วางแผนอย่างไร ดูแลค่าใช้จ่ายและค่าเทอมลูกได้อย่างไร้กังวล ?
‘ค่าเทอมลูก’ สิ่งสำคัญที่ถือเป็นภาระหน้าที่รับผิดชอบของคุณพ่อคุณแม่ทุกคนที่จะต้องดูแลและทำการวางแผนเป็นอย่างดี เพื่อให้สามารถมีเงินสำหรับจ่ายค่าเทอมและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นต่อการเล่าเรียนของเด็ก ๆ ในบ้าน และแน่นอนว่าในการส่งเด็กสักคนหนึ่งเรียนหนังสือจนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก ดังนั้นต้องวางแผนให้ดีอย่าพลาด เพราะมีอนาคตทางการศึกษาของเด็ก ๆ เป็นเดิมพัน
วันนี้ แรบบิท แคร์ ได้นำขั้นตอนการวางแผนการดูแลค่าเทอมและค่าใช้จ่ายของลูกมาฝาก คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ท่านไหนที่กำลังจะวางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายลองอ่านดูกันได้เพื่อที่จะได้ไร้กังวลเรื่องค่าเทอมในอนาคตนั่นเอง
วางแผนค่าเทอมด้วยการตั้งเป้าว่าอยากให้ลูกเรียนที่ไหน
ขั้นตอนแรกในการวางแผนการจัดการค่าเทอมของลูก คือการวางแผนและหาข้อมูลว่าต้องการให้ลูกเข้าเรียนที่โรงเรียนไหน มีแนวทางการสอนอย่างไร มีสภาพสังคมและสิ่งแวดล้อมในการศึกษาเล่าเรียนอย่างไร และวางแผนที่จะส่งเสียให้ลูกเรียนถึงระดับไหน จะต้องวางแผนให้ไกลเพราะหากมีเป้าหมายสุดท้าย เช่น ต้องการให้ลูกเรียนจนจบปริญญาเอก ต้องการส่งให้ลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ ก็จะทำให้สามารถเลือกโรงเรียนเพื่อปูพื้นฐานส่งลูก ๆ ไปถึงจุดที่ต้องการได้ ไม่ต้องเหนื่อยตอนท้ายเพราะพื้นฐานไม่แน่นพอ
แน่นอนว่าเมื่อมองหาโรงเรียนที่เป็นเป้าหมายให้กับลูกนั้นนอกจากการพิจารณาเรื่องค่าเทอมและปัจจัยที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วก็มีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายทั้งประเภทของโรงเรียนว่าเป็นโรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนเอกชน หรือโรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนที่มองไว้มีระยะทางห่างจากบ้านหรือไม่ ลูกจะต้องเดินทางไปโรงเรียนอย่างไร เบื้องต้นควรมีตัวเลือกหลาย ๆ โรงเรียนไว้จากนั้นค่อย ๆ คัดเลือกโรงเรียนที่เหมาะสมที่สุดนั่นเอง
ศึกษาค่าเทอมของโรงเรียนที่ต้องการให้ลูกเข้า
หลังจากที่มีการเลือกโรงเรียนในใจไว้จำนวนหนึ่งแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนที่มีความสำคัญมากนั่นก็คือการศึกษาค่าเทอมของโรงเรียนต่าง ๆ ที่ได้เลือกเอาไว้ว่าทางบ้านสามารถจ่ายเงินค่าเทอมไหวหรือไม่ รายได้ของคุณพ่อคุณแม่เมื่อหักค่าใช้จ่ายจำเป็นภายในบ้านสามารถจ่ายเงินค่าเทอมของลูกไหวไหม และต้องไม่ใช่การมองในระยะสั้นเพียงเท่านั้น ควรศึกษาค่าเทอมของโรงเรียนอย่างน้อย 2-3 ช่วงชั้นการศึกษา ว่าแต่ละช่วงชั้นจะมีอัตราค่าเทอมเท่าไหร่ ในระยะยาวจ่ายไหวหรือไม่ เพราะสำหรับเด็ก ๆ แล้วการต้องย้ายโรงเรียนกลางคันนั้นเปรียบดั่งฝันร้าย ทั้งต้องเริ่มปรับตัวกับสภาพแวดล้อมและสังคมใหม่ ๆ และอาจได้รับการศึกษาเล่าเรียนที่ไม่ต่อเนื่องนั่นเอง
ประเมินค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากค่าเทอม
แน่นอนว่าการส่งเด็กคนหนึ่งเรียนหนังสือนั้นค่าใช้จ่ายตลอดระยะเวลาที่ต้องศึกษาย่อมไม่ได้มีเพียงแค่ค่าเทอมเพียงเท่านั้น ยังต้องมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จะมีเพิ่มเติมอีกมากมาย เช่น ค่าเสื้อผ้า ค่าหนังสือเรียน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเรียนพิเศษ ค่าทัศนศึกษา ค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่อาจโผล่ขึ้นมาได้เสมอ จะต้องคิดเผื่อและประเมินค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อย่ามองข้ามเด็ดขาด เพราะไม่งั้นหากถึงเวลาต้องจ่ายมาจะปวดหัวกันทีเดียว
นำค่าเทอมตั้งต้นและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ มาคิดเงินเฟ้อ
ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่มักจะลืมคำนึงถึงในการวางแผนค่าใช้จ่าย ค่าเทอมลูกก็คือปัจจัยเรื่องเงินเฟ้อ เนื่องจากโดยปกติแล้วค่าเทอมและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการศึกษาของลูกนั้นมักมีการปรับขึ้นตามเงินเฟ้อ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรคาดการณ์และประมาณค่าใช้จ่ายล่วงหน้าโดยเพิ่มอัตราเงินเฟ้อบวกเพิ่มเข้าไปประมาณ 3-5% ต่อปีจึงจะสามารถคำนวณค่าเทอมและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องนั่นเอง
ทำการแยกเก็บเงินในส่วนของค่าเทอมและค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาไว้
หลังจากที่ได้ทำการเลือกโรงเรียนที่อยากให้ลูกเข้า ศึกษาค่าเทอม ประเมินค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องเกิดขึ้นเมื่อลูกเข้ารับการศึกษา และนำค่าใช้จ่ายเหล่านั้นมาคิดเงินเฟ้อล่วงหน้าแล้วก็มาถึงขั้นตอนที่ต้องเริ่มปฏิบัติจริง ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ ล่วงหน้า โดยคุณพ่อคุณแม่ทุกคนควรเริ่มเก็บเงินตามเป้าหมายที่ได้คำนวณเอาไว้ โดยแยกเก็บเป็นบัญชีเฉพาะ ไม่ให้ปนกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ และมีวินัยในการเก็บออม และหักห้ามใจตนเองไม่ให้เอาเงินส่วนนั้นมาใช้จ่ายก่อนไม่ว่าจะกรณีใด ๆ ก็ตาม และนอกจากจะแยกบัญชีสำหรับการศึกษาของลูกออกมาจากค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ภายในบ้านแล้ว ก็ยังควรแบ่งสรรให้ชัด สำหรับบัญชีที่เอาไว้เก็บค่าเทอมของลูกโดยเฉพาะ และบัญชีสำหรับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ระหว่างการศึกษา ทั้งนี้ก็เพื่อความชัดเจนของการตรวจสอบจำนวนเงินที่มีสำหรับใช้จ่ายในแต่ละส่วนไม่ให้ปะปนกัน และสามารถตรวจสอบความคืบหน้าของการเก็บเงินค่าเทอมลูกซึ่งเป็นส่วนสำคัญหลัก ๆ ได้อย่างรวดเร็ว
หาค่าเทอมของลูกเพิ่มด้วยการให้เงินได้ทำงาน
แน่นอนว่าเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้คุณพ่อคุณแม่หลายคนคงรู้สึกไม่สบายใจว่าไม่ว่าจะวางแผนนานเท่าไหร่ แต่สำหรับการเก็บออมค่าเทอมและค่าใช้จ่ายสำหรับส่งเสียเด็กคนหนึ่งในระบบการศึกษานั้นย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจมีความกังวลว่าเมื่อเวลาผ่านไป ลูกโตขึ้นและจำเป็นที่จะต้องเข้าเรียน เงินที่เก็บเอาไว้ก็จะต้องทำการจ่ายออกไป แต่เงินที่เก็บเพิ่มนั้นกลับหาเพิ่มทีละมาก ๆ ไม่ได้ ดังนั้นจึงควรที่จะคิดหาวิธีที่จะทำให้เงินเก็บเพิ่มพูนขึ้นได้โดยให้เงินทำงานอีกวิธีหนึ่งนั่นเอง
วิธีที่คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่นิยมใช้ในการจัดสรรกับเงินเก็บที่มีอยู่ในมือเพื่อให้เงินจำนวนนั้นออกดอกออกผลและสามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาของลูกและค่าเทอมนั้นก็คือการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ซึ่งทั้งนี้ก็จะทำการประเมินระยะเวลาที่ต้องการใช้เงินจำนวนนั้น ๆ และวางแผนการลงทุนเฉลี่ยกันไป โดยการตั้งเป้าหมายเงินที่ต้องใช้จ่ายทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
สำหรับในส่วนของการลงทุนเพื่อค่าใช้จ่ายระยะสั้นหรือค่าเทอมของลูกใน 1-3 ปีแรกนั้น คุณพ่อคุณแม่ส่วนมากจะนิยมลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เน้นการรักษาเงินต้นเอาไว้และสร้างกำไรให้พอประมาณ
ส่วนการลงทุนเพื่อค่าใช้จ่ายในระยะกลางจะเป็นการลงทุนสำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นใน 4-10 ปีข้างหน้า ในจุดนี้คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่มักเลือกที่จะลงทุนที่มีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นมาหรือก็คือการลงทุนแบบความเสี่ยงปานกลาง เพราะสามารถใช้ระยะเวลานาน ๆ ได้ และหากโชคร้ายขาดทุนไปก็ยังพอมีเวลาที่จะหาเงินมาเติมได้นั่นเอง
และสำหรับการลงทุนเพื่อค่าเทอมลูกในระยะยาวนั้น จะเป็นการลงทุนเพื่อค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นให้หลังในอีก 10 กว่าปีข้างหน้า ส่วนนี้จะสามารถลงทุนในการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงได้ ซึ่งเมื่อลงทุนแบบที่ความเสี่ยงสูงก็จะสามารถทำให้มีโอกาสในการงอกเงยของเงินได้มากกว่า
ทั้งนี้มีการลงทุนมากมายที่สามารถเป็นประโยชน์ในการสร้างเงินเพิ่มขึ้นและนำมาลดหย่อนภาษีได้ บอกเลยว่าหากศึกษาดี ๆ ก็สามารถสร้างเงินได้แบบสบาย ๆ ใช้เงินเก็บที่มีอยู่ช่วยหาค่าเทอมและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการส่งเสียลูกเรียนได้แบบไม่ต้องเปลืองแรงเลยทีเดียว
อย่าลืมวางแผนการจัดการความเสี่ยงในอนาคต
คุณพ่อคุณแม่อาจคิดว่ากระบวนการในการวางแผนค่าใช้จ่ายในการหาค่าเทอมและค่าใช้จ่ายสำหรับการส่งลูกเรียนนั้นจบลงแล้ว แต่นอกจาก 6 ขั้นตอนที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้ว ยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่จะละเลยไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะหากเพิกเฉยและไม่ได้ทำสิ่งนี้ ก็อาจส่งผลกระทบให้แผนที่วางไว้เป็นอย่างดีล่มไม่เป็นท่าเพราะต้องดึงเงินส่วนนั้นมาใช้จ่ายยามจำเป็น
โดยสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่จะละเลยไปไม่ได้ ก็คือการวางแผนจัดการความเสี่ยงในอนาคตให้กับคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการทำประกับอุบัติเหตุให้กับสมาชิกในบ้าน ทำประกันเด็กให้กับลูก ๆ การทำประกันสุขภาพสำหรับตัวคุณพ่อคุณแม่เอง ที่จะช่วยให้เมื่อถึงเวลาและมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นไม่จำเป็นต้องดึงเงินเก็บสำหรับการศึกษาของลูกมาใช้ หรือแม้แต่กระทั่งทำประกันชีวิต กับ แรบบิท แคร์ สำหรับตัวคุณพ่อคุณแม่ไว้ หากมีเหตุสุดวิสัยอื่นใด ก็สามารถอุ่นใจได้ว่าลูก ๆ จะมีเงินใช้จ่ายตลอดช่วงเวลาการเติบโต
สรุป
สรุป
และทั้งหมดนี้ก็คือวิธีในการวางแผนการจัดการค่าเทอมและค่าใช้จ่ายของลูกได้อย่างครอบคลุม หลีกเลี่ยงปัญหาเงินขาดมือไม่มีเงินสำหรับค่าเทอมให้ลูกในอนาคต แรบบิท แคร์ ขอเอาใจช่วยคุณพ่อคุณแม่ทุกคน เพื่อลูก ๆ ต้องทำได้อย่างแน่นอน!
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี