แคร์ขับขี่ปลอดภัย

แก่แต่เก๋า แบบนี้อายุเยอะยังต่ออายุใบขับขี่ได้ไหม?

ผู้เขียน : คะน้าใบเขียว
คะน้าใบเขียว

นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct

close
linkedin icon
 
 
Published: August 22,2022
ต่ออายุใบขับขี่

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบัน ประเทศไทยของเรามีอัตตราการเกิดที่น้อยลง และทำให้เข้าสู่ยุคของผู้สูงวัยอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ยังตามไม่ทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเดินทาง หรือการคมนาคม นี่เองที่ทำให้หลายคน ถึงแม้จะอายุมากแล้ว ก็ยังเลือกที่จะขับรถด้วยตัวเองมากกว่าการเดินทางด้วยชนส่งสาธารณะ

แต่เราจะสามารถขับรถยนต์เองได้จนถึงอายุเท่าไหร่กัน? แล้วถ้าอายุมากแบบนี้ ยังสามารถต่ออายุใบขับขี่ได้ไหม? มีใบขับขี่ตลอดชีพให้ทำอยู่หรือในปัจจุบัน วันนี้ แรบบิท แคร์ จะพาทุกคนไปหาคำตอบ ตามมาเลย!

ห้ามพลาด! ประกันรถชั้น 1 เบี้ยเริ่มต้น 1,000.-/เดือน

รถของคุณยี่ห้ออะไร

< กลับไป
< กลับไป

ระบุยี่ห้อรถของคุณ

ระบุปีผลิตรถของคุณ

ส่องสถิติ อายุเยอะยังไหวไหมกับการขับรถ?

กรมควบคุมโรคได้เปิดเผยสถิติที่จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนน่าสนใจออกมา พบว่าช่วงอายุ 15-24 ปี และช่วง 50-80 ปี มีอัตราการเสียชีวิตสูงสุดเมื่อเทียบกับช่วงอายุอื่น 

นอกจากนี้ ยังมี โครงการศึกษาเพื่อพัฒนาระบบใบอนุญาตขับรถให้เหมาะสมกับประเทศไทย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยเสริมว่า อายุที่มากขึ้นและสมรรถภาพทางร่างกายที่ลดลง เช่น

และปัญหาสุขภาพอีกหลาย ๆ อย่าง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตที่เพิ่มมากขึ้นของกลุ่มผู้ขับขี่ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ หากมีแนวโน้มเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรง ผู้สูงอายุจะได้รับอันตรายมากกว่าและโอกาสถึงแก่ชีวิตสูงกว่าคนหนุ่มสาวถึง 9 เท่า แม้จะมีการคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งแล้วก็ตาม

อายุใบขับขี่

ส่วนสถิติจากทางต่างประเทศ อย่างสหรัฐฯ แม้บางรัฐฯ จะไม่มีตัวเลขอายุที่ขีดเส้นกำหนดกฎหมายแน่นอน ว่าอายุเท่าไหร่จึงไม่ควรขับรถ แต่ข้อมูลสถิติพบว่า คนขับรถที่สูงอายุมีสถิติเกิดอุบัติเหตุปางตายต่อระยะทางเป็นไมล์มากกว่ากลุ่มอื่น และมักจะเกิดเหตุฝ่าฝืนกฎจราจรและอุบัติเหตุไม่ถึงตายมากกว่าคนหนุ่มสาว

แม้จะยังไม่มีผลวิจัยเจาะจงว่าอายุมีผล แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ปัจจัยด้านสุขภาพล้วนมีผล และการที่อายุเยอะมากขึ้นเอง ก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ นี่เองที่ทำให้ปัจจุบัน ไทยเองก็ได้ทำการยกเลิกใบขับขี่ตลอดชีพลงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 ที่ผ่านมา

จะเห็นจากสถิติว่าบางฝ่ายอาจจะรู้สึกเห็นด้วย เพราะมองเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล และควรเช็กจากสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลเป็นหลัก แถมในไทยระบบการขนส่งยังไม่เอื้อต่อการเดินทางสำหรับผู้สูงอายุ แต่อีกฝ่ายก็แสดงความเห็นว่าเป็นความเสี่ยงที่อันตราย และไม่เห็นด้วยกับการให้ผู้สูงอายุออกมาขับขี่รถยนต์บนท้องถนน

เรียกได้ว่าเป็นข้อถกเถียงที่น่าสนใจกันเลยทีเดียวกับเรื่องของอายุผู้ขับขี่บนท้องถนน

ใบขับขี่ตลอดชีพ

แล้วถ้ายังขับไหว ปัจจุบันสามารถต่ออายุใบขับขี่ได้จนถึงอายุเท่าไหร่กันนะ?

เบื้องต้น เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ทางกรมการขนส่งทางบกได้กำหนดอายุขั้นต่ำของผู้ทำใบขับขี่แต่ละประเภทเอาไว้อย่างชัดเจน ซึ่งรถแต่ละประเภทต่างก็กำหนดเกณฑ์อายุขั้นต่ำแตกต่างกันออกไป ดังนี้

จะเห็นได้ว่า ในการทำใบขับขี่ของไทยไม่ว่าจะประเภทให้ก็ตาม จะยังไม่มีการกำหนดขอบเขตอายุที่ห้ามขับรถอย่างชัดเจน ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ก็ได้หยิบยกความเสี่ยงนี้ เกิดมาเป็นแนวทางการป้องกันความเสี่ยงเป็นกฎหมายต่าง ๆ ออกมา 

เช่น ในกลุ่มสหภาพยุโรป ส่วนใหญ่จะกำหนดให้มีการตรวจสอบสมรรถภาพทางกายอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่มีอายุครบตามเกณฑ์ที่กำหนด อย่าง สวีเดน เมื่ออายุถึง 45 ปี จะต้องมีการตรวจสมรรถภาพทางกายใหม่ และตรวจซ้ำทุก 10 ปีหากยังต้องการขับรถต่อ  หรือ ฝรั่งเศส กำหนดเกณฑ์อายุที่ 60 ปี และต้องตรวจอีกครั้งในทุก 2-5 ปี  หากยังต้องการขับรถต่อ 

หรือกรณีออสเตรเลีย แม้รัฐจะไม่ได้กำหนดเกณฑ์อายุสูงสุดไว้แต่มีมาตรการควบคุมดูแลผู้ขับขี่ที่มีอายุตั้งแต่ 75 ปีขึ้นไป จะต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบว่ามีอาการหรือมีความผิดปกติตามหลักเกณฑ์ที่รัฐกำหนดหรือไม่ และออกใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพดีพอที่จะขับขี่รถ

ใบขับขี่ผู้สูงอายุ

ส่วนในไทย หลายฝ่ายเองก็มองเห็นถึงความเสี่ยง จึงมีการยกเลิกใบขับขี่ตลอดชีพแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 ที่ผ่านมา และมีการตั้งกฎใหม่ ออกมาว่า 

การขอรับและต่ออายุใบขับขี่ ตั้งแต่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 เป็นต้นไป จะต้องมีเอกสารใบรับรองแพทย์เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินการทุกครั้ง

เนื่องจากตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกเดิมจะไม่มีการกำหนดให้ใช้เอกสารใบรับรองแพทย์ แต่ด้วยสมรรถภาพของร่างกายของผู้ขับรถมีการเปลี่ยนแปลงไปตามวัยที่เพิ่มมากขึ้นและอาจมีโรคประจำตัว หรืออาจมีเหตุให้สมรรถภาพของร่างกายบกพร่องจนไม่สามารถขับรถได้ จึงจำเป็นต้องกำหนดให้ผู้ขับรถเข้ารับการตรวจรับรองจากแพทย์ก่อนเบื้องต้นก่อนการต่ออายุใบขับขี่ เพื่อเป็นการคัดกรอง และรับรองจากทางแพทย์ว่าผู้มาต่ออายุใบขับขี่นั้น ยังคงสามารถขับขี่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

นอกจากนี้แล้ว ผู้สูงอายุเอง หรือคนในครอบครัว ก็ควรประเมินตนเองเบื้องต้นก่อนการไปต่ออายุใบขับขี่ โดยอาจประเมินเบื้องต้นจาก 

ต่ออายุใบขับขี่ได้แล้ว แต่อายุผู้ขับจะยังส่งผลต่อการทำประกันรถยนต์ไหม?

แรบบิท แคร์ บอกได้เลยว่ามีผลออย่างแน่นอน แต่เป็นผลในทางที่ดี เพราะบริษัทฯหลายแห่ง จะให้ส่วนลดพิเศษเมื่อผู้ทำประกันรถยนต์มีอายุมาก ก็จะยิ่งได้ส่วนลดเบี้ยประกันรถยนต์มากขึ้นเท่านั้น แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับบริษัทฯนั้นๆ ด้วยว่ากำหนดอัตราส่วนลดไว้มากน้อยแค่ไหน 

เช่น บริษัทฯ A อาจให้ส่วนลด สำหรับเจ้าของรถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ได้รับส่วนลดมากถึง 20% แต่บริษัทฯ B เน้นให้ส่วนลด 20% กับผู้ขับที่มีอายุ 30 – 40 ปี

หลัก ๆ แล้ว การทำประกันรถยนต์นั้น สิ่งที่จะช่วยประเมินการรับทำประกันฯ หรือกำหนดเบี้ยราคาประกันรถยนต์มักมาจากปัจจัยอื่น ๆ มากกว่า อย่าง อายุการใช้งานของรถยนต์, ประวัติการเคลม, ประวัติการขับรถ เป็นหลักมากกว่า

ตัวอย่าง คุณห่วงใย อายุ 50 ปี มีใบขับขี่ตลอดชีพ และรถยนต์อายุการใช้งานมากถึง 15 ปี แต่มีประวัติการขับขี่ที่ดี ไม่เคยผิดกฎการจราจร ประวัติเบิกเคลมน้อย แบบนี้มีสิทธิจะได้ส่วนลดเบี้ยประกันฯ และยังเป็นที่ชื่นชอบของบริษัทฯอีกด้วย

ตรงข้ามกับ คุณแคร์ อายุ 30 ปี แม้จะมีรถยนต์ที่อายุการใช้งานน้อย 5 ปี แต่มักจะมีประวัติการเกิดอุบัติเหตุบ่อย ๆ แบบนี้อาจจะได้ส่วนลดประกันรถน้อยลง

ส่วนการเบิกเคลมก็หมดห่วง หากเป็นไปตามเงื่อนไขการทำประกันฯ แม้ผู้ขับจะมีอายุที่มาก ก็ยังสามารถเบิกเคลมได้สบาย ยกเว้นเงื่อนไขบางอย่าง เช่น นำรถไปใช้งานผิดกฎหมาย หรือมีการระบุชื่อผู้ขับ แต่ตอนเกิดเหตุ ผู้ขับไม่ใช่ชื่อที่ระบุไว้ เป็นต้น

ประกันรถยนต์ที่แนะนำสำหรับผู้ขับขี่สูงอายุ

การเลือกประกันรถยนต์สำหรับผู้ขับขี่สูงอายุนั้นควรพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ เช่น ความคุ้มครองที่ครอบคลุม ความสะดวกสบาย และการคุ้มครองค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ เนื่องจากผู้สูงอายุมักมีความเสี่ยงในการขับขี่เพิ่มขึ้นจากเรื่องการตอบสนองที่ช้าลงและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ประกันที่เหมาะสมที่สุดควรให้ความคุ้มครองครบถ้วนเพื่อลดความเสี่ยงทางการเงินและความกังวลต่ออุบัติเหตุ ประกันรถยนต์ที่คุ้มครองเฉพาะคู่กรณีอย่างประกันรถชั้น2 และประกันชั้น 3 คุ้มครองอะไรบ้าง จึงไม่เหมาะสม แต่ขอแนะนำตัวเลือกประกันชั้นอื่นๆ ดังต่อไปนี้

  1. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 (เหมาะสมที่สุด)
    • ความคุ้มครองที่ครอบคลุม: ประกันชั้น 1 เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ขับขี่สูงอายุ เนื่องจากมีความคุ้มครองเต็มรูปแบบ ครอบคลุมทั้งความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกันและรถของคู่กรณี รวมถึงการคุ้มครองในกรณีอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี (เช่น ขับรถชนสิ่งของหรือรถเสียหลักเอง)
    • คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล: ประกันชั้น 1 ยังครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้สูงอายุที่อาจมีความเสี่ยงด้านสุขภาพหรืออาการบาดเจ็บที่ต้องรักษานานขึ้น
    • คุ้มครองในกรณีฉุกเฉิน: มีการคุ้มครองเพิ่มเติม เช่น ค่าใช้จ่ายในการประกันตัวหากถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย และคุ้มครองกรณีภัยธรรมชาติหรือรถถูกโจรกรรม
    • ความสะดวกในการเคลม: การเคลมประกันชั้น 1 มักจะง่ายและรวดเร็ว ซึ่งช่วยลดความกังวลและความซับซ้อนสำหรับผู้สูงอายุ
  2. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ (ทางเลือกที่ประหยัดกว่า)
    • คุ้มครองเมื่อมีคู่กรณี: ประกันชั้น 2+ เป็นอีกทางเลือกที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีความมั่นใจในการขับขี่ แต่ต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกัน โดยคุ้มครองค่าซ่อมรถของผู้เอาประกันในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี
    • คุ้มครองโจรกรรมและไฟไหม้: ประกันชั้น 2+ ยังคุ้มครองกรณีรถถูกโจรกรรมหรือไฟไหม้ ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับการคุ้มครองรถที่มีมูลค่าสูง แต่ไม่คุ้มครองอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี เช่น ขับรถชนสิ่งของหรือขับชนกำแพง
    • เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่มีประสบการณ์ในการขับขี่: ประกันชั้นนี้เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ขับรถระมัดระวังและไม่ต้องการการคุ้มครองเต็มรูปแบบแบบชั้น 1 แต่ยังต้องการความคุ้มครองในกรณีที่มีคู่กรณี
  3. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ (สำหรับงบประมาณจำกัด)
    • คุ้มครองเมื่อชนกับยานพาหนะทางบก: ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ราคาถูก เป็นประกันที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ขับรถในเมืองหรือสถานที่ที่มีความเสี่ยงจากการชนกับรถคันอื่น แต่ไม่ต้องการจ่ายเบี้ยประกันแพง โดยคุ้มครองค่าซ่อมรถในกรณีที่มีคู่กรณีเท่านั้น
    • ไม่คุ้มครองกรณีไม่มีคู่กรณี: อย่างไรก็ตาม ประกันชั้นนี้ไม่คุ้มครองรถของผู้เอาประกันหากเกิดอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี เช่น ขับรถชนสิ่งของ หรือรถเสียหลักเอง ซึ่งอาจเป็นความเสี่ยงสำหรับผู้สูงอายุ

ข้อพิจารณาเพิ่มเติมในการเลือกประกันสำหรับผู้สูงอายุ

ไม่ว่าจะอายุเลขหลักไหน อุบัติเหตุก็เกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้น การเลือกประกันรถยนต์ที่ไว้ใจได้ จึงเป้นเรื่องสำคัญ! และสำหรับใครที่ยังเลือกไม่ได้ ต้องนี่เลย เปรียบเทียบประกันรถยนต์ กับ แรบบิท แคร์! 

แรบบิท แคร์ นอกจากจะมีบริการเปรียบเทียบเบี้ยประกัน ให้ตรงกับไลฟ์สไตล์การขับขี่ของคุณแล้ว เรายังมีบริการหลังการขายให้คุณอุ่นใจเมื่ออยู่บนท้องถนน ทั้ง บริการช่วยเคลม, บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน แถมยังสมัครง่ายแค่ปลายนิ้ว คลิกเลย!


บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง


 

บทความแคร์ขับขี่ปลอดภัย

Rabbit Care Blog Image 96324

แคร์ขับขี่ปลอดภัย

เมาไม่ขับกลับบ้านปลอดภัยด้วย 5 บริการที่แสนสะดวกสบาย

ช่วงเทศกาลหรือเวลาที่มีวันหยุดยาวในประเทศไทย มักมีการรณรงค์เรื่องเมาไม่ขับ และความปลอดภัยในการเดินทางอีกหลาย ๆ ด้าน เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้มีโอกาสใช้รถ
Natthamon
31/10/2024
Rabbit Care Blog Image 96334

แคร์ขับขี่ปลอดภัย

ขึ้นทางด่วนไม่มีเงินสด ทำไงดี ยังสามารถขึ้นได้อยู่ไหม หรือต้องถอยออกสถานเดียว

เป็นกันไหมเวลาจะขึ้นทางด่วนไม่มีเงินสด ต้องรู้สึกตกใจ ว่าควรทำอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้มีการใช้งาน M-Flow, M Pass หรือ Easy Pass
Natthamon
22/10/2024
Rabbit Care Blog Image 96023

แคร์ขับขี่ปลอดภัย

ขับรถข้ามประเทศ ทำได้จริงไหม ต้องเตรียมตัวอย่างไรให้สามารถเดินทางได้ราบรื่น

เมื่อความสนุกในการเดินทาง Road Trip ของหลาย ๆ คนเริ่มมีเป้าหมายที่ไกลขึ้น การขับรถข้ามประเทศจึงกลายเป็นความฝันที่ชาวนักเดินทาง
Natthamon
07/10/2024