ขับรถไม่มีใบขับขี่ มีโทษอย่างไรบ้าง?
เอกสารทางราชการที่ต้องพกติดตัวเป็นประจำ นอกจากบัตรประชาชน ก็มีใบขับขี่ที่ผู้ใช้รถจะต้องพกติดตัวเป็นประจำ แต่เชื่อว่ามีผู้ขับขี่หลายคนมักละเลย ไม่พกใบขับขี่บ้าง ใบขับขี่หมดอายุแล้วไม่ไปต่อบ้าง หรือบางคนไม่เคยสอบใบขับขี่เลยด้วยซ้ำ วันนี้เราเลยอยากพาไปดูว่า ถ้าขับรถไม่มีใบขับขี่ โทษความผิดอย่างไรบ้าง? หรือ ขับรถไม่มีใบขับขี่ ปรับอย่างไร และจะสามารถเบิกเคลมประกันรถได้หรือไม่? วันนี้ แรบบิท แคร์ มีคำตอบ
ขับรถไม่มีใบขับขี่ มีโทษและปรับอย่างไรบ้าง?
เบื้องต้นมาทำความรู้จักกันก่อนว่า ใบขับขี่ คือ เอกสารสำคัญสำหรับผู้ใช้รถบนท้องถนน ซึ่งทางกรมการขนส่งทางบกออกให้ เพื่อแสดงว่าเจ้าของบัตรมีคุณสมบัติและความสามารถเพียงพอที่จะสามารถขับขี่รถบนท้องถนนได้
ตามคำแนะนำของทางกรมขนส่ง แจ้งไว้ว่า ใบขับขี่ถือเป็นเอกสารราชการที่ตัวพกติดตัวเอาไว้ตลอดไม่ต่างจากบัตรประชาชน หากขับรถไม่มีใบขับขี่ โทษ จะถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดตามกฎหมาย มีโทษทางแพ่ง ซึ่งใบขับขี่ของรถแต่ละประเภทจะต้องทำแยกกันไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ เช่น ใบขับขี่รถยนต์, ใบขับขี่รถจักรยานยนต์
สำหรับผู้ที่ขับรถโดยไม่ไม่มีใบขับขี่ หรือใบขับขี่หมดอายุ จะถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย โดยกฎหมายจราจรที่มีการกำหนดเกี่ยวกับบทลงโทษกรณีขับรถไม่มีขับขี่มีด้วยกัน 2 ฉบับ ได้แก่
- พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ซึ่งบังคับใช้กับรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ทั่วไป
- พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ซึ่งบังคับใช้กับรถบรรทุก หรือรถขนาดใหญ่เพื่อการพาณิชย์
หากขับรถไม่มีใบขับขี่จะมีโทษตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 ที่ได้กำหนดไว้ตามมาตรา 64 ว่า ผู้ใดขับรถโดยไม่ได้รับใบอนุญาตขับรถ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับแต่กรณีที่เป็นรถโดยสารสาธารณะผู้ขับขี่จะมีความผิดตามมาตรา 56 ประกอบมาตรา 60 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
ซึ่งขับรถไม่มีใบขับขี่ ปรับแล้ว ปัจจุบันเราสามารถไปจ่ายค่าปรับได้ด้วยวิธีการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ บัตรเครดิต หรือวิธีการอื่น โดยผ่านธนาคารหรือหน่วยบริการรับชำระเงินที่ระบุไว้ในใบสั่ง ตามระเบียบที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนด หรือชำระค่าปรับที่สถานีตำรวจก็ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ขับรถไม่มีใบขับขี่ โทษทางอ้อมคือ คุณไม่สามารถทำประกันรถยนต์ได้ ทำให้อาจพลาดโอกาสการได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติมจากอุบัติเหตุไม่คาดฝันอีกด้วย
ตัดแต้มใบขับขี่คืออะไร? หากขับรถไม่มีใบขับขี่จะถูกตัดแต้มหรือไม่?
การตัดแต้มใบขับขี่ หรือระบบบันทึกคะแนนความประพฤติ ซึ่งเป็นมาตรการตัดแต้มใบขับขี่เป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมดูแลกฎระเบียบการจราจรและมารยาทในการขับขี่ รวมถึงหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่มีหน้าที่ให้บริการรับชำระค่าปรับจราจรตามใบสั่งปรับ ประกอบด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการขนส่งทางบก ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ด้วย
ทั้งนี้ การตัดคะแนนความประพฤติการขับขี่หรือแต้มใบขับขี่จะดำเนินการตัดคะแนนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้ระบบฐานข้อมูลใบสั่งจราจรออนไลน์ (PTM) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการบันทึกและตัดคะแนนการทำผิดกฎจราจรในแต่ละครั้ง มีรายละเอียดการตัดแต้มคะแนนความประพฤติการขับขี่ดังต่อไปนี้
ตัดแต้มใบขับขี่ 1 คะแนน
- ขับขี่ด้วยความหวาดเสียว
- ขับขี่โดยไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
- ขับขี่ในขณะใช้โทรศัพท์มือถือ
- ขับขี่โดยไม่สวมหมวกนิรภัย
- ขับขี่โดยไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
- ขับขี่ด้วยความเร็วที่เกินกฎหมายกำหนด
- ขับขี่บนทางเท้า
- ขับขี่โดยไม่หลบรถฉุกเฉิน
- ขับขี่รถไม่ติดหลักฐานแสดงการเสียภาษีประจำปี
ตัดแต้มใบขับขี่ 2 คะแนน
- ขับขี่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร
- ขับขี่ย้อนศร
- ขับขี่ในระหว่างสั่งพักใบขับขี่ หรือเพิกถอนใบขับขี่
ตัดแต้มใบขับขี่ 3 คะแนน
- ขับขี่ในขณะหย่อนความสามารถ
- ขับขี่ผิดปกติวิสัยของการขับรถตามธรรมดา
- ขับรถชนแล้วหนี
ตัดแต้มใบขับขี่ 4 คะแนน
- ขับขี่ในขณะมึนเมา
- ขับขี่ในขณะเสพยาเสพติด
- ขับขี่โดยประมาท ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น
- แข่งรถในทางที่ไม่ได้รับอนุญาต
จะเห็นได้ว่าโทษของขับรถไม่มีใบขับขี่จะไม่ถูกตัดแต้มใบขับขี่แต่อย่างใด แต่การถูกตัดแต้มใบขับขี่บ่อย ๆ ด้วยพฤติกรรมขับขี่อื่น ๆ จนแต้มใบขับขี่จนเหลือ 0 คะแนน อาจถูกสั่งพักการใช้ใบขับขี่เป็นระยะเวลา 90 วัน ทำให้ไม่สามารถขับขี่หรือใช้งานรถทุกประเภทได้ ในขณะที่หากถูกสั่งพักการใช้ใบอนุญาตขับขี่ในครั้งที่ 3 ภายในระยะเวลา 3 ปี ผู้มีใบอนุญาตขับขี่จะถูกสั่งพักการใช้ใบอนุญาตขับขี่เป็นระยะเวลามากกว่า 90 วัน
กรณีที่ถูกสั่งพักการใช้ใบอนุญาตขับขี่ตั้งแต่ครั้งที่ 4 เป็นต้นไป ผู้มีใบขับขี่อาจถูกพิจารณาแจ้งเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ได้ ทำให้ไม่สามารถขับขี่หรือใช้งานรถทุกประเภทได้อีกต่อไป กรณีฝ่าฝืนใช้รถในขณะถูกสั่งพักใช้งานใบอนุญาตขับขี่ จะมีจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับสูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า เมื่อพ้น 15 วัน นับจากวันที่ส่งคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ ให้ถือว่าผู้ขับขี่ได้รับแจ้งคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่เรียบร้อยแล้ว
ในส่วนของแต้มใบขับขี่ที่ถูกตัดแต้มไปนั้นจะได้รับคืนโดยอัตโนมัติ เมื่อครบกำหนดระยะเวลา 1 ปี นับแต่วันกระทำความผิดและถูกบันทึกตัดแต้มในระบบฐานข้อมูลใบสั่งจราจรออนไลน์ (PTM) ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยกเว้นกรณีถูกตัดแต้มใบขับขี่จนเหลือ 0 คะแนน และถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ จะได้รับคะแนนใบขับขี่คืนเพียง 8 คะแนน จากคะแนนเต็ม 12 คะแนน เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตขับขี่
สำหรับผู้มีใบอนุญาตขับขี่จะสามารถตรวจสอบคะแนนความประพฤติในการขับขี่หรือแต้มใบขับขี่ได้ด้วยตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์ 2 ช่องทาง ได้แก่
ใบสั่งจราจรออนไลน์สำหรับประชาชน (e-Ticket) โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ทั้งข้อมูลใบสั่งค้างชำระ ชำระค่าปรับออนไลน์ และตรวจสอบสถานะใบขับขี่
เลือกตรวจสอบข้อมูลคะแนนใบขับขี่ได้จากแอปพลิเคชัน ‘ขับดี’ (KHUB DEE) ซึ่งให้บริการข้อมูลใบสั่งค้างชำระ, คะแนนความประพฤติในการขับขี่ และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขับขี สามารถดาวน์โหลดใช้งานได้ผ่านApp Store และ Android
หากขับรถไม่มีใบขับขี่เพราะลืม ไม่ได้พกมาด้วย แก้ได้อย่างไร?
ในกรณีที่กังวลว่า หากขับรถไม่มีใบขับขี่ เพราะลืม ไม่ได้พกติดตัวมาด้วย จะทำอย่างไรดี เพราะการลืมใบขับขี่ขณะที่ทำการขบับรถยนต์ ในทางกฎหมายนับว่าเป็นความผิดดั่งที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น โดยปัจจุบัน ทางกรมขนส่งได้จัดทำแอปพลิเคชัน DLT QR Licence เพื่อให้ผู้ที่มีใบขับขี่สามารถสแกนเก็บข้อมูลใบขับขี่ เพื่อแสดงใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์แทนได้ เพียงแค่เปิดแอปพลิเคชันที่ว่าให้แก่เจ้าหน้าที่ดู ก็นับว่ามีใบขับขี่ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
หรือหากผู้ขับขี่มีสำเนาเอกสารของใบขับขี่ติดไว้กับรถ ก็สามารถนำมาใช้เพื่อแสดงหลักฐานถึงการได้รับใบอนุญาตขับขี่ก็สามารถทำได้เช่นกัน
ประโยชน์ของใบขับขี่ มีอะไรบ้าง?
หลังจากทำความเข้าใจกับการขับรถไม่มีใบขับขี่ไปแล้ว มาดูกันดีกว่าว่าใบขับขี่มีประโยชน์อะไรอีกบ้าง โดยประโยชน์ของใบขับขี่ มีดังนี้
- เป็นเอกสารยืนยันว่าผู้ถือบัตรมีความสามารถในการขับขี่ และได้ผ่านการอบรมและการทดสอบเรียบร้อยแล้ว
- เป็นเอกสารที่ใช้ยืนยัน เพื่อรับการคุ้มครองจากบริษัทประกันกรณีเกิดอุบัติเหตุขณะขับขี่
- ช่วยป้องกันไม่ให้ขับรถไม่มีใบขับขี่ ปรับ เมื่อโดนเรียกตรวจ และหากมีการค้างค่าปรับ หรือจ่ายไม่ครบ ภายในระยะเวลาที่กำหนด ทางเจ้าพนักงานจราจรแจ้งนายทะเบียนให้งดการออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปีสำหรับรถคันนั้น และแจ้งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจต่อไป ซึ่งอาจจะเสียเวลาได้
- ช่วยให้ได้รับพิจารณาเข้าทำงาน เพราะงานบางตำแหน่งต้องการผู้ที่สามารถขับขี่รถได้
- สามารถใช้เป็นเอกสารยืนยันต่าง ๆ ได้เหมือนบัตรประจำตัวประชาชนในบางสถานการณ์ เช่น ใช้ยืนยันตัวในการสอบ เป็นต้น
- การมีใบขับขี่จะช่วยให้คุณได้รับค่าสินไหมทดแทนหรือค่าชดเชยความเสียหายจากบริษัทประกันภัยต่าง ๆ ที่คุณได้ทำเอาไว้ หากคุณขับรถไม่มีใบขับขี่ อาจทำให้บริษัทประกันภัยใช้เป็นข้ออ้างในการยกเว้นความรับผิดชอบได้
- ไม่สามารถทำประกันรถยนต์ได้ หากคุณไม่มีใบขับขี่ ทำให้อาจพลาดโอกาสการได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติมจากอุบัติเหตุไม่คาดฝันซึ่งเสี่ยงมากหากเกิดอุบัติเหตุและต้องจ่ายเงินค่ารับผิดชอบเองโดยไม่มีประกันคอยออกช่วย
ใบขับขี่มีกี่ประเภท มีกี่ชนิด?
ใบขับขี่สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
- ใบขับขี่ประเภท ส่วนบุคคล (บ.) จะใช้สำหรับรถในการขนส่งส่วนบุคคล รถบ้าน หรือรถที่มีแผ่นป้ายทะเบียนพื้นสีขาว ตัวเลข และตัวอักษรสีดำ
- ใบขับขี่ประเภท ทุกประเภท (ท.) จะใช้สำหรับรถที่ใช้ในการขนส่งสาธารณะ รถที่มีแผ่นป้ายทะเบียนพื้นสีเหลือง
นอกจากใบอนุญาตขับรถประเภททุกประเภทนั้น สามารถใช้ทดแทน ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถประเภทส่วนบุคคล และใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถสาธารณะตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ได้ นอกจากนี้ใบขับขี่ยังสามารถแบ่งได้อีก 11 ชนิดด้วยกัน
- ใบขับขี่รถชนิดชั่วคราว
- ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล
- ใบขับขี่รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล
- ใบขับขี่รถยนต์สาธารณะ
- ใบขับขี่รถยนต์สามล้อสาธารณะ
- ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล
- ใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ
- ใบขับขี่รถบดถนน
- ใบขับขี่รถแทรกเตอร์
- ใบขับขี่รถชนิดอื่น
- ใบขับขี่ตามความตกลงระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคี หรือ ใบขับขี่สากล
ใบขับขี่นั้นมีหลากหลายชนิด หลากหลายประเภท แรบบิท แคร์ แนะนำว่า ควรสอบใบขับขี่ให้ตรงกับประเภท เช่น หากมีอาชีพเป็นผู้ขับรถสาธารณะ ก็ควรสมัครสอบใบขับขี่รถยนต์สาธารณะให้เรียบร้อย หรือหากใครต้องเดินทางไปต่างประเทศ ใช้รถยนต์ต่างประเทศบ่อย ๆ ควรเลือกสอบใบขับขี่สากล เป็นต้น
ขับรถไม่มีใบขับขี่ เคลมประกันรถได้ไหม?
อาจจะมีหลายคนเกิดข้อสงสัยว่า ในกรณีแบบนี้ ประกันรถยนต์ยังคงคุ้มครองอยู่หรือไม่? ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุรถชน จะสามารถแบ่งแยกการเคลมได้ ดังนี้
- กรณีขับรถไม่มีใบขับขี่
เบื้องต้นแล้ว หากขับรถไม่มีใบขับขี่ หรือ แม้ว่ารถยนต์ดั่งกล่าวจะทำประกันชั้นใดมาก็ตาม กรณีนี้จะเป็นข้อยกเว้นความรับผิดชอบของบริษัทประกันภัย โดยจะรับผิดชอบเฉพาะความเสียหายของตัวรถเท่านั้น ส่วนความเสียหายของบุคคลภายนอก บริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ที่ทำ
- กรณีที่ขับรถไม่มีใบขับขี่ เพราะไม่ได้พกมา หรือกรณีที่ใบขับขี่หมดอายุ หรือถูกยึด
กรณีนี้ ทางบริษัทประกันภัยจะคุ้มครองทั้งรถของเราและคู่กรณีอยู่ทุกประการ โดยจะรับผิดชอบตามเงื่อนไขกรมธรรม์ที่ได้ทำเอาไว้ ทั้งนี้จะต้องมีสำเนา หรือหลักฐานที่ใช้แจ้งกับบริษัทประกันว่า ผู้ขับ มีใบขับขี่จริง ๆ ยกเว้นว่าวันนั้นเป็นระยะเวลาการขาดประกันรถยนต์ ซึ่งกรณีดั่งกล่าวจะถุกพูดถึงในข้อต่อไป
- ในกรณีที่รถยนต์หมดระยะเวลาประกัน หรือไม่ได้ทำประกันรถเอาไว้
หากผู้ขับขี่รถไม่มีประกันรถเลย หรือรถยนต์อยู่ในระยะเวลาที่ขาดประกันพอดี จะต้องไปเรียกร้องค่าเสียหายจากคู่กรณีเอง
โดยสรุปแล้ว การขับรถไม่มีใบขับขี่นอกจากเสี่ยงในเรื่องของการถูกปรับแล้ว ยังทำให้การเบิกเคลมประกันรถ หรือ เบิกเคลมจาก พ.ร.บ. รถยนต์ ทำได้ยุ่งยาก และเบิกเคลมได้ไม่เต็มที่ และในบางกรณี ผู้ขับรถไม่มีใบขับขี่อาจจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งหมดด้วย ดังนั้นอย่าละเลยในเรื่องใบขับขี่ ควรหาเวลาสอบใบัขบีข่ให้เรียบร้อย รวมถึงการวางแผนต่ออายุใบขับขี่ล่วงหน้า และการต่อประกันรถ จะช่วยลดความเสี่ยงต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ช่วยให้การขับขี่ของคุณได้รับการคุ้มครองงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
จะเห็นได้ว่าการขับรถไม่มีใบขับขี่ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นเอกสารสำคัญต้องพกติดตัวเอาไว้ตลอด สำหรับผู้ขับขี่ที่ใบขับขี่หมดอายุ หรือยังไม่เคยไปทำใบขับขี่ ก็ควรไปทำให้เรียบร้อย จะได้ไม่เกิดปัญหาในภายหลัง ทั้งเสี่ยงโดนปรับ แถมถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาบริษัทประกันอาจปฏิเสธการให้ความคุ้มครองก็เป็นได้
แม้ในบางเหตุการณ์เราจะขับรถพร้อมใบขับขี่ตลอดเวลา ระมัดระวังในทุกการขับบนท้องถนน แต่อุบัติเหตุเองก็เกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้น การมีประกันรถยนต์ติดไว้ จะช่วยให้อุ่นใจได้ตลอดทุกการเดินทาง
อย่างการทำประกันรถยนต์ออนไลน์ได้ง่าย ๆ ได้ที่ แรบบิท แคร์ เรารวบรวมเอาประกันภัยเอาไว้แบบครบวงจร จะประกันรถยนต์ชั้นไหนก็มีพร้อมให้บริการ รวมถึงยังมีบริการพิเศษอีกมากมาย เช่น บริการเปรียบเทียบเบี้ยประกัน รับประกันความคุ้มค่า ซื้อตรงจากบริษัทประกันยังไม่ได้เท่านี้ สามารถผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือนผ่อนสบาย ๆ ได้ทั้งบัตรเครดิตและเงินสด ไม่ต้องจ่ายเป็นเงินก้อน แจ้งเคลมก็ง่ายผ่านทาง LINE Official Account
ที่สำคัญ เบี้ยประกันยังจับต้องได้ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ และลักษณะการใช้งานรถของคุณ นอกจากนี้ยังมีศูนย์ซ่อมกระจายอยู่ทั่วประเทศ อยากซ่อมรถแบบไหน ที่ไหน คุณเลือกได้เอง เพียงสมัครประกันรถยนต์กับ แรบบิท แคร์
ขับรถไม่มีใบขับขี่ ประกันรถยนต์คุ้มครองหรือไม่
การขับรถโดยไม่มีใบขับขี่สามารถส่งผลกระทบต่อความคุ้มครองของประกันรถยนต์ ดังนี้:
1. ผลต่อความคุ้มครองของประกันรถยนต์
- กรณีอุบัติเหตุและความเสียหายต่อทรัพย์สินของคู่กรณี: บริษัทประกันจะยังคงรับผิดชอบต่อคู่กรณีหรือบุคคลภายนอกตามความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เช่น ความคุ้มครองต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของคู่กรณี (Third-Party Liability) เนื่องจากกฎหมายบังคับให้ต้องคุ้มครองบุคคลภายนอกเสมอ
- กรณีความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกัน: ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่มีใบขับขี่หรือมีใบขับขี่ไม่ถูกต้อง เช่น ใบขับขี่หมดอายุ หรือไม่ตรงกับประเภทของยานพาหนะ บริษัทประกันมักจะไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของผู้เอาประกัน โดยอาจปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทน หรือจ่ายน้อยกว่ามูลค่าความเสียหายจริง เนื่องจากถือว่าเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย
2. เงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย
ในกรมธรรม์ประกันภัยจะมีเงื่อนไขเกี่ยวกับการขับขี่รถที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงการมีใบขับขี่ที่ถูกต้อง ดังนั้น หากเกิดอุบัติเหตุขณะไม่มีใบขับขี่ การเคลมประกันอาจไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถของผู้ขับขี่เองหรือผู้เอาประกัน
3. กรณีใบขับขี่หมดอายุหรือไม่ตรงกับประเภทของรถ
หากใบขับขี่หมดอายุหรือใช้ใบขับขี่ไม่ตรงประเภท เช่น ใช้ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลในการขับขี่รถบรรทุก ประกันอาจปฏิเสธการคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกันเช่นกัน แต่ยังคงคุ้มครองความเสียหายต่อบุคคลภายนอกตามข้อกำหนดของกฎหมาย
4. ข้อแนะนำเกี่ยวกับกรณีขับรถไม่มีใบขับขี่
- ควรตรวจสอบว่าใบขับขี่ของคุณยังไม่หมดอายุและตรงกับประเภทของยานพาหนะที่ขับขี่
- หากมีกรณีที่ไม่มีใบขับขี่หรือใบขับขี่หมดอายุ ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นทั้งด้านกฎหมายและการเคลมประกันในอนาคต
การขับรถโดยไม่มีใบขับขี่อาจส่งผลให้ประกันรถยนต์ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกัน แต่ยังคงคุ้มครองความเสียหายต่อคู่กรณีตามกฎหมาย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและความอุ่นใจ ควรมีใบขับขี่ที่ถูกต้องก่อนขับขี่รถทุกครั้งค่ะ