ไมเกรน มีอาการอย่างไร เหมือนปวดหัวธรรมดาหรือไม่ ?
อย่างที่ทราบกันดีว่า ไมเกรน(Migraine) โรคยอดฮิตที่อยู่คู่กับชีวิตของมนุษย์วัยทำงานนั้น เมื่อเป็นแล้วจะมีอาการปวดหัว บางคนมีอาการปวดน้อย บางคนมีอาการปวดมาก หรือมีอาการซึ่งเกิดจากไมเกรนที่แตกต่างกัน จนบางครั้งก็แยกไม่ออกว่าอาการที่เป็นอยู่คืออาการปวดไมเกรน หรือปวดหัวธรรมดากันแน่ วันนี้ แรบบิท แคร์ มัดรวมทั้งอาการ สาเหตุ วิธีการรักษา วิธีการป้องกัน ลักษณะต่าง ๆ ของการเกิดอาการมาให้ อ่านกันให้หายคาใจ อาการแบบนี้ใช่หรือไม่ใช่ไมเกรน
อาการไมเกรน vs อาการปวดหัวธรรมดา
ข้อมูลจากโรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า อาการไมเกรนนั้นจะแตกต่างจากอาการปวดหัวธรรมดาในหลายปัจจัย ทั้งในแง่ของลักษณะอาการ ตำแหน่งที่ปวด ความรุนแรง ปัจจัยกระตุ้น อาการที่เกิดร่วม และความผิดปกติในสมอง
ตำแหน่งในการปวดไมเกรน
อาการปวดไมเกรนมักมีอาการปวดตุบ ๆ เฉพาะจุด อาจเกิดขึ้นบริเวณขมับข้างใดข้างหนึ่ง หรือปวดข้างหนึ่งก่อนแล้วปวดตามอีกข้าง สามารถย้ายตำแหน่งไปมาได้ ในขณะที่การปวดหัวธรรมดามักปวดตื้อ ๆ ทั่วทั้งบริเวณศีรษะ
ระดับความรุนแรงในการปวดไมเกรน
ส่วนมากการปวดไมเกรนจะมีระดับความรุนแรงแบบรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงสูงมาก แตกต่างจากการปวดหัวธรรมดาที่มักจะมีอาการปวดน้อยไปจนถึงปานกลางแต่จะมีอาการมึน ๆ ตื้อ ๆ บริเวณศีรษะร่วมด้วย
อาการที่มักเกิดร่วมกับไมเกรน
ในผู้ที่มีอาการปวดหัวไมเกรนประมาณ 20-30% จะมีอาการนำก่อนหน้าซึ่งทางการแพทย์เรียกว่า Aura ซึ่งอาจมีอาการแตกต่างกันไป เช่น มองเห็นภาพผิดปกติ เห็นภาพบิดเบี้ยว เห็นแสงระยิบระยับ ชาตามส่วนต่าง ๆ เบลอ นึกคำพูดไม่ออก หรือมีการสื่อสารผิดพลาด โดยมักจะเกิดอาการเหล่านี้ก่อนมีอาการปวดไมเกรน 5-20 นาที
นอกจากนี้ผู้ที่ปวดไมเกรนมักมีอาการ คลื่นไส้ เวียนหัว มีไข้ ตาโปน น้ำมูกมีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย ในขณะที่การปวดหัวธรรมดาอาจไม่มีอาการเหล่านี้อยู่(ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการปวด)
ปัจจัยกระตุ้นในการเกิดอาการไมเกรน
ความเครียด แสงจ้า การพักผ่อนน้อย กลิ่นฉุน ช่วงที่มีประจำเดือน(ผู้หญิง) และการรับประทานอาหารบางชนิด เช่น กล้วย ส้ม มะนาว ชา กาแฟ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดอาการไมเกรน ซึ่งจะเป็นปัจจัยจำเพาะมากกว่าการปวดหัวธรรมดา
เปรียบเทียบความแตกต่าง | ไมเกรน | ปวดหัวธรรมดา |
---|---|---|
ตำแหน่งที่ปวด | ปวดเฉพาะจุด เช่น ขมับ สามารถย้ายตำแหน่งที่ปวดได้ | ปวดทั่วบริเวณศีรษะ |
ลักษณะอาการปวด | ปวดตุ้บ ๆ บางครั้งเป็น ๆ หาย ๆ | ปวดตื้อ ๆ |
ระดับความรุนแรง | ปวดรุนแรงปานกลาง-ปวดรุนแรงสูง | ปวดน้อย-ปวดปานกลาง |
อาการที่มักเกิดร่วม | คลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว มีไข้ ตาโปน น้ำมูกมีกลิ่นเหม็น | ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการปวด เช่น มีไข้ เพราะเป็นไข้หวัด |
ปัจจัยกระตุ้น | ความเครียด แสง/เสียง พักผ่อนน้อย กลิ่นฉุน อาหารบางชนิด | ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการปวด เช่น เชื้อไวรัส เพราะเป็นไข้หวัด |
สาเหตุของการเกิดไมเกรน คืออะไร ?
ปัจจุบันสาเหตุของการเกิดไมเกรนนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านออกมาอธิบายและมีหลายทฤษฎีที่น่าจะเป็นไปได้ เชื่อกันว่าอาจเกิดจากความผิดปกติที่ระดับสารเคมีในสมอง การสื่อกระแสในสมอง หรือการทำงานที่ผิดปกติของหลอดเลือดในสมอง และมีการอ้างอิงจากหลักฐานข้อมูลทางระบาดวิทยาว่าไมเกรนสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ แต่จะเกิดอาการหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการทั้งภายในและปัจจัยภายนอกที่ได้กล่าวถึงไปในหัวข้อก่อนหน้า
ปวดหัวไมเกรน รักษาได้อย่างไร ?
แม้ปัจจุบันไมเกรนจะเป็นโรคเรื้อรังที่ยังไม่มีวิธีในการรักษาให้หายขาด แต่ก็มีวิทยาการที่จะช่วยรักษาและบรรเทาอาการให้เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโรคนี้อย่างสันติได้เช่นกัน(อาจเพราะเหตุผลดังกล่าวอีกทั้งยังไม่มีผลถึงชีวิตประกันสุขภาพจึงไม่ครอบคลุมการรักษาโรคไมเกรน) โดยขั้นตอนก่อนทำการรักษาไมเกรนจะต้องมีการตรวจวินิจฉัย ทำการซักประวัติและตรวจร่างกายโดยละเอียด และวินิจฉัยตามเกณฑ์ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งจะมีการแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละกลุ่มซึ่งมีอาการต่างกันไป โดยสามารถแบ่งกลุ่มการรักษาไมเกรนได้เป็น 2 กลุ่ม คือ การรักษาโดยใช้ยา และการรักษาโดยไม่ใช้ยา
การรักษาไมเกรนโดยการใช้ยา
วิธีนี้จะต้องทำการรักษาตามดุลยพินิจของแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยกลุ่มยาที่จะใช้ในการรักษานั้นจะเป็นยาในกลุ่มยาระงับปวด ซึ่งจะรับประทานยาเมื่อมีอาการปวด และหยุดใช้เมื่ออาการปวดไมเกรนดีขึ้นหรือหายไป ไม่ได้รับประทานเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
การรักษาไมเกรนโดยไม่ใช้ยา
วิธีการรักษาไมเกรนโดยไม่ใช้ยาสามารถทำได้โดยการพักผ่อนให้เพียงพอ นวด กดจุด การประคบเย็น การประคบร้อน การทำกายภาพบำบัดกล้ามเนื้อบริเวณรอบศีรษะและต้นคอ เพื่อให้กล้ามเนื้อและร่างกายบริเวณดังกล่าวเกิดความผ่อนคลายให้มากที่สุด อีกทั้งการผ่อนคลายทางด้านจิตใจเองก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน การนั่งสมาธิ เล่นโยคะ หรือบำบัดความเครียดเพื่อเสริมสร้างสุขภาพจิตให้ดีขึ้นจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญอย่างมากในการรักษาไมเกรน
อยากป้องกันไมเกรน สามารถทำได้ด้วยวิธีไหน ?
เช่นเดียวกับการรักษา การป้องกันการเกิดไมเกรนสามารถทำได้ 2 วิธีด้วยกัน นั่นก็คือ การป้องกันโดยการใช้ยา และการป้องกันโดยไม่ใช้ยา
การป้องกันไมเกรนโดยการใช้ยา
จำเป็นที่จะต้องรับประทานทุกวันอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์ติดต่อกันเป็นระยะเวลาประมาณ 6-12 เดือนก่อนหยุดยา และกลับมารับประทานยาอีกครั้งเมื่อเริ่มมีอาการกลับมาอีก โดยแพทย์จะแนะนำให้รับประทานยาเพื่อป้องกันการเกิดไมเกรนเมื่อผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะบ่อย มีความถี่ในการปวดตามเกณฑ์ที่กำหนด(1-2 ครั้งต่อสัปดาห์) มีอาการปวดต่อเนื่องกันหลายวัน หรือมีอาการปวดไม่บ่อยแต่ปวดรุนแรงมาก ซึ่งแพทย์จะเลือกชนิดและกำหนดปริมาณยาที่จำเป็นต้องรับประทานให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
การป้องกันไมเกรนโดยไม่ใช้ยา
วิธีที่หลายคนต่างบอกว่าพูดง่ายแต่ทำได้ยาก นอกจากผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดการเป็นไมเกรนทางพันธุกรรมที่ทำได้เพียงหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นการเกิดอาการไมเกรนแล้ว การป้องกันไมเกรนไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเองของคนทั่วไป คือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในทุกวัน อีกทั้งยังต้องมีการจัดการกับความเครียดอย่างเหมาะสม แม้ว่าความเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ตาม แต่ต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเครียดนั้นนานเกินไปจนย้อนกลับมาทำลายสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกายของตัวเอง
ไอเดียผ่อนคลายความเครียด ห่างไกลจากไมเกรน เพื่อสุขภาพจิตที่ดี
หลังจากอ่านกันดูทุกคนคงสังเกตเห็นกันแล้วว่า นอกจากการรับยาตามคำแนะนำของแพทย์ การรักษาและป้องกันไมเกรนนั้นต่างก็ต้องการการดูแลสุขภาพจิตให้ดีและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ห่างไกลจากปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเครียดหรือสร้างภาระที่มากเกินไปให้กับร่างกายและจิตใจ แรบบิท แคร์ จึงถือโอกาสแชร์ไอเดียผ่อนคลายความเครียด เพื่อการใช้ชีวิตที่ห่างไกลจากไมเกรน เพื่อสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกายที่ดีให้กับทุกคน!
ซื้อคอร์สสปาบำบัดปัง ๆ ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คอร์สสปาบำบัดดี ๆ ช่วยรักษาความเครียดและการเหนื่อยล้าทางร่างกายได้มากกว่าที่คิด ลองซื้อคอร์สปัง ๆ ที่ราคาอาจจะแรงหน่อยกันสักนิด แล้วจะรู้ว่าเป็นการลงทุนกับตัวเองที่คุ้มค่าแน่นอน
Hang Out กับแก๊งเพื่อน เล่าเรื่องราวที่อัดอั้นตันใจ
ความเครียดหรือเรื่องราวที่อัดอั้นอยู่ในใจ แม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่หากสะสมไว้ไม่ถูกระบายออกไป ก็อาจกลายเป็นความเครียดสะสมที่ยิ่งใหญ่กลายเป็นตัวกระตุ้นในการเกิดไมเกรนจนย้อนกลับมาทำร้ายร่างกายของเราได้เช่นกัน ลองออกไปพบปะเพื่อนฝูงที่รู้ใจ นอกจากจะได้ชำระสิ่งที่ทำให้ไม่สบายใจออกไปยังได้เติมเต็มพลังงานดี ๆ สร้างเสียงหัวเราะเพิ่มให้กับตัวเองได้อย่างแน่นอน
จัดทริปเปลี่ยนที่พักใจ ให้ร่างกายผ่อนคลายใกล้ชิดธรรมชาติ
กดจองตั๋วเครื่องบิน พร้อมจัดทริปบินไปพักใจกับธรรมชาติดี ๆ ที่เงียบสงบ ซึมซับบรรยากาศฮีลใจ ไม่ว่าเรื่องที่กังวลอยู่จะหนักหนาแค่ไหนก็ผ่อนคลายลงได้อย่างแน่นอน ยิ่งถ้ามีคนรู้ใจไปเป็นเพื่อนแล้วล่ะก็ จะต้องเป็นทริปที่แสนวิเศษแน่ ๆ แรบบิท แคร์ คอนเฟิร์ม!
ทำกิจกรรม Extream แปลกใหม่ให้อะดรีนาลีนหลั่ง
สำหรับใครที่เบื่อหน่ายกับบรรยากาศเดิม ๆ ทำกิจกรรมเดิม ๆ แล้วเอาแต่คิดเรื่องที่กังวลใจซ้ำไปซ้ำมา ลองไปทำกิจกรรม Extream ที่แปลกใหม่ จดจ่อกับอะไรตื่นตาตื่นใจจนลืมความเครียดไปให้หมด แต่ต้องเตือนไว้ก่อนว่าวิธีนี้อาจจะเหมาะกับคนที่รู้สึกเครียดแต่ยังไม่ได้มีอาการเป็นไมเกรน เพราะการตื่นเต้นหรือทำให้ตัวเองตกใจมากเกินไปก็เป็นตัวกระตุ้นอาการไมเกรนเช่นกัน หรือหากอยากลองทำ อาจจะลองทำกิจกรรม Extream ที่ไม่ผาดโผนจนเกินไป ไม่มีเสียงดังมาก และอยู่ในที่ร่ม เช่น ปีนผาจำลอง อินดอร์สเก็ต เป็นต้น
ชอปกระจาย ผ่อนคลายความเครียด
นั่งทำงานหลังขดหลังแข็งจนเกิดความเครียดสะสมมานาน ให้รางวัลตัวเองสักหน่อย อยากได้อะไรกวาดมาให้หมด เพราะการชอปปิง = การผ่อนคลาย อยากได้อะไร รูดบัตรกันได้เลย!
สำหรับใครที่อยากทำกิจกรรมผ่อนคลายดูแลร่างกายและจิตใจจัดเต็มแบบนี้แต่ยังไม่มีงบในกระเป๋าก็ไม่ต้องกังวล ลองเลือกบัตรเครดิตดี ๆ ที่ตอบโจทย์ซักใบ แล้วอย่าลืมเปรียบเทียบเงื่อนไขรวมถึงสิทธิประโยชน์ดี ๆ ที่มีให้ใช้ รูดได้สบายแถมอาจได้แคชแบ็ก และยังสามารถเก็บแต้มแลกพ้อยต์ได้ คุ้มค่าแน่นอน!!
Tips : ในการเลือกบัตรเครดิต จาก Rabbit Care
- เลือกบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของตัวเอง
- เลือกบัตรเครดิตที่ได้เครดิตเงินคืนหรือแคชแบ็กคืนจากสินค้า/บริการที่ใช้บ่อย
- หากชอบเดินทางลองมองหาบัตรเครดิตที่มีประกันการเดินทางและประกันอุบัติเหตุแถมให้ด้วย
- หากเป็นสายชอปปิงอย่าลืมมองหาบัตรเครดิตที่สามารถผ่อนชำระค่าสินค้าและบริการได้ 0% สูงสุด 10 เดือน
- สำหรับใครที่เป็นสายประหยัดมีบัตรเครดิตที่ฟรีค่าธรรมเนียมทั้งแรกเข้าและรายปีด้วยนะ!
มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ Asia Direct
และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว
จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการจัดการการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น