
รวมที่จอดรถ mrt และอาคารจอดแล้วจร มีตรงไหนบ้าง? เช็กได้เลย!!
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็ก อาจจะเคยได้ยินชื่อของ “โรค RSV” กันมาบ้าง อาจจะทราบมาแค่ผิวเผินว่ามันคือโรคที่ติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัส หรือที่มีดราม่ากันอยู่บ่อย ๆ ว่าลูกติดเชื้อโรคมาเพราะถูกหอมแก้ม ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เชื้อโรคชนิดนี้ติดต่อได้อย่างที่คนพูดกันหรือไม่ และจะป้องกันให้ลูกน้อยได้อย่างไร Motherhood หาคำตอบมาให้แล้วค่ะ
โรค RSV คือ โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง มีชื่อว่า Respiratory Syncytial Virus เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ ทำให้ร่างกายผลิตสารคัดหลั่งจำนวนมาก เช่น เสมหะ เชื้อไวรัสชนิดนี้แพร่กระจายผ่านการไอหรือจาม ผู้ป่วยจะมีอาการเบื้องต้นคล้ายเป็นหวัด คือ ปวดศีรษะ มีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล คนทุกเพศทุกวัยสามารถติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ แต่พบมากในเด็กและทารก ซึ่งเป็นวัยที่มักเกิดอาการรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนได้
อาการของโรค RSV
โดยปกติผู้ป่วยจะแสดงอาการหลังสัมผัสถูกเชื้อไวรัสในระยะเวลา 4-6 วัน ผู้ใหญ่หรือเด็กโตมักพบอาการคล้ายไข้หวัด ได้แก่ คัดจมูก มีน้ำมูก มีไข้ต่ำ ปวดศีรษะ ไอแห้ง เจ็บคอ ไวรัส RSV พัฒนาไปสู่โรคขั้นรุนแรงได้ ส่งผลให้เกิดปัญหาในระบบทางเดินหายใจส่วนล่างได้ โดยปกติ อาการของการติดเชื้อไวรัส RSV ในเด็กโตและผู้ใหญ่จะดีขึ้นหลังได้รับการรักษาเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ แต่ในเด็กเล็กและทารกหลังสัมผัสกับเชื้อไวรัสในช่วง 2-8 วัน อาจเกิดอาการที่รุนแรงมากกว่า โดยพบอาการได้ดังนี้
สำหรับเด็กหรือทารกที่มีอาการดังนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยด่วน
สาเหตุของการติดเชื้อไวรัส RSV
สาเหตุหลักเกิดจากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ที่ติดเชื้อ โดยไวรัสเข้าสู่ร่างกายผ่านทางตา จมูก ปาก หรือสัมผัสเชื้อโดยตรงจากการจับมือ ในประเทศไทยมักพบเชื้อไวรัส RSV ได้บ่อยในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ไวรัสจะมีชีวิตอยู่ภายนอกร่างกายได้เป็นเวลาหลายชั่วโมงโดยอาศัยอยู่ตามวัตถุต่าง ๆ และแพร่กระจายได้ง่ายผ่านทางการไอหรือการจาม
กลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส RSV ที่มีอาการรุนแรงได้สูง ได้แก่ เด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนด ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับปอดและหัวใจ ผู้ที่อาศัยอยู่ในแหล่งชุมชนแออัด หรือผู้สูงอายุตั้งแต่อายุ 65 ปีขึ้นไป
การวินิจฉัยการติดเชื้อ
การวินิจฉัยจะเริ่มจากการตรวจทางกายภาพของผู้ป่วยก่อน จากนั้นจะใช้เครื่องช่วยฟัง เพื่อฟังเสียงหวีดในระบบทางเดินหายใจ เสียงการทำงานของปอด หรือเสียงผิดปกติจากส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย และแพทย์อาจใช้วิธีต่อไปนี้ร่วมในการวินิจฉัย
การรักษาการติดเชื้อ
ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาตามอาการและประคับประคองให้หายใจได้ดีขึ้น แต่ในกรณีที่อาการรุนแรงก็จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาที่โรงพยาบาล การดูแลและรักษาอาการที่บ้าน ทำได้ดังนี้
ในกรณีที่ผู้ป่วยที่เป็นเด็กเล็กอาจจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล แพทย์อาจใช้วิธีการรักษารูปแบบอื่น ๆ ร่วมด้วย ดังนี้
ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้
ภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อไวรัส RSV ในผู้ป่วยที่เป็นทารกคลอดก่อนกำหนด เด็กเล็ก ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้มากกว่า ซึ่งจะส่งผลดังนี้
ป้องกันการติดเชื้อได้อย่างไร
ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่คุณพ่อคุณแม่สามาระแนะนำแนวทางการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการติดเชื้อและการแพร่กระจายของเชื้อให้แก่ลูกได้ ดังนี้
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องระวังเรื่องสุขภาพของลูกให้มากที่สุดไว้ก่อนนะคะ หมั่นสอนให้เขารักษาความสะอาดของตัวเองอยู่เสมอ ล้างมือบ่อย ๆ ก่อนจะรับประทานอาหารหรือของว่าง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการใช้ภาชนะร่วมกับผู้ที่มีเชื้อหวัดด้วยค่ะ
อ่านบทความเกี่ยวกับแม่และเด็กเพิ่มเติมได้ที่ Story Motherhood
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี
บทความแคร์ไลฟ์สไตล์
รวมที่จอดรถ mrt และอาคารจอดแล้วจร มีตรงไหนบ้าง? เช็กได้เลย!!
ปักหมุด 8 อุทยานแห่งชาติที่กำลังมาแรงแห่งปี 2568 ใครชอบธรรมชาติติดใจแน่นอน
ข้อมูลสำหรับสายบินลัดฟ้า! พิกัดที่จอดรถสนามบินดอนเมือง ค่าจอดรถสนามบินดอนเมือง 2568