ไขข้อสงสัย รีไฟแนนซ์บ้าน ลดภาระผ่อนต่อเดือนได้จริงหรือ?

Nok Srihong
ผู้เขียน: Nok Srihong Published: มิถุนายน 27, 2025
Nok Srihong
Nok Srihong
มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ Asia Direct และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการจัดการการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น
คะน้าใบเขียว
ตรวจทาน: คะน้าใบเขียว Last edited: มิถุนายน 26, 2025
คะน้าใบเขียว
คะน้าใบเขียว
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct
รีไฟแนนซ์บ้าน

สำหรับเจ้าของบ้านหลายคน ภาระผ่อนบ้านต่อเดือนถือเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่ต้องแบกรับอยู่ไม่น้อย แน่นอนว่าหลายคนอาจจะกำลังมองหาหนทางที่ช่วยแบ่งเบาดอกเบี้ยอยู่มายบ้าง และหลายคนที่กำลังผ่อนบ้านอยู่ อาจเคยได้ยินคำว่า “รีไฟแนนซ์บ้าน” มาบ้าง แต่อาจจะยังไม่แน่ใจว่าการรีไฟแนนซ์คืออะไรกันแน่?

วันนี้ แรบบิท แคร์ จะมาไขข้อข้องใจทั้งหมด เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ว่าการรีไฟแนนซ์บ้านคือทางออกที่ใช่สำหรับคุณจริงไหม? ไม่ว่าจะเป็น รีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารเดิม ทำได้ไหม? รีไฟแนนซ์บ้าน ดีไหม ช่วยแบ่งเบาภาระได้จริงหรือเปล่า? ผ่อนบ้านกี่ปีถึงรีไฟแนนซ์ได้? สามารถรีไฟแนนซ์ได้บ่อยมากแค่ไหน ไปลองหาคำตอบพร้อม ๆ กันดีกว่า!

ผ่อนบ้านกี่ปีถึงรีไฟแนนซ์ได้? ลดดอกเบี้ยได้จริงหรือ? 

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกันก่อนว่า การรีไฟแนนซ์บ้าน คือ การที่คุณไปขอสินเชื่อบ้านก้อนใหม่จากธนาคารเดิม หรือย้ายไปธนาคารใหม่ เพื่อนำเงินก้อนใหม่นี้ไปปิดหนี้บ้านก้อนเดิม และได้ อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง กว่าเดิม ทำให้คุณจ่ายดอกเบี้ยรวมน้อยลงตลอดอายุสัญญา และมีเงินเหลือในกระเป๋ามากขึ้น ลดภาระการผ่อนชำระต่อเดือน หรือช่วยให้ผ่อนหมดเร็วขึ้น

แน่นอนว่าแม้จะบอกว่าเป้นรีไฟแนนซ์บ้าน แต่หากคุณต้องการรีไฟแนนซ์ห้องคอนโดก็สามารถทำได้เช่นกัน ไม่ต่างไปจากการรีไฟแนนซ์เป็นบ้านหลัง ๆ และคุณสามารถรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารเดิม ได้เช่นกัน หากดอกเบี้ยในธนาคารเดิมให้ดอกเบี้ยที่ดี

บอกได้เลยว่าการรีๆฟแนนซ์บ้านนั้น สามารถช่วยให้คุณลดดอกเบี้ยได้จริง! และเรียกได้ว่าเป็นเหตุผลที่คนส่วนใหญ่ตัดสินใจรีไฟแนนซ์เลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อคุณผ่อนบ้านไปได้ระยะหนึ่ง โดยทั่วไปจะอยู่ที่ระยะเวลา 3 ปีขึ้นไป อัตราดอกเบี้ยคงที่ที่คุณต้องจ่ายมักจะเปลี่ยนจากช่วงโปรโมชั่นพิเศษ ไปเป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่สูงขึ้น ทำให้คุณต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยมากกว่าค่าเงินต้นผ่อนบ้านเสียอีก! 

ดังนั้น หากคุณวางแผนให้ดีโดยเฉพาะช่วงที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดมีการปรับลดลง หรือเมื่อคุณต้องการปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับสถานะทางการเงินปัจจุบันยิ่งขึ้น! โดยประโยชน์หลัก ๆ ที่คุณจะได้รับเมื่อรีไฟแนนซ์มีดังนี้  

  • ประหยัดเงินค่าดอกเบี้ย เพราะได้ดอกเบี้ยที่ถูกลง ลดภาระโดยตรงกับการผ่อนบ้าน ผ่อนคอนโด
  • ลดค่างวดต่อเดือน และหากคุณเลือกที่จะขยายระยะเวลาผ่อนชำระออกไป ก็จะทำให้ยอดผ่อนต่อเดือนลดลง มีเงินเหลือใช้จ่ายมากขึ้น
  • บางธนาคารอนุญาตให้คุณขอวงเงินเพิ่มจากส่วนต่างของมูลค่าบ้านที่เพิ่มขึ้น เพื่อนำไปใช้จ่ายจำเป็น หรือรวมหนี้อื่น ๆ เช่น หนี้บัตรเครดิต หนี้รถยนต์ ให้มาอยู่รวมกันในสินเชื่อบ้านที่มีดอกเบี้ยถูกกว่า ช่วยทั้งการปรับโครงสร้างหนี้สิน และเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินได้เป็นอย่างดี

ใครเหมาะกับการรีไฟแนนซ์บ้าน? ได้วงเงินเยอะจริงหรือ?

สำหรับการรีไฟแนนซ์บ้านนั้น จะเหมาะกับบุคคลต่อไปนี้

  • ผ่อนบ้านมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี เพราะเป็นช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยเดิมมักจะหมดโปรโมชั่นและปรับขึ้น
  • ต้องการลดภาระผ่อนต่อเดือนเพื่อให้มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น
  • ต้องการลดดอกเบี้ยรวมตลอดสัญญา เพราะหากได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงมากจะทำให้วางแผนปิดหนี้ให้เร็วขึ้น
  • ต้องการเงินก้อนเพิ่มเติม บางกรณีสามารถรีไฟแนนซ์และขอวงเงินเพิ่มเพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้ เช่น ตกแต่งบ้าน หรือรวมหนี้ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน  เช่น หนี้บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีดอกเบี้ยสูง ทำให้คุณมีภาระผ่อนที่รวมกันเป็นก้อนเดียวและดอกเบี้ยถูกลง

ปกติแล้วการรีไฟแนนซ์ธนาคารจะให้วงเงินสูงสุดที่ 95% ของราคาประเมิน เช่น กู้ซื้อบ้านมา 2,000,000 บาท เมื่อผ่านไป 3 ปียอดหนี้เหลือ 1,500,000 บาท เมื่อยื่นรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารประเมินบ้านให้อีก 2,300,000 บาท แสดงว่าวงเงินที่ได้จะอยู่ที่ 1,970,000 บาท ซึ่งคุณสามารถรีไฟแนนซ์บ้านที่ 1,500,000 บาท ตามยอดหนี้คงเหลือได้

หรือหากต้องการรับเงินก้อนเพื่อนำไปปิดหนี้อื่น ๆ ที่มีดอกเบี้ยสูงกว่า หรือนำไปรีโนเวทบ้าน คุณก็สามารถทำการรีไฟแนนซ์พร้อมกับขอวงเงินกู้เพิ่มได้ โดยจะเป็นยอดรีไฟแนนซ์บ้าน 1,500,000 บาท และวงเงินกู้เพิ่ม 497,000 บาท รวมเป็น 1,970,000 บาท ตามวงเงินกู้สูงสุด 90%

เคล็ดลับก่อนตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารไหนดี ควรศึกษาข้อมูลจากหลาย ๆ ธนาคาร เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างละเอียด และปรึกษาเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางการเงินของคุณมากที่สุด

รีไฟแนนซ์บ้าน ดีไหม

รีไฟแนนซ์บ้านแล้วคุ้มไหม? รีไฟแนนซ์บ้านได้บ่อยมากแค่ไหน ?

การจะบอกว่ารีไฟแนนซ์บ้านแล้วคุ้มไหม? ต้องพิจารณาถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการรีไฟแนนซ์ด้วย โดยทั่วไปจะมีค่าใช้จ่ายหลัก ๆ เช่น ค่าประเมินหลักประกัน, ค่าธรรมเนียมการจดจำนองใหม่, และค่าอากรแสตมป์ ซึ่งบางธนาคารอาจมีโปรโมชั่นยกเว้นค่าใช้จ่ายเหล่านี้ หรือบางส่วน ทั้งนี้การจะรีไฟแนนซ์บ้านจะคุ้มค่าเมื่อ

  • ลองคำนวณเงินที่ประหยัดได้จากดอกเบี้ยที่ลดลงในแต่ละเดือน เทียบกับค่าใช้จ่ายรวมในการรีไฟแนนซ์ หากสามารถคืนทุนค่าใช้จ่ายได้ภายใน 1-2 ปี ก็ถือว่าคุ้มค่า
  • คุณต้องการลดภาระค่างวดต่อเดือนอย่างชัดเจน แม้ดอกเบี้ยที่ลดลงอาจจะไม่มาก แต่ถ้าการลดค่างวดช่วยให้สภาพคล่องคุณดีขึ้นก็ถือว่าคุ้มค่า
  • หากคุณมีหนี้อื่น ๆ ที่ดอกเบี้ยสูง การรวมหนี้มาไว้กับสินเชื่อบ้านจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยรวมและทำให้การจัดการหน้าง่ายขึ้น

โดยการรีไฟแนนซ์บ้านสามารถทำได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ตราบใดที่คุณมีคุณสมบัติครบถ้วนตามเงื่อนไขของสถาบันการเงิน และธนาคารอนุมัติสินเชื่อให้ แต่ทั้งนี้ ควรพิจารณาจาก 2 ปัจจัยหลักคือ

  • ช่วงเวลาที่หมดสัญญา โดยปกติคือ 3 ปี เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับ
  • คำนวณดอกเบี้ยที่ประหยัดได้เทียบกับค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ เช่น ค่าธรรมเนียมการประเมินหลักทรัพย์ ค่าธรรมเนียมการจดจำนอง ค่าอากรแสตมป์ ค่าเบี้ยประกัน (ถ้ามี) เป็นต้น

เพียงเท่านี้ การรีไฟแนนซ์ก็จะช่วยให้คุณประหยัดดอกเบี้ยและลดภาระการผ่อนชำระในระยะยาวได้อย่างแท้จริงแล้ว

อยากลดค่างวดบ้านเพิ่มจากรีไฟแนนซ์ ต้องทำยังไง?

นอกจากการรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว ยังมีอีกวิธีที่สามารถทำได้นั่นคือ การขยายระยะเวลาผ่อนชำระ เมื่อคุณขอรีไฟแนนซ์บ้าน คุณสามารถแจ้งความประสงค์กับธนาคารว่าต้องการขยายระยะเวลาผ่อนชำระให้นานขึ้น เช่น จากเดิมเหลือ 15 ปี อาจจะขยายเป็น 20 หรือ 25 ปี เพื่อให้ยอดเงินต้นและดอกเบี้ยที่ต้องผ่อนชำระต่อเดือนลดลง

ในกรณีที่คุณไม่ต้องการย้ายธนาคารที่ใช้ผ่อนบ้าน ให้ลองปรึกษาถึงเรื่องการรีไฟแนนซ์บ้านกับทางธนาคารเดิมว่ามีนโยบายลดดอกเบี้ยให้ลูกค้าเดิมหรือไม่ เพราะบางธนาคารจะนโยบายคอยช่วยเหลือลูกหนี้ด้วยการลดดอกเบี้ย ทำให้ช่วยลดค่างวดได้เช่นกัน

แต่ทั้งนี้ต้องระวัง แม้การขอขยายระยะเวลาจะช่วยลดดอกเบี้ยได้อีกทางก็จริง แต่ยิ่งเวลาผ่อนนานเท่าไหร่ ก็มีแนวโน้มว่าดอกเบี้ยที่คุณจ่ายตลอดสัญญาก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น และเผลอ ๆ อาจต้องเสียค่าดอกเบี้ยมากกว่าเดิมอีก

ผ่อนบ้านกี่ปีถึงรีไฟแนนซ์ได้

แล้วแบบนี้ รีไฟแนนซ์บ้านจำเป็นไหม?

แรบบิท แคร์ ตอบได้เลยว่า ไม่จำเป็นเสมอไป จริงอยู่ที่การรีไฟแนนซ์บ้านจะเป็นหนทางที่ช่วยให้คุณประหยัดเงิน ลดอัตราดอกเบี้ยในตลาดต่ำกว่าสัญญาเดิม ช่วยปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับสถานะทางการเงินปัจจุบันของคุณ เพิ่มสภาพคล่องทางการเงินได้มากขึ้น แต่หากคุณผ่อนบ้านมานานและใกล้จะหมดหนี้แล้ว เช่น เหลืออีก 2-3 ปี การรีไฟแนนซ์อาจไม่คุ้มค่า เพราะจำนวนเงินต้นคงเหลือไม่มาก ทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายไม่สูงนัก การเสียค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ก้อนใหญ่จึงอาจไม่คุ้มกับดอกเบี้ยที่ประหยัดได้เพียงเล็กน้อย

หรือแม้แต่การรีไฟแนนซ์แล้วภาพรวมเศรษฐกิจและทิศทางอัตราดอกเบี้ยกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ก็อาจทำให้คุณเสียเงินค่าดอกเบี้ยมากเกินความจำเป็นได้

นอกจากนี้ แม้การรีไฟแนนซ์จะมีข้อดี แต่ก็มีค่าใช้จ่ายและข้อควรพิจารณาที่คุณต้องรู้ ไม่ว่าจะเป็น

  • ค่าจดจำนองใหม่ ประมาณ 1% ของวงเงินกู้ใหม่
  • ค่าประเมินราคาหลักประกัน ประมาณ 2,500 – 3,000 บาท (หรือตามที่ธนาคารกำหนด)
  • ค่าอากรแสตมป์ ประมาณ 0.05% ของวงเงินกู้
  • ค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ของธนาคาร เช่น ค่าธรรมเนียมการจัดการ หรือค่าธรรมเนียมสินเชื่อ
  • ค่าปรับกรณีปิดก่อนกำหนด หากสัญญาเดิมของคุณมีข้อตกลงเรื่องค่าปรับกรณีปิดยอดก่อนกำหนด ซึ่งส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ในช่วง 3 ปีแรก คุณจะต้องจ่ายค่าปรับนี้ด้วย
  • การรีไฟแนนซ์ใช้เวลาพอสมควรในการอนุมัติสินเชื่อและดำเนินการทางกฎหมาย ทำให้ต้องอาศัยระยะเวลาดำเนินการ ดังนั้นหากคุณรีบเร่งใช้เงินก็อาจจะต้องพิจารณาวางแผนให้ดี
  • เอกสารประกอบเยอะ ไม่ว่าจะเป็น เอกสารส่วนตัว เอกสารรายได้ และเอกสารหลักประกัน

ดังนั้น ให้ลองเปรียบเทียบดูก่อนการตัดสินใจเสมอว่าบ้าน หรือคอนโดห้องโปรดของเรานั้นสามารถรีไฟแนน์แล้วคุ้มหรือเปล่า? ให้นึกไว้เสมอว่า หากต้องรีไฟแนนซ์ คุณจะต้องคุ้มค่ากับการเสียเวลาติดต่อเดินเรื่อง และช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินได้จริงๆ

ตารางเปรียบเทียบ เมื่อ รีไฟแนนซ์บ้าน vs. ไม่รีไฟแนนซ์บ้าน

การรีไฟแนนซ์บ้านไม่รีไฟแนนซ์บ้าน
เป้าหมาย– ลดภาระดอกเบี้ยโดยรวม
– ลดค่างวดต่อเดือน โดยการยืดระยะเวลา
– ผ่อนหมดเร็วขึ้นโดยการคงค่างวดเดิม
– ขอวงเงินเพิ่ม
– ผ่อนชำระหนี้ให้หมดตามสัญญา
– อาจขอเจรจาขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิมได้
อัตราดอกเบี้ยมักได้ดอกเบี้ยอัตราพิเศษที่ต่ำกว่า
ในช่วง 3 ปีแรก
– ดอกเบี้ยโปรโมชั่น ในช่วง 3 ปีแรก (ถ้ามี)
– ดอกเบี้ยลอยตัวที่สูงขึ้น หลังพ้นช่วงโปรโมชั่น
ค่าใช้จ่าย– มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
– ค่าธรรมเนียมการประเมิน
– ค่าจดจำนอง (1% ของวงเงินกู้)
– ค่าอากรแสตมป์
– ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ของธนาคารใหม่
– ค่าเบี้ยประกัน (ถ้าต้องทำใหม่)
– ไม่มีค่าใช้จ่าย (หากผ่อนตามปกติ)
– อาจมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อย หากขอ Retention กับธนาคารเดิม (ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข)
ความยุ่งยากค่อนข้างยุ่งยาก ต้องเตรียมเอกสาร, เดินเรื่องกับธนาคารใหม่, นิติกรรมที่กรมที่ดินไม่ยุ่งยาก เพียงผ่อนชำระตามปกติ
ผลต่อเครดิตบูโร– หากอนุมัติสินเชื่อใหม่ อาจมีการเช็คเครดิตบูโร
– หากประวัติการเงินไม่ดี อาจทำให้ขออนุมัติยาก
ไม่มีผลโดยตรง หากผ่อนชำระตรงเวลา
การประหยัดดอกเบี้ยมีโอกาสประหยัดดอกเบี้ยรวมได้มาก โดยเฉพาะในระยะยาวประหยัดดอกเบี้ยได้น้อยกว่า (ยกเว้นกรณีได้ Retention ดอกเบี้ยพิเศษ)
ความเสี่ยง– หากประเมินค่าใช้จ่ายและดอกเบี้ยไม่ดี อาจไม่คุ้มค่า
– อาจถูกปฏิเสธ หากคุณสมบัติไม่ผ่าน
– อาจเสียโอกาสในการประหยัดดอกเบี้ย หากอัตราดอกเบี้ยตลาดลดลง
เหมาะสำหรับ– ต้องการลดภาระดอกเบี้ย หรือค่างวดอย่างจริงจัง
– ต้องการเงินก้อน จากหลักประกันบ้าน
– ต้องการเปลี่ยนประเภทอัตราดอกเบี้ย
– ต้องการความสะดวก ไม่ต้องการยุ่งยาก
– เหลือยอดหนี้น้อยแล้ว
– รีไฟแนนซ์แล้วไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร
– ได้ข้อเสนอ Retention จากธนาคารเดิมที่ดีพอ

รีไฟแนนซ์บ้านสามารถลดภาระผ่อนต่อเดือนได้จริง หากคุณได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง และ/หรือเลือกที่จะขยายระยะเวลาผ่อนชำระออกไป แต่คุณต้องไม่ลืมที่จะ คำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมด ที่เกี่ยวข้องกับการรีไฟแนนซ์ ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียมต่าง ๆ และค่าปรับ (ถ้ามี) เพื่อให้แน่ใจว่าการรีไฟแนนซ์ครั้งนี้คุ้มค่าและเป็นประโยชน์ต่อคุณมากที่สุด

การรีไฟแนนซ์บ้านเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์อย่างมาก หากคุณศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบข้อเสนอจากหลาย ๆ ธนาคาร และพิจารณาความคุ้มค่าอย่างรอบคอบ การตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้านจะช่วยให้คุณผ่อนบ้านได้อย่างสบายใจและประหยัดเงินได้มากขึ้นในระยะยาวอย่างแน่นอน!

และสำหรับใครที่กำลังมองหาสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านดีๆ สักที่ ลองมาปรึกษา แรบบิท แคร์ ดูสิ ที่นี้นอกจากประกันรถยนต์แล้ว เรายังมีสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน สินเชื่อบ้าน และสินเชื่ออื่น ๆ ไว้คอยช่วยเหลือเมื่อคุณต้องเจอปัญหาเรื่องการเงิน คลิกเลย!

สรุป

การรีไฟแนนซ์บ้านช่วยลดถาระด้านดอกเบี้ยกานผ่อนบ้านได้จริง และไม่เพียงแค่รีไฟแนนซ์เฉพาะบ้านได้เท่านั้น ยังสามารถรีไฟแนนซ์กับทางธนาคารเดิมได้ หากดอกเบี้ยให้ราคาที่ดี รวมถึงสามารถที่อยู่อาศัยประเภทอื่น ๆ เช่น ตึกแถว, ห้องคอนโด ได้ไม่ต่างกัน ทั้งนี้คุณสามารถขอกู้เพิ่มวงเงินได้ภายใต้การประเมินค่าบ้าน 90% นอกจากนี้ยังสามารถรีไฟแนนซ์ได้เรื่อย ๆ หากผู้ขอมีคุณสมบัติรีไฟแนนซ์ได้ โดยช่วงระยะเวลาที่สามารถรีไฟแนนว์ได้ ต้องผ่อนบ้านไปแล้วมากกว่า 3 ปีขึ้นไป

ที่มา

บทความแคร์การเงิน

Rabbit Care Blog Image 102286

แคร์การเงิน

เครื่องมือคำนวณค่าใช้จ่ายหลังสินเชื่อ ประเมินภาระการชำระเงิน

การขอสินเชื่อเป็นทางเลือกที่หลายคนใช้เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน รถยนต์ หรือลงทุนในธุรกิจส่วนตัว
กองบรรณาธิการ
26/06/2025
Rabbit Care Blog Image 102250

แคร์การเงิน

บัตรเครดิต VS บัตรกดเงินสด VS สินเชื่อส่วนบุคคล แบบไหนเหมาะในวันที่ “เงินช็อต”

ปัญหาของมนุษย์เงินเดือนที่หลายคนต้องเจอกับสถานการณ์ “เงินช็อต” ใช้เงินเดือนชนเดือน หรือถึงขั้นเงินเดือนไม่พอใช้ ไม่ว่าจะเพราะค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น
Thirakan T
25/06/2025
Rabbit Care Blog Image 101965

แคร์การเงิน

ดอกเบี้ยลอยตัว คืออะไร? ต่างกับดอกเบี้ยคงที่อย่างไร? มาลองคำนวณกัน

ดอกเบี้ยลอยตัว คืออะไร? ดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Interest Rate) หรือที่เรียกว่า อัตราดอกเบี้ยผันแปร คือ อัตราดอกเบี้ยที่มีการเปลี่ยนแปลงตามสภาวะเศรษฐกิจ
กองบรรณาธิการ
09/06/2025