ใบขับขี่รถยนต์มีกี่ชนิด กี่ประเภท? มีค่าใช้จ่ายเท่าไรบ้าง?
ใบขับขี่รถยนต์ที่หลายคนมักคุ้นชินอาจจะอยู่ในกลุ่มใบขับขี่รถยนต์ชั่วคราว หรือใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะเท่านั้น แต่ทราบหรือไม่ว่าประเภทใบขับขี่ไม่ได้มีแค่ใบขับขี่รถส่วนบุคคล หรือใบขับขี่สาธารณะเท่านั้น ยังมีชนิดใบขับขี่ และประเภทใบขับขี่ที่แยกย่อยตามลักษณะรถและการใช้งานรถอีกมากมายให้เลือกใช้ใบขับขี่ได้อย่างถูกต้อง เหมือนกับประเภทป้ายทะเบียนรถ แรบบิท แคร์ รวบรวมประเภทและชนิดของใบขับขี่รถยนต์ พร้อมคุณสมบัติและเงื่อนไขค่าธรรมเนียมในการขอรับใบขับขี่ของรถแต่ละชนิดที่ควรทราบมาฝากกัน
ใบขับขี่มีกี่ประเภท?
ใบขับขี่ทั้งแบบใบอนุญาตขับขี่รถส่วนบุคคล และใบอนุญาตขับขี่รถทุกประเภท แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ตามลักษณะรถ น้ำหนักรถและการใช้งานรถ ได้แก่ ใบขับขี่ประเภท 1, ใบขับขี่ประเภท 2, ใบขับขี่ประเภท 3 และใบขับขี่ประเภท 4 สามารถใช้ใบขับขี่ประเภทที่สูงกว่าแทนใบขับขี่ประเภทที่ต่ำกว่าได้กรณีต้องการขับรถที่นอกเหนือจากใบขับขี่ที่มีอยู่
ใบขับขี่ประเภท 1
ใบขับขี่ประเภท 1 คือ ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสำหรับรถที่น้ำหนักรถและน้ำหนักรถบรรทุกรวมกันไม่เกิน 3,500 กิโลกรัมที่ไม่ได้ใช้ขนส่งผู้โดยสาร หรือสำหรับรถขนส่งผู้โดยสารไม่เกิน 20 คน ได้แก่ ใบขับขี่ บ.1 และใบขับขี่ ท.1 ใช้ขับรถแท็กซี่ หรือรถตู้ มีอายุการใช้งาน 3 ปี ผู้ยื่นขอต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปี และต้องสอบขับรถตามชนิดใบอนุญาต
ใบขับขี่ประเภท 2
ใบขับขี่ประเภท 2 คือ ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสำหรับรถที่มีน้ำหนักบรรทุกรวมกันเกินกว่า 3,500 กิโลกรัม ที่ไม่ได้ใช้ขนส่งผู้โดยสาร หรือสำหรับรถขนส่งผู้โดยสารเกินกว่า 20 คน ได้แก่ ใบขับขี่ บ.2 และใบขับขี่ ท.2 ใช้ขับรถเมล์, รถบัส, รถบรรทุกสินค้า หรือรถ 6 ล้อ มีอายุการใช้งาน 3 ปี โดยผู้ยื่นขอต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปี และต้องสอบขับรถตามชนิดใบอนุญาต
ใบขับขี่ประเภท 3
ใบขับขี่ประเภท 3 คือ ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสำหรับลากจูงรถอื่นหรือล้อเลื่อนที่บรรทุก ได้แก่ ใบขับขี่ บ.3 และใบขับขี่ ท.3 ใช้ขับรถพ่วง, รถ 10 ล้อ หรือรถ 6 ล้อ มีอายุการใช้งาน 3 ปี โดยผู้ยื่นขอต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปี ต้องเข้ารับการอมรมหลักสูตรความปลอดภัยตามที่กำหนด และต้องสอบขับรถลากจูง พร้อมรถพ่วง หรือรถกึ่งพ่วง
ใบขับขี่ประเภท 4
ใบขับขี่ประเภท 4 คือ ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสำหรับรถที่ใช้ขนส่งวัตถุอันตรายตามประเภทหรือชนิดและลักษณะการบรรทุกตามที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา ได้แก่ ใบขับขี่ บ.4 และใบขับขี่ ท.4 ใช้ขับรถขนส่งเคมี, รถบรรทุกเชื้อเพลิง มีอายุการใช้งาน 3 ปี โดยผู้ยื่นขอต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี ต้องเข้ารับการอมรมหลักสูตรความปลอดภัยตามที่กำหนด และต้องสอบขับรถลากจูง พร้อมรถพ่วง หรือรถกึ่งพ่วง
ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลมีอะไรบ้าง? ใบขับขี่ บ.1-บ.4 คืออะไร?
ใบขับขี่ บ.1-บ.4 คือ ใบอนุญาตขับขี่ประเภทส่วนบุคคล (บ.) หรือรถที่มีแผ่นป้ายทะเบียนรถพื้นสีขาว มีตัวเลขและตัวอักษรสีดำ สำหรับใช้ขับรถขนส่งส่วนบุคคล (ธุรกิจส่วนตัว) เพื่อการค้าหรือธุรกิจของตนเอง ไม่ใช่เพื่อการรับจ้าง และเป็นรถที่มีน้ำหนักเกินกว่า 1,600 กิโลกรัม
ใบขับขี่ บ.1
ใบขับขี่ บ.1 หรือใบอนุญาตขับขี่ประเภทส่วนบุคคล (บ.) ชนิดที่ 1 คือ ใบขับขี่รถส่วนบุคคลสำหรับใช้ขับรถตู้ หรือรถแท็กซี่ ที่มีน้ำหนักรวมไม่เกิน 3,500 กิโลกรัม หรือขับรถขนส่งผู้โดยสารไม่เกิน 20 คน ใช้รถตามชนิดใบอนุญาตในการสอบปฎิบัติ มีอายุใช้งานใบขับขี่ประเภท บ.1 อยู่ที่ 3 ปี และอายุของผู้รับใบขับขี่ บ.1 ต้องมีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
ใบขับขี่ บ.2
ใบขับขี่ บ.2 หรือใบอนุญาตขับขี่ประเภทส่วนบุคคล (บ.) ชนิดที่ 2 คือ ใบขับขี่รถส่วนบุคคลสำหรับใช้ขับรถรถบรรทุก, รถสิบล้อ, รถหกล้อ, รถตู้ หรือรถอื่นๆ ที่มีน้ำหนักรวมเกิน 3,500 กิโลกรัม หรือใช้ขับรถขนส่งผู้โดยสารเกินกว่า 20 คน ใช้รถขนส่ง หรือรถ 6 ล้อ ขี้นไปในการสอบปฎิบัติ มีอายุใช้งานใบขับขี่ประเภท บ.2 อยู่ที่ 3 ปี และอายุของผู้รับใบขับขี่ บ.2 ต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป
ใบขับขี่ บ.3
ใบขับขี่ บ.3 หรือใบอนุญาตขับขี่ประเภทส่วนบุคคล (บ.) ชนิดที่ 3 คือ ใบขับขี่รถส่วนบุคคลสำหรับใช้ขับรถสิบล้อพ่วง รถหัวลาก รถบรรทุกพ่วง หรือรถลากจูงรถอื่น ใช้รถลากจูง พร้อมรถพ่วง หรือรถกึ่งพ่วงในการสอบปฎิบัติ มีอายุใช้งานใบขับขี่ประเภท บ.3 อยู่ที่ 3 ปี และอายุของผู้รับใบขับขี่ บ.3 ต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป
ใบขับขี่ บ.4
ใบขับขี่ บ.4 หรือใบอนุญาตขับขี่ประเภทส่วนบุคคล (บ.) ชนิดที่ 4 คือ ใบขับขี่รถส่วนบุคคลสำหรับใช้ขับรถขนส่งวัตถุอันตราย รถบรรทุกสารเคมี รถบรรทุกน้ำมัน หรือรถบรรทุกก๊าซ ใช้รถลากจูง พร้อมรถพ่วง หรือรถกึ่งพ่วงในการสอบปฎิบัติ มีอายุใช้งานใบขับขี่ประเภท บ.4 อยู่ที่ 3 ปี และอายุของผู้รับใบขับขี่ บ.4 ต้องมีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป
ใบขับขี่รถยนต์ทุกประเภทมีอะไรบ้าง? ใบขับขี่ ท.1-ท.4 คืออะไร?
ใบขับขี่ ท.1-ท.4 คือ ใบอนุญาตขับขี่รถประเภททุกประเภท (ท.) ใช้ขับรถรับจ้างขนส่งสินค้าหรือบุคคล รถขนส่งสินค้าในธุรกิจขนส่ง หรือรถโดยสารสาธารณะที่มีแผ่นป้ายทะเบียนพื้นสีเหลือง เพื่อการขนส่งประจำทาง การขนส่งไม่ประจำทาง หรือการขนส่งด้วยรถขนาดเล็ก ใช้แทนได้ทั้งใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถประเภทส่วนบุคคล และใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์
ใบขับขี่ ท.1
ใบขับขี่ ท.1 หรือใบอนุญาตขับขี่ประเภททุกประเภท (ท.) ชนิดที่ 1 คือ ใบขับขี่สำหรับใช้ขับรถบรรทุกขนส่งทั้งแบบประจำทาง ไม่ประจำทาง หรือขนส่งโดยรถขนาดเล็กที่มีน้ำหนักรถรวมกันไม่เกิน 3,500 กิโลกรัม หรือรถขนส่งผู้โดยสารไม่เกิน 20 คน เช่น รถยนต์ป้ายเหลือง มีอายุใช้งานใบขับขี่ประเภท ท.1 อยู่ที่ 3 ปี และอายุของผู้รับใบอนุญาตขับขี่ ท.1 ต้องไม่ต่ำกว่า 22 ปี
ใบขับขี่ ท.2
ใบขับขี่ ท.2 หรือใบอนุญาตขับขี่ ประเภททุกประเภท ชนิดที่ 2 คือ ใบขับขี่สำหรับขับรถขนส่งโดยรถขนาดเล็กทั้งแบบประจำทาง และไม่ประจำทางสำหรับรถบรรทุกที่มีน้ำหนักรวมกันเกิน 3,500 กิโลกรัม หรือรถขนส่งผู้โดยสารเกินกว่า 20 คน เช่น รถบรรทุกป้ายเหลือง, รถสิบล้อ, รถหกล้อ, รถบัส, รถเมล์, รถตู้ หรือรถยนต์ มีอายุใช้งานใบขับขี่ประเภท ท.2 อยู่ที่ 3 ปี และอายุของผู้รับใบอนุญาตขับขี่ ท.1 ต้องไม่ต่ำกว่า 22 ปี
ใบขับขี่ ท.3
ใบขับขี่ ท.3 หรือใบอนุญาตขับขี่ ประเภททุกประเภท ชนิดที่ 3 คือ ใบขับขี่สำหรับขับรถลากจูงรถอื่นหรือลากล้อเลื่อนที่บรรทุกสิ่งของ เช่น รถบรรทุกพ่วงป้ายเหลือง, รถสิบล้อพ่วง หรือรถหัวลาก มีอายุใช้งานใบขับขี่ประเภท ท.3 อยู่ที่ 3 ปี และอายุของผู้รับใบอนุญาตขับขี่ ท.3 ต้องไม่ต่ำกว่า 22 ปี
ใบขับขี่ ท.4
ใบขับขี่ ท.4 หรือใบอนุญาตขับขี่ ประเภททุกประเภท ชนิดที่ 4 คือ ใบขับขี่สำหรับขับรถขนส่งโดยรถขนาดเล็กทั้งแบบประจำทาง และไม่ประจำทางที่ใช้ขนส่งวัตถุอันตรายตามประเภทหรือชนิด และลักษณะการบรรทุกที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เช่น รถที่ใช้ขนส่งวัตถุอันตรายทุกชนิด มีอายุใช้งานใบขับขี่ประเภท ท.3 อยู่ที่ 3 ปี และอายุของผู้รับใบอนุญาตขับขี่ ท.3 ต้องไม่ต่ำกว่า 25 ปี
ใบขับขี่รถยนต์มีกี่ชนิด?
ชนิดใบขับขี่รถยนต์ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ แบ่งได้ 11 ชนิด ตามชนิดของรถและการใช้งานทั้งแบบบุคคล และสาธารณะ (รับจ้าง) มีเงื่อนไขในการขอรับเพื่อใช้งาน และข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป และไม่สามารถใช้แทนกันได้
ใบอนุญาตขับรถชั่วคราว
ใบอนุญาตขับรถชั่วคราว คือ ใบขับขี่เริ่มต้นสำหรับผู้ขับรถในแต่ละประเภท ได้แก่ ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว ผู้ขออายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี มีอายุการใช้งาน 1 ปี และมีค่าธรรมเนียม 100 บาท, ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลชั่วคราว ผู้ขออายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี มีอายุการใช้งาน 1 ปี และมีค่าธรรมเนียม 100 บาท, ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ชั่วคราว ผู้ขออายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี มีอายุการใช้งาน 1 ปี และมีค่าธรรมเนียม 100 บาท
ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล
ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล คือ ใบขับขี่ที่จะได้นับหลังจากได้รับใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราวมาแล้วอย่างน้อย 1 ปีมีอายุการใช้งานใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล 5 ปี และมีค่าธรรมเนียม 500 บาท
ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคล
ใบขับขี่รถสามล้อส่วนบุคคล คือ ใบขับขี่สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนใบขับขี่รถยนต์สามล้อจากชนิดชั่วคราว เป็นชนิด 5 ปี หรือต่ออายุใบขับขี่รถสามล้อส่วนบุคคลที่มีอายุใช้งาน 5 ปี และมีค่าธรรมเนียม 250 บาท
ใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ
ใบขับรถยนต์สาธารณะ คือ ใบขับขี่สำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพขับรถขนส่ง หรือรถบริการสาธารณะ เช่น รถแท็กซี่ โดยต้องเป็นผู้ที่ได้รับใบขับขี่ชั่วคราวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี หรือมีใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลอยู่แล้ว และต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปี มีอายุใช้งานใบขับขี่รถสาธารณะ 3 ปี และมีค่าธรรมเนียม 300 บาท
ใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อสาธารณะ
ใบขับขี่รถสามล้อสาธาณะ คือ ใบขับขี่รถตุ๊กตุ๊กสำหรับผู้ที่ได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปีหรือแบบตลอดชีพ และมีอายุไม่ต่ำกว่า 22 ปี มีอายุการใช้งานใบขับขี่รถยนต์สามล้อสาธารณะ 3 ปี และมีค่าธรรมเนียม 150 บาท
ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์
ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ คือ ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ที่เปลี่ยนใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ชนิดชั่วคราว เป็นชนิด 5 ปี หรือใบอนุญาตสำหรับผู้ที่ต้องการต่ออายุใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล มีอายุการใช้งาน 5 ปี และมีค่าธรรมเนียม 250 บาท โดยผู้ขอใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี
ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ
ใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ คือ ใบขับขี่สำหรับวินมอเตอร์ไซค์ หรือไรเดอร์ ขับรถส่งของหรือส่งอาหารที่มีอายุผู้ขอใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 20 ปี และต้องได้รับใบขับขี่รถจักรยานยนต์ชั่วคราวมาไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือมีใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลอยู่แล้ว โดยใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณจะมีอายุใช้งาน 3 ปี และมีค่าธรรมเนียม 150 บาท
ใบอนุญาตขับรถบดถนน
ผู้ที่ยื่นขอใบขับขี่รถบดถนน ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี และต้องผ่านการอบรมหลักสูตรความปลอดภัยตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยใบขับขี่รถบดถนนมีอายุใช้งาน 5 ปี และมีค่าธรรมเนียม 250 บาท
ใบอนุญาตขับรถแทรกเตอร์
ใบขับขี่รถแทรกเตอร์เพื่อการเกษตร มีอายุใช้งาน 5 ปี มีค่าธรรมเนียม 250 บาท และผู้ขอใบขับรถแทรกเตอร์ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี
ใบอนุญาตขับรถชนิดอื่นๆ เช่น รถใช้งานเกษตรกรรม
ใบอนุญาตขับรถประเภทอื่น ๆ คือ ใบอนุญาตสำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถชนิดอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาในข้างต้น เช่น รถอีแต๋น หรือรถไถนาแบบเดินตามที่มีการต่อพ่วง 2 ล้อ สำหรับบรรทุกของ โดยใบขับขี่รถชนิดอื่นๆ มีอายุใช้งาน 5 ปี มีค่าธรรมเนียม 100 บาท และผู้ขอใบขับรถชนิดอื่นๆ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี
ใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศสำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลหรือรถจักรยานยนต์
ใบขับขี่ระหว่างประเทศหรือใบขับขี่สากล คือ ใบอนุญาตขับรถตามความตกลงระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคีไม่จำกัดอายุผู้ขอทำใบขับขี่สากล แต่ผู้ขอจะต้องใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลชนิด 5 ปี หรือตลอดชีพแล้วเท่านั้น โดยใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศมีอายุการใช้งาน 1 ปี และมีค่าธรรมเนียม 500 บาท
หน่วยงานใดดูแลเรื่องใบขับขี่รถยนต์?
หน่วยงานของกรมการขนส่งทางบกที่มีหน้าที่ดูแลใบขับขี่รถยนต์ คือ ฝ่ายใบอนุญาตขับรถ มีหน้าที่ความรับผิดชอบในการดำเนินการด้านใบอนุญาตขับรถและใบอนุญาตผู้ประจำรถให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก กฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย 3 กลุ่มงานดังนี้
- งานใบอนุญาตผู้ประจำรถ ดำเนินการเกี่ยวกับใบอนุญาตผู้ประจำรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก
- งานใบอนุญาตขับรถ ดำเนินการเกี่ยวกับใบอนุญาตขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์
- งานอบรมทดสอบ ดำเนินการเกี่ยวกับการอบรมทดสอบผู้ขอรับ/ต่ออายุใบอนุญาตขับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์กฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก
จะติดต่อกรมการขนส่งทางบกเรื่องใบขับขี่รถยนต์ได้อย่างไร?
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนประเภทใบขับขี่ ทำใบขับขี่ ใบขับขี่ตลอดชีพหาย หรือต่อใบขับขี่ สามารถติดต่อได้ที่กรมการขนส่งทางบก กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 5 (จตุจักร) ส่วนใบอนุญาตขับรถและผู้ประจำรถ (อาคาร 4) 1032 ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 โทร. 02-271-8888 หรือสายด่วน 1584 ในวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8:30 น. – 15:30 น. (ปิดทำการวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) หรือติดต่อที่สำนักงานขนส่งประจำพื้นที่หรือจังหวัด
หน่วยงานรับผิดชอบใบขับขี่รถยนต์ | เบอร์โทรศัพท์ | เบอร์ภายใน |
1. งานใบอนุญาตขับรถ (บญ.) | – | 4200 |
1.1 หมวดใบอนุญาตส่วนบุคคล (มบบ.) | 0-2271-8426 0-2271-8427 | 4201 4202 |
1.2 หมวดใบอนุญาตขับรถสาธารณะ (มบส.) | 0-2271-8428 | 4204-4 |
1.3 หมวดใบอนุญาตขับรถต่างประเทศ (มบท.) | 0-2271-8429 | 4206-7 |
2. งานใบอนุญาตผู้ประจำรถและขับรถอื่น (บอ.) | 0-2271-8480 | 4107-8 |
3. งานอบรมและทดสอบ (อท.) | 0-2271-8482 | 4303 |
3.1 หมวดอบรม (มอร.) | 0-2271-8450 | 4304, 4305 |
3.2 ห้องอบรมต่ออายุ 5 ปี | – | 4402 |
3.3 ห้องทดสอบข้อเขียน | – | 4306 |
3.4 หมวดทดสอบ (มทส.) | – | – |
3.5 สนามทดสอบขับรถ | 0-2271-8451 | 4402, 4307 |
เกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับใบขับขี่และชนิดของใบขับขี่
ใบรับรองแพทย์ ใบขับขี่ มีคุณสมบัติอย่างไร
การนำหลักฐาน ใบรับรองแพทย์ ใบขับขี่ ที่นำมาแสดงเพื่อขอใบขับขี่นั้น เป็นไปตามประกาศกฎกระทรวงคมนาคม เรื่องการขอและการออกใบอนุญาตขับรถและการต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ.2563 ที่ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลใช้บังคับวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2564 ที่กำหนดให้ผู้ที่ต้องการขอรับและขอต่อใบขับขี่หมดอายุทุกชนิด ทุกประเภทต้องมีใบรับรองแพทย์ยื่นประกอบการดำเนินการ
ใบรับรองดังกล่าวจะต้องเป็นใบรับรองแพทย์ตามแบบที่แพทยสภารับรอง ซึ่งใช้แบบฟอร์มเดียวกันกับใบรับรองแพทย์ของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งสามารถแจ้งขอใบรับรองแพทย์ได้ที่โรงพยาบาลและสถานพยาบาลทุกแห่งที่สามารถออกใบรับรองแพทย์ตามแบบฟอร์มดังกล่าวได้นั่นเอง
การซื้อใบขับขี่คืออะไร มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร
การซื้อใบขับขี่เป็นการกระทำผิดทางกฎหมายที่ถึงแม้จะช่วยซื้อความสะดวกสบายเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่ก็นำมาซึ่งความเสี่ยงอีกมากมายที่คาดไม่ถึง เนื่องจากกฎหมายที่เคร่งครัดมากยิ่งขึ้น การตรวจสอบข้อมูลที่ทำได้อย่างรวดเร็วกว่าแต่ก่อน รวมไปถึงบทลงโทษตามกฎหมายที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่าในอดีต นอกจากนั้น ความสะดวกสบายในการทำใบขับขี่ที่ได้รับการปรับปรุงให้สะดวกรวดเร็วขึ้นอย่างมากในปัจจุบันก็ทำให้ความนิยมของการซื้อใบขับขี่ลดลงไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ผู้ที่ต้องการออกใบขับขี่จึงควรหลีกเลี่ยงการซื้อใบขับขี่เพื่อลดความเสี่ยงในการกระทำผิดกฎหมายและอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
ขับรถไม่มีใบขับขี่มีความผิดอย่างไร
ใบขับขี่ถือเป็นเอกสารราชการที่ผู้ขับขี่ควรพกติดตัวเอาไว้ตลอดไม่ต่างจากบัตรประชาชน การขับรถไม่มีใบขับขี่จึงถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดตามกฎหมาย โดยในกรณีที่ขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับขี่ จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในกรณีที่เป็นรถโดยสารสาธารณะ ผู้ขับขี่จะมีความผิดตามมาตรา 56 ประกอบมาตรา 60 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท นอกจากนั้น ยังไม่สามารถทำประกันรถยนต์ได้อีกด้วย
ที่สำคัญ การขับรถโดยไม่มีใบขับขี่หรือใบขับขี่หมดอายุส่งผลโดยตรงต่อการคุ้มครองของประกันรถยนต์ ไม่ว่าคุณจะทำประกันชั้นไหนก็ตาม ประกันส่วนใหญ่จะมีเงื่อนไขที่ระบุว่าผู้ขับขี่ต้องมีใบขับขี่ที่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นประกันอาจไม่รับผิดชอบต่อความเสียหาย นี่คือการสรุปการคุ้มครองของประกันแต่ละประเภทในกรณีขับรถไม่มีใบขับขี่
1. ประกันชั้น 1
- ความคุ้มครองตัวรถและความเสียหายส่วนบุคคล: ประกันชั้น 1 จะคุ้มครองกรณีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถของคุณและความเสียหายต่อคู่กรณี รวมถึงกรณีรถถูกขโมย ไฟไหม้ หรือเสียหายจากภัยธรรมชาติ
- ขับรถไม่มีใบขับขี่: หากไม่มีใบขับขี่ที่ถูกต้อง ประกันชั้น 1 มักจะปฏิเสธการคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของคุณเอง และการรับผิดชอบต่อคู่กรณี บางบริษัทอาจพิจารณาเคลมเฉพาะความเสียหายต่อคู่กรณีเท่านั้น แต่ผู้ขับขี่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายเอง
2. ประกันชั้น 2+ และประกันชั้น 3+ ราคาประหยัด
- ความคุ้มครองตัวรถจากอุบัติเหตุและกรณีรถหาย: ประกันชั้น 2+ และ 3+ คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการชนกับยานพาหนะอื่น แต่ไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้นเอง (เช่น การเฉี่ยวชนสิ่งกีดขวาง) รวมถึงการคุ้มครองกรณีรถถูกขโมยหรือไฟไหม้
- ขับรถไม่มีใบขับขี่: หากไม่มีใบขับขี่ที่ถูกต้อง ประกันชั้น 2+ และ 3+ อาจไม่คุ้มครองความเสียหายทั้งต่อรถของคุณและความเสียหายที่เกิดกับคู่กรณี โดยเฉพาะในกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิด
3. ประกันชั้น 2 และประกันภัยชั้น 3
- ความคุ้มครองความเสียหายต่อคู่กรณี: ประกันชั้น 3 คุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อคู่กรณีเท่านั้น เช่น ค่าเสียหายที่เกิดกับรถของคู่กรณีหรือค่ารักษาพยาบาลของผู้บาดเจ็บฝ่ายตรงข้าม
- ขับรถไม่มีใบขับขี่: หากไม่มีใบขับขี่ ประกันชั้น 3 มักไม่รับผิดชอบค่าเสียหายใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายต่อคู่กรณีหรือค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากอุบัติเหตุ
4. ผลกระทบทางกฎหมายและบทลงโทษ
- นอกจากการที่ประกันจะไม่คุ้มครองแล้ว การขับรถโดยไม่มีใบขับขี่หรือใบขับขี่หมดอายุยังถือเป็นความผิดตามกฎหมาย โดยคุณอาจถูกปรับหรือถูกดำเนินคดีทางกฎหมายจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
- การไม่มีใบขับขี่ยังเพิ่มความเสี่ยงในการรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดเองหากเกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายต่อตัวรถของคุณหรือรถของคู่กรณี
ข้อแนะนำในการป้องกันปัญหา
- ตรวจสอบใบขับขี่: ควรตรวจสอบว่าใบขับขี่ของคุณยังไม่หมดอายุและถูกต้องตามกฎหมาย
- พกใบขับขี่ทุกครั้งที่ขับรถ: เพื่อให้แน่ใจว่าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น คุณจะได้รับความคุ้มครองจากประกันเต็มที่
- ต่อใบขับขี่ก่อนหมดอายุ: ควรต่อใบขับขี่ทันทีเมื่อใกล้หมดอายุ เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกปฏิเสธการคุ้มครอง
การขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ที่ถูกต้องส่งผลต่อการคุ้มครองของประกันรถยนต์อย่างชัดเจน ไม่ว่าคุณจะมีประกันชั้นใด โดยส่วนใหญ่แล้วประกันจะปฏิเสธการคุ้มครองทั้งในส่วนของรถของคุณเองและความรับผิดชอบต่อคู่กรณี ดังนั้น ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีใบขับขี่ถูกต้องเพื่อความปลอดภัยและการคุ้มครองที่สมบูรณ์
ไม่ว่าจะต้องทำใบขับขี่ประเภทไหนหรือชนิดใด สามารถขอรับคำปรึกษาฟรี หรือเปรียบเทียบประกันรถยนต์ออนไลน์ด้วยตัวเองกับ แรบบิท แคร์ ที่มีประกันรถยนต์ให้เลือกครบทุกความต้องการจากทุกบริษัทฯ ชั้นนำ พร้อมรับสิทธิพิเศษความแคร์ที่มากกว่าซื้อประกันรถตรงกับบริษัทเอง ไม่ว่าจะเป็นบริการผ่อนเบี้ยประกัน 0% นานสูงสุด 3-10 เดือน บริการช่วยเหลือฉุกเฉินและแจ้งเคลมออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง หรือส่วนลดสูงสุด 70% รับสิทธิพิเศษและส่วนลดได้ก่อนใคร! โทรเลย. 1438 หรือ rabbitcare.com
บทความเกี่ยวกับใบขับขี่
Tawan มีประสบการณ์สร้างสรรค์ผลงานออนไลน์ 2 ปี เขียนด้านยานยนต์ ประกันยานยนต์ที่ Rabbit Care และ Asia Direct
มีใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิตและนายหน้าประกันวินาศภัย มีความเชี่ยวชาญด้านประกันรถยนต์และประกันชีวิต