Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
info

💙 แจก Starbuck Voucher มูลค่า 800 บาทฟรี! เพียงเปิดบัญชี Webull ผ่านช่องทางของ Rabbit Care สนใจ คลิก! 💙

เปรียบเทียบประกันมอเตอร์ไซค์ง่ายๆ ภายใน 30 วินาที กับ Rabbit Care

เครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์

เครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ มีกี่ประเภท ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

เครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ คือ หัวใจสำคัญของการขับเคลื่อน ซึ่งตัวเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์จะสามารถทำงานได้เป็นอย่างดี ต้องเกิดขึ้นจากการประกอบอะไหล่ที่สำคัญเข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ ที่มีหน้าที่เปลี่ยนพลังงานความร้อนเป็นพลังงานกล แล้วส่งกำลังขับเคลื่อนเข้าสู่ระบบของรถมอเตอร์ไซค์ ทำให้วิ่งไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ใครอยากทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ขั้นพื้นฐานที่มีโอกาสพบเจอในชีวิตประจำวันบ่อยครั้ง แรบบิท แคร์ รวบรวมข้อมูลเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ของมอเตอร์ไซค์ แต่ละประเภทที่น่าสนใจมาให้ทั้งหมดแล้ว

ความสำคัญของเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์

เครื่องยนต์นั้นเปรียบเสมือนเป็นหัวใจของรถมอเตอร์ไซค์เลยก็ว่าได้ เพราะว่าเป็นเครื่องจักรกลที่จะทำหน้าที่เปลี่ยนพลังงานความร้อนให้กลายเป็นพลังงานกล แล้วจึงส่งผลทำให้รถมอเตอร์ไซค์เคลื่อนที่ได้นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ได้มีการใช้เครื่องยนต์มาเป็นส่วนหนึ่งในยานพาหนะ เช่น รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ หรือเครื่องทุ่นแรงต่าง ๆ เพื่อที่จะช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้แก่มนุษย์มากยิ่งขึ้น

ส่วนประกอบเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ มีอะไรบ้าง

เริ่มด้วยส่วนประกอบเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ มีอะไรบ้าง องค์ประกอบเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์มีทั้งหมด 12 ส่วนด้วยกัน คือ ฝาสูบ, เสื้อสูบ, อ่างน้ำมันเครื่อง, กระบอกสูบ, ลูกสูบ, ก้านสูบ, เพลาข้อเหวี่ยง, ลิ้นไอดี, ลิ้นไอเสีย, สปริง, หัวฉีด, หัวเทียน และล้อช่วยแรง โดยแต่ละส่วนประกอบของเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์มีดังนี้

  • ฝาสูบ: มีหน้าที่หลักของฝาสูบในเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์คือปิดและสนับสนุนห้องเผาไหม้ ในขณะที่เชื้อเพลิงและอากาศถูกบีบอัด นอกจากนี้ฝาสูบยังมีบทบาทในการระบายความร้อนและควบคุมความดันเชื้อเพลิง เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคง
  • เสื้อสูบ: มีหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักของกระบอกสูบ และฝาสูบ เสื้อสูบมีบทบาทในการรองรับและยึดติดส่วนอื่น ๆ ของเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ เพื่อให้กระบอกสูบและวาล์วทำงานอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
  • อ่างน้ำมันเครื่อง: มีหน้าที่เก็บและบำรุงน้ำมันเครื่องยนต์ นอกจากนี้ยังเป็นที่อยู่ของเครื่องส่วนอื่น ๆ ของเครื่องยนต์ เช่น ส่วนที่เชื่อมต่อกับกระบอกสูบ และฝาสูบ อ่างน้ำมันเครื่องช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพและการทำงานของเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์
  • กระบอกสูบ: มีหน้าที่สร้างพื้นที่ว่างในการดูดซึมและบีบอัดเชื้อเพลิงและอากาศ รวมถึงการเผาไหม้เชื้อเพลิงในกระบอกสูบเพื่อสร้างพลังงานที่จำเป็นในการขับเคลื่อนรถจักรยานยนต์
  • ลูกสูบ: มีหน้าที่เคลื่อนที่ขึ้น-ลงภายในกระบอกสูบ (Cylinder) โดยรับแรงดันจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงและอากาศ ลูกสูบมีบทบาทในการบีบอัดและเติมพลังงานให้กับเครื่องยนต์ เป็นส่วนสำคัญในกระบวนการสูบ-บีบ-เผาไหม้ของเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์
  • ก้านสูบ: มีหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างลูกสูบ (Piston) และเพลาครัช (Crankshaft) ซึ่งช่วยในกระบวนการแปลงการเคลื่อนที่เชิงเส้นของลูกสูบเป็นการเคลื่อนที่เชิงหมุนของเพลาครัช เป็นส่วนสำคัญในการส่งพลังงานจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงไปยังขับเคลื่อนลูกสูบและเครื่องยนต์โดยรวมในเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์
  • เพลาข้อเหวี่ยง: มีหน้าที่แปลงการเคลื่อนที่เชิงเส้นของลูกสูบเป็นการเคลื่อนที่เชิงหมุน โดยเพลาข้อเหวี่ยงรับแรงจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงและอากาศในห้องเผาไหม้และส่งพลังงานให้กับระบบขับเคลื่อน เพลาข้อเหวี่ยงเชื่อมต่อกับลูกสูบผ่านก้านสูบและทำให้ลูกสูบเคลื่อนที่ด้วยการบีบอัดและคลายตามการหมุนของเพลาข้อเหวี่ยง
  • ลิ้นไอดี: มีหน้าที่เปิดเพื่อให้เชื้อเพลิงและอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ในกระบอกสูบ โดยจะเปิดในจังหวะการดูดซึมเมื่อลูกสูบเคลื่อนที่ลง ซึ่งทำให้สามารถดูดเชื้อเพลิงและอากาศลงไปในห้องเผาไหม้เพื่อเตรียมพร้อมในกระบวนการการเผาไหม้และสร้างพลังงานในเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์
  • ลิ้นไอเสีย: เป็นส่วนที่รับผิดชอบในการปล่อยแก๊สไอเสียออกจากกระบอกเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์หลังจากการเผาไหม้เสร็จสิ้น เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับการสร้างปริมาณการไหม้ใหม่ในกระบอก
  • สปริง: มีหน้าที่รักษาวาล์วให้อยู่ในตำแหน่งปิดเมื่อไม่ได้รับแรงจากลูกสูบ และส่งกลับวาล์วไปสู่สภาพปิดอย่างรวดเร็วหลังจากการเปิด เพื่อป้องกันการรั่วของแก๊สภายในกระบอกเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์
  • หัวฉีด: มีหน้าที่ฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฝอยไปยังกระบอกเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ในรูปแบบที่ถูกควบคุมให้ถูกต้อง เพื่อทำให้การเผาไหม้และผลักลูกสูบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดการปล่อยก๊าซมลพิษ
  • หัวเทียน: เป็นอุปกรณ์ที่สร้างประกายไฟในกระบอกเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ เพื่อจุดประกายการเผาไหม้ของน้ำมันเชื้อเพลิงและอากาศ ซึ่งทำให้เกิดแรงดันที่ผลักลูกสูบเคลื่อนที่ได้
  • ล้อช่วยแรง: มีหน้าที่เก็บและปล่อยพลังงานหมุน เพื่อทำให้การหมุนของเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์มีความเรียบร้อยและสม่ำเสมอ และช่วยให้เครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์สามารถเริ่มต้นได้

วิธีจำแนกประเภทเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์

วิธีจำแนกประเภทเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ สามารถทำได้ด้วยการแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก คือ รูปแบบเครื่องยนต์, จำนวนจังหวะ, ระบบระบายความร้อน, จำนวนกระบอกสูบ และกำลังเครื่องยนต์

• รูปแบบเครื่องยนต์

Single, Parallel-Twin, Inline-Three, Inline-Four, V-Twin, L-Twin, V4 และ Flat-Twins

• จำนวนจังหวะเครื่องยนต์

2 จังหวะ / 4 จังหวะ

• ระบบระบายความร้อน

ระบายความร้อนด้วยอากาศ / ระบายความร้อนด้วยของเหลว

• หลากหลายกระบอกสูบ

1, 2, 3, 4, (5), 6

• กำลังเครื่องยนต์

50-2,500 cc

เครื่องยนต์ 2 จังหวะ กับ 4 จังหวะ ต่างกันอย่างไร

เคยสงสัยไหมกับคำว่าเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ 2 จังหวะ กับ เครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ 4 จังหวะต่างกันอย่างไร เดี๋ยวเราลองมาดู หลักการทำงานของเครื่องยนต์ 2 จังหวะ และ หลักการทำงานของเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ดังนี้

การ ทำงาน ของ เครื่องยนต์ 2 จังหวะ

หลักการทำงานของเครื่องยนต์ 2 จังหวะ คือ การทำงานอย่างรวดเร็วและมีระบบที่เรียบง่ายเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 4 จังหวะ มันทำงานในสองขั้นตอนหลัก ๆ ซึ่งรวมอยู่ในหนึ่งวงจรระบบ:

• จังหวะการดึงเอาท์และการบีบอัด (Intake/Compression stroke)

ในขั้นตอนนี้ ลูกสูบจะเคลื่อนที่ขึ้นไปบีบอัดเชื้อเพลิงที่อยู่ในกระบอกเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ พร้อมกับนั้น การเคลื่อนที่ขึ้นของลูกสูบจะทำให้เกิดการดึงเอาท์ลมภายนอกไปยังกระบอกเครื่องผ่านทางดึงเอาท์

• จังหวะการเผาไหม้และการขับเคี่ยว (Combustion/Exhaust stroke)

หัวเทียนจะสร้างประกายไฟให้กับเชื้อเพลิงที่บีบอัด ทำให้เกิดการเผาไหม้และผลักลูกสูบลงมา พร้อมกับนั้น เชื้อเพลิงที่ได้รับการเผาไหม้ใหม่จากทางดึงเอาท์จะถูกดันเข้าไปยังกระบอกเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ ทำให้แก๊สไอเสียที่เผาไหม้แล้วถูกขับออกไปยังทางไอเสีย

เครื่องยนต์ 2 จังหวะมีข้อดีในเรื่องของน้ำหนักที่เบาและสามารถสร้างกำลังมากขึ้นได้เมื่อเทียบกับขนาดเครื่องยนต์ที่เท่ากันกับเครื่องยนต์ 4 จังหวะ แต่เนื่องจากการทำงานที่เผาไหม้เชื้อเพลิงและปล่อยก๊าซไอเสียในวงจรเดียวกัน การปล่อยมลพิษจึงสูงกว่า

การ ทำงาน ของ เครื่องยนต์ 4 จังหวะ

หลักการทำงานของเครื่องยนต์ 4 จังหวะ มี 4 ขั้นตอนหลักซึ่งเป็นการแยกขั้นตอนการเผาไหม้และปล่อยก๊าซไอเสียออกไป เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและลดมลพิษ:

จังหวะดึงเอาท์ (Intake stroke)

ลูกสูบเคลื่อนที่ลงมาสร้างแรงดูด ดึงเชื้อเพลิงและอากาศเข้าสู่กระบอกเครื่องผ่านวาล์วดึงเอาท์ที่เปิด

จังหวะบีบอัด (Compression stroke)

วาล์วดึงเอาท์ปิด ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นบีบอัดเชื้อเพลิงและอากาศให้แน่น

จังหวะการเผาไหม้ (Combustion stroke)

หัวเทียนสร้างประกายไฟให้กับเชื้อเพลิงที่บีบอัด เกิดการเผาไหม้และผลักลูกสูบลงมา

จังหวะขับเคี่ยว (Exhaust stroke)

วาล์วไอเสียเปิด ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นเพื่อขับแก๊สไอเสียที่เผาไหม้แล้วออกไป

เครื่องยนต์ 4 จังหวะมีประสิทธิภาพและความเรียบร้อยสูงกว่า เชื้อเพลิงถูกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการปล่อยมลพิษที่ต่ำกว่าเครื่องยนต์ 2 จังหวะ

ทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้วว่าเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ มีความสำคัญมากขนาดไหน รวมถึงมีองค์ประกอบสำคัญกี่ชิ้น และเข้าใจว่าเครื่องยนต์ 2 จังหวะ เครื่องยนต์ 4 จังหวะมีการทำงานที่แตกต่างกันอย่างไร พอเห็นแบบนี้แล้วคงจะหลงรักรถมอเตอร์ไซค์คันโปรดของคุณขึ้นมาเลยใช่ไหม งั้นมาเลือกโปรแกรมประกันมอเตอร์ไซค์จาก แรบบิท แคร์ กันดีกว่า

เรามีบริการเปรียบเทียบประกันมอเตอร์ไซค์จากเหล่าบริษัทประกันชั้นนำ พร้อมด้วยข้อเสนอสุดพิเศษที่คุณยากจะปฏิเสธ หากสนใจเพียงแค่คลิกที่ลิงก์ หรือโทรติดต่อโดยตรงที่ 1438 (โทรได้ 24 ชั่วโมง)

CC คืออะไร? และมีความสำคัญอย่างไรกับเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์?

CC มอเตอร์ไซค์ คือ หน่วยที่ใช้เรียกแทนความจุปริมาตรกระบอกสูบของเครื่องยนต์ และยังเป็นตัวบ่งบอกความต่างของกำลังเครื่องยนต์อีกด้วย ทั้งในเรื่องของแรงม้าและแรงบิด โดยคำว่า CC นี้ก็ย่อมาจากคำว่าลูกบาศก์เซนติเมตรนั่นเอง 1 ลิตรก็จะมีค่าเท่ากับ 1,000 CC ยิ่ง CC เยอะเท่าไหร่รถก็จะยิ่งแรงเท่านั้น และในปัจจุบันนี้มอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่จะมีความจุอยู่ที่ประมาณ 1,500-4,000 CC โดยเราจะสังเกตได้จากประเภทของเครื่องยนต์ เช่น ถ้ามอเตอร์ไซค์เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ และแต่ละสูบมีความจุอยู่ที่ประมาณ 250 CC นั่นก็หมายความว่าเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์คันนี้มีขนาดความจุของกระบอกสูบทั้งหมด 1,000 CC นั่นเอง

ตารางหัวฉีด มอเตอร์ไซค์ CC มีรหัสอะไรบ้าง?

ตารางรหัสหัวฉีดและปริมาตรการจ่าย

 

รหัสหัวฉีด

ปริมาตรการจ่าย

6E(เล็ก)

100 cc

6J(เล็ก)

125 cc

8XI(เล็ก)

130 cc

6G(เล็ก)

145 cc

8III(เล็ก)

150 cc

6K(เล็ก)

165 cc

8P(เล็ก)

170 cc

8W(เล็ก)

185 cc

10B(เล็ก)

265 cc

14C(เล็ก)

270 cc

10A(เล็ก)

365 cc

10 รูสอง

190 cc

8 รูเล็ก

140 cc

 

ตารางโค้ดหัวฉีดและปริมาตรการจ่าย

 

โค้ดหัวฉีด

ปริมาตรการจ่าย

6E(ใหญ่)

105 cc

6J(ใหญ่)

125 cc

6G(ใหญ่)

160 cc

8R(ใหญ่)

165 cc

6K(ใหญ่)

170 cc

8W(ใหญ่)

175 cc

8H(ใหญ่)

180 cc

10N(ใหญ่)

245 cc

10U(ใหญ่)

255 cc

12F(ใหญ่)

275 cc

10Z(ใหญ่)

330 cc

14C(ใหญ่)

430 cc

12T(ใหญ่)

440 cc

12L(ใหญ่)

445 cc

การคำนวน CC รถมอเตอร์ไซค์ มีวิธีการคำนวณอย่างไร?

สูตร : การหาค่าปริมาตรกระบอกสูบ = [π × (ขนาดกระบอกสูบ÷2)² × ระยะชัก × จำนวนกระบอกสูบ] ÷ 1,000
หมายเหตุ :

  • ค่าพาย = 3.142
  • ระยะชัก = ระยะการเคลื่อนที่ของลูกสูบจากบนลงล่าง มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร

ยกตัวอย่าง : เครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ Honda Wave 125i

  • ขนาดกระบอกสูบ = 52.4
  • ระยะชัก = 57.9
  • จำนวนกระบอกสูบ = 1

ดังนั้น ปริมาตรกระบอกสูบ = [3.142 × (26.2)² × 57.9 × 1] = 124.9 cc

การทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์กี่ CC ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

โดยปกติแล้วการทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคลนั้น จะมีข้อบังคับที่ว่า

  • หากอายุระหว่าง 15-18 ปี จะสามารถทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ได้ในขนาดความจุกระบอกสูบที่ไม่เกิน 110 cc.
  • หากอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จะสามารถทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคลได้ทุกรูปแบบ
  • และถ้าหากอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ถึงจะสามารถทำใบขับขี่มอเตอร์ไซค์สาธารณะได้
  • แต่ถ้าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มีเครื่องยนต์ขนาด 400 cc. หรือ 47 แรงม้าขึ้นไป อันนี้จะต้องทำใบขับขี่เฉพาะรถบิ๊กไบค์เท่านั้น เพราะถือว่าเป็นรถขนาดใหญ่และจะต้องมีความเชี่ยวชาญในการบังคับรถ

ความคุ้มครองประกันรถจักรยานยนต์

ตารางความคุ้มครอง    
 
ผลประโยชน์ 
ประกันรถจักรยานยนต์ ชั้น 1ประกันรถจักรยานยนต์ ชั้น 2+ประกันรถจักรยานยนต์ ชั้น 2ประกันรถจักรยานยนต์ ชั้น 3+ประกันรถจักรยานยนต์ ชั้น 3
คู่กรณี
บุคคล ✔️✔️✔️✔️✔️
ทรัพย์สินของคู่กรณี✔️✔️✔️✔️✔️
รถของผู้เอาประกันภัย
การชนแบบมีคู่กรณี✔️✔️✔️
การชนแบบไม่มีคู่กรณี✔️
ไฟไหม้✔️✔️✔️
รถหาย✔️✔️✔️
ภัยธรรมชาติ✔️✔️✔️
ช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง✔️✔️
ความคุ้มครองชีวิตจากอุบัติเหตุส่วนบุคคล
อุบัติเหตุส่วนบุคคล✔️✔️✔️✔️✔️
การรักษาพยาบาล✔️✔️✔️✔️✔️
การประกันตัวผู้ขับขี่✔️✔️✔️✔️✔️

คำถามและข้อสงสัยที่พบบ่อย

หากเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์พัง แบบนี้ประกันจะรับเคลมไหม?

สามารถเคลมได้ถ้าหากว่าความเสียหายนั้นเกิดขึ้นจากกรณีของการเกิดอุบัติเหตุหรือภัยธรรมชาติเท่านั้น ซึ่งถ้าหากว่าความเสียหายนั้นเกิดขึ้นจากการเสื่อมสภาพของการใช้งานตามปกติ แบบนี้ทางบริษัทก็จะไม่สามารถรับเคลมได้ โดยที่ทางบริษัทประกันภัยจะชดเชยเป็นค่าเสียหายให้ตามที่เกิดขึ้นจริง แต่ก็อาจจะมีการหักค่าเสื่อมสภาพของอะไหล่รถยนต์ตามสภาพการใช้งานไปด้วย แต่ก็จะมีอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการอยากจะได้รับความคุ้มครองชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์โดยเฉพาะ ก็สามารถที่จะทำประกันอะไหล่รถยนต์ควบคู่กันไปด้วยเลยก็ได้ เพราะถ้าหากเกิดความเสียหายจากอะไรขึ้นมา เราก็สามารถที่จะแจ้งเคลมได้โดยที่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป

ซื้อรถมอเตอร์ไซค์มาใหม่ ควรเลือกทำประกันภัยชั้นไหนดี?

อันดับแรกแนะนำว่าควรที่จะสังเกตพฤติกรรมการขับขี่ของตนเองก่อน แต่ถ้าเกิดว่าเพิ่งออกรถใหม่หรือต้องการที่จะได้รับความคุ้มครองแบบครอบคลุม อันนี้ก็จะแนะนำว่าให้ทำเป็นประกันภัยชั้น 1 ไว้จะดีกว่า เพราะจะได้รับความคุ้มครองท้ังแบบที่ไม่มีคู่กรณีและมีคู่กรณี ไม่ว่าจะเป็นค่าเสียหายหรือค่ารักษาพยาบาลก็ตาม สามารถดูแผนประกันรถมอเตอร์ไซค์เพิ่มเติมได้ที่ ประกันรถมอเตอร์ไซค์

ซื้อประกันรถมอเตอร์ไซค์ผ่านแรบบิท แคร์ จะได้สิทธิประโยชน์อะไรบ้าง?

เพราะแรบบิท แคร์ นั้นมีประกันรถมอเตอร์ไซค์ให้คุณได้เลือกสรรมากมายตามความต้องการ ไม่ว่าจะในเรื่องของความคุ้มครองหรือในเรื่องของบริษัทประกันภัยใด เราก็สามารถที่จะใช้ระบบเปรียบเทียบแผนประกันของแรบบิท แคร์ เพื่อค้นหาความคุ้มครองที่ตรงตามความต้องการได้เลย และรับรองว่าจะได้ในราคาที่คุ้มค่าแน่นอน พร้อมกับจะได้รับความคุ้มครองแบบครบถ้วนจัดเต็ม สามารถคลิกเพื่อดูสิทธิประโยชน์อื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของแรบบิท แคร์

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา