โรคฉี่หนู ภัยร้ายหน้าฝน เสี่ยงเสียชีวิตสูงมากถึง 40%
โรคฉี่หนู อันตรายต่อสุขภาพ ภัยร้ายที่แฝงตัวมากับหน้าฝนที่เราทุกคนต่างก็เคยได้ยินชื่อกันมานาน ความจริงแล้วโรคนี้ คืออะไร? มีความร้ายแรงมากแค่ไหน เมื่อเป็นแล้วจะมีอาการอย่างไร แรบบิท แคร์ รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโรคฉี่หนูมาให้ เพื่อให้ทุกคนระมัดระวังและป้องกัน!
โรคฉี่หนู คืออะไร?
โรคฉี่หนูเป็นโรคที่มากับหน้าฝน ที่พบได้บ่อย โดยเกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Leptospira interrogans ซึ่งสามารถติดต่อได้ผ่านทางปัสสาวะของสัตว์และสิ่งแวดล้อม เช่น น้ำฝนซึ่งตกต่อเนื่อง และมีการท่วมขังเป็นเวลานานเข้าสู่ร่างกายของคนที่มีแผลบาดหรือมีผิวหนังบาง นับเป็นโรคร้ายแรงและอาจก่อให้เกิดอาการแทรกซ้อนบานปลายได้ นอกจากนี้ การรักษาก็มีค่าใช้จ่ายที่สูง จึงควรระมัดระวังเพื่อป้องกันการติดเชื้อและรักษาตนเองให้เหมาะสมเมื่อมีอาการของโรคนี้เกิดขึ้น
โรคฉี่หนู อาการ
ปกติแล้วโรคฉี่หนูมักมีอาการคล้ายกับโรคหวัด จึงทำให้ผู้ป่วยมักจะซื้อยารักษามาทานเองแทนที่จะไปพบแพทย์ทันที แต่การรับประทานยาอย่างไม่ถูกต้องอาจทำให้อาการเลวร้ายลงเรื่อย ๆ ดังนั้นหากมีอาการและคิดว่าตัวเองมีความเสี่ยง แนะนำให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อให้แพทย์สามารถทำการตรวจวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้อง ซึ่งการตรวจวินิจฉัยโรคฉี่หนูจะได้รับการตรวจสอบจากประวัติการเจ็บป่วย ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ รวมถึงวิธีการตรวจวินิจฉัยอื่นๆ ตามความเหมาะสม เพื่อที่จะนำไปสู่การรักษาโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โรคฉี่หนู อาการเริ่มแรกที่มักพบได้บ่อย
- มีไข้สูง
- รู้สึกปวดศีรษะ
- รู้สึกปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหรือข้อต่อรุนแรง
- รู้สึกหนาวสั่น
- รู้สึกคลื่นไส้
- อาเจียน
- ท้องเสีย
- ตัวเหลือง ตาเหลือง
- ตาแดง ระคายเคืองตา
อาการของโรคฉี่หนู แบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่
- ระยะแรกหรือระยะเฉียบพลัน ประมาณ 1 สัปดาห์แรก หลังติดเชื้อ โดยเชื้อจะอยู่ในกระแสเลือด ผู้ป่วยมักมีอาการไม่จำเพาะ เช่น ไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน และมีผื่นขึ้น สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ
- ระยะที่สอง เชื้อจะแพร่กระจายไปตามอวัยวะต่าง ๆ ทำให้เกิดภาวะอักเสบของร่างกายได้หลายระบบ เช่น ไตอักเสบจนเกิดไตวายเฉียบพลัน ตับอักเสบ เกิดตัวเหลืองตาเหลือง ปอดอักเสบมีเลือดออกในปอด ไอเป็นเลือด กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ตาอักเสบ ซึ่งอาจทำให้อวัยวะภายในล้มกรณีมีอาการรุนแรงอาจเสียชีวิตได้สูงถึง 25-40%
ความร้ายแรงของโรคฉี่หนู
แม้ว่าน้อยกว่า 5% ของผู้ติดเชื้อโรคฉี่หนูจะมีอาการรุนแรงหรือเป็นอันตรายต่อชีวิต แต่โรคฉี่หนูยังเป็นโรคที่ร้ายแรงเพราะมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางสมองและอวัยวะต่าง ๆ รวมถึงอาการที่เริ่มแสดงในระยะแรกของโรคอาจไม่มีอาการเด่นชัด ทำให้ผู้ป่วยมักจะไม่ได้รับการรักษาที่เร็วมากพอ ส่งผลให้โรคเกิดความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมอาจทำให้เกิดภาวะตับอักเสบ ไตวาย เจ็บคอและกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ซึ่งอาการหรือภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้อาจทำให้อวัยวะภายในล้มเหลวจนเกิดการเสียชีวิตได้มากถึง 25-40% นอกจากนี้ โรคฉี่หนูยังสามารถแพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้ ดังนั้นการรักษาให้เร็วที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
สาเหตุของโรคฉี่หนู
โรคฉี่หนูหรือ Leptospirosis เป็นโรคติดเชื้อที่มีการแพร่กระจายอย่างกว้างขวางทั่วโลก สาเหตุของโรคนี้คือเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า Leptospira ที่สามารถติดเชื้อได้จากน้ำที่มีเชื้อปนเปื้อนอยู่ เช่น น้ำที่มีปลาหรือสัตว์น้ำอยู่ นอกจากนี้ยังสามารถแพร่กระจายได้ผ่านการสัมผัสกับปัสสาวะหรือเลือดของสัตว์ที่ติดเชื้อ ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนของประเทศไทย ซึ่งสาเหตุของการติดเชื้อซึ่งพบบ่อยในปัจจุบัน ได้แก่
- สัมผัสกับเชื้อแบคทีเรีย Leptospira ซึ่งมักจะพบได้ในป่า นา เขื่อน สระ และบ่อน้ำ
- สัมผัสกับของเสียหรือน้ำที่มีเชื้อโรคฉี่หนู โดยเฉพาะการสัมผัสกับปัสสาวะ น้ำลาย หรือเลือดของสัตว์ที่ติดเชื้อ
- กินอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อโรคฉี่หนู
- สัมผัสกับสัตว์เลี้ยงที่ติดเชื้อโดยตรง เช่น หนู กระต่าย หรือหมาป่า
- สัมผัสกับบริเวณที่มีน้ำท่วมขึ้นมาโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่น้ำท่วมขัง
- ทำงานในสภาวะที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น การทำงานในน้ำ บนเรือ หรือในสวนผักขนาดใหญ่
ขั้นตอนการรักษาโรคฉี่หนู
- การใช้ยา : การใช้ยาเป็นวิธีการรักษาโรคฉี่หนูที่มีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายในการลดอาการไข้ และควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ซึ่งหลักการในการใช้ยา คือ ต้องให้ยาทันทีหลังที่พบอาการของโรค ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงของอาการได้
- การรักษาโดยใช้การรักษาแผนปัจจุบัน : การรักษาแผนปัจจุบัน (current management plan) คือการรักษาโรคฉี่หนูโดยใช้แผนการจัดการของโรงพยาบาลที่เตรียมพร้อมแล้ว โดยจะให้ยาตามปริมาณและระยะเวลาที่แนะนำ และมีการติดตามความเปลี่ยนแปลงของอาการอย่างสม่ำเสมอ
- การดูแลเอาใจใส่ตนเอง : การดูแลเอาใจใส่ตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญในการรักษาโรคฉี่หนู โดยจะต้องรักษาโดยไม่ให้มีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสไปยังผู้อื่น และควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อรักษาการไหลเวียนของเลือด และทานอาหารที่เหมาะสมเพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
- การดูแลภูมิคุ้มกัน: การดูแลภูมิคุ้มกันเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาโรคฉี่หนู โดยควรดูแลร่างกายให้แข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- การเสริมสร้างสมองและร่างกาย : เป็นสิ่งที่สำคัญในการฟื้นฟูสุขภาพหลังจากเป็นโรคฉี่หนู โดยควรให้สัตว์เลี้ยงได้รับอาหารที่มีโปรตีนสูงและมีวิตามินที่เพียงพอ เพื่อช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยง
- การตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยง : ควรให้สัตว์เลี้ยงได้รับการตรวจสุขภาพประจำเวลา เพื่อตรวจจับโรคต่าง ๆ และรักษาโรคในเบื้องต้นโดยทันที และหากพบว่าสัตว์เลี้ยงติดเชื้อโรคฉี่หนู ควรรีบรักษาทันที
- การจัดการและการรักษาโรคฉี่หนูระยะที่สอง : จะต้องรักษาแผลที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อฉี่หนู โดยการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้อเยื่อที่เป็นโรคออก และรักษาอาการอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ตรวจสอบว่าไม่มีอาการติดเชื้ออื่น ๆ เช่น อักเสบหรือติดเชื้อในช่องคลอด
ทั้งนี้การรักษาโรคฉี่หนูในทุกขั้นตอนจำเป็นต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ไม่สามารถซื้อยาเพื่อรับประทานหรือทำการรักษาเองได้อย่างเด็ดขาด
โรคฉี่หนูเบิกประกันสังคมได้หรือไม่
ในส่วนของผู้ประกันตนที่ป่วยด้วยโรคฉี่หนูหรือโรคอื่น ๆ ที่มาพร้อมกับฤดูฝน เช่น โรคไข้เลือดออก, โรคหวัด, โรคมือ-เท้า-ปาก, โรคมาลาเรีย สามารถเบิกสิทธิประกันสังคมได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่หากถ้าเจ็บป่วยฉุกเฉินและไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิ์ได้ จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก่อน
จากนั้นญาติหรือผู้เกี่ยวข้องต้องรีบแจ้งให้โรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิ์ได้ทราบโดยด่วน เพื่อให้โรงพยาบาลตรวจสอบสิทธิประกันสังคมและเปิดบัญชีค่ารักษาพยาบาล สำนักงานประกันสังคมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นใน 3 วันแรกหรือ 72 ชั่วโมงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งผู้ถือสิทธิ์ประกันตนที่มีการสำรองจ่ายค่ารักษาก่อนหรือจ่ายเองก็สามารถเบิกคืนได้โดยยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนพร้อมกับหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งประกอบด้วย แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน (สปส.2-01) ใบรับรองแพทย์, ใบเสร็จรับเงิน และสำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารหน้าแรกที่มีชื่อผู้ถือประกันตน
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานประกันสังคม โทรสายด่วน 1506
เป็นโรคฉี่หนู แต่ไม่มีสิทธิ์ประกันสังคม ทำอย่างไร?
สำหรับคนที่กังวลใจว่าตนเองอาจมีความเสี่ยงในการเป็นโรคฉี่หนู อาจเนื่องจากการใช้ชีวิตประจำวัน งานที่ทำ หรืออาจมาจากสภาพอากาศในช่วงนี้ที่เริ่มเข้าหน้าฝนแต่ไม่มีสิทธิประกันสังคม แรบบิท แคร์ ขอแนะนำ ให้ทำประกันสุขภาพ โดยเลือกแผนประกันที่ครอบคลุมการรักษาโรคฉี่หนูหรือโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ จะเป็นตัวช่วยลดความเสี่ยงและประหยัดค่าใช้จ่าย ได้อย่างแน่นอน
มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ Asia Direct
และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว
จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการจัดการการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น