ประกันชีวิต แบบไหน ให้เหมาะกับมนุษย์เงินเดือน
เป็นมนุษย์เงินเดือน จริงอยู่ที่ว่ารายได้ของเรามั่นคง มีเงินเดือนเข้าทุกเดือน แต่ยังไงก็ประมาทไม่ได้ ดังนั้นการนำเงินเดือนของตนไปเก็บออม หรือลงทุนเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มจำนวนเงินเผื่อไว้ในยามเกษียณ หรือสำหรับการวางแผนต่างๆ อย่างเช่นการทำประกันชีวิตในอนาคตเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ
แน่นอนว่า ประกันต่างๆ เอง ก็ถูกนับว่าเป็นการลงทุนชนิดหนึ่งเช่นกัน แถมยังช่วยคุ้มครองเรื่องต่างๆ แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละด้านได้อีกด้วย ว่าแต่มนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ต้องเลือกประกันชีวิตกันแบบไหนดีนะ? ประกันที่เหมาะกับมนุษย์เงินเดือนต้องมีวิธีเลือกอย่างไรบ้าง ไปดูกัน…
ประกันชีวิต แบบไหน ตอบโจทย์กับมนุษย์เงินเดือน
เลือกจากความเสี่ยง
ขึ้นชื่อว่า การทำงาน ชีวิตไหนๆ ก็มีความเสี่ยงทั้งนั้น เราขอยกตัวอย่าง หากคุณทำงานที่ต้องนั่งหน้าจอคอมฯ นานๆ คุณก็มีความเสี่ยงที่จะมีปัญหาด้านสุขภาพ กลับกัน ถ้าคุณทำงานที่ต้องเดินทางบ่อยๆ การทำประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลเพิ่มเข้าไป จะช่วยให้คุณลดความเสี่ยงต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้หากคุณมีความสุ่มเสี่ยงเรื่องการเจ็บป่วย โรคร้ายแรง หรือโรคทางพันธุกรรมต่างๆ การมีประกันสุขภาพเอาไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
และไม่ใช่แค่ด้านการทำงาน หรือสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่เราอยากให้คุณลองประเมินการใช้ชีวิตในด้านอื่นๆ ของตัวเองดูด้วย อย่างเช่น บางคนอาจจะชอบท่องเที่ยวเดินทาง บางคนอาจกำลังเริ่มทำธุรกิจส่วนตัวควบคู่ไปกับการเป็นมนุษย์เงินเดือน หรือบางคนก็เพิ่งเริ่มต้นซื้อบ้าน ซึ่งไลฟ์สไตล์ต่างๆ เหล่านี้จะช่วยให้คุณเลือกประกันที่ตรงกับความต้องการและช่วยคุ้มครองครอบคลุมความเสี่ยงได้มากที่สุด
จริงอยู่ว่าคุณอาจจะมีประกันสังคม หรือสวัสดิการจากที่ทำงาน แต่ประกันต่างๆ นี้จะช่วยเสริมทัพให้คุณอุ่นใจ และช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินให้กับคุณได้ไม่น้อยเลย
เลือกจากสภาพครอบครัว
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผู้ที่ได้รับผลประโยชน์รองลงมามักจะเป็นครอบครัว หากคุณยังเป็นคนโสด การทำประกันคนโสดอาจทำประกันชีวิตเอาไว้ก่อนเฉยๆ ก็ได้ แต่ถ้าใครที่มีลูกหลาน ก็อาจจะเลือกเป็นประกันออมทรัพย์ พ่วงเข้าไปเพิ่มก็ได้ หรือถ้าใครที่วัยเกษียณ การทำประกันชีวิตอาจไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ ลองมองหาประกันผู้สูงอายุมาทดแทนดูก็ไม่เสียหาย
ที่สำคัญที่สุด ประกันชีวิตเหล่านี้ยังช่วยลดหย่อนภาษีให้เหล่าหัวหน้าครอบครัว นอกเหนือจากการใช้วิธีช้อปช่วยชาติ ใช้ค่าเลี้ยงดูบุตร หรือพ่อแม่ ได้อีกด้วยนะ
เลือกจากผลตอบแทนประกันชีวิต หรือสิ่งที่ต้องการ
หากประเมินดูแล้ว ยังชั่งใจไม่ได้ อาจลองดูจากผลตอบแทน เปรียบเทียบประกันชีวิตและประกันแบบอื่นๆ หรือสิ่งที่เราต้องการแทน อย่าง
ถ้าอยากเน้นคุ้มครองชีวิต ต้องการเตรียมเงินให้คนข้างหลัง เพราะกลัวคนที่เรารักจะลำบาก การเลือกทำประกันชีวิตเป็นหลักจะเหมาะสมกว่า หรือการดูผลตอบแทนที่คนข้างหลังจะได้รับหากเราเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
โดยผลตอบแทนของประกันชีวิต จะขึ้นอยู่กับทุนประกันที่เราเลือกจ่ายไปด้วย หมายความว่า ถ้าคุณเลือกทำทุนประกันสูงๆ จ่ายเบี้ยสูงๆ อย่างสม่ำเสมอติดต่อกันหลายปี เมื่อครบกำหนดคุณก็จะได้ผลตอบแทนเพิ่มเติมจากเงินที่จ่ายไปนั่นเอง
ส่วนถ้าเน้นออมเงิน แม้จะให้ผลตอบแทนไม่มากเท่าหุ้น หรือการฝากเงินประจำ แต่สิ่งที่ประกันออมทรัพย์ได้เปรียบกว่าก็คือ ไม่เสี่ยง เหมาะสำหรับมือใหม่หัดลงทุน หรือใครที่ไม่อยากให้เงินออมก้อนนี้ต้องมาเสี่ยง แถมยังช่วยสร้างวินัยในการเก็บออมเงินด้วย
หากให้พูดง่ายๆ การทำประกันออมทรัพย์ ก็ช่วยคุณสร้างมรดกดีๆ นี่เอง
แน่นอนว่า แต่ละเจ้าจะให้ผลตอบแทนไม่เหมือนกัน มีทุนประกันที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทประกันภัยด้วย ซึ่งเจ้าทุนประกันเหล่านี้ เราก็ต้องเลือกให้ดี เพราะหากเลือกทุนประกันที่ไม่เหมาะสมกับตัวเอง อาจส่งผลกระทบต่อเรื่องการใช้จ่ายรายเดือนได้ และเมื่อต้องแบกค่าใช้จ่ายมากเกินไป คุณก็อาจต้องทำการรัดเข็มขัด ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็น(ในตอนนี้)ออกก่อน เพื่อให้เหลือเงินไปใช้จ่ายในส่วนต่างๆ นั่นเอง
เลือกจากเงินเดือน
เกริ่นกันไปในข้อที่แล้วว่า ทุนประกัน นั้น ยิ่งได้ผลตอบแทนมาก แสดงว่าเบี้ยประกัน หรือทุนประกันต้องสูงตามไปด้วย หลายคนเมื่อเจอปัญหาการเงินต่างเลือกจะรัดเข็มขัด ประกันจึงจัดเป็นรายจ่ายที่ถูกตัดสินไป
หมายความว่าเราไม่ควรทำประกันเหรอ? เปล่าเลย เพียงแค่เราปรับเปลี่ยน เลือกทุนประกันให้เหมาะสม หรือเลือกแต่ประกันที่จำเป็นจริงๆ กับชีวิต รวมไปถึงการคำนวณถึงเงินประกันที่เราต้องการจะได้ เพื่อใช้ในการปรับเลือกประกันนั่นเอง
เช่น ถ้าทำประกันชีวิต เพราะเป็นห่วงครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง ให้ลงประเมินค่าใช้จ่ายว่าอยากจะทิ้งไว้ให้เขาตั้งตัวสักเท่าไหร่ หรืออาจจะนำเงินส่วนนี้ไปจ่ายหนี้สินต่างๆ แทนคุณ ก็ได้เช่นกัน
โดยการคำนวณแบบง่ายๆ มีสูตรดังนี้
ทุนประกันที่เหมาะสมกรณีเน้นคุ้มครองชีวิต = [ค่าใช้จ่ายต่อปีที่เราจ่ายเพื่อเลี้ยงดูคนอื่น x จำนวนปีที่เราต้องเลี้ยงดู] + ภาระหนี้สินที่เหลืออยู่ทั้งหมด
สำหรับจำนวนปีที่เราเลี้ยงดูจะหมายถึง ถ้าคนที่เราเลี้ยงดูอยู่ เป็นลูก เราก็อาจจะเลี้ยงดูจนกว่าเขาจะจบการศึกษา (เพราะหลังจากนั้นก็คงเลี้ยงดูตัวเองได้) เช่น จนกว่าจะจบปริญญาตรี หรือถ้าเราเลี้ยงดูพ่อแม่ ก็จนกว่าพวกท่านจะเสียชีวิต (ต้องตั้งสมมติฐานอายุขัย) เป็นต้น
การเลือกประกันชีวิต หากเลือกให้ดี จะกลายเป็นการเสริมหลักของชีวิตให้มนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ได้ และใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะทําประกันชีวิตที่ไหนดี ลองปรึกษา Rabbit Care ประกันชีวิต ดูสิ เพราะเราคือโบรกเกอร์ประกัน ที่ช่วยคุณเปรียบเทียบประกัน ให้คุณตัดสินใจได้ง่ายดาย พร้อมด้วยบริการปรึกษาฟรี!
มนุษย์เงินเดือนคนไหนที่ยังเลือกไม่ได้ แค่นี้ก็ไม่ต้องปวดหัว เสิร์ชหาเปรียบเทียบเองให้เหนื่อยแล้วล่ะ!
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct