
Co-payments: Navigate Health Insurance & Thailand’s New Rules
ใครที่กำลังมีความสุขกับการกินอาหารจำพวกของทอด ของมัน ปิ้งย่าง ต่อไปนี้ต้องระวังแล้วล่ะ เพราะการมีพฤติกรรมการกินแบบนี้บ่อย ๆ หรือกินแบบนี้เป็นชีวิตจิตใจจะทำให้คุณมีความเสี่ยงเป็นไขมันพอกตับโดยไม่รู้ตัว! ไขมันพอกตับเป็นอย่างไร ต้องรักษาอย่างไร น้องแคร์มีคำตอบ!
ภาวะไขมันพอกตับ (Fatty Liver Disease) หรือภาวะไขมันเกาะตับเกิดจากการสะสมไขมันในเซลล์ตับ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถใช้ไขมันที่รับประทานได้ทั้งหมด ทุกคนมีความเสี่ยงที่จะมีภาวะไขมันพอกตับแม้ไม่อ้วน โดยพบว่าคนอ้วนมีความเสี่ยงไขมันพอกตับ 60 % และคนที่ไม่อ้วนมีความเสี่ยงไขมันพอกตับ 19 % หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้ตับแข็งและเป็นสาเหตุของมะเร็งตับได้ ภาวะนี้สามารถพบได้ทั้งเพศและวัยทุกช่วง แต่พบมากที่สุดในกลุ่มอายุ 40-50 ปี เนื่องจากประสิทธิภาพของระบบการเผาผลาญอาหารเริ่มลดลง
สำหรับสาเหตุของโรคไขมันพอกตับสามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มได้แก่
กลไกการเกิดโรคไขมันพอกตับคือเมื่อมีการรับประทานอาหารเกินไป ตับจะเก็บสะสมพลังงานเหล่านี้เป็นไขมัน ถ้าตับไม่สามารถนำไขมันไปใช้หรือย่อยสลายไขมันตามปกติได้ เช่น ในกรณีที่ปริมาณไขมันที่รับเข้ามาเกินกว่าที่ตับจะสามารถใช้งานได้ ไขมันก็จะเริ่มสะสมขึ้นในเนื้อเยื่อตับ
สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงไขมันพอกตับ อาการนั้นแทบจะไม่มีอะไรแจ้งเตือนคุณเลย โดยเฉพาะในระยะแรกของการเกิดภาวะไขมันพอกตับ มักจะมีอาการปกติเหมือนไม่ได้มีอะไรรุนแรง แต่คุณสามารถสังเกตอาการที่อาจบ่งชี้ได้ว่าคุณมีภาวะไขมันพอกตับแล้วล่ะ ดังนี้
อาการเหล่านี้ถือเป็นอาการทั่วไปที่ไม่ค่อยมีใครคิดว่าเกี่ยวข้องกับสภาวะไขมันในตับ แต่หากไม่ระวังและดูแลตั้งแต่เริ่มต้น อาการเบาๆเหล่านี้อาจพัฒนาเป็นโรคร้ายแรง เช่น ตับอักเสบเรื้อรัง พังผืดในตับ ตับแข็ง และมะเร็งตับได้
การเป็นไขมันพอกตับเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้ทั้งเพศและอายุ ลองตรวจสอบดูว่าคุณเป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่อโรคไขมันพอกตับหรือไม่
ถ้าคุณมีปัญหาสุขภาพเหล่านี้อยู่แล้ว ควรป้องกันตัวเองไม่ให้เป็นไขมันพอกตับ มิฉะนั้นอาจเป็นปัญหาที่ทำให้คุณกังวล เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมของคุณได้
เนื่องจากภาวะไขมันพอกตับเกิดจากการสะสมไขมันในตับ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการรักษาสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญในการป้องกันและฟื้นฟูอาการไขมันพอกตับเบื้องต้น เพื่อลดภาระที่ตับต้องรับมาจากไขมัน นี่คืออาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในผู้ป่วยไขมันพอกตับ
นอกจากการหลีกเลี่ยงอาหารที่กล่าวมา ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้ อาหารที่มีใยอาหารสูง และควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน
การรักษาไขมันพอกตับมีหลายวิธีและขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับความรุนแรงของภาวะที่คุณเป็น โดยวิธีเบื้องต้นพื้นฐาน ได้แก่
1. ลดการบริโภคไขมันอิ่มตัวและอาหารที่หลากหลายอย่างได้, เช่น อาหารแป้ง น้ำตาล, และอาหารหนึ่งชนิดที่ไม่เหมาะสม
2. ปรับเปลี่ยนอาหารให้เป็นไปตามแนะนำในการรับประทานอาหารที่เหมาะสม เช่น มีสัดส่วนมากของผัก, ผลไม้ เป็นต้น
3. ควบคุมน้ำหนัก เพื่อลดการสะสมของไขมัน และ ปรึกษากับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการออกกำลังกายเพื่อรับคำแนะนำในการเริ่มต้นและสร้างโปรแกรมออกกำลังกายที่เหมาะสม
4. ลดหรือหยุดการบริโภคแอลกอฮอล์
5. ตรวจสุขภาพประจำตัวเพื่อตรวจสอบสภาพของไขมันพอกตับและสุขภาพโดยรวมอย่างสม่ำเสมอ
6. หลีกเลี่ยงการใช้ยาหรือสารเคมีที่อาจเสี่ยงต่อตับ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับการใช้หรือหยุดยาเหล่านั้น
โรคไขมันพอกตับ สามารถหายขาดได้โดยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดูแลสุขภาพและการรักษาเป็นระยะยาว เช่น การลดน้ำหนัก, การงดรับประทานของมันของทอด หรือ ลดการบริโภคไขมันเลว ทั้งนี้ แรบบิท แคร์ ขอแนะนำให้คุณปฏิบัติตามคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ รวมถึงการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดูแลสุขภาพของคุณ และอาจต้องทำการตรวจสุขภาพแบบประจำเพื่อติดตามความคืบหน้าและปรับแผนรักษาตามความเหมาะสมในแต่ละกรณี
เหล่านี้ คือข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับโรคไขมันพอกตับ หากใครเป็นแล้วไม่รู้ต้องทำยังไง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีการรับมือที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะได้อยู่กับคนที่คุณรักไปนาน ๆ และอย่าลืม ทำประกันสุขภาพ กับ แรบบิท แคร์ ไว้สักฉบับ เพื่อเจ็บป่วย นอนโรงพยาล จะได้เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ คุ้มครองทั้ง IPD , และ OPD โทรเลย 1438
เป็นนักเขียนสายสุขภาพและการเงินที่มีประสบการณ์ในการเขียนมากมาย โดยได้ฝากผลงานในหลากหลายรูปแบบที่เน้นด้านบริหารร่างกายและจิตใจ ทำงานที่ Rabbit Care และ Asia Direct ได้อย่างมืออาชีพ
บทความแคร์สุขภาพ
Co-payments: Navigate Health Insurance & Thailand’s New Rules
เช็กลิสต์ 10 พฤติกรรมที่คุณ(อาจ)พลาด ขณะเลือกซื้อประกันสุขภาพ