วิธีแก้ง่วงตอนขับรถ ขับรถแล้วง่วงต้องทำอย่างไร เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง

ผู้เขียน : Natthamon
Natthamon

ทำงานเกี่ยวข้องกับวงการประกันรถยนต์และยานยนต์มาตั้งแต่ปี 2019 ในหลากหลายตำแหน่งทั้ง SEO Specialist, Senior Executive, SEO / Web Analytics และ SEO Content Writer ในบริษัทประกันรถยนต์่และรถมือสองชั้นนำ นอกจากนั้น ยังเคยอยู่ในแวดวงสื่อมวลชนนานถึง 3 ปีในตำแหน่งนักข่าวไอทีนิตยสารชื่อดังแวดวง E-Commerce ด้านการศึกษาจบระดับชั้นปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยนเรศวร และปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

close
linkedin icon
 
ตรวจทาน : คะน้าใบเขียว
คะน้าใบเขียว

นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct

close
linkedin icon
Published: March 3,2025
  
 
  
Reviewed: February 18, 2025
วิธีแก้ง่วงตอนขับรถ

สายขับรถเดินทางไกลต้องอ่าน วิธีแก้ง่วงตอนขับรถ อะไรบ้างที่ช่วยแก้ง่วงขับรถ ขับรถแล้วง่วงจะต้องทำอย่างไร รวมทริคดี ๆ ที่เหล่านักเดินทาง หรือผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการขับรถเดินทางไกลต้องทราบเอาไว้ เพื่อความปลอดภัย และความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าตลอดทริปนั่นเอง

ง่วงไม่ขับ

อาการง่วงขณะขับรถ หรือขับรถแล้วง่วงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงบนท้องถนน การขับรถในสภาวะที่ร่างกายอ่อนล้า และง่วงนอนส่งผลให้การตอบสนองช้าลง ความสามารถในการตัดสินใจลดลง และอาจทำให้เกิดอาการหลับในโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุทางถนนหลายกรณี

ทั้งนี้เพื่อป้องกันอันตรายให้ได้ผลดีที่สุดผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนจึงควรปฏิบัติตามหลักการง่วงไม่ขับ และหยุดพักทันทีเมื่อรู้สึกง่วง หลีกเลี่ยงการขับรถเป็นเวลานานโดยไม่พัก และหากจำเป็นต้องเดินทางไกล ควรวางแผนการขับขี่ให้มีช่วงพักทุก 2-3 ชั่วโมง นอกจากนี้การดื่มน้ำให้เพียงพอ ปรับอุณหภูมิภายในรถให้เหมาะสม และฟังเพลง หรือพูดคุยกับผู้ร่วมเดินทางสามารถช่วยให้ตื่นตัวได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามหากรู้สึกง่วงจนไม่สามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ควรจอดพักในจุดที่ปลอดภัย หรือหาผู้ขับขี่สำรองแทน

หลับในคืออะไร หลับใน เป็นยังไง ?

การหลับใน คือ อาการที่เกิดขึ้นเมื่อบุคคลหลับ หรือมีการปิดตาในช่วงระยะเวลาสั้นๆ โดยไม่รู้ตัว แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องมีความตื่นตัว เช่น ขณะขับรถ หรือทำงาน การหลับในมักเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีความอ่อนล้าและไม่ได้นอนหลับเพียงพอ โดยช่วงเวลาที่หลับจะมีแค่ไม่กี่วินาทีถึง 1 นาที แต่สามารถส่งผลให้การตัดสินใจหรือการตอบสนองในสถานการณ์นั้น ๆ ล่าช้าและไม่แม่นยำ ถือเป็นอันตรายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขับขี่

แก้ง่วงขับรถ

วิธีแก้ง่วงตอนขับรถ

ทราบถึงความอันตรายของการขับรถแล้วง่วงกันไปแล้ว หลายคนคงตระหนักได้ว่าวิธีในการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุดเมื่อขับรถแล้วง่วง ก็คือการไม่ขับ แต่สำหรับใครที่จำเป็นจะต้องขับรถเดินทางไกล และทำการประเมินตัวเองเรียบร้อยแล้วว่ายังสามารถขับต่อได้ไหว ไม่ได้ง่วงรุนแรงจนเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ จะมีวิธีแก้ง่วงตอนขับรถอย่างไร วันนี้ แรบบิท แคร์ ได้รวบรวมวิธีแก้ง่วงขับรถ หรือทริคดี ๆ ที่จะช่วยแก้ง่วงตอนขับรถที่ค่อนข้างได้ผลดีมาฝากให้ ลองอ่าน และนำไปปรับใช้ดูกันได้เลย

  • วิธีแก้ง่วงตอนขับรถดื่มเครื่องดื่มที่ช่วยกระตุ้นร่างกาย การดื่มกาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสามารถช่วยให้ร่างกายตื่นตัวได้ชั่วคราว แต่ไม่ควรดื่มมากเกินไปเพราะอาจส่งผลต่อระบบประสาท
  • วิธีแก้ขับรถแล้วง่วงปรับอุณหภูมิภายในรถ การเปิดแอร์ให้เย็นขึ้น หรือเปิดหน้าต่างรับลมภายนอกสามารถช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น และลดอาการง่วงได้
  • วิธีแก้ง่วงตอนขับรถเคลื่อนไหวร่างกายระหว่างขับขี่ หากต้องขับรถเป็นเวลานาน ควรขยับร่างกาย เช่น หมุนคอ ยืดแขน หรือขยับนิ้วมือเป็นระยะ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
  • วิธีแก้ง่วงตอนขับรถจอดพักเพื่อเคลื่อนไหวร่างกายระหว่างทาง หากต้องขับรถเป็นเวลานาน ควรจอดแวะพักที่จุดพักรถ หรือปั๊มน้ำมันต่าง ๆ เพื่อลงไปเดินยืดเส้นยืดสาย บริหารร่างกาย ล้างหน้า เพื่อความสดชื่น กระตุ้นความตื่นตัวให้กับร่างกายก่อนเดินทางต่อนั่นเอง
  • วิธีแก้ง่วงตอนขับรถฟังเพลง หรือรายการที่ช่วยให้ตื่นตัว เพลงจังหวะเร็ว หรือรายการวิทยุที่มีเนื้อหาน่าสนใจสามารถช่วยให้สมองทำงาน และลดความง่วงได้
  • วิธีการแก้ง่วงตอนขับรถเคี้ยวหมากฝรั่ง หรือทานของว่างเบา ๆ การเคี้ยวหมากฝรั่ง หรือขนมที่มีรสเปรี้ยว เช่น ลูกอมรสมะนาว สามารถช่วยให้ร่างกายตื่นตัวมากขึ้น
  • วิธีแก้ง่วงขับรถมีเพื่อนร่วมทางช่วยพูดคุย หากเดินทางไกล ควรมีผู้ร่วมเดินทางช่วยพูดคุย หรือสลับกันขับรถเพื่อลดอาการเหนื่อยล้า
  • วิธีแก้ง่วงขับรถวางแผนการเดินทาง และพักผ่อนให้เพียงพอ ก่อนออกเดินทาง ควรนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง และหากต้องขับรถระยะไกล ควรกำหนดช่วงพักทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันอาการล้าสะสม

การขับขี่ขณะง่วงนอนเป็นอันตรายต่อทั้งตนเองและผู้ใช้ถนนคนอื่น ดังนั้นควรที่จะหยุดพักทันทีหากเริ่มรู้สึกง่วงรุนแรง หรือมีอาการหลับใน ควรจอดรถในจุดที่ปลอดภัยและพักสายตาประมาณ 10-20 นาที เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัว

เครื่องดื่มแก้ง่วงเวลาขับรถ

อ่านวิธีแก้ง่วงขับรถกันไปเรียบร้อยแล้ว หนึ่งในวิธีที่น่าสนใจแก้ง่วงขับรถก็คือการดื่มเครื่องดื่มเพื่อช่วยแก้ง่วง เพราะเครื่องดื่มแก้ง่วงมักมีส่วนผสมที่ช่วยกระตุ้นระบบประสาท และเพิ่มความตื่นตัวให้กับร่างกาย เช่น กาแฟ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง เป็นที่นิยมในการช่วยลดอาการง่วง และเพิ่มสมาธิขณะทำงาน หรือขับรถ นอกจากนี้การดื่มชาก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีคาเฟอีนในระดับต่ำกว่ากาแฟ แต่ยังคงสามารถช่วยกระตุ้นร่างกายได้ดี โดยเฉพาะชาเขียวที่มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยบำรุงร่างกายไปพร้อมกับการกระตุ้นร่างกายให้มีความกระปรี้กระเปร่า

สำหรับบางคนที่ไม่ต้องการดื่มชา และกาแฟนั้น เครื่องดื่มชูกำลังซึ่งมักมีคาเฟอีน น้ำตาล และวิตามินต่างๆ ที่ช่วยให้ร่างกายมีพลังงานในช่วงเวลาที่เหนื่อยล้า และมีอาการอ่อนเพลียสะสมก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเช่นกัน แต่การดื่มเครื่องดื่มชูกำลังควรทำในปริมาณที่เหมาะสม เพราะการดื่มมากเกินไปอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเช่น หัวใจเต้นเร็วหรือความดันโลหิตสูงนั่นเอง

แน่นอนว่าสำหรับบางคน อาจไม่ชอบวิธีแก้ง่วงขับรถด้วยการดื่มทั้งชา กาแฟ และเครื่องดื่มชูกำลัง ดังนั้นการเลือกดื่มเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยว เช่น น้ำมะนาว หรือ น้ำผลไม้ ที่มีรสจัดก็สามารถช่วยกระตุ้นความรู้สึกสดชื่น ขับรถแก้ง่วง และตื่นตัวได้เช่นกัน เนื่องจากรสเปรี้ยวสามารถกระตุ้นประสาทสัมผัสให้ตื่นตัวนั่นเอง

ทั้งนี้เครื่องดื่มแก้ง่วงที่ได้แนะนำไปในข้างต้นนั้นสามารถหาซื้อได้ง่ายระหว่างทาง โดยสามารถหาซื้อเครื่องดื่มแก้ง่วง 7-11 ได้ที่ปั๊มน้ำมันหลาย ๆ สาขา หรือริมทางที่ขับรถผ่านนั่นเอง

ขับรถแล้วง่วง

กินอะไรแก้ง่วงตอนขับรถ ?

ได้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการดื่มเครื่องดื่มเพื่อแก้ง่วงขับรถกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่แน่นอนว่าเมื่อง่วงตอนขับรถแล้วนอกจากจะเลือกวิธีการแก้ง่วงตอนขับรถด้วยการดื่มเครื่องดื่ม ก็สามารถแก้ง่วงตอนขับรถด้วยการกินอะไรแก้ง่วง หรือกินอาหารแก้ง่วงได้ด้วยเช่นกัน และสำหรับใครที่ไม่ทราบว่าจะต้องกินอะไรให้หายง่วง แรบบิท แคร์ ได้ทำการลิสต์รายการของกินแก้ง่วงมาให้แล้ว ดังต่อไปนี้

  • ขับรถแล้วง่วงกินผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ผลไม้เช่น ส้ม, กีวี, และมะนาว มีวิตามินซีสูงที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และเพิ่มความตื่นตัวให้กับร่างกาย โดยวิตามินซีสามารถช่วยลดความเหนื่อยล้า และส่งเสริมการทำงานของระบบประสาท ทำให้สมองตื่นตัว และลดอาการง่วงได้
  • ขับรถแล้วง่วงกินถั่ว และเมล็ดพืช ถั่ว, เมล็ดอัลมอนด์, เมล็ดฟักทอง, และเมล็ดเชีย เป็นแหล่งของโปรตีน และกรดไขมันที่จำเป็น ซึ่งช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ช่วยให้ความรู้สึกอิ่มนาน และไม่ทำให้เกิดการเหนื่อยล้าอย่างรวดเร็ว
  • ขับรถยนต์แล้วง่วงกินโยเกิร์ต และผลิตภัณฑ์จากนม โยเกิร์ต มีโปรตีน และแคลเซียมสูง ซึ่งช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกาย และทำให้รู้สึกสดชื่น นอกจากนี้ยังมีจุลินทรีย์ที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร ทำให้ร่างกายได้รับพลังงานอย่างเต็มที่
  • ขับรถยนต์แล้วง่วงกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ข้าวกล้อง, ขนมปังโฮลวีท, และมันฝรั่ง เป็นแหล่งของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งให้พลังงานในระยะยาว ช่วยป้องกันการเกิดความอ่อนล้า และง่วงนอนในระหว่างวัน เพราะร่างกายสามารถย่อยได้ช้า และปล่อยพลังงานออกมาอย่างต่อเนื่อง
  • ช็อกโกแลตดำ ช็อกโกแลตดำที่มีปริมาณโกโก้สูงสามารถช่วยกระตุ้นสมองให้ทำงานได้ดีขึ้น เนื่องจากมีคาเฟอีน และสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยเพิ่มสมาธิ และกระตุ้นความตื่นตัว อย่างไรก็ตามควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะหากทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการกระวนกระวาย หรือหงุดหงิดได้
  • ไข่ ไข่เป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่ช่วยในการฟื้นฟูร่างกาย และบำรุงสมอง โดยมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการผลิตพลังงาน และการทำงานของสมอง ช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าแ ละตื่นตัว
  • ผักใบเขียว ผักโขม, คะน้า, และผักบุ้ง มีธาตุเหล็กที่สำคัญในการบำรุงเลือด และช่วยในการขนส่งออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้รู้สึกมีพลังงาน และลดอาการอ่อนเพลียที่เกิดจากการขาดออกซิเจนในร่างกาย

การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มพลังงาน และลดอาการง่วงได้ แต่ควรคำนึงถึงความสมดุลในการทานอาหารแต่ละประเภท เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน และไม่ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียจากการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสมด้วยเช่นกัน

ขับรถทางไกล พักรถกี่นาที ?

ขับขี่ปลอดภัย by DLT ให้ข้อมูลง่วงจอดพักว่า ง่วงจอดพัก เดินทางไกล พักรถกี่นาที ว่าในการเดินทางไกลควรจอดพักรถตามระยะเวลาการขับขี่ และระยะทาง ดังต่อไปนี้

  • เดินทางเป็นระยะเวลา 2 ชั่วโมง ระยะทาง 150-200 กิโลเมตร ควรหยุดพักอย่างน้อย 10-15 นาที
  • เดินทางเป็นระยะเวลา 3 ชั่วโมง ระยะทาง 201-300 กิโลเมตร ควรหยุดพักอย่างน้อย 15-30 นาที
  • ถ้าเดินทางเป็นระยะเวลา 4 ชั่วโมง ระยะทางมากกว่า 300 กิโลเมตร ควรสลับเปลี่ยนคนขับเพื่อความปลอดภัย และหยุดพักอย่างน้อย 30-60 นาที

และวิธีเหล่านี้ก็คือวิธีการแก้ง่วงตอนขับรถที่สายเดินทางควรทราบกันไว้ เพื่อการขับขี่อย่างปลอดภัย ที่สำคัญเมื่อเดินทางไกล ควรเช็กสภาพรถ และไม่ลืมตรวจสอบว่ารถของตนเองอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของประกันภัยหรือไม่ หากไม่มีสามารถเลือกเทียบประกันรถยนต์ที่เหมาะสมตัวเองที่สุด กับ แรบบิท แคร์ ได้ สะดวกสบาย รวดเร็วทุกขั้นตอน


สรุป

อนออกเดินทาง ควรนอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง และหากต้องขับรถระยะไกล ควรกำหนดช่วงพักทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันอาการล้าสะสม หากเริ่มรู้สึกง่วงรุนแรง หรือมีอาการหลับใน ควรจอดรถในจุดที่ปลอดภัยและพักสายตาประมาณ 10-20 นาที เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัว นอกจากนี้ ควรหยุดพักอย่างน้อย 10-15 นาที เมื่อต้องเดินทางตั้งแต่ 150 กิโลเมตร

ที่มา


 

บทความแคร์ขับขี่ปลอดภัย

Rabbit Care Blog Image 99517

แคร์ขับขี่ปลอดภัย

หางาน ขับรถยนต์ส่วนตัว งานอิสระ มีรถยนต์ส่วนตัว มีอะไรบ้าง แนะนำงานที่น่าสนใจ

อยากเปลี่ยนอาชีพ หาช่องทางใหม่ ๆ ในการสร้างรายได้ หางาน ขับรถยนต์ส่วนตัว งานอิสระ มีรถยนต์ส่วนตัวที่ไม่ว่าใครก็ทำได้ ก็นับเป็นอีก 1 ตัวเลือกที่น่าสนใจ
Natthamon
17/02/2025
Rabbit Care Blog Image 99360

แคร์ขับขี่ปลอดภัย

แผลรถล้มอันตรายหรือไม่ ? มีวิธีการดูแลรักษาอย่างไร ?

เหตุการณ์รถล้ม เป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้ใช้รถทุกคนมีโอกาสที่จะเผชิญกันได้อยู่ตลอดเวลา เนื่องจากในการขับขี่รถบนท้องถนนนั้นมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก
Natthamon
06/02/2025
Rabbit Care Blog Image 99165

แคร์ขับขี่ปลอดภัย

การจอดและถอยรถแบบครบสูตร อ่านแล้วช่วยให้เก่งขึ้นได้!

ปัญหาเรื่องการจอดกับถอยรถ ถือเป็นอุปสรรคแรก ๆ ที่ผู้ขับขี่ต่างพบเจอกันมาหลายต่อหลายสถานการณ์ ซึ่งในแต่ละครั้งถ้าหากโชคดี
Natthamon
20/01/2025