แคร์สุขภาพ

โรคฉี่หนู ภัยร้ายหน้าฝน เสี่ยงเสียชีวิตสูงมากถึง 40%

ผู้เขียน : Nok Srihong
Nok Srihong

มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ Asia Direct และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการจัดการการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น

close
linkedin icon
แก้ไขโดย : Thirakan T
Thirakan T

Thirakan Thongseenual เป็นนักเขียนที่มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี ที่ RabbitCare และ Asia Direct โดยมีความชำนาญในประกันรถยนต์ เน้นเขียนบทความที่เผยแพร่บน Blog และมีความเชี่ยวชาญด้าน SEO กว่า 4 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอได้ใช้ในการสร้างความรู้และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ RabbitCare อย่างมีประสิทธิภาพ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ปริญญาตรี สาขา Information Technology

close
linkedin icon
 
Published: May 8,2023
  
Last edited: March 5, 2024
โรคฉี่หนู

โรคฉี่หนู อันตรายต่อสุขภาพ ภัยร้ายที่แฝงตัวมากับหน้าฝนที่เราทุกคนต่างก็เคยได้ยินชื่อกันมานาน ความจริงแล้วโรคนี้ คืออะไร? มีความร้ายแรงมากแค่ไหน เมื่อเป็นแล้วจะมีอาการอย่างไร แรบบิท แคร์ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโรคฉี่หนูมาให้ เพื่อให้ทุกคนระมัดระวังและป้องกัน! 

โรคฉี่หนู คืออะไร?

โรคฉี่หนูเป็นโรคที่มากับหน้าฝน ที่พบได้บ่อย โดยเกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Leptospira interrogans ซึ่งสามารถติดต่อได้ผ่านทางปัสสาวะของสัตว์และสิ่งแวดล้อม เช่น น้ำฝนซึ่งตกต่อเนื่อง และมีการท่วมขังเป็นเวลานานเข้าสู่ร่างกายของคนที่มีแผลบาดหรือมีผิวหนังบาง นับเป็นโรคร้ายแรงและอาจก่อให้เกิดอาการแทรกซ้อนบานปลายได้ นอกจากนี้ การรักษาก็มีค่าใช้จ่ายที่สูง จึงควรระมัดระวังเพื่อป้องกันการติดเชื้อและรักษาตนเองให้เหมาะสมเมื่อมีอาการของโรคนี้เกิดขึ้น

โรคฉี่หนู อาการ

ปกติแล้วโรคฉี่หนูมักมีอาการคล้ายกับโรคหวัด จึงทำให้ผู้ป่วยมักจะซื้อยารักษามาทานเองแทนที่จะไปพบแพทย์ทันที แต่การรับประทานยาอย่างไม่ถูกต้องอาจทำให้อาการเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ดังนั้นหากมีอาการและคิดว่าตัวเองมีความเสี่ยง แนะนำให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อให้แพทย์สามารถทำการตรวจวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง ซึ่งการตรวจวินิจฉัยโรคฉี่หนูจะได้รับการตรวจสอบจากประวัติการเจ็บป่วย ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ รวมถึงวิธีการตรวจวินิจฉัยอื่นๆ ตามความเหมาะสม เพื่อที่จะนำไปสู่การรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โรคฉี่หนู โอกาสเสียชีวิต 40%

โรคฉี่หนู อาการเริ่มแรกที่มักพบได้บ่อย

  • มีไข้สูง 
  • รู้สึกปวดศีรษะ
  • รู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหรือข้อต่อรุนแรง
  • รู้สึกหนาวสั่น
  • รู้สึกคลื่นไส้
  • อาเจียน
  • ท้องเสีย
  • ตัวเหลือง ตาเหลือง
  • ตาแดง ระคายเคืองตา

อาการของโรคฉี่หนู แบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่

  • ระยะแรกหรือระยะเฉียบพลัน ประมาณ 1 สัปดาห์แรก หลังติดเชื้อ โดยเชื้อจะอยู่ในกระแสเลือด ผู้ป่วยมักมีอาการไม่จำเพาะ เช่น ไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน และมีผื่นขึ้น สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ

  • ระยะที่สอง เชื้อจะแพร่กระจายไปตามอวัยวะต่าง ๆ ทำให้เกิดภาวะอักเสบของร่างกายได้หลายระบบ เช่น ไตอักเสบจนเกิดไตวายเฉียบพลัน ตับอักเสบ เกิดตัวเหลืองตาเหลือง ปอดอักเสบมีเลือดออกในปอด ไอเป็นเลือด กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ตาอักเสบ ซึ่งอาจทำให้อวัยวะภายในล้มกรณีมีอาการรุนแรงอาจเสียชีวิตได้สูงถึง 25-40%

ความร้ายแรงของโรคฉี่หนู

แม้ว่าน้อยกว่า 5% ของผู้ติดเชื้อโรคฉี่หนูจะมีอาการรุนแรงหรือเป็นอันตรายต่อชีวิต แต่โรคฉี่หนูยังเป็นโรคที่ร้ายแรงเพราะมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางสมองและอวัยวะต่าง ๆ รวมถึงอาการที่เริ่มแสดงในระยะแรกของโรคอาจไม่มีอาการเด่นชัด ทำให้ผู้ป่วยมักจะไม่ได้รับการรักษาที่เร็วมากพอ ส่งผลให้โรคเกิดความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมอาจทำให้เกิดภาวะตับอักเสบ ไตวาย เจ็บคอและกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ซึ่งอาการหรือภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้อาจทำให้อวัยวะภายในล้มเหลวจนเกิดการเสียชีวิตได้มากถึง 25-40% นอกจากนี้ โรคฉี่หนูยังสามารถแพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้ ดังนั้นการรักษาให้เร็วที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ความร้ายแรงโรคฉี่หนู

สาเหตุของโรคฉี่หนู

โรคฉี่หนูหรือ Leptospirosis เป็นโรคติดเชื้อที่มีการแพร่กระจายอย่างกว้างขวางทั่วโลก สาเหตุของโรคนี้คือเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Leptospira ที่สามารถติดเชื้อได้จากน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ เช่น น้ำที่มีปลาหรือสัตว์น้ำอยู่ นอกจากนี้ยังสามารถแพร่กระจายได้ผ่านการสัมผัสกับปัสสาวะหรือเลือดของสัตว์ที่ติดเชื้อ ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนของประเทศไทย ซึ่งสาเหตุของการติดเชื้อซึ่งพบบ่อยในปัจจุบัน ได้แก่

  • สัมผัสกับเชื้อแบคทีเรีย Leptospira ซึ่งมักจะพบได้ในป่า นา เขื่อน สระ และบ่อน้ำ
  • สัมผัสกับของเสียหรือน้ำที่มีเชื้อโรคฉี่หนู โดยเฉพาะการสัมผัสกับปัสสาวะ น้ำลาย หรือเลือดของสัตว์ที่ติดเชื้อ
  • กินอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อโรคฉี่หนู
  • สัมผัสกับสัตว์เลี้ยงที่ติดเชื้อโดยตรง เช่น หนู กระต่าย หรือหมาป่า
  • สัมผัสกับบริเวณที่มีน้ำท่วมขึ้นมาโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่น้ำท่วมขัง
  • ทำงานในสภาวะที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น การทำงานในน้ำ บนเรือ หรือในสวนผักขนาดใหญ่

ขั้นตอนการรักษาโรคฉี่หนู 

  • การใช้ยา : การใช้ยาเป็นวิธีการรักษาโรคฉี่หนูที่มีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายในการลดอาการไข้ และควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ซึ่งหลักการในการใช้ยา คือ ต้องให้ยาทันทีหลังที่พบอาการของโรค ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงของอาการได้

  • การรักษาโดยใช้การรักษาแผนปัจจุบัน : การรักษาแผนปัจจุบัน (current management plan) คือการรักษาโรคฉี่หนูโดยใช้แผนการจัดการของโรงพยาบาลที่เตรียมพร้อมแล้ว โดยจะให้ยาตามปริมาณและระยะเวลาที่แนะนำ และมีการติดตามความเปลี่ยนแปลงของอาการอย่างสม่ำเสมอ

  • การดูแลเอาใจใส่ตนเอง : การดูแลเอาใจใส่ตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญในการรักษาโรคฉี่หนู โดยจะต้องรักษาโดยไม่ให้มีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสไปยังผู้อื่น และควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อรักษาการไหลเวียนของเลือด และทานอาหารที่เหมาะสมเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

  • การดูแลภูมิคุ้มกัน: การดูแลภูมิคุ้มกันเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาโรคฉี่หนู โดยควรดูแลร่างกายให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

  • การเสริมสร้างสมองและร่างกาย : เป็นสิ่งที่สำคัญในการฟื้นฟูสุขภาพหลังจากเป็นโรคฉี่หนู โดยควรให้สัตว์เลี้ยงได้รับอาหารที่มีโปรตีนสูงและมีวิตามินที่เพียงพอ เพื่อช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยง

  • การตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยง : ควรให้สัตว์เลี้ยงได้รับการตรวจสุขภาพประจำเวลา เพื่อตรวจจับโรคต่าง ๆ และรักษาโรคในเบื้องต้นโดยทันที และหากพบว่าสัตว์เลี้ยงติดเชื้อโรคฉี่หนู ควรรีบรักษาทันที

  • การจัดการและการรักษาโรคฉี่หนูระยะที่สอง : จะต้องรักษาแผลที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อฉี่หนู โดยการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้อเยื่อที่เป็นโรคออก และรักษาอาการอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ตรวจสอบว่าไม่มีอาการติดเชื้ออื่น ๆ เช่น อักเสบหรือติดเชื้อในช่องคลอด 

ทั้งนี้การรักษาโรคฉี่หนูในทุกขั้นตอนจำเป็นต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ไม่สามารถซื้อยาเพื่อรับประทานหรือทำการรักษาเองได้อย่างเด็ดขาด

ขั้นตอนการรักษาโรคฉี่หนู

โรคฉี่หนูเบิกประกันสังคมได้หรือไม่

ในส่วนของผู้ประกันตนที่ป่วยด้วยโรคฉี่หนูหรือโรคอื่น ๆ ที่มาพร้อมกับฤดูฝน เช่น โรคไข้เลือดออก, โรคหวัด, โรคมือ-เท้า-ปาก, โรคมาลาเรีย สามารถเบิกสิทธิประกันสังคมได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่หากถ้าเจ็บป่วยฉุกเฉินและไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิ์ได้ จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก่อน 

จากนั้นญาติหรือผู้เกี่ยวข้องต้องรีบแจ้งให้โรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิ์ได้ทราบโดยด่วน เพื่อให้โรงพยาบาลตรวจสอบสิทธิประกันสังคมและเปิดบัญชีค่ารักษาพยาบาล สำนักงานประกันสังคมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นใน 3 วันแรกหรือ 72 ชั่วโมงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งผู้ถือสิทธิ์ประกันตนที่มีการสำรองจ่ายค่ารักษาก่อนหรือจ่ายเองก็สามารถเบิกคืนได้โดยยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนพร้อมกับหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งประกอบด้วย แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส.2-01) ใบรับรองแพทย์, ใบเสร็จรับเงิน และสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารหน้าแรกที่มีชื่อผู้ถือประกันตน 

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคม โทรสายด่วน 1506

เป็นโรคฉี่หนู แต่ไม่มีสิทธิ์ประกันสังคม ทำอย่างไร?

สำหรับคนที่กังวลใจว่าตนเองอาจมีความเสี่ยงในการเป็นโรคฉี่หนู อาจเนื่องจากการใช้ชีวิตประจำวัน งานที่ทำ หรืออาจมาจากสภาพอากาศในช่วงนี้ที่เริ่มเข้าหน้าฝนแต่ไม่มีสิทธิประกันสังคม แรบบิท แคร์ ขอแนะนำ ให้ทำประกันสุขภาพ โดยเลือกแผนประกันที่ครอบคลุมการรักษาโรคฉี่หนูหรือโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ จะเป็นตัวช่วยลดความเสี่ยงและประหยัดค่าใช้จ่าย ได้อย่างแน่นอน

ประกันสุขภาพที่คุณเลือกเองได้ พร้อมชำระได้หลากหลายช่องทาง
icon angle up or down

เลือกแผนประกันสุขภาพที่คุณสนใจ

    ชื่อนามสกุล

    หมายเลขโทรศัพท์


     

    บทความแคร์สุขภาพ

    Rabbit Care Blog Image 89748

    แคร์สุขภาพ

    โรคพุ่มพวงคืออะไร มีอาการอย่างไร อันตรายถึงชีวิตหรือไม่ ?

    โรคที่คนไทยเรียกกันจนติดปากว่าโรคพุ่มพวง เนื่องจากคนไทยเรารู้จักโรคนี้กันอย่างแพร่หลายเมื่อศิลปินชื่อดังอย่างคุณพุ่มพวง ดวงจันทร์
    Nok Srihong
    23/05/2024