ทองเค 14K | ~50% |
ทองเค 18K | ~58.5% |
ทองเค 20K | ~75% |
ทองเค 22K | ~91.6% |
ทองเค 24K | 100% |
ทองปลอม หรือทองโคลนนิ่ง คืออะไร?
“ทองโคลนนิ่ง” คือ ทองปลอมที่ทำเลียนแบบทองจริงในรูปแบบเครื่องประดับ สร้อยคอ สร้อยข้อมือ สำหรับผู้ที่ไม่สามารถซื้อทองจริงสวมใส่ เพื่อแสดงถึงสถานะ ความน่าเกรงขาม และความเป็นสิริมงคล มีราคาต่ำกว่าราคาทองจริง 10 – 20 เท่า โดยจะไม่สามารถนำไปขายต่อ จำนำ หรือแลกเป็นเงินสดได้ทุกกรณี โดยร้าน หรือห้างทองที่ได้มาตรฐานจะไม่ขายทองปลอม ทองโคลนนิ่ง ปะปนกับทองแท้
ลักษณะของทองโคลนนิ่งที่ถูกต้อง
ลักษณะทองปลอมที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือทองโคลนนิ่ง ทำจากตะกั่วหรือทองเหลืองที่มีน้ำหนักใกล้เคียงทองจริง ๆ แต่น้ำหนักอาจเบากว่าเล็กน้อย แล้วจึงนำมาชุบทอง พร้อมสีที่ใกล้เคียงกับทอง ดูเป็นธรรมชาติ แต่ไม่เล่นแสงเท่าทองแท้ และต้องมีตราประทับแสดงสถานะว่าไม่ใช่ทองจริงเล็ก ๆ อยู่ที่จุดซ่อนเร้น เพื่อเป็นไปตามหลักกฎหมาย และไม่สร้างความสับสนให้กับผู้บริโภค
ทำไมถึงมีคนซื้อทองปลอม หรือทองโคลนนิ่ง?
ทองปลอม หรือทองโคลนนิ่ง มักใช้ในรูปแบบเครื่องประดับสำหรับสวมใส่ทั่วไป หรือใช้เป็นสินสอด หรือใช้สวมใส่ประดับบารมีในงานพิธี งานแต่ง งานบวชต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ หรือเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับงาน รวมถึงเพื่อความปลอดภัย แทนที่จะใช้ทองจริง เงินจริง อาจเป็นแบงค์ปลอม และทองโคลนนิ่งมาใช้แทนในงาน ส่วนของจริงก็ค่อยไปให้นอกรอบ
โดนหลอกซื้อทองปลอม แจ้งความได้รึเปล่า ?
คำตอบคือ แจ้งความได้ โดยขั้นแรกคือต้องแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในพื้นที่ที่ร้านต้องอยู่ หากซื้อมาจากบริเวณไหน ก็ให้แจ้งกับ สน. แถวนั้น ซึ่งผู้เสียหายจะต้อง ‘แจ้งความ’ ไม่ใช่ ‘ลงบันทึกประจำวัน’ โดยการหลอกขายทองปลอม ทองเก๊ สามารถเอาเรื่องเป็นคดี 1.) ฉ้อโกง และ 2.) ขายสินค้าไม่ได้คุณภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.341 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี พร้อมเตือนว่าอาจถูกยึดทรัพย์ และสามารถดำเนินคดีต่อได้จนถึงที่สุด
นอกจากนั้นสิ่งที่น่ากลัวก็คือหากตัวคุณเอง นำทองไปจำนำ หรือไปขาย แล้วพบว่าเป็นของปลอม และทำให้เกิดความเสียหายกับร้านทอง ทางร้านสามารถฟ้องคุณได้ด้วยกฎหมายเดียวกัน ฉะนั้นจะไปขายทอง หรือจำนำทอง ก็ต้องระวัง ใช้วิธีดูทองแท้ก่อนนำไปขายต่อ
หลังจากรู้วิธีดูทองแท้ ไม่โดนหลอกจากทองปลอม ทองเก๊พร้อมรู้จักทองเค ทองโคลนนิ่ง หลาย ๆ คนอาจอยากออมทอง ซึ่งสมัยนี้สามารถทำได้แบบง่าย ๆ ผูกกับบัตรเครดิต แรบบิท แคร์ มาพร้อมบัตรเครดิตให้เลือกแบบตามใจ ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ เช็กสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิต แล้วมาเริ่มซื้อทองได้เลย!
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี