ต้องรู้! สรุปรวมค่าลดหย่อนภาษี ปี 64 มีอะไรบ้าง?

Tawan
ผู้เขียน: Tawan Published: ธันวาคม 21, 2021
Tawan
Tawan
Tawan มีประสบการณ์สร้างสรรค์ผลงานออนไลน์ 2 ปี เขียนด้านยานยนต์ ประกันยานยนต์ที่ Rabbit Care และ Asia Direct มีใบอนุญาตเป็นนายหน้าประกันชีวิตและนายหน้าประกันวินาศภัย มีความเชี่ยวชาญด้านประกันรถยนต์และประกันชีวิต
Why Insurance Help Planning Tax Duction

นอกจากตัวช่วยลดหย่อนภาษีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น กองทุนรวม RMF หรือ SSF ที่หลายคนกำลังมองหาในช่วงสิ้นปีเพื่อเตรียมช่วยลดภาษีที่ต้องจ่าย ‘ประกันภัย’ ก็เป็นอีกตัวช่วยที่จะทำให้ได้รับทั้งความคุ้มครอง และสิทธิทางภาษีเช่นกัน แต่หลายคนอาจกำลังสงสัยว่า ประกันลดหย่อนภาษีมีอะไรบ้าง ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้เท่าไร หรือประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีตัวไหนดี แรบบิท แคร์ รวบรวมทุกข้อมูลของค่าลดหย่อนและประกันที่ซื้อแล้วลดหย่อนภาษีได้ประจำปี 64 มาฝากกัน

1. ค่าลดหย่อนภาษีมีอะไรบ้าง?

ค่าลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แบ่งเป็น 4 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ ค่าลดหย่อนส่วนตัว, ค่าลดหย่อนอสังหาริมทรัพย์, ค่าลดหย่อนเงินบริจาค และค่าลดหย่อนประกันและการลงทุน โดยมีรายละเอียดการลดหย่อนและการใช้สิทธิทางภาษี ดังนี้

1.1 ค่าลดหย่อนส่วนตัว

ค่าลดหย่อนส่วนตัวของผู้มีเงินได้ ลดหย่อนได้ 60,000 บาท

1.2 ค่าลดหย่อนคู่สมรส

ค่าดูแลคู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่มีรายได้ เมื่อเลือกยืนแบบภาษีแบบแสดงรายการรวมกันจะใช้สิทธิลดหย่อนคู่สมรสได้สูงสุดไม่เกิน 1 คน เป็นค่าลดหย่อนได้ 60,000 บาทต่อปี

1.3 ค่าลดหย่อนบุตร

ค่าเลี้ยงดูบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย แบ่งเป็นยังไม่บรรลุนิภาวะ (อายุไม่ถึง 20 ปี) บรรลุนิติภาวะแล้ว (อายุ 20-25 ปี) และอายุเท่าใดก็ได้ที่ศาลสั่งให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถ หรือเสมือนไร้ความสามารถ จะใช้ลดหย่อนได้เท่าจำนวนลูกที่มี คนละ 30,000 บาทต่อปี หรือกรณีที่มีเฉพาะลูกบุญธรรม จะลดหย่อนได้สูงสุด 3 คน คนละ 30,000 บาทเท่านั้น

ถ้าลูกคนที่สองเกิดในปี 61 หรือหลังจากนั้น จะใช้สิทธิ์ลดหย่อนลูกคนที่สองเป็นต้นไปได้เพิ่มเป็นคนละ 60,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ยื่นภาษีและคู่สมรสสามารถใช้ลูกคนเดียวกันในการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวนโดยไม่ต้องหารแบ่งกัน

1.4 ค่าลดหย่อนบิดามารดา

ค่าลดหย่อนเลี้ยงดูพ่อหรือแม่ของตัวเอง หรือพ่อแม่ของคู่สมรสที่ยังจดทะเบียนสมรสอยู่และไม่มีเงินได้ โดยพ่อหรือแม่มีอายุครบ 60 ปี มีรายได้ไม่เกิน 30,000 ต่อปี ยังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตในระหว่างปี หรือก่อนยื่นแบบภาษีปีนั้นๆ รวมสูงสุด 4 คน จะใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้คนละ 30,000 บาท

1.5 ค่าลดหย่อนผู้พิการหรือทุพพลภาพ

ค่าดูแลคู่สมรส ลูกหรือพ่อแม่ที่พิการหรือทุพพลภาพที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จะใช้สิทธิลดหย่อนได้รายคน คนละ 60,000 บาท แต่หากผู้พิการหรือทุพพลภาพที่ดูแลอยู่เป็นบุคคลอื่นจะใช้สิทธิลดหย่อนได้ 60,000 บาทเพียงคนเดียวเท่านั้น

1.6 ค่าฝากครรภ์และทำคลอด

ค่าฝากครรภ์ ค่าคลอดบุตรและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะท้องลูก 1 คน ท้องลูกแฝด ท้องหลายครั้งในปีเดียวกัน หรือท้องและคลอดคนละปี โดยไม่ได้เบิกเงินสวัสดิของรัฐ (บัตรทอง, ประกันสังคม) หรือสวัสดิการของนายจ้าง จะใช้สิทธิลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงรวมกันต่อปีไม่เกินท้องละ 60,000 บาท

1.7 ดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย

ดอกเบี้ยบ้านจากการกู้ยืมเพื่อซื้อหรือสร้างที่อยู่อาศัย เช่น บ้านเดี่ยว คอนโด อาคารหรือห้องชุดมากกว่า 1 แห่งก็ได้ ทั้งเป็นการกู้เองหรือมีคนกู้ร่วมด้วยที่จะทำให้สิทธิในการลดหย่อนภาษีด้วยดอกเบี้ยบ้านถูกหารตามจำนวนคนที่กู้ร่วมทันที ไม่ว่าคนกู้ร่วมจะมีเงินได้ หรือจะใช้สิทธิ์ลดหย่อนด้วยดอกเบี้ยที่อยู่อาศัยหรือไม่ก็ตาม จะหักภาษีตามที่จ่ายจริงรวมแล้วไม่เกินสูงสุดปีละ 100,000 บาท

1.8 ค่าธรรมเนียมจากการรับชำระเงินด้วยบัตรเดบิต

ค่าธรรมเนียมรับชำระเงินด้วยบัตรเดบิต ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่า ค่าวิชาชีพอิสระ ค่ารับเหมา หรือเงินจากธุรกิจอื่นๆ ระหว่างวันที่ 1 พ.ย. 59 – 31 ธ.ค. 64 จะลดหย่อนได้เพิ่ม 1 เท่า ตามที่จ่ายจริง

1.9 เงินบริจาคพรรคการเมือง

เงินบริจาคเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของพรรคการเมือง ไม่ว่าจะบริจาคให้พรรคเดียว หรือหลายๆ พรรค จะใช้ลดหย่อนภาษีรวมกันได้ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 10,000 บาท

1.10 เงินลงทุนธุรกิจวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise)

หุ้นหรือเงินลงทุนของผู้ร่วมก่อตั้ง หรือนักลงทุนอิสระในธุรกิจเพื่อสังคมที่จดทะเบียนเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม และแจ้งให้สิทธิลดหย่อนต่อกรมสรรพากร ตั้งแต่ปี 64 เป็นต้นไป จะใช้ลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาได้ตามที่จ่ายจริงไม่เกินปีละ 100,000 บาท

1.11 เงินบริจาคเพื่อการศึกษา การกีฬา การพัฒนาสังคม และโรงพยาบาลรัฐ

เงินบริจาคพิเศษเพื่อสนับสนุนสถาบันการศึกษาและสถานพยาบาลของรัฐ หรือสนับสนุนกองทุนเพื่อการศึกษา พัฒนาครู ฝึกอาชีพ ช่วยคนพิการ ใช้ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของเงินบริจาคตามที่จ่ายจริง แต่ต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นๆ

1.12 เงินบริจาคทั่วไป

เงินบริจาคทั่วไปที่บริจาคให้กับวัด โรงเรียนและโรงพยาบาลของรัฐ มูลนิธิ หรือองค์กรสาธารณกุศลที่มีรายชื่ออยู่ในหน่วยงานที่สามารถขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเงินบริจาคของกรมสรรพากร จะใช้เป็นค่าลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นๆ ที่ไม่ใช่เงินบริจาคแล้ว

Health Insurance And Life Insurance For Tax Deduction

1.13 ประกันชีวิต

ประกันชีวิตแบบทั่วไป หรือแบบที่มีเงินฝากที่มีอายุความคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป โดยทำกับบริษัทประกันภัยในประเทศไทย และต้องไม่มีการเวนคืนก่อนครบความคุ้มครอง 10 ปี จะหักภาษีตามที่จ่ายจริงแต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท และสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ ตามที่จ่ายจริงอีกไม่เกิน 10,000 บาท

1.14 ประกันสุขภาพตัวเอง

ประกันสุขภาพที่ทำให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะทำกับบริษัทประกันชีวิตหรือบริษัทประกันวินาศภัยในประเทศไทยที่มีเงื่อนไขคุ้มครองตรงกับข้อหนดของประกันสุขภาพที่จะใช้สิทธิลดหย่อนภาษี จะหักลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 25,000 บาท และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท

เงื่อนไขของประกันสุขภาพสำหรับใช้ลดหย่อนภาษี มีดังนี้

  • การประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลอันเกิดจากการเจ็บป่วยและการบาดเจ็บ การชดเชยการทุพพลภาพและการสูญเสียอวัยวะ เนื่องจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ
  • การประกันภัยอุบัติเหตุเฉพาะที่ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะ และการแตกหักของกระดูก
  • การประกันภัยโรคร้ายแรง (Critical Illnesses)
  • การประกันภัยการดูแลระยะยาว (Long Term Care)

1.15 ประกันสุขภาพพ่อแม่

ประกันสุขภาพที่ทำให้กับพ่อแม่ของตัวเอง หรือพ่อแม่ของคู่สมรส มีอายุเท่าใดก็ได้ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี และมีเงื่อนไขความคุ้มครองของประกันสุขภาพตรงตามที่กำหนดเช่นเดียวกับในประกันสุขภาพตัวเอง จะหักลดหย่อนได้ตามเบี้ยประกันที่จ่ายจริงไม่เกิน 15,000 บาท

1.16 ประกันสังคม

เงินสมทบประกันสังคมในแต่ละเดือน จะใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 9,000 บาท

1.17 ประกันชีวิตบำนาญ

ประกันชีวิตแบบบำนาญที่ทำกับบริษัทประกันภัยในไทย มีความคุ้มครองของกรมธรรม์อย่างน้อย 10 ปีเป็นต้นไป และมีกำหนดการจ่ายผลประโยชน์บำนาญสม่ำเสมอตั้งเเต่อายุ 55-85 ปี เป็นต้นไป ใช้ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีแต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับ RMF แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท

1.18 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ / กองทุน กบข. / กองทุนสงเคราะห์ครูฯ

เงินสมทบเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพหรือกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน ใช้สิทธิลดหย่อนทางภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15% ของเงินเดือน และเมื่อรวมทั้งหมดเเล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท

1.19 กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)

เงินซื้อกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund : RMF) ที่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในการใช้สิทธิภาษี ไม่ว่าจะเป็นการซื้อต่อเนื่องทุกปี หรือปีเว้นปี การถือไว้อย่างน้อย 5 ปี เเละไม่ขายจนกว่าจะอายุครบ 55 ปี หรือเสียชีวิต หรือทุพพลภาพก่อน จะใช้หักภาษีได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีและเมื่อรวมกับ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุน กบข. กองทุนสงเคราะห์ครูฯ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

1.20 กองทุนรวมส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF)

เงินที่ใช้ซื้อกองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund : SSF) โดยต้องถือหน่วยลงทุนไว้อย่างน้อย 10 ปี และไม่ขายก่อนครบกำหนด 10 ปี หรือเสียชีวิต หรือทุพพลภาพก่อน จะใช้ลดหย่อนตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี และไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับ RMF และประกันชีวิตแบบบำนาญ และ กอช. แล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

1.21 กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)

เงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติของคนไทยที่ไม่ได้มีประกันสังคม และไม่ได้มีงานประจำ จะใช้ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 13,200 บาท และเมื่อรวมกับ RMF และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญแล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท

2. ทำไมต้องซื้อประกันลดหย่อนภาษี?

Insurances For Tax Deduction

2.1 ผลประโยชน์หลายต่อ 

เมื่อซื้อประกันชีวิต หรือประกันสุขภาพ จะได้รับทั้งความคุ้มครองในชีวิต และสุขภาพ ไปพร้อมกับสิทธิลดหย่อนภาษีที่เป็นผลประโยชน์เพิ่มเติม แม้ว่า ‘ผลตอบแทน’ จากประกันภัยจะน้อยหรือไม่มีเลยเมื่อเทียบกับการลงทุนด้วยสินทรัพย์อื่นๆ แต่ ‘ความคุ้มครอง’ ที่บริษัทประกันภัยรับประกันให้ ไม่สามารถหาได้จากในสินทรัพย์การลงทุนอื่นๆ

2.2 หลักประกันทางการเงิน 

หากทำประกันในตอนที่สุขภาพยังแข็งแรง จะได้รับความคุ้มครองครบถ้วน ไม่มีเงื่อนไขยกเว้นความคุ้มครองในโรคร้ายแรงบางโรคที่ตรวจเจอภายหลัง โอกาสปฏิเสธการรับทำประกันต่ำหรือไม่มีเลย และเบี้ยถูกกว่า ทำให้เมื่อมีหลักประกันในชีวิตให้กับตนเองและครอบครัวแล้ว จะทำให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นได้อย่างสบายใจ

2.3 เงื่อนไขการซื้ออิสระ

การซื้อประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษี จะไม่กำหนดความถี่ในการซื้อเหมือนเงื่อนไขของการซื้อ RMF เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีที่ต้องซื้อทุกปี หรือปีเว้นปี รวมถึงสามารถเลือกใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีตามรูปแบบประกันที่มีให้เลือกมากขึ้นในท้องตลาด 

เช่น การเลือกประกันแบบ 10/1 ที่จ่ายเบี้ยใน 1 ปีแรกเท่านั้น และจะได้รับความคุ้มครอง 10 ปี เหมาะสำหรับคนที่อาจมีรายได้ก้อนใหญ่เข้ามากะทันหัน ต้องการได้รับทั้งความคุ้มครองยาวนาน และสิทธิลดหย่อนภาษีเฉพาะปีนั้นๆ โดยไม่ต้องการความยุ่งยากในการซื้อต่อเนื่องในปีต่อไป ทำให้วางแผนการลดหย่อนภาษีด้วยประกันได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

2.4 ลดความเสี่ยงการลงทุน

ผลประโยชน์และผลตอบแทนของประกันจะยึดตามที่กรมธรรม์ระบุไว้ ไม่ผันผวนตามสภาพเศรษฐกิจ (ยกเว้นแบบประกันที่ควบการลงทุน) ไม่ต้องปรับเปลี่ยน สับไปมา ไม่ต้องเสียเวลาติดตามข่าวสารเพื่อบริหารการลงทุนให้ทันกับสถานการณ์เช่นในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ทำให้มีหลักประกันเมื่อลงทุนสินทรัพย์อื่นผิดพลาด หรือลงทุนได้ไม่ถึงเป้าหมาย

แม้ว่าประกันลดหย่อนภาษีจะเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยจัดการภาษีในช่วงท้ายปีที่มีเงื่อนไขความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้เลือกมากมาย แต่ต้องไม่ลืมวางแผนให้ตอบโจทย์กับความเสี่ยงในแต่ละรูปแบบที่ต้องการจัดการ และต้องไม่ทำให้เกิดเป็นภาระทางการเงินในอนาคต เพราะวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของประกันภัย คือ ตัวช่วยถ่ายโอนความเสี่ยงและให้ความคุ้มครองชีวิตและสุขภาพที่จะช่วยต่อยอดไปยังการเกษียณในอนาคต และมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นของแถมเท่านั้น

เลือกแบบประกันลดหย่อนภาษีที่ใช่ ตรงใจ ได้ที่ แรบบิท แคร์ เพราะที่นี้มีแบบประกันจากบริษัทประกันภัยชั้นนำให้เลือกครบ ไม่ว่าจะเป็นประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันโรคร้ายแรง พิเศษ! รับสิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าที่ซื้อประกันกับ แรบบิท แคร์ ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป


บทความแนะนำอื่นๆ : ภาษี / วางแผนภาษี

หนีภาษีแบบนี้ เจอดีแน่! | ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี ภาษีหัก ณ ที่จ่าย คือ? มีกี่ประเภท? ใครต้องจ่าย? ยื่นภาษีออนไลน์ได้ไม๊? อัปเดตภาษีที่ดิน 2568 ปีนี้ต้องจ่ายไหม จ่ายที่ไหน จ่ายเมื่อไหร่ กรมศุลฯ เผยยอดเก็บภาษี ปีงบประมาณ 2562 ทะลุเป้า! ลดภาษีเอกชน เสริม โครงการสานพลังประชารัฐ เพื่อคนจน

บทความแคร์การเงิน

Rabbit Care Blog Image 101965

แคร์การเงิน

ดอกเบี้ยลอยตัว คืออะไร? ต่างกับดอกเบี้ยคงที่อย่างไร? มาลองคำนวณกัน

ดอกเบี้ยลอยตัว คืออะไร? ดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Interest Rate) หรือที่เรียกว่า อัตราดอกเบี้ยผันแปร คือ อัตราดอกเบี้ยที่มีการเปลี่ยนแปลงตามสภาวะเศรษฐกิจ
กองบรรณาธิการ
09/06/2025
Rabbit Care Blog Image 101805

แคร์การเงิน

คำนวณยอดเงินดาวน์ที่เหมาะสม ง่ายๆ ในไม่กี่คลิก!

ทำไมต้องวางเงินดาวน์ให้เหมาะสม? การวางเงินดาวน์ที่เหมาะสมช่วยลดภาระดอกเบี้ยและค่างวดผ่อนชำระในอนาคต
กองบรรณาธิการ
06/06/2025
Rabbit Care Blog Image 99755

แคร์การเงิน

การโปะงวดรถ คืออะไร เหมือนการปิดงวดรถก่อนกำหนดไหม มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ?

เรื่องสำคัญที่เจ้าของรถทุกคนจะต้องรู้ไว้โปะงวดรถ คืออะไร จ่ายค่างวดรถเกินยอด ทำได้หรือไม่ การโปะรถยนต์มีข้อดี หรือข้อเสียอย่างไร ควรทำไหม ?
คะน้าใบเขียว
11/03/2025