ตามดู! ความเชื่อ “ตากระตุก” ตามหลักวิทยาศาสตร์และโหราศาสตร์
อาการคันตา ร่วมกับตาซ้ายหรือตาขวากระตุก หรือกล้ามเนื้อบริเวณเปลือกตาเคลื่อนไหวผิดปกติ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของโรคร้ายแรงทางประสาทที่ซ่อนตัวอยู่ วันนี้ แรบบิท แคร์ รวบรวมเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับอาการตากระตุก พร้อมความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับอาการตากระตุกตามความเชื่อโหราศาสตร์ไทยมาฝากกัน
อาการ “ตากระตุก” ตามหลักวิทยาศาสตร์
อาการตากระตุก หรือกล้ามเนื้อหนังตากระตุก หรือลักษณะการเคลื่อนตัวผิดจากปกติของหนังตา อาจเกิดขึ้นได้จากปัญหาการรับส่งกระแสไฟฟ้าประสาทที่ทำงานผิดปกติ จากทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิต และปัญหาสุขภาพส่วนตัว ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่นำไปสู่โรคร้ายแรงทางระบบประสาทได้
ตากระตุก คืออะไร? เกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร?
อาการตากระตุก หรือหนังตากระตุก (Eye Twitching) คือ ลักษณะที่เปลือกตาขยับเคลื่อนไหวรวดเร็วผิดปกติ หรือขยับถี่ จนก่อให้เกิดความรำคาญ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทั้งหนังตาบริเวณเปลือกตาด้านบน และหนังตาบริเวณเปลือกตาด้านล่าง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว อาการตากระตุกจะเป็นลักษณะอาการที่ไม่รุนแรง ไม่เจ็บปวด เกิดขึ้นและหายได้เอง ยกเว้นในบางกรณีที่อาจมีอาการตากระตุกอย่างต่อเนื่อง ไม่สามารถหยุดกระตุกได้ตามปกติ เนื่องจากอาจเป็นอาการร่วมของโรคร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท
อาการหนังตากระตุกเกิดขึ้นได้จากปัจจัยกระตุ้นการเกิดอาการหลายสาเหตุ ซึ่งเป็นผลมาจากทั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน หรือปัญหาสุขภาพประจำตัว มีตัวอย่างสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการตากระตุก ดังนี้
- พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ความเครียดสะสม
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด
- ขาดวิตามิน และแร่ธาตุบางชนิด
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากไป
- ดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีนมากไป
- โรคภูมิแพ้
- สภาพแวดล้อมเป็นพิษ
- สูบบุหรี่
- ตาแห้ง/ตาล้า
- ระคายเคืองที่ตาเรื้องรั้ง
- สัมผัสแสงแดดจ้าต่อเนื่อง
ตากระตุกบ่อยเสี่ยงเป็นโรคอะไรได้บ้าง?
ภาวะหนังตากระตุกต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานเกิน 1 สัปดาห์ ร่วมกับอาการชักกระตุกบริเวณอื่นๆ ของร่างกายร่วมด้วย เช่น บริเวณมุมปาก กล้ามเนื้อใบหน้า อาจเป็นสัญญาณสำคัญสู่อาการผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นกับสมองและระบบประสาทได้ ตัวอย่างเช่น โรคกล้ามเนื้อใบหน้าบิดเกร็ง ภาวะคอบิดเกร็ง โรคอัมพาตใบหน้า โรคกล้ามเนื้อช่องปากหรือขากรรไกรบิดเกร็ง และโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
อาการตากระตุกแบบไหนบ้างที่ต้องไปพบแพทย์โดยด่วน?
หากมีอาการตากระตุกไม่หยุดต่อเนื่องมากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป ดวงตาบวมแดง มีของเหลวไหลออกมา เปลือกตาไม่สามารถปิดได้ บดบังทัศนวิสัยการมองเห็นตามปกติ หรือเปลือกตาเลื่อนปิดทันทีเมื่อเกิดอาการตากระตุก รวมถึงเกิดการกระตุกเพิ่มเติมขยายวงกว้างไปยังบริเวณอื่นๆ บนใบหน้า ลักษณะอาการเหล่านี้เป็นลักษณะอาการตากระตุกที่รุนแรงเพิ่มขึ้น ซึ่งควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาในทันที
ตากระตุกรักษาหรือแก้ได้อย่างไร?
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการป้องกันอาการหนังตากระตุกอย่างชัดเจน เนื่องการการกระตุกของกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ของร่างกายนับเป็นลักษณะการตอบสนองการทำงานระหว่างเซลล์ในร่างกายที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ รวมถึงอาการตากระตุกสามารถเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ หรือโดยที่ไม่รู้สึกตัว และหายได้เอง ยกเว้นกรณีของผู้ที่มีอาการอื่นแทรกซ้อน
สามารถเริ่มต้นรักษาอาการตากระตุกด้วยตัวเองเบื้องต้นได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการพักผ่อน การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และการลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และแอลกอฮอล์ รวมถึงฝึกการขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้าร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม มีตัวอย่างวิธีการรักษาอาการตากระตุกในปัจจุบัน ดังต่อไปนี้
- การให้ยารับประทาน (Lorazepam, Trihexyphenidyl หรือ Clonazepam)
- การใช้น้ำตาเทียม
- การรักษาเปลือกตาอักเสบ
- การใช้แว่นดำ
- การใช้ยาคลายกล้ามเนื้อ
- การใช้ยานอนหลับ
- การฉีด Botulinum Toxin หรือ Botox
- การผ่าตัด หรือตัดกล้ามเนื้อ
- การฝังเข็ม
- การนวด
- การประคบ
ตากระตุกขาดวิตามินอะไร?
การขาดวิตามินหรือเกลือแร่บางชนิดเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการหนังตากระตุกได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น การขาดวิตามิน B12 แคลเซียม หรือแมกนีเซียม ซึ่งทำหน้าที่ส่งสารสื่อประสาทระหว่างกล้ามเนื้อและอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ทำให้เมื่อขาดวิตามินชนิดนี้ จะทำให้สารสื่อประสาทบางตัวในร่างกายทำงานผิดปกติ รวมถึงอาจส่งผลต่อการทำงานตามปกติของกล้ามเนื้อบางชนิดได้ ซึ่งนำไปสู่การเกิดกล้ามเนื้อตากระตุกได้ในท้ายที่สุด
อาการ “ตากระตุก” ตามความเชื่อทางโหราศาสตร์
การแปลความหมายอาการตากระตุกให้ถูกต้องและแม่นยำตามหลักความเชื่อโหราศาสตร์ของไทยนั้น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ประโยคที่ใครหลายๆ คนอาจเคยได้ยิน เช่น “ขวาร้าย ซ้ายดี” แต่เพียงอย่างเดียว เพราะหากต้องการทำนายหรือตีความสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น จำเป็นต้องดูข้างของตาที่กระตุก ร่วมกับช่วงเวลาที่เกิดอาการกระตุกร่วมด้วยเสมอ
ตาเขม่นตอนเช้า (ช่วงตื่นนอน หรือใกล้รุ่ง)
หากตากระตุกขวา หมายความว่า จะมีญาติมิตรที่มาจากแดนไกล หรือร้างราไม่ได้พบเจอกันมานานมาหา ในขณะที่หากตากระตุกซ้าย หมายความว่า จะมีปากเสียงทะเลาะวิวาท หรือมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจมาสู่ตนเองและครอบครัว
ตาเขม่นตอนสาย (09.00-12.00 น.)
หากตากระตุกขวา หมายความว่า เพื่อนหรือญาติสนิทจากต่างแดนหรือต่างจังหวัดจะนำทรัพย์มาให้เป็นของกำนัน ในขณะที่หากตากระตุกซ้าย หมายความว่า จะเกิดเรื่องบัดสี ไม่ดีงามภายในครอบครัว
ตาเขม่นตอนบ่าย (12.00-16.00 น.)
หากตากระตุกขวา หมายความว่า แผนการที่คิดหวังเอาไว้หรือกำลังทำอยู่จะประสบผลสำเร็จดั่งใจคิด ในขณะที่หากตากระตุกซ้าย หมายความว่า จะมีเพศตรงข้ามกล่าวถึงหรืออาจแวะเวียนมาหา
ตาเขม่นตอนเย็น (17.00-19.00 น.)
หากตากระตุกขวา หมายความว่า จะมีญาติหรือเพื่อนสนิทห่างไกลมาเยี่ยมเยียน ในขณะที่หากตากระตุกซ้าย หมายความว่าจะได้พบญาติหรือเพื่อนที่จากกันไปนานโดยไม่คาดฝัน
ตาเขม่นตอนกลางคืน (19.00 น. เป็นต้นไป)
หากตากระตุกขวา หมายความว่า จะมีข่าวดีในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น หรือจะได้ลาภจากการกระทำที่ทำไว้ ในขณะที่หากตากระตุกซ้าย หมายความว่า อาจมีเหตุให้ทะเลาะเบาะแว้งภายในครอบครัว
เพิ่มความอุ่นใจเมื่อเกิดอาการเจ็บตา คันตา หรือตากระตุกเรื้อรั้งด้วยประกันสุขภาพจากทุกบริษัทชั้นนำที่ แรบบิท แคร์ รวบรวมไว้ให้เปรียบเทียบประกันออนไลน์ได้ภายใน 30 วินาที เลือกรับได้ครบทุกความคุ้มครอง ตั้งแต่ค่ารักษาพยาบาล ค่าผ่าตัด ค่ายา ค่าพบแพทย์ ค่าห้องพักฟื้น หรือเงินชดเชยเมื่อต้องพักฟื้นเป็นเวลานาน รับความคุ้มครองสุขภาพก่อนมีประวัติเจ็บป่วยที่อาจทำให้ไม่สามารถทำประกันได้ โทรเลย 1438 หรือ rabbitcare.com
สรุป
อาการตากระตุกเป็นสัญญาณของปัญหาทางประสาทหรือสุขภาพที่ซ่อนเร้นได้ โดยสามารถเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น การขาดวิตามิน, ความเครียด, หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิต
การรักษาอาการตากระตุก ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม, การใช้ยา, หรือการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ต่าง ๆ
Tawan มีประสบการณ์สร้างสรรค์ผลงานออนไลน์ 2 ปี เขียนด้านยานยนต์ ประกันยานยนต์ที่ Rabbit Care และ Asia Direct
มีใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิตและนายหน้าประกันวินาศภัย มีความเชี่ยวชาญด้านประกันรถยนต์และประกันชีวิต