แคร์ไลฟ์สไตล์

สวัสดิการพนักงานที่ลูกจ้างควรรู้มีอะไรบ้าง?

ผู้เขียน : คะน้าใบเขียว

นักเขียนรุ่นไฮบริด ผู้พยายามเข้าใจมักเกิ้ล นิยมชมชอบกลางคืน สามารถผูกมิตรได้ด้วยของกินอร่อยๆ ตอนนี้กำลังหลบลี้หนีภัยจากออฟฟิศซินโดรมอยู่

close
Published April 28, 2022

ใคร ๆ ก็บอกว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก โดยเฉพาะกับสถานที่ทำงาน! หากโชคดีนอกจากได้เงินเดือนที่ใจฝันแล้ว เจ้านายดี สวัสดิการพนักงานดีคงยิ่งกว่าสวรรค์! แล้วแบบไหนละที่เรียกว่าสวัสดิการดี เป็นไปตามสวัสดิการพนักงาน ตามกฎหมายแรงงาน มีสิทธิ์ลูกจ้างอะไรบ้างที่ควรรู้ มาตามเช็กลิสต์ไปพร้อม ๆ กับ แรบบิท แคร์ ดีกว่า!

ประกันสุขภาพที่คุณเลือกเองได้ พร้อมชำระได้หลากหลายช่องทาง
icon angle up or down

เลือกแผนประกันสุขภาพที่คุณสนใจ

    ชื่อนามสกุล

    หมายเลขโทรศัพท์

    รวมมิตรสวัสดิการพนักงานที่ไม่ควรพลาด

    รู้หรือไม่ ?  สิทธิ์ลูกจ้างพื้นฐานที่กระทรวงแรงงานได้กำหนดให้นายจ้างต้องปฎิบัติตามข้อกำหนดต่าง ๆ เพื่อป้องกันลูกจ้างถูกเอารัดเอาเปรียบไว้มากมาย โดยสวัสดิการพนักงาน ตามกฎหมายแรงงาน หลัก ๆ ที่เราควรรู้ มีดังนี้

    ระยะเวลาการทำงาน และการพักผ่อนของลูกจ้าง

    ตาม กฏหมายแรงงาน กำหนดเอาไว้ว่า ลูกจ้างต้องมีเวลาพักอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ภายหลังจากที่เริ่มทำงานไปแล้วไม่เกิน 5 ชั่วโมง และกำหนดระยะเวลาต่าง ๆ ไว้ตามงาน ดังนี้ 

    • งานด้านพาณิชกรรม หรืองานอื่น ๆ ทั่ว ไประยะเวลาในการทำงานวันละไม่เกิน 9 ชั่วโมง แต่สัปดาห์หนึ่งไม่เกิน 48 ชั่วโมง 
    • งานด้านอุตสาหกรรม ไม่เกินสัปดาห์ละ 48 ชั่วโมง
    • งานขนส่ง ไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมง 
    • งานที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายตามที่กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดไว้ ต้องไม่เกินสัปดาห์ละ 42 ชั่วโมง

    ส่วนการกำหนดวันหยุด และค่าทำงานในวันหยุด ได้กำหนดไว้ว่าง

    • ใน 1 สัปดาห์ ต้องมีวันหยุดอย่างน้อย 1 วัน โดยวันหยุดต้องห่างกันไม่เกิน 6 วัน
    • ใน 1 ปี ลูกจ้างมีสิทธิหยุดตามประเพณีไม่น้อยกว่า 13 วัน
    • ลูกจ้างที่ทำงานติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1 ปี มีสิทธิลาพักร้อนได้อย่างน้อย 6 วัน

    สวัสดิการพนักงานในเรื่องการลา

    เบื้องต้นแล้ว ลูกจ้างมีสิทธิลาป่วยได้ ไม่เกิน 30 วัน โดยได้รับค่าจ้างตามปกติ และหากการลาป่วยนั้นเกินกว่า 3 วัน นายจ้างจึงจะมีสิทธิขอดูใบรับรองแพทย์จากลูกจ้าง หากลูกจ้างไม่สามารถแสดงใบรับรองแพทย์ได้ ลูกจ้างสามารถแจ้งเป็นกรณีไป

    นอกจากนี้ สวัสดิการพนักงาน ตามกฎหมายแรงงาน ก็ได้กำหนดเรื่องระยะเวลาอื่น ๆ ไว้ว่า 

    • ลูกจ้างที่ตั้งครรภ์สามารถลาคลอดได้ไม่เกิน 90 วัน โดยได้รับค่าจ้างตามปกติ 45 วัน และจากรับจากประกันสังคมอีก 45 วัน หากลูกจ้างมาทำงานก่อนกำหนดลาคลอด 90 วัน ในวันที่มาทำงานนั้นให้จ่ายค่าจ้างตามจำนวนวันที่มาทำงาน
    • ลูกจ้างมีสิทธิทำหมันและหยุดทำงานได้ ตามคำวินิจฉัยของแพทย์ และจะได้รับค่าจ้างตามปกติ
    • ลูกจ้างสามารถลากิจเพื่อกิจธุระอันจำเป็นโดยได้รับค่าจ้างตามปกติ
    • ลูกจ้างที่แจ้งลาเพื่อรับราชการทหาร ไม่เกินปีละ 60 วัน โดยได้รับค่าจ้างตามปกติ
    • ลูกจ้างที่แจ้งลาเพื่อฝึกอบรม สามารถทำได้ โดยการจ่ายค่าจ้างจะเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด

    เรื่องเงิน ๆ ระหว่างนายจ้าง และลูกจ้าง

    สำหรับค่าจ้างทั้งรายวัน หรือรายนั้นนั้น นายจ้างจะต้องจ่ายเป็นเงินเท่านั้น โดยจำนวนเงินต้องไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนด โดยอาจคำนวณตามผลงานที่ทำ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

    • ลูกจ้างต้องได้รับค่าจ้างไม่น้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งปัจจุบัน ปรับเป็น 300 บาท/วัน
    • วันหยุดประจำปี วันหยุดประจำสัปดาห์ วันลาป่วย และวันลาพักร้อน ลูกจ้างต้องได้รับค่าจ้าง
    • วันลาอื่น ๆ ลูกจ้างจะมีสิทธิ์ได้รับค่าจ้างตามกำหนดของแต่ละชนิดวันลา เช่น ลาคลอด ได้รับค่าจ้าง 45 วัน, ลารับราชการทหาร ได้รับค่าจ้าง 60 วัน เป็นต้น

    และทางนายจ้างไม่สามารถจ่ายค่าจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กำหนดไว้ได้โดยเด็ดขาด ยกเว้นลูกจ้างอยู่ในช่วงทดลองงาน แต่ต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบถึงอัตราค่าจ้างในระหว่างทดลองนี้เป็นลายลักษณ์อักษรด้วย

    นอกจากนี้ ในกรณีที่นายจ้างแจ้งปรับลดเงินเดือน สามารถแจ้งปรับลดเงินเดือนได้เพียงร้อยละ 25 จากเงินเดือน เช่น คุณใส่ใจได้รับเงินเดือน 30,000 บาท หากถูกแจ้งปรับลดเงินเดือนจากนายจ้าง จะต้องได้เงินเดือนที่ถุกปรับลดไม่ต่ำกว่า 22,500 บาท

    การจ่ายเงินทดแทนให้แก่ลูกจ้าง

    ตามกฎหมายแรงงานได้ระบุถึง กรณีที่ลูกจ้างประสบอันตราย เจ็บป่วย ถึงแก่ความตาย หรือสูญหาย เนื่องจากการทำงานให้นายจ้าง นายจ้างจำเป็นต้องจ่ายเงินทดแทนให้แก่ลูกจ้างตามนี้

    • กรณีลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน 

    ให้นายจ้างจ่ายค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นไม่เกิน 50,000 บาท และถ้าในกรณีที่ลูกจ้างเป็นผู้ป่วยใน มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าห้อง ค่าอาหาร ค่าบริการพยาบาล และค่าบริการทั่วไป ให้นายจ้างจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าว เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินวันละ 1,300 บาท

    • กรณีทุพพลภาพเนื่องจากการทำงาน 

    ลูกจ้างจะได้รับ ค่ารักษาพยาบาล ค่าทดแทนจำนวน 60% ของค่าจ้างรายเดือน ในกรณีไม่สามารถทำงานได้เกิน 3 วัน และค่าทดแทน 60% ของค่าจ้างรายเดือน ในกรณีทุพพลภาพเป็นเวลาไม่เกิน 15 ปี  และหากจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพ ก็จะได้รับค่าฟื้นฟูสมรรถภาพด้วย

    • กรณีตายหรือสูญหายจากการทำงาน 

    โดยนับแต่วันที่เกิดเหตุ เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 120 วัน ทางญาติของลูกจ้างจะได้รับ ค่าทำศพ จำนวน 100 เท่าของอัตราสูงสุดของค่าจ้างขั้นต่ำรายวัน, ค่าทดแทนของค่าจ้างรายเดือนในอัตรา 60% ของค่าจ้างรายเดือน มีกำหนด 8 ปี (จ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิตามที่กฎหมายกำหนด)

    แล้วจะทำอย่างไร ถ้าเกิดว่างงาน อยากได้เงินจากประกันสังคม

    อย่างที่หลายคนอาจจะทราบกันดีว่า ในกรณีที่ต้องออกจากงาน และยังอยู่ในช่วงเวลาว่างงานอยู่นั้น เราสามารถขอรับเงินสมทบจากประกันสังคมที่จ่ายไปทุก ๆ ปี สมัยที่ยังถูกจ้างงานอยู่ได้ เบื้องต้นแล้ว การจะขอเงินชดเชยได้นั้น จะต้องเตรียมเอกสาร ดังนี้ 

    • แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน หรือ สปส. 2-01/7
    • บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมสำเนา
    • รูปถ่ายขนาด 1 นิ้ว จำนวน 1 รูป (รูปถ่ายต้องมีอายุไม่เกิน 6 เดือน)
    • หนังสือรองรับการออกจากงาน สำเนาการแจ้งการลาออก หรือ สปส. 6-09 และในกรณีที่ไม่มีสำเนา สปส. 6-09 ก็ยังคงสามารถขึ้นทะเบียนว่างงานได้
    • หนังสือ หรือเอกสารแจ้งให้ออกจากนายจ้าง (หากมี)
    • สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ของธนาคาร โดยชื่อที่ระบุในหน้าสมุดบัญชีต้องเป็นชื่อของผู้ประกันตนที่ทำการลงทะเบียนว่างงาน

    ที่สำคัญ ต้องไม่ได้ทำผิดกฎหมายจนเป็นเหตุให้ถูกไล่ออกจากงาน หรือต้องไม่ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 7 วันทำงานติดต่อกัน โดยไม่มีเหตุอันควร และสำหรับขั้นตอนและวิธีการขอเงินชดเชย สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กรณี ดังนี้ 

    กรณีถูกเลิกจ้าง

    จะได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 180 วัน ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเฉลี่ย โดยคำนวณจากฐานเงินสมทบขั้นต่ำเดือนละ 1,650 บาท และฐานเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท เช่น คุณต่ายได้เงินเดือนเฉลี่ย 15,000 บาท จะได้รับเงินชดเชย 7,500 บาท

    เงื่อนไขการรับเงินชดเชย : ต้องส่งเงินประกันสังคมครบ 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนถูกเลิกจ้าง โดยต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานและรายงานตัวผ่านเว็บไซต์ e-service.doe.go.th ภายใน 30 วัน หลังถูกเลิกจ้าง

    กรณีลาออกเอง หรือ หมดสัญญาจ้างงาน

    ได้รับเงินทดแทนระหว่างการว่างงานปีละไม่เกิน 90 วัน ในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้างเฉลี่ย โดยคำนวณจากฐานเงินสมทบขั้นต่ำเดือนละ 1,650 บาท และฐานเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท เช่น คุณแคร์ได้เงินเดือนเฉลี่ย 20,000 บาท จะได้รับเงินชดเชยเดือนละ 6,000 บาท

    เงื่อนไขการรับเงินชดเชย : ต้องส่งเงินประกันสังคมครบ 3 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนลาออก โดยต้องขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานและรายงานตัวผ่าน e-service.doe.go.th ภายใน 30 วัน หลังออกจากงาน

    เบื้องต้นแล้ว หากต้องออกจากงานให้รีบลงทะเบียนรายงานว่าตนว่างงานทันที เพื่อผลประโญชน์สูงสุดของเราในการขอรับเงินชดเชยต่าง ๆ  นอกจากนี้ หากคุณได้ทำประกันสังคมไว้ ยังสามารถใช้สิทธิสวัสดิการจากประกันสังคมต่าง ๆ เช่น ค่าทำฟัน ค่ารักษาพยาบาล ค่าคลอดบุตร ต่อได้อีก 6 เดือน โดยไม่ต้องเสียค่าจ่ายประกันสังคมตลอดระยะเลาดังกล่าวอีกด้วย! 

    แต่ถึงแม้ประกันสังคมจะเป็นสวัสดิการพื้นฐานของลูกจ้างที่น่าสนใจมากแค่ไหน แต่ปัจจุบันเนื่องจากเป็นระบบข้าราชการ จึงทำให้เกิดความล่าช้า นอกจากนี้ยังมีเรื่องของ จำนวนคนที่มารับขอสิทธิ์ชดเชยมีจำนวนมาก และคงไม่ดีแน่ หากระหว่างรอการดำเนินการคุณจะต้องควักเงินเก็บออมก้อนโตมาใช้ก่อน 

    ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาท การทำประกันออมทรัพย์เพื่อออมเงินก้อนโตไว้ใช้เผื่อกรณีฉุกเฉิน ก็นับได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีไม่แพ้กัน

    หรือจะในกรณีที่เจ็บป่วย จริงอยู่ที่ประกันสังคมช่วยต่ออายุเวลาไปอีก 6 เดือน ให้คุณใช้งานในแง่สวัสดิการสุขภาพได้ แต่ด้วยวงเงินจำกัด ก็อาจเป็นของจำกัดในการรักษาไปด้วย ดังนั้น การมองหาประกันสุขภาพคู่ใจดี ๆ สักกรมธรรม์ จะช่วยให้คุณหมดห่วงได้ หากเจ็บป่วยระหว่างการว่างงาน

    ทั้งประกันออมทรัพย์ และประกันสุขภาพ ดี ๆ ไม่ต้องไปหาที่ไหนไกล เพราะเรารวบรวมไว้ให้ในเว็บไซต์เดียวแล้ว ที่นี้เลย แรบบิท แคร์! โบรกเกอร์ด้านการเงินที่ทำให้คุณหมดกังวลทุกปัญหาที่ไม่คาดฝัน อยู่เคียงข้างทุกปัญหา ที่สำคัญสมัครง่าย พร้อมบริการเปรียบเทียบค้นหาประกันที่เหมาะสมให้กับคุณ คลิกเลย!

    ห้ามพลาด! ประกันรถชั้น 1 เบี้ยเริ่มต้น 1,000.-/เดือน

    รถของคุณยี่ห้ออะไร

    < กลับไป
    < กลับไป

    ระบุยี่ห้อรถของคุณ

    ระบุปีผลิตรถของคุณ


     

    บทความแคร์ไลฟ์สไตล์

    แคร์ไลฟ์สไตล์

    ชี้ชัด! 8 สัญญาณเตือน ว่าคุณเองกำลังตกอยู่ใน Toxic Relationship

    ปัจจุบันการต้องเผชิญหน้ากับ Toxic Relationship นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและสามารถเกิดขึ้นได้ต่อทุกความสัมพันธ์
    กองบรรณาธิการ
    26/03/2024

    แคร์ไลฟ์สไตล์

    9 ประโยชน์ของการเรียนร้องเพลงที่น่าสนใจ ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถเรียนได้

    การเรียนร้องเพลงอีกทางเลือกในการเรียนพิเศษเพื่อเพิ่มความสามารถพิเศษให้กับตนเอง ซึ่งสำหรับบางบ้านนั้นอาจส่งเสียให้ลูกเรียนร้องเพลงตั้งแต่เด็ก ๆ
    กองบรรณาธิการ
    25/03/2024

    แคร์ไลฟ์สไตล์

    ประเพณีสงกรานต์ ควรทำอะไรบ้าง ? เพื่อเป็นการรักษาวัฒนธรรมไทย ไม่ให้เป็นแค่กิจกรรมเล่นน้ำเพียงอย่างเดียว

    ใกล้เข้ามาแล้วกับประเพณีสงกรานต์ 2567 ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งในปัจจุบันเมื่อพูดถึงประเพณีสงกรานต์แล้ว คนยุคใหม่ก็จะนึกถึงการเล่นสาดน้ำ
    กองบรรณาธิการ
    25/03/2024