ตามรอยแนวคิดและวิธีบริหารจัดการเงินแบบพ่อหลวง
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นต้นแบบของประชาชนชาวไทยในหลายๆ เรื่อง ทั้งการรู้จักให้ การเสียสละ การอดทน การพอเพียง ฯลฯ โดยเฉพาะเรื่องการออมเงินของพระองค์ท่านที่ทรงแสดงให้เห็นตั้งแต่ครั้งทรงพระเยาว์
ซึ่งแนวคิดและวิธีบริหารจัดการเงินแบบพระองค์ท่านนั้นเป็นเรื่องที่ประชาชนทั่วไปสามารถยึดถือ และปฏิบัติตามได้โดยง่าย ดังนี้
แนวคิดการบริหารจัดการเงิน
เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ เพื่อนำไปขาย เมื่อทรงได้เงินมาก็จะนำไปซื้อเมล็ดผักมาปลูก เพิ่มความมัธยัสถ์ถือเป็นคุณูปการสำคัญที่ทำให้ในหลวงทรงเรียนรู้ หลักความพอเพียงสมถะ ตั้งแต่ครั้งทรงพระเยาว์ ถึงแม้พระองค์จะได้รับเงินค่าขนมก็ตาม จนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเคยมีพระดำรัสว่า
“ในสวนจิตรเนี่ย คนที่ประหยัดที่สุด คือ ในหลวง ประหยัดที่สุดทั้งน้ำ ทั้งไฟ เรื่องฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือยไม่มี”
หากคุณได้รับเงินรายวัน และต้องการจัดการบริหารเงินให้คุ้มค่าและประหยัดมากที่สุด คุณควรจัดสรรปันส่วนเงินให้ออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
แบ่งเงินเพื่อเก็บออม
การเก็บเงินหรือออมเงินนั้น ต้องใช้วินัยและความตั้งใจเป็นอย่างมาก เพราะโอกาสในการออมเงินให้ประสบความสำเร็จมีน้อยมาก ในบุคคลที่ไม่มีความตั้งใจ หรือ คุณควรตั้งเป้าหมายในการออมเงิน เช่น
ออมเงินเพื่อการทองเที่ยว, ออมเงินเพื่อซื้อของขวัญให้แก่คนรัก, ออมเงินเพื่อเป็นของขวัญให้แก่ตนเอง ซึ่งหากคุณมีเป้าหมายในการออมเงินแล้ว จะทำให้การออมเงินของคุณสนุก และประสบความสำเร็จเร็วขึ้น
- แบ่งเงินรายจ่ายทุกเดือน
ปัจจุบันค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมีเพิ่มมากขึ้น ทั้งค่าน้ำประปา, ค่าไฟฟ้า, ค่าโทรศัพท์, ค่ารีไฟแนนซ์บ้าน, ค่าผ่อนรถยนต์ค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกมากมาย
ดังนั้น คุณควรรีบแบ่งเงินชำระ พร้อมทั้งจดรายละเอียดของใช้จ่ายต่างๆ เพื่อที่คุณจะได้ไม่มีปัญหาจ่ายหนี้ไม่ตรงเวลา หรือเงินไม่พอชำระหนี้ เนื่องจากนำเงินไปใช้จ่ายอย่างอื่นก่อน
- แบ่งเงินที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน
การแบ่งเงินเพื่อการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จะช่วยให้คุณสามารถกำหนดการใช้จ่ายได้เป็นอย่างมาก อีกทั้งจะทำให้คุณมีเงินเหลือเพื่อการออมมากขึ้น
ซึ่งหากคุณจดบันทึกรายรับและรายจ่ายร่วมด้วย จะช่วยให้คุณสามารถประเมินการใช้จ่ายของคุณได้เป็นอย่างดีว่า ค่าใช้จ่ายที่เสียไปนั้นเป็นสิ่งที่คุ้มค่า และมีประโยชน์มากพอหรือไม่ ?
แนวคิดการรู้จักอดออม
เมื่อครั้งทรงพระเยาว์พระองค์ได้กราบทูลสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีว่า อยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆ เข้ามีกันหมด ซึ่งสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีมีรับสั่งว่า
“ลูกอยากได้ก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญได้มาก ค่อยเอาไปซื้อ”
จึงทำให้พระองค์ได้รู้จักการอดออม และเริ่มการเก็บออมเงินนับตั้งแต่ครั้งนั้น โดยพระองค์เก็บออมเงินจนสามารถซื้อรถจักรยาน และ กล้องถ่ายรูปด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์เอง ในขณะที่มีพระชนมพรรษาเพียง 8 พรรษา เท่านั้น
แสดงให้เห็นถึงการมีวินัย และความตั้งใจอย่างแท้จริงในการอดออมเงิน ซึ่งถือเป็นต้นแบบที่ดีสำหรับนักออมเงินมือใหม่ หรือผู้ที่กำลังท้อแท้ในการเก็บออมเงิน
แนวคิดการเพิ่มคุณค่า
สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้ทรงอบรมพระองค์ท่านให้รู้จัก “การให้” โดยทรงทำกระป๋องออมสินที่เรียกว่า “กระป๋องคนจน” เอาไว้ เพื่อให้พระองค์ท่านนำเงินที่ได้ไปมอบให้กับผู้ยากไร้ หรือมูลนิธิต่างๆ ทุกๆ สิ้นเดือน เช่นโรงเรียนสอนคนตาบอด, มอบให้เด็กกำพร้า, มอบให้ผู้พิการ หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน
โดยเงินใน “กระป๋องคนจน” มาจากเงินที่คล้ายกับการหักภาษีทั่วไป เพราะหากพระองค์นำเงินส่วนพระองค์ไปทำกิจกรรมต่างๆ แล้วได้ผลกำไร จะต้องถูก “เก็บภาษี” โดยหักเพียง 10% เพื่อนำมาหยอดในกระปุกดังกล่าว
การปลูกฝัง “การให้” ตั้งแต่ครั้งพระเยาว์นี้เอง ทำให้พระองค์กลายเป็นผู้ให้ ที่คอยมอบสิ่งดีๆ และเป็นประโยชน์แก่ประชาชนชาวไทยมาตลอดระยะเวลา 70 พรรษา ที่ทรงครองราชย์
แนวคิดการรู้จักพอเพียง
ความพอเพียงของพระองค์ท่านเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย เช่น พระองค์ทรงใช้หลอดยาสีพระทนต์จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ และบริเวณคอหลอดบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด
เนื่องจากพระองค์ทรงใช้ด้ามแปรงสีพระทนต์ช่วยรีด และกดเป็นรอยบุ๋มนั่นเอง หรือการที่พระองค์ไม่ยึดติดกับวัตถุ เช่น ไม่โปรดการใช้ปากการาคาแพง หรือการใช้ดินสอของพระองค์ ที่ทรงใช้จนกว่าดินสอจะสั้นกุด และทรงเบิกดินสอใช้เพียงปีละ 12 แท่งเท่านั้น
แนวคิดของพระองค์ที่รู้จักพอเพียง ไม่ยึดติดกับค่านิยม หรือวัตถุ เป็นต้นแบบอีกอย่างหนึ่งของปวงชนชาวไทยทั้งในเรื่องการใช้จ่าย และการดำรงชีวิตอย่างเรียบง่าย ซึ่งความพอเพียงนี้เป็นสิ่งที่สามารถปฏิบัติได้กับทุกคน ไม่ว่าจะรวยหรือจน เพราะหากคุณนำแนวคิดนี้ไปปฏิบัติจะทำให้คุณลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และมีเงินเก็บสะสมมากขึ้น
แนวคิดและวิธีบริหารจัดการเงินแบบพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 นั้น เป็นสิ่งที่ประชาชนชาวไทยควรปฏิบัติตาม เพราะพระองค์ท่านทรงแสดงให้เห็นแล้วว่า แนวคิดดังกล่าวนี้สามารถทำได้จริง และถือเป็นการบริหารจัดการเงินอีกหนึ่งวิธีที่จะมีประโยชน์แก่ผู้ที่สามารถปฏิบัติตามได้
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี