Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
user profile image
เขียนโดยTawan A.วันที่เผยแพร่: Mar 08, 2023

การซื้อใบขับขี่คืออะไร และจะผิดกฎหมายไหม?

บนท้องถนนถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เราควรจะต้องระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีแค่เราคนเดียวที่ใช้เส้นทางสัญจรตรงนี้ แต่ยังมีเพื่อนร่วมถนนอีกมากมายที่ใช้เส้นทางสัญจรเหมือนกันกับเรา เพราะฉะนั้นเรื่องของความปลอดภัย

กฎหมายบนท้องถนน และการจัดระเบียบทางสังคมจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่เรานั้นควรจะตระหนักไว้ และวิธีการที่มนุษย์เราจะใช้รถใช้ถนนกันได้อย่างปลอดภัยนั้น นอกจากจะมีเรื่องของระเบียบวินัยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว การทำใบขับขี่หรือการซื้อใบขับขี่ที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะช่วยคัดกรองได้ในระดับหนึ่ง เพราะคนขับจะต้องมีใบขับขี่ที่ตรงตามประเภทยานพาหนะที่ใช้งานก่อน ซึ่งก็จะต้องผ่านการอบรมและทำใบขับขี่จากทางสำนักงานขนส่งมาแล้วเรียบร้อย ถึงจะมีความรู้และมีใบอนุญาตที่ถูกต้องตามกฎหมายในการขับขี่บนท้องถนนได้อย่างปลอดภัย

การซื้อใบขับขี่รถยนต์ คืออะไร?

สำหรับในปัจจุบันนี้จะไม่ได้มีการซื้อใบขับขี่ที่แพร่หลายเหมือนอย่างในเมื่อก่อนแล้ว เพราะด้วยกฎหมายที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น พร้อมกับบทลงโทษที่เคร่งครัดมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ประชาชนไม่นิยมที่จะทำการซื้อใบขับขี่รถยนต์เหมือนเมื่อก่อน เพราะทั้งผิดกฎหมาย มีความเสี่ยง และยังส่งผลกระทบตามมาอีกมากมาย

เพราะฉะนั้นจึงแนะนำว่าให้เลือกทำใบขับขี่รถยนต์ที่สำนักงานขนส่งในแต่ละเขตที่เราสะดวกแบบถูกวิธีจะดีที่สุด เพราะในปัจจุบันนี้ทางกรมการขนส่งทางบกก็ได้มีการปรับปรุงการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และมีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้นอีกด้วย

ดังนั้นจึงไม่ต้องใช้เวลาในการทำใบขับขี่ที่นานเหมือนอย่างในอดีตที่ผ่านมา และไม่ต้องมาคอยกังวลในเรื่องของความผิดทางกฎหมาย หรือความเสี่ยงที่จะได้รับจากการซื้อใบขับขี่รถยนต์อีกด้วย

ซื้อใบขับขี่รถจักรยานยนต์ หมายความว่าอะไร?

สำหรับการซื้อใบขับขี่รถจักรยานยนต์ในปัจจุบันนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่แนะนำเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะมีความผิดทางกฎหมายแล้ว ก็ยังจะต้องระมัดระวังความเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจจะได้รับตามมาอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันนี้การซื้อใบขับขี่รถจักรยานยนต์นั้นก็ไม่เป็นที่นิยมแล้ว เนื่องจากกฎหมายที่เคร่งครัดมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงบทลงโทษตามกฎหมายที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นกว่าในอดีต จึงทำให้ความแพร่หลายของการซื้อใบขับขี่รถจักรยานยนต์นั้นลดลงไปมาก

เพราะถ้าหากเปรียบเทียบถึงข้อดีและข้อเสียของการซื้อใบขับขี่รถจักรยานยนต์ เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าข้อเสียนั้นเยอะกว่าข้อดีมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นการซื้อเวลา และซื้อความสะดวกสบาย แต่ความเสี่ยงและผลเสียที่จะได้รับตามมานั้นก็มีมากมายเช่นกัน เพราะฉะนั้นจึงไม่แนะนำสำหรับใครที่จะมีการซื้อใบขับขี่รถจักรยานยนต์ และในปัจจุบันนี้ทางกรมการขนส่งทางบกนั้นก็ได้มีการปรับปรุงหลักสูตรในการทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์ ทำให้มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ยุ่งยากและใช้เวลานานเหมือนในอดีตแล้ว

ใบขับขี่มีทั้งหมดกี่ประเภท?

ก่อนที่เราจะทำใบขับขี่หรือซื้อใบขับขี่ที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้น เราจะต้องมาทำความรู้จักประเภทของใบขับขี่กันก่อน ซึ่งการทำใบขับขี่นั้นจะมีทั้งหมด 11 ประเภท โดยจะแบ่งตามชนิดและการใช้งานของยานพาหนะ ดังนี้

  • ใบขับขี่รถชนิดชั่วคราว ซึ่งจะเป็นใบขับขี่แบบแรกที่ทุกคนจะได้รับ โดยจะมีอายุการใช้งานทั้งหมด 2 ปี และผู้ที่ทำใบขับขี่จะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
  • ใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล จะทำได้ก็ต่อเมื่อใช้ใบขับขี่ชั่วคราวครบอายุแล้ว ซึ่งจะมีอายุการใช้งานทั้งหมด 5 ปี
  • ใบขับขี่รถยนต์สามล้อส่วนบุคคล จะมีเงื่อนไขเหมือนกับการทำใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลเลย
  • ใบขับขี่รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ผู้ที่ทำใบขับขี่ประเภทนี้ได้จะต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป และได้มีการทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์ชั่วคราวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี
  • ใบขับขี่สากล หรือใบอนุญาตขับรถระหว่างประเทศ ไม่มีการกำหนดอายุขั้นต่ำในการทำใบขับขี่สากลประเภทนี้ แต่ว่าจะต้องมีใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลมาแล้วเรียบร้อย พร้อมกับสำเนาหนังสือเดินทาง โดยจะมีอายุการใช้งาน 1 ปีเท่านั้น
  • ใบขับขี่รถยนต์สาธารณะ จะเป็นใบขับขี่สำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพขับรถสาธารณะ เช่น ขับรถ TAXI ขับรถส่งของ เป็นต้น โดยจะต้องมีใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลอยู่แล้ว หรือมีใบขับขี่รถยนต์ชั่วคราวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี และจะสามารถทำใบขับขี่ประเภทนี้ได้ตอนอายุ 22 ปีขึ้นไป
  • ใบขับขี่รถยนต์สามล้อสาธารณะ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อว่ารถตุ๊กตุ๊ก จะทำได้ก็ต่อเมื่อใช้ใบขับขี่ชั่วคราวครบอายุแล้ว ซึ่งจะมีอายุการใช้งานทั้งหมด 5 ปี
  • ใบขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ ผู้ที่ทำใบขับขี่ประเภทนี้ได้จะต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป และได้มีการทำใบขับขี่รถจักรยานยนต์ชั่วคราวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี และจะมีอายุการใช้งานทั้งหมด 3 ปี
  • ใบขับขี่รถบดถนน โดยผู้ขับจะต้องได้รับการฝึกอบรมมาเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้สามารถใช้งานรถบดได้อย่างปลอดภัย ซึ่งจะทำได้ก็ต่อเมื่อมีอายุครบ 18 ปีขึ้นไป
  • ใบขับขี่รถแทรกเตอร์ ผู้ทำจะต้องมีอายุครบ 18 ปีขึ้นไป และใบขับขี่ประเภทนี้จะมีอายุการใช้งานทั้งหมด 5 ปี
  • ใบขับขี่รถชนิดอื่นนอกจากข้อที่ 1-9 ที่ผ่านมา เช่น รถที่ใช้งานในเกษตรกรรม เป็นต้น และจะมีอายุการใช้งานทั้งหมด 5 ปีเช่นเดียวกัน

การทำใบขับขี่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง?

  1. อันดับแรกให้เราศึกษาก่อนว่าจะเริ่มทำใบขับขี่ประเภทใด และจะต้องมีอายุเท่าไหร่ถึงจะทำใบขับขี่ได้
  2. ให้ทำการจองคิวทำใบขับขี่ล่วงหน้าผ่านทางระบบออนไลน์ก่อน แล้วจึงเข้าไปที่สำนักงานขนส่งในแต่ละจังหวัดที่เราสะดวกตามวันและเวลาที่เราจองไว้ เพื่อดำเนินการขอใบขับขี่และต่อใบขับขี่ได้เลย หรือถ้าเป็นในกรณีของการซื้อใบขับขี่ที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้น เราก็จะต้องมีการผ่านการอบรม สอบข้อเขียนผ่าน และสอบปฏิบัติผ่านก่อน จึงจะได้รับเป็นหนังสือรับรองจากทางโรงเรียนเพื่อนำไปใช้เป็นเอกสารประกอบการทำใบขับขี่
  3. เตรียมเอกสารในการทำใบขับขี่หรือต่อใบขับขี่ให้พร้อม เช่น บัตรประชาชนตัวจริง ใบรับรองแพทย์ที่ขอไว้มีเกิน 1 เดือน หรือใบขับขี่เดิม เป็นต้น
  4. เมื่อได้รับใบขับขี่มาแล้ว ก็ควรที่จะตรวจดูวันหมดอายุของใบขับขี่ เพื่อที่จะได้มาวางแผนว่าควรจะมาทำเรื่องต่ออายุใบขับขี่ในช่วงไหน

ใบขับขี่ปลอม ดูยังไง?

มีอยู่ 2 กรณีในการสังเกตใบขับขี่ว่าเป็นของปลอมหรือไม่ คือ

  • ใบขับขี่รูปแบบใหม่(แบบสมาร์ทการ์ด) ให้สังเกตว่ามีภาพธงชาติไทย ตราสัญลักษณ์ของกรมการขนส่งทางบก(พระมาตุลีเทพบุตร) ที่จะเป็นลายน้ำ 7 สี และมีรูปตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดของแต่ละจังหวัด และจะต้องมีติดโฮโลแกรม ภาพสะท้อนแสง พร้อมระบบป้องกันการปลอมแปลงที่จะมีการซ่อนอยู่ในบัตรด้วย อีกทั้งจะต้องมีข้อมูลของผู้ทำใบขับขี่ที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมไปถึงรูปถ่ายหน้าตรงว่ามีอยู่ที่ด้านหน้าของบัตรหรือไม่ ส่วนด้านหลังบัตรจะต้องมีแถบแม่เหล็กเก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ มีภาพอธิบายว่าเป็นรถประเภทใด และจะต้องมีลายเซ็นของนายทะเบียนจังหวัดที่อนุญาตให้ออกใบขับขี่ พร้อมทั้งระบุที่อยู่ตามทะเบียนราษฎร์ของผู้ที่ทำใบขับขี่ด้วย

  • ใบขับขี่รูปแบบเก่า(แบบกระดาษ) ให้สังเกตว่ากระดาษที่ทำใบขับขี่นี้เป็นกระดาษ Security หรือไม่ และมีลายน้ำในตัวไฟเบอร์ 2 ชนิดในเนื้อกระดาษไหม คือ ชนิดที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างน้อย 2 สี และชนิดที่จะต้องส่องด้วยรังสีเหนือม่วงอย่างน้อย 1 สี อีกทั้งในส่วนของลวดลายที่ไม่สามารถเลียนแบบด้วยการถ่ายเอกสารได้

การใช้ใบขับขี่ปลอม โทษร้ายแรงไหม?

แน่นอนว่าการซื้อใบขับขี่ที่ผิดกฎหมาย หรือการทำใบขับขี่ปลอมนั้นให้โทษและมีความเสี่ยงมากมาย เพราะนอกจากจะต้องเสียเงินไปโดยใช่เหตุแล้ว เราก็อาจจะถูกขโมยข้อมูลส่วนบุคคลไปได้ และนอกจากนี้การใช้ใบขับขี่ปลอมนั้นยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตราที่ 265 ฐานปลอมแปลงเอกสารทางราชการ มีโทษจำคุก 6 เดือนถึง 5 ปี ค่าปรับ 1,000-10,000 บาท

ซึ่งถ้าหากว่าเรานั้นพบเห็นการปลอมใบขับขี่หรือการซื้อใบขับขี่ปลอม ก็สามารถที่จะแจ้งสายด่วนกรมการขนส่งทางบกได้ที่เบอร์ 1584 หรือที่เว็บไซต์ https://www.dlt.go.th เพราะกรมการขนส่งทางบกไม่ได้มีนโยบายในการให้ประชาชนซื้อใบขับขี่ออนไลน์ได้ด้วยตนเอง ดังนั้นการที่เราช่วยแจ้งเบาะแสการซื้อใบขับขี่ปลอมจึงเป็นประโยชน์ต่อกรมการขนส่งทางบกเป็นอย่างมาก

ใบขับขี่หายจะต้องทำอย่างไร?

กรณีที่ใบขับขี่หาย ในปัจจุบันเราไม่ต้องไปแจ้งความที่โรงพักให้ยุ่งยากเหมือนสมัยก่อน แต่เพียงแค่จองคิวผ่านระบบออนไลน์เพื่อเข้าไปขอทำใบขับขี่ใหม่ได้เลย แต่ถ้าเป็นในกรณีที่ใบขับขี่รถยนต์สาธารณะหาย อันนี้จะต้องไปดำเนินการแจ้งความดังเดิม แล้วจึงนำใบแจ้งความไปยื่นเพื่อขอทำใบขับขี่ใหม่

การซื้อใบขับขี่หรือทำใบขับขี่ปลอมจะมีผลต่อการเคลมประกันรถยนต์หรือไม่?

มีแน่นอน เพราะใบขับขี่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในการพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทน ทางบริษัทประกันภัยสามารถที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบได้ นอกจากนั้น การซื้อใบขับขี่หรือทำใบขับขี่ปลอมสามารถส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อการเคลมประกันรถยนต์ได้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ที่ต้องใช้สิทธิ์ประกัน ข้อสรุปคือ

1. ความถูกต้องตามกฎหมาย

การมีใบขับขี่ปลอมถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย และถ้าประกันทราบว่าคุณใช้ใบขับขี่ปลอม บริษัทประกันมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการเคลมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองของคุณ เนื่องจากคุณไม่มีสิทธิ์ตามกฎหมายที่จะขับขี่รถยนต์

2. การตรวจสอบจากบริษัทประกัน

หากมีการเคลมประกัน รถยนต์ประกันมักจะตรวจสอบข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงความถูกต้องของใบขับขี่ หากพบว่าใบขับขี่ที่ใช้เป็นของปลอม บริษัทประกันสามารถยกเลิกกรมธรรม์และปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้ทันที

3. ผลทางกฎหมาย

นอกจากการถูกปฏิเสธการเคลมแล้ว การใช้ใบขับขี่ปลอมยังอาจทำให้คุณถูกดำเนินคดีทางอาญา เช่น โทษจำคุก ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ ขึ้นอยู่กับกฎหมายท้องถิ่น

ดังนั้น การมีใบขับขี่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาสิทธิ์ของคุณในการขับขี่และเคลมประกัน ดังนั้นจึงแนะนำว่าให้เลือกทำใบขับขี่หรือซื้อใบขับขี่ที่ถูกกฎหมายจะดีที่สุด ส่วนประกันรถก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเหมือนกัน หากทำเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ไว้ก็จะได้รับความคุ้มครองสูงสุดแบบครอบคลุมทุกกรณี

การซื้อใบขับขี่หรือทำใบขับขี่ปลอม ประกันรถยนต์จะคุ้มครองหรือไม่

การซื้อใบขับขี่หรือทำใบขับขี่ปลอม จะส่งผลต่อความคุ้มครองของประกันรถยนต์อย่างมาก โดยทั่วไปแล้วบริษัทประกันจะไม่คุ้มครองในกรณีที่พบว่าใช้ใบขับขี่ปลอม ซึ่งมีเหตุผลหลักดังนี้:

1. ความไม่ถูกต้องตามกฎหมาย

การใช้ใบขับขี่ปลอมเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ทำให้ผู้ใช้ไม่มีสิทธิ์ขับรถตามกฎหมาย ดังนั้น บริษัทประกันมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธการให้ความคุ้มครองทันที เนื่องจากการขับขี่โดยไม่มีใบขับขี่ที่ถูกต้องถือว่าเป็นการละเมิดเงื่อนไขกรมธรรม์.

2. การปฏิเสธการเคลม

หากเกิดอุบัติเหตุและพบว่าใบขับขี่เป็นของปลอม บริษัทประกันจะปฏิเสธการเคลมทุกประเภท รวมถึงความเสียหายต่อรถยนต์ บุคคลภายนอก และค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ เนื่องจากเงื่อนไขการประกันกำหนดว่าผู้ขับขี่ต้องมีใบขับขี่ถูกต้องตามกฎหมาย.

3. การยกเลิกกรมธรรม์

นอกจากการปฏิเสธการเคลมแล้ว บริษัทประกันยังสามารถยกเลิกกรมธรรม์ได้ทันที หากตรวจสอบพบว่าเอกสารที่ใช้ในการขอประกันหรือเคลมประกันเป็นเอกสารปลอม.

4. ผลกระทบทางกฎหมาย

การใช้ใบขับขี่ปลอมอาจส่งผลให้คุณถูกดำเนินคดีทางอาญา ซึ่งนอกจากการปฏิเสธความคุ้มครองจากประกันแล้ว ยังต้องเผชิญกับบทลงโทษทางกฎหมาย เช่น โทษจำคุก ปรับ หรือทั้งสองอย่าง ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการกระทำ.

สรุปคือ ประกันรถยนต์จะไม่คุ้มครอง ในกรณีที่ใช้ใบขับขี่ปลอม เนื่องจากเป็นการละเมิดเงื่อนไขการขับขี่ตามกฎหมายและกรมธรรม์

ความคุ้มครองประกันรถยนต์

คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย

ทำประกันรถยนต์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?

เพราะนอกจากคุณจะสามารถเลือกแผนประกันภัยที่เบี้ยประกันราคาถูกที่สุดแล้ว แรบบิท แคร์ ยังช่วยดูแลคุณแบบ Exclusive ตลอด 24 ชั่วโมง และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างคุณในทุกความกังวล เพราะฉะนั้นลูกค้าสามารถมั่นใจได้เลยว่าจะไม่ผิดหวัง หากเลือกทำประกันภัยกับแรบบิท แคร์

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา