ล้อช่วยแรง
ล้อช่วยแรงเป็นส่วนสำคัญของระบบเครื่องยนต์ในรถยนต์ ซึ่งมีหน้าที่เก็บและส่งพลังงานจากเครื่องยนต์มายังระบบเกียร์ ซึ่งจะทำให้รถเคลื่อนที่ได้โดยมีความเสถียรและตอบสนองได้ดี การใช้ล้อช่วยแรงแบบสองชั้น (Dual Mass Flywheel) จะช่วยลดแรงสั่นสะเทือนและเสียงดังที่เกิดขึ้นจากการทำงานของเครื่องยนต์ นอกจากนี้ล้อช่วยแรงยังช่วยลดการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นในระบบเกียร์และช่วยส่งกำลังให้เครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากการใช้ Flywheel แบบสองชั้นแล้ว ยังมีการใช้ล้อช่วยแรงแบบชั้นเดียว (Single Mass Flywheel) ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของความเบาและราคาไม่แพง แต่ประสิทธิภาพอาจจะไม่เทียบเท่ากับล้อช่วยแรงแบบสองชั้น ดังนั้นผู้ใช้งานจะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในการใช้งาน รวมไปถึงงบประมาณของตนเองก่อนการเลือกใช้ล้อช่วยแรงในรถยนต์ของตน
ล้อช่วยแรง คือ
ล้อช่วยแรง (Flywheel) เป็นเครื่องมือที่ใช้สะสมพลังงานจากแรงหมุนของก้านเพลา โดยมีหน้าที่เก็บพลังงานที่เกิดขึ้นจากการหมุนของเครื่องจักร และเมื่อต้องการใช้พลังงานสามารถเปลี่ยนแปลงพลังงานที่เก็บไว้ในล้อช่วยแรงนี้เป็นพลังงานที่ใช้ได้ตามต้องการได้ Flywheel มักถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมที่ต้องการพลังงานสูงและต้องการความเสถียรในการใช้งาน เช่น ในเครื่องจักรเหมืองแร่ หรือเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตอุตสาหกรรมโลหะ
Flywheel มีความสามารถในการเก็บพลังงานได้มากกว่าแบตเตอรี่ และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าจึงเป็นที่นิยมในปัจจุบันแต่การใช้ Flywheel ยังมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บ มีเรื่องของความหนักและขนาดที่ใหญ่ ทำให้ไม่สามารถนำไปใช้งานในบางสถานที่ได้ นอกจากนี้ การใช้ล้อช่วยแรงยังมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการใช้แบตเตอรี่ และยังต้องการการบำรุงรักษาเพื่อให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานอีกด้วย
ล้อช่วยแรง ทําหน้าที่อะไร
ล้อช่วยแรง (Flywheel) เป็นอุปกรณ์ที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลายในรถยนต์ โดยมีหน้าที่เก็บพลังงานและช่วยในการเคลื่อนที่ของรถยนต์ โดยการเก็บพลังงานของเครื่องยนต์ที่ก่อให้เกิดกระแสไฟฟ้า และเมื่อเครื่องยนต์หยุดทำงาน Flywheel จะช่วยให้เครื่องยนต์สามารถเริ่มต้นทำงานได้ง่ายขึ้น Flywheel มีโครงสร้างเป็นจานเหล็กที่มีน้ำหนักมาก โดยทำงานโดยอาศัยแรงเฉื่อยในตัวของมัน ทำให้เครื่องยนต์เดินเรียบ และไม่ส่งผลกระทบต่อเครื่องยนต์เมื่อมีการเปลี่ยนเกียร์หรือเมื่อเกิดการเบรก
นอกจากนี้ Flywheel ยังมีหน้าที่ช่วยในการลดแรงสะท้อนของเครื่องยนต์ที่เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน ทำให้การขับขี่รถยนต์มีความสะดวกสบายและปลอดภัยยิ่งขึ้น ล้อช่วยแรงจึงเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญและมีผลต่อการเคลื่อนที่ของรถยนต์ การเลือกใช้ Flywheel ที่มีคุณภาพดีและเหมาะสมกับรถยนต์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการรักษาความปลอดภัยและความเสถียรของการขับขี่
ล้อช่วยแรงแบบไหนที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์
1. ล้อช่วยแรงแบบแมกนีติก
เป็นระบบที่ใช้ล้อแมกนีเซียมเป็นตัวช่วยในการสะท้อนแรงเพื่อช่วยลดแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นในระบบเกียร์ของรถยนต์ โดย Flywheel แบบแมกนีติกจะมีขนาดเล็กและเบากว่าระบบช่วยแรงแบบไฮดรอลิก แต่มีความแม่นยำและควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่ดีกว่า Flywheel แบบแมกนีติกจึงเหมาะกับรถยนต์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนในเมืองหรือในที่ที่มีการเร่งความเร็วไม่มากนัก
2. ล้อช่วยแรงแบบไฮดรอลิก
เป็นระบบที่ใช้น้ำมันเป็นตัวช่วยในการสะท้อนแรงเพื่อช่วยลดแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นในระบบเกียร์ของรถยนต์ โดยระบบนี้จะมีขนาดใหญ่และหนักกว่าระบบช่วยแรงแบบแมกนีติก แต่มีความสามารถในการเปลี่ยนเกียร์อย่างรวดเร็วและเนื้อที่ติดตัวก็น้อยกว่า Flywheel แบบไฮดรอลิกจึงเหมาะกับรถยนต์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนในที่ที่มีการเร่งความเร็วมาก โดยเฉพาะในการขับรถบนทางด่วนหรือเส้นทางที่มีการขับรถเร็ว
แต่การจะเลือกใช้ระบบ Flywheel แบบไหนก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานและสภาพเส้นทางในการขับรถของผู้ใช้ การเลือกใช้ระบบล้อช่วยแรงที่เหมาะสมก็จะช่วยให้การขับรถเป็นไปได้อย่างราบรื่นและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
การติดตั้งล้อช่วยแรง
1. การติดตั้งล้อช่วยแรงแบบง่าย
การติดตั้ง Flywheel แบบนี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการติดตั้ง Flywheel โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของระบบส่งกำลัง การติดตั้ง Flywheel แบบง่ายนั้นมีขั้นตอน ดังนี้
- เปิดเครื่องยนต์และปล่อยเบรก
- ถอด Flywheel เก่าออกจากรถ
- ติดตั้ง Flywheel ใหม่ลงไปแทนที่
- ปรับแต่งระบบส่งกำลังให้เหมาะสม
2. การติดตั้งล้อช่วยแรงแบบซับซ้อน
เป็นวิธีที่ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของระบบส่งกำลัง การติดตั้ง Flywheel แบบซับซ้อนนั้นมีขั้นตอน ดังนี้
- ตรวจสอบระบบส่งกำลัง
- ถอด Flywheel เก่าออกจากรถ
- ติดตั้ง Flywheel ใหม่ลงไปแทนที่
- ปรับแต่งระบบส่งกำลังให้เหมาะสม
การติดตั้ง Flywheel แบบนี้มีความซับซ้อนมากขึ้นเนื่องจากต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของระบบส่งกำลัง และต้องใช้เครื่องมือและอุปกรณ์เพิ่มเติมในการติดตั้งเพิ่มเติม เช่น ต้องใช้เครื่องมือทำความสะอาดพื้นผิวของ Flywheel และของเครื่องยนต์ ต้องใช้เครื่องมือที่มีสายไฟไฟฟ้าและเครื่องมือวัดความดันอากาศ และต้องใช้อะไหล่และอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่น สายไฟไฟฟ้า สายคลัช เป็นต้น
การบำรุงรักษาล้อช่วยแรง
1. การดูแลล้อช่วยแรงแบบง่าย
ล้อช่วยแรงเป็นส่วนที่สำคัญของรถยนต์ที่ช่วยให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้ตลอดเวลา ดังนั้น การดูแล Flywheel จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการใช้งานรถยนต์เป็นประจำ การดูแล Flywheel แบบง่ายประกอบไปด้วย :
- ตรวจสอบการทำงานของ Flywheel เป็นประจำโดยเฉพาะเมื่อมีเสียงดังหรือสั่นสะเทือนที่ไม่เหมาะสม
- ตรวจสอบการทำงานของระบบคลัตช์โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนเกียร์ไม่สมบูรณ์หรือมีเสียงดัง
- ตรวจสอบและเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นประจำตามคำแนะนำของผู้ผลิต
- ตรวจสอบและเปลี่ยนสายพานเครื่องยนต์เป็นประจำตามคำแนะนำของผู้ผลิต
2. การดูแลล้อช่วยแรงแบบซับซ้อน
เป็นการดูแล Flywheel ด้วยวิธีการที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การตรวจสอบและเปลี่ยนส่วนประกอบของ Flywheel เมื่อเสียหรือชำรุด เป็นต้น ซึ่งการดูแล Flywheel แบบนี้จะประกอบไปด้วย :
- ตรวจสอบสภาพของ Flywheel เป็นประจำ
- ตรวจสอบและเปลี่ยนส่วนประกอบของ Flywheel เมื่อเสียหรือชำรุด
- ตรวจสอบและเปลี่ยนสายพานเครื่องยนต์เป็นประจำตามคำแนะนำของผู้ผลิต
- ตรวจสอบและเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเป็นประจำตามคำแนะนำของผู้ผลิต
ล้อช่วยแรงเสียหายประกันจ่ายไหม
หาก Flywheel ของรถยนต์เสียหายจากอุบัติเหตุ สิ่งที่ผู้ขับขี่ควรทำคือติดต่อบริษัทประกันภัยเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย โดยมีขั้นตอนดังนี้
• ติดต่อบริษัทประกันภัย
ผู้ขับขี่ควรติดต่อบริษัทประกันภัยที่เคยทำประกันรถยนต์ของตนเอง และแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงรายละเอียดของการเสียหาย รวมถึงการเสียหายของ Flywheel ด้วย
• ตรวจสอบนโยบายประกันภัย
ผู้ขับขี่ควรตรวจสอบเงื่อนไขของนโยบายประกันภัยเพื่อทราบว่า Flywheel เป็นสิ่งที่คุ้มครองไว้หรือไม่ หากคุ้มครอง ผู้ขับขี่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้
• ส่งรถยนต์ไปซ่อม
หลังจากที่ได้รับการอนุมัติเคลมจากบริษัทประกันภัย ผู้ขับขี่สามารถนำรถยนต์ไปซ่อมที่อู่ซ่อมรถที่ได้รับการแต่งตั้งโดยบริษัทประกันภัย
• ชำระเงินส่วนแรก
หลังจากที่ได้รับการอนุมัติเคลม ผู้ขับขี่จะต้องชำระเงินส่วนแรกตามเงื่อนไขของนโยบายประกันภัย
สำหรับการเคลมต่อเนื่องจากการเสียหายของ Flywheel ผู้ขับขี่ควรติดต่อบริษัทประกันภัยเพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติม และตรวจสอบเงื่อนไขของนโยบายประกันภัยอีกครั้ง เพื่อทำการเรียกร้องค่าเสียหายอย่างถูกต้องและเหมาะสม
ส่วนใครที่กำลังมองหาประกันที่จ่ายครอบคลุมในเรื่องของล้อช่วยแรง แรบบิท แคร์ ขออาสาแนะนำเคล็ดลับการซื้อประกันรถยนต์ ให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นดังนี้
- สำหรับรถป้ายแดงมือหนึ่ง จะถูกบังคับให้ทำประกันชั้น 1 แต่ถ้าใครที่มีรถสุดรัก สุดห่วง หรืออยากได้ความคุ้มครองครบ ก็สามารถจะเลือกต่อประกันชั้น 1 ก็ได้
- สำหรับใครที่มั่นใจในฝีมือการขับขี่ และรถยนต์เองก็ใช้มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว อาจจะเปลี่ยนลดลงมาใช้ประกันชั้น 2 หรือ ชั้น 2 พลัส แทน เพื่อประหยัดเงินก็ได้
- แต่ถ้าใคร ที่มีรถยนต์อายุเกิน 7 ปี หรือรถยนต์คันนั้น เปรียบเทียบการใช้งานต่าง ๆ แล้ว ไม่ค่อยได้ใช้ขับขี่ออกนอกถนนเท่าไหร่ ก็อาจจะเลือกทำประกันชั้น 3 หรือ ชั้น 3 พลัส เพื่อประหยัดเงินในกระเป๋าก็ได้เช่นกัน เนื่องจากมีราคาถูกกว่ามาก
ในกรณีที่ไม่มั่นใจว่า รถยนต์ของเราเหมาะกับประกันรถชั้นไหน คุณสามารถปรึกษาบริษัทประกันฯ หรือโบรกเกอร์ประกันที่ไว้ใจได้ อย่าง แรบบิท แคร์ เพื่อช่วยเช็คราคาประกันรถที่ตรงใจได้เสมอ
ความคุ้มครองประกันรถยนต์
ตารางความคุ้มครอง | ผลประโยชน์ | ||||
ประกันรถยนต์ ชั้น 1 | ประกันรถยนต์ ชั้น 2+ | ประกันรถยนต์ ชั้น 2 | ประกันรถยนต์ ชั้น 3+ | ประกันรถยนต์ ชั้น 3 | |
คู่กรณี | |||||
บุคคล | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
ทรัพย์สินของคู่กรณี | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
รถของผู้เอาประกันภัย | |||||
การชนแบบมีคู่กรณี | ✔️ | ✔️ | ❌ | ✔️ | ❌ |
การชนแบบไม่มีคู่กรณี | ✔️ | ❌ | ❌ | ❌ | ❌ |
ไฟไหม้ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ❌ | ❌ |
รถหาย | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ❌ | ❌ |
ภัยธรรมชาติ | ✔️ | ✔️ | ❌ | ✔️ | ❌ |
ช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง | ✔️ | ✔️ | ❌ | ❌ | ❌ |
ความคุ้มครองชีวิตจากอุบัติเหตุส่วนบุคคล | |||||
อุบัติเหตุส่วนบุคคล | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
การรักษาพยาบาล | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
การประกันตัวผู้ขับขี่ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ | ✔️ |
หมายเหตุ
- ความคุ้มครองจากภัยธรรมชาติ สำหรับประกันรถยนต์ชั้น 2+ และ 3+ ขึ้นอยู่กับแพคเกจประกันรถยนต์ของบริษัทนั้นๆ
- ให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง จำกัดเฉพาะรถยนต์ส่วนบุคคล อายุรถไม่เกิน 15 ปี เท่านั้น