รวมวิธีเรียกแท็กซี่ เรียกที่ไหนดี แล้วเรียกยังไงไม่ให้ถูกโกง
รถแท็กซี่ เป็นหนึ่งในรถสาธารณะที่มีผู้คนมากมายต่างให้ความสนใจและใช้บริการ เนื่องจากมีความสะดวกสบาย สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้โดยที่ไม่ต้องขับรถเอง แต่ในยุคโควิด-19 เป็นยุคที่ไม่ค่อยมีใครใช้บริการเรียกแท็กซี่เท่าไหร่ เพราะกังวลเรื่องการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส อย่างไรก็ตาม แท็กซี่มีให้บริการหลายพื้นที่ เช่น ตามแนวรถไฟฟ้า ตามสนามบิน หรือตามหน้าห้างสรรพสินค้า คนขับบางรายก็อาจมีการโกงมิเตอร์กันเกิดขึ้น เพื่อให้ได้เงินที่มากขึ้น ดังนั้น วันนี้น้องแคร์จะมาบอกวิธีเรียกแท็กซี่ ว่าเรียกเบอร์ไหน แอปไหนถึงจะไม่โดนโกง และถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย ไปดูกันเลย!
เรียกแท็กซี่อย่างไรไม่ให้โดนโกง?
มีหลายกรณีมากที่เป็นที่พูดถึงกันอยู่ในปัจจุบัน เกี่ยวกับการที่คนขับโกงมิเตอร์ แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้การเรียกแท็กซี่อาจเป็นเรื่องที่มีความยุ่งยาก เนื่องจากอาจมีคนขับที่ไม่ซื่อสัตย์และพยายามโกงเงินจากผู้โดยสาร ดังนั้น หากคุณต้องการเรียกแท็กซี่โดยปลอดภัยและไม่ถูกโกง คุณสามารถทำตามขั้นตอนดังนี้
1. ตรวจสอบราคาต่อกิโลเมตร
วิธีแรกในการเรียกแท็กซี่ไม่ให้โดนโกง คือ ในการขึ้นรถแต่ละครั้งคุณควรตรวจสอบราคาต่อกิโลเมตรของแท็กซี่ในพื้นที่ของคุณ และให้ความสนใจกับเส้นทางและเวลาการเดินทาง เพื่อป้องกันไม่ให้โดนคิดเงินที่เกินจริง
2. เลือกแท็กซี่ที่มีเครื่องมือสื่อสารที่ชัดเจน
คุณควรเรียกแท็กซี่ที่มีเครื่องมือสื่อสารที่ชัดเจน เช่น กล้องวงจรปิด (CCTV) และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถติดต่อได้หากเกิดปัญหา มากไปกว่านั้น หากคุณไม่รู้เส้นทางคุณยังสามารถขอความช่วยเหลือคนขับให้เปิดแผนที่ให้คุณได้อีกด้วย
3. ใช้แอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่
เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เรียกแท็กซี่ ออนไลน์ คุณสามารถใช้แอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่ที่มีรีวิวและการตรวจสอบความปลอดภัย เพื่อช่วยให้คุณเลือกรถที่เหมาะสมและปลอดภัยมากที่สุด มากไปกว่านั้น การเรียกผ่านแอป ราคาจะขึ้นอยู่กับระยะทางจริง สามารถมั่นใจได้เลยว่าไม่ถูกโกงอย่างแน่นอน นอกจากนี้คุณยังสามารถแชร์ไปให้เพื่อนหรือครอบครัวของคุณทราบได้ว่าตอนนี้อยู่ที่ใด และจะถึงตุดหมายปลายทางกี่โมง เรียกได้ว่าสะดวกและปลอดภัย ไม่ว่าคุณจะรู้เส้นทางหรือไม่ก็ตาม หากคุณปักหมุดได้ถูกต้อง ก็ไม่ต้องเป็นกังวลใด ๆ
เรียกแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชันไหนดี?
สำหรับแอปเรียกแท็กซี่ในปัจจุบันมีหลายแอปมาก ๆ ซึ่งหลายคนก็ใช้บริการต่างกันออกไป ราคาของแต่ละแอปก็จะไม่เท่ากัน เพราะบางครั้งก็มีค่าธรรมเนียมในการเรียกรถบวกเพิ่มเข้าไปอีก ซึ่งแต่ละแอปก็มีฟังก์ชั่นและจุดเด่นต่างกันออกไป น้องแคร์จะมาแนะนำ 4 แอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่ ดังนี้
1. Grab
เรียกแท็กซี่ grab เป็นหนึ่งแอปพลิเคชันยอดฮิต ที่หลาย ๆ คนใช้งานและรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยอัตราค่าโดยสารจะเริ่มต้นที่ 30 บาท มีฟีเจอร์ที่โดดเด่น เช่น สามารถเพิ่มจุดรับส่งได้หลายที่ สามารถแชร์ข้อมูลของคนขับและการเดินทางได้ มากไปกว่านั้นข้อดีของ Grab คือมีรถให้บริการเป็นจำนวนมาก สามารถเรียกได้ทุกที่ทุกเวลา มีการตรวจคัดกรองประวัติอาชญากรรมของคนขับ และยังสามารถเรียกล่วงหน้าได้ถึง 7 วันก่อนการเดินทาง นอกจากนี้สำหรับคนขับผุ้หญิงไม่ต้องห่วงเลยเพราะมี Grab Lady ให้บริการ อย่าไรก็ตาม หากฝนตก รถติด อัตราค่าโดยสารอาจสูงขึ้นเล็กน้อย ดังนั้น อย่าลังเลที่จะเรียกแท็กซี่ Grab
2. Lineman
สำหรับแอปนี้จะมีให้บริการแค่รถแท็กซี่เท่านั้น เป็นอีกหนึ่งแอปที่ได้รับความนิยมเช่นกันโดยเฉพาะสำหรับคนกรุงเทพ ที่ทำงานอยู่ในเมือง แอปนี้มีฟีเจอร์โดดเด่นมากมาย อาทิ ปุ่ม contact police ที่ทำให้คุณสามารถติดค่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ในกรณีฉุกเฉิน เป็นต้น ราคาค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 20 บาท ในขณะเดินทางคุณสามารถแชร์ข้อมูลผ่านทาง line ได้ นอกจากนี้คุณยังสามารถจ่ายเงินได้หลากหลายช่องทางผ่าน Rabbit Line Pay ก็ยังได้ ไม่เพียงแต่เรียกรถ แต่ถ้าหากคุณต้องการส่งของ หรือสั่งอาหาร ก็สามารถทำผ่านแอปนี้ได้เช่นกัน เรียกได้ว่าเหมาะกับโหลดติดเครื่องเอาไว้มาก ๆ หากใครต้องการเรียกแท็กซี่ Lineman ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งให้คุณได้
3. Bolt
เรียกแท็กซี่โดยใช้แอปพลิเคชัน Bolt อัตราค่าโดยสารเริ่มต้นที่ 40 บาท แต่หากต้องการวิ่งทางด่วน คุณจำเป็นต้องออกค่าทางด่วนเอง อย่างไรก็ตามแอปพลิเคชันนี้มีความโดดเด่นไม่แพ้แอปอื่น ๆ เพราะมีคนขับผู้หญิงคอยให้บริการผู้โดยสารที่เป็นผู้หญิงเพื่อความปลอดภัย และยังสามารถแชร์ข้อมูลการเดินทางได้อีกด้วย เป็นอีกหนึ่งแอปที่คนขับกดรับงานรวดเร็ว ไม่ต้องรอนานโดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพ และยังมีการคิดค่าคอมมิชชันกับคนขับถูกกว่าเจ้าอื่นอีกด้วย
4. CABB
อัตราค่าโดยสารเริ่มต้นของแอปพลิเคชัน CABB อยู่ที่ 60 บาท แม้จะแพงกว่าเจ้าอื่นแต่ฟีเจอร์โดดเด่นมาก ๆ เช่น มีกล้องติดหน้ารถ มีไวไฟฟรี มีช่องเสียบ USB สำหรับชาร์จไฟฟ้า สามารถจองรถล่วงหน้าได้ มากไปกว่านั้นหากคุณเรียกแท็กซี่ โดยใช้บริการของ CRAB ที่นั่งจะมีฉากกั้นระหว่างผู้โดยสารและคนขับ ทำให้สามารถมั่นใจได้เลยว่า คุณจะสามารถถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้รถถูกดีไซน์ออกมาให้มีความสวยงาม มี 5 ที่นั่ง คนขับมีมาตรฐานเพราะได้รับการอบรมมาก่อนแล้ว ในรถยนต์มีฟังก์ชั่นต่าง ๆ มากมายเพื่อตอบโจทย์ผู้โดยสารทุกท่าน
เบอร์สำหรับเรียกแท็กซี่
หากคุณต้องการเรียกรถ นอกจากเรียกแท็กซี่ ออนไลน์แล้ว ยังสามารถโทรเรียกได้เช่นกัน โดยจะวอเพื่อเรียกแท็กซี่ที่ใกล้คุณมากที่สุด โดยคุณสามารถแจ้งจุดรับและจุดหมายปลายทางได้เลย ส่วนมากจะรอประมาณ 10 นาที ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่และสภาพการจราจร โดยเบอร์ที่ใช้เรียกแท็กซี่มีหลายเบอร์ ดังนี้
- taxi-radio 1681
- สหกรณ์แท็กซี่สยาม 1661
- 0-2510-2222#0
- 02-6157117
- 02-911444
- 02-9115772
- 095-2283614
- 098-5034889
- 084-6688035
โดยบางครั้งอาจมีค่าธรรมเนียมในการเรียกแท็กซี่ประมาณ 20 บาท
ขับรถเองดีกว่าเรียกแท็กซี่ยังไง?
การขับรถเองหรือเรียกแท็กซี่ มีข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธี ซึ่งวันนี้น้องแคร์จะมาบอกว่าทำไมคุณควรขับรถเองมากกว่าเรียกแท็กซี่ เพราะหากคุณขับรถเอง คุณจะสามารถควบคุมเส้นทางของการเดินทางได้ด้วยตนเอง มีความเป็นอิสระ โดยไม่ต้องพึ่งพาคนขับ มากไปกว่านั้น คุณยังสามารถเปลี่ยนแผน เปลี่ยนเส้นทาง หรือจอดพักได้เองตามต้องการโดยไม่จำเป็นต้องขออนุญาตหรือสอบถามใคร และคุณยังสามารถควบคุมความเร็วรถได้เอง เดินทางไปไหนมาไหนก็ง่าย รวดเร็ว และสะดวกกว่า เพราะบางพื้นที่อาจมีแท็กซี่ที่น้อย ทำให้ต้องเสียเวลาคอยนาน
และในปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 การขึ้นรถสาธารณะจะทำให้คุณมีโอกาสในการรับเชื้อเพิ่มมากขึ้น เพราะคุณจะไม่มีทางรู้ได้ว่าผู้โดยสารก่อนหน้า มีการสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือไม่
สำหรับใครที่ขับรถเป็น มีรถยนต์เป็นของตนเอง น้องแคร์ก็อยากแนะนำให้คุณขับเอง แต่อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา และเป็นสิ่งที่คุณไม่สามารถคาดการณ์ได้
ดังนั้นขอแนะนำให้คุณซื้อประกันรถยนต์กับ แรบบิท แคร์ ติดตัวเอาไว้สักฉบับเพื่อเพิ่มความอุ่นใจในระหว่างการขับขี่ เรามีแผนประกันให้คุณเลือกมากมายจากบริษัทประกันชั้นนำ ที่ แรบบิท แคร์ เรามีแผนความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ 5 ประเภทหลัก ๆ ซึ่งแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันในเรื่องของความคุ้มครองและเงื่อนไขการเคลม โดยสามารถสรุปความแตกต่างของแต่ละชั้นได้ดังนี้
1. ประกันรถยนต์ชั้น 1
- ความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุด ครอบคลุมทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากการชน รถพลิกคว่ำ รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม รวมถึงการซ่อมแซมรถของตัวเองและคู่กรณี
- คุ้มครองทั้งฝ่ายถูกและฝ่ายผิด ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่ (เช่น ขับชนกำแพงเอง) ประกันชั้น 1 ก็จะคุ้มครองความเสียหาย
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถ รวมถึงบุคคลภายนอกที่ได้รับบาดเจ็บ
- ค่าใช้จ่ายสูงสุด เนื่องจากให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมทุกด้าน
2. ประกันรถยนต์ชั้น 2+
- ความคุ้มครองรองจากชั้น 1 คุ้มครองคล้ายกับประกันชั้น 1 แต่ ไม่ครอบคลุมกรณีที่รถชนสิ่งของหรืออุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี (เช่น ขับชนกำแพงเอง)
- คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม และความเสียหายต่อคู่กรณีที่เกิดจากอุบัติเหตุ รวมถึงการซ่อมแซมรถของคุณเองถ้าชนกับรถคันอื่น (ที่มีคู่กรณี)
- ค่าเบี้ยประกันต่ำกว่าชั้น 1 เพราะไม่ครอบคลุมกรณีที่คุณเป็นฝ่ายผิดแต่ไม่มีคู่กรณี
3. ประกันชั้น 3+ ราคาประหยัด
- คุ้มครองกรณีชนกับยานพาหนะเท่านั้น ความคุ้มครองจะคล้ายกับประกันชั้น 2+ แต่ ไม่คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้ หรือภัยธรรมชาติ
- คุ้มครองการชนกับยานพาหนะที่มีคู่กรณี รวมถึงความเสียหายของรถคู่กรณีและรถของคุณเอง แต่จะไม่คุ้มครองกรณีที่คุณชนกับสิ่งของหรือชนเองโดยไม่มีคู่กรณี
- ค่าเบี้ยประกันถูกกว่า 2+ เนื่องจากคุ้มครองเฉพาะการชนกับรถคันอื่นที่มีคู่กรณี
4. ประกันชั้น 2
- คุ้มครองเฉพาะบุคคลภายนอก และทรัพย์สินของบุคคลภายนอก (คู่กรณี) กรณีที่เกิดอุบัติเหตุที่คุณเป็นฝ่ายผิด
- คุ้มครองกรณีรถหาย ไฟไหม้ แต่ ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อรถของคุณเอง ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
- เบี้ยประกันราคาถูกกว่าชั้น 1 และ 2+ เพราะคุ้มครองเฉพาะคู่กรณีและรถหายหรือไฟไหม้
- คุ้มครองบุคคลภายนอกเท่านั้น คือคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถคู่กรณีและทรัพย์สินของบุคคลภายนอกเมื่อคุณเป็นฝ่ายผิด แต่ ไม่คุ้มครองรถของคุณเอง ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุจากสาเหตุใดก็ตาม
- ไม่มีคุ้มครองรถหาย ไฟไหม้ หรือภัยธรรมชาติ
- เบี้ยประกันถูกที่สุด เนื่องจากความคุ้มครองจำกัดอยู่ที่ความเสียหายของบุคคลภายนอกเท่านั้น
มากไปกว่านั้นคุณจะได้สิทธิประโยชน์มากมาย เช่น บริการรถยก รถลาก บริการรถเช่าระหว่างซ่อม และยังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดปัญหาอะไรก็สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวา หากสนใจหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โทรเลย 1438
เป็นนักเขียนสายสุขภาพและการเงินที่มีประสบการณ์ในการเขียนมากมาย โดยได้ฝากผลงานในหลากหลายรูปแบบที่เน้นด้านบริหารร่างกายและจิตใจ ทำงานที่ Rabbit Care และ Asia Direct ได้อย่างมืออาชีพ