อย่าทำ! วิธีหนีภาษีสุดห่วย ที่เขาจับไต๋ได้หมดแล้ว
คนไทยกับการเสียภาษี เป็นของคู่กัน โดยเฉพาะคนไทยวัยทำงานอย่างเราๆ ที่จะต้องมีการชำระภาษีเป็นประจำทุกปี
นอกจากนี้ ยังมีภาษีอีกหลากหลายรูปแบบที่บางครั้งเราก็จ่ายไปโดยไม่ทันตั้งตัว กว่าจะรู้อีกทีก็เสียภาษีไปหลายบาท หลายคนจึงรู้สึกเสียดายเงินกันขึ้นมา ว่าแล้วก็หาวิธีหนีภาษีหน่อยละกัน
หืม… แล้วแบบนี้ จะไม่โดนจับได้หรอกหรือ?
วิธี หนีภาษี สุดห่วย ที่ทำไปก็โดนจับได้อยู่ดี
ช้าก่อนค่ะทุกท่าน หากคุณคือคนหนึ่งที่กำลังมองหาวิธีการหลบหลีกภาษี เพราะไม่อยากเสียภาษีเยอะ บอกเลยว่า ถ้าทำแบบนี้ โดนจับได้แน่
- หลบหน้า ไม่จ่าย ไม่มีเงิน
เริ่มต้นด้วยวิธีเบสิกอย่างการทำเนียน ไม่มีเงินก็เลยไม่จ่าย เป็นข้ออ้างสุดฮิตของคนในยุคนี้ เหมือนจะจบง่ายๆ แต่ไม่เลยค่ะ ถ้ามีการตรวจสอบแล้วพบว่าคุณติดอยู่ในรายชื่อคนที่เบี้ยวภาษีแล้วล่ะก็ ไปไม่รอดแน่นอน เพราะมันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
การกระทำนี้จะส่งผลให้คุณต้องเสียภาษีที่ค้างอยู่พร้อมกับจ่ายค่าปรับและดอกเบี้ยเพิ่มจากเดิมอีกหลายเท่า ถ้าจ่ายภาษีตามกำหนดไปตั้งแต่แรกก็คงไม่เยอะขนาดนี้
- กระจายรายได้
อีกหนึ่งวิธียอดฮิตไม่แพ้วิธีแรกเลย เพราะถือว่าเป็นวิธีที่ช่วยประหยัดภาษีไปได้มาก โดยวิธีการก็คือ การเอาชื่อผู้อื่นมาเป็นตัวแทนรับรายได้แทนตัวเราเอง เพื่อช่วยกระจายรายได้ที่แท้จริงของเราให้ดูน้อยลง และจะได้เสียภาษีน้อยลงตามไปด้วย
แม้ว่าการกระจายรายได้จะช่วยให้เสียภาษีน้อยลง แต่ใช่ว่าทุกอย่างจะจบ เพราะคุณพยายามหนีภาษีมันผิดกฎหมายแล้ว จะมีปัญหาที่ตามมาอีกแน่นอน
หากโดนจับได้ว่าพยายามเลี่ยงจ่ายภาษีก็จะโดนบทลงโทษด้วยการจ่ายค่าปรับและดอกเบี้ยมหาศาล รวมถึงปัญหาที่มีโอกาสเกิดขึ้นคือ บัญชีเงินฝากของบุคคลตัวแทน อาจมีรายได้ที่มากอยู่แล้ว เมื่อเอาเงินมารวมกัน อาจทำให้ต้องเสียภาษีมากขึ้นกว่าเดิม
- ปิดบังรายได้จริง
วิธีนี้ผู้เสียภาษีที่เป็นกลุ่มห้างร้านนิยมทำกันเยอะ โดยมีวิธีการคือเปิดบิลในราคาที่ต่ำกว่ายอดรายได้จริง เช่น ขายจริงได้ 30,000 บาท แต่เปิดบิลแค่ 3,000 บาท จึงทำให้ดูมีรายรับน้อย และส่งผลให้จ่ายภาษีน้อยลง
การกระทำที่เจ้าหน้าที่มักจะเห็นจุดผิดสังเกต คือ ร้านค้าที่เปิดบัญชีเงินฝากมากกว่า 1 เล่ม ซึ่งโดยส่วนมากจะเปิดเป็นบัญชีที่แสดงรายรับ-รายจ่ายตามจริงกับอีกบัญชีหนึ่งที่สร้างกิจกรรมทางการเงินแบบจัดฉากให้ดูมีรายได้น้อย เพื่อที่จะหนีภาษีหรือจ่ายได้น้อยลง
- แสร้งว่าขาดทุน
เป็นวิธีที่เหล่าห้างร้าน/บริษัทหลายแห่งนิยมทำ เพราะการขาดทุนหมายถึงการไม่ต้องเสียภาษี ฉะนั้นจึงต้องแสร้งว่ากิจการไม่ได้กำไร ด้วยกลวิธีสุดฮิตคือ
การเปิดบิลปลอมจำนวนมาก แต่ไม่มีรายจ่ายเกิดขึ้นจริง หรือ สั่งซื้อสินค้าในนามบริษัทแต่นำไปเป็นของใช้ส่วนตัว แล้วมาเบิกเป็นเงินค่าใช้จ่ายของบริษัท และสารพัดกลวิธีขาดทุน ที่บอกเลยว่าถ้าโดนจับได้ก็ไม่รอดนะจ๊ะ
- อสังหาริมทรัพย์
กลวิธีหนีภาษีที่กลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มักจะทำคือ การประกาศขายห้องชุดบางส่วน และแบ่งยูนิตเอาไว้สำหรับปล่อยให้เช่าพักแบบชั่วคราว โดยรายได้ที่ได้รับจากการมีผู้มาเช่าพักจะไม่ถูกนำมาแสดงให้ทราบ และจะเปิดเผยเพียงรายได้จากการขายห้องชุดเท่านั้น
เป็นแผนการหนีภาษีที่แยบยลมาก แต่มันคือการกระทำที่ผิดกฎหมาย และเจ้าหน้าที่ก็จับได้อยู่ดี
ปัญหาการหนีภาษีของเหล่าคนดัง
เป็นที่ทราบกันดีว่าดารานักแสดงนั้นเป็นอาชีพที่มีรายได้สูง ออกงานวันหนึ่งก็รับเงินไปเป็นก้อน แต่อย่างว่า ได้รับเยอะก็ต้องเสียภาษีเยอะไปด้วยเช่นกัน เหล่าคนดังก็เลยต้องหากลวิธีหลบหลีกภาษีบ้าง แต่ก็โดนจับได้อยู่ดีนั่นล่ะ
- Nicolas Cage
นักแสดงหนุ่มชาวอเมริกันท่านนี้ประสบกับปัญหาทางภาษีเมื่อปี ค.ศ. 2009 เขาได้รับบิลจากทางสรรพากรอเมริกัน ที่เรียกเก็บเงินจากเขาจำนวน 6 ล้านดอลลาร์ สมทบกับหนี้เดิมอีกรวมเป็น 14 ล้านดอลลาร์ โดยนักแสดงหนุ่มอ้างว่าเป็นผลมาจากการบริหารจัดการที่ล้มเหลวของอดีตผู้จัดการส่วนตัวของเขา
อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่าจะนำเงินมาชำระภาษีในส่วนนี้ให้หมด และแน่นอนว่าเปลี่ยนผู้จัดการใหม่เรียบร้อย
Martha Stewart — CR : NewYork Post
- Martha Stewart
มาร์ธาไม่ได้เป็นดารานักแสดง เธอเป็นนักธุรกิจคนดังที่มีความสามารถและได้รับการยอมรับจากคนจำนวนมาก แต่ภาพลักษณ์ดีๆ ของเธอก็เสียหายไม่น้อยเลยเมื่อเธอต้องเจอกับข้อตัดสินที่ว่า เธอหลีกเลี่ยงภาษี รวมถึงการค้าภายในองค์กรที่ไม่ถูกต้อง
การกระทำดังกล่าวเกือบทำให้เธอต้องติดคุก แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็รอดด้วยการจ่ายเงินภาษีคืนเป็นจำนวนกว่า 2 แสนดอลลาร์
- Willie Nelson
นักดนตรีแนวคันทรี่ชื่อดังท่านนี้ถูกเรียกให้จ่ายภาษีย้อนหลังจำนวนกว่า 32 ล้านเหรียญ ในปี ค.ศ. 1990 ต่อมาก็ได้ลดหนี้ลงเหลือ 17 ล้านเหรียญ ถึงอย่างนั้น เนลสันก็ยังจ่ายไม่ไหวอยู่ดี ทางสรรพากรจึงยึดทรัพย์สินของเขา เพื่อชำระหนี้ภาษีเป็นจำนวน 15 ล้านเหรียญ
ในที่สุดเขาก็รับปากกับทางสรรพากรว่าเขาจะจ่ายหนี้ภาษีที่เหลือหลังจากขายผลงานเพลงอัลบั้ม “The IRS Tapes : Who’ll buy my memories?” ซึ่งอัลบั้มนี้ก็ประสบความสำเร็จ เนลสันจึงสามารถจัดการหนี้ภาษีทั้งหมดได้เรียบร้อยแล้ว
How to หนีภาษี แบบถูกกฎหมาย ปลอดภัยไม่เจ็บตัว
มาลองคิดๆ ดูแล้ว ในหนึ่งปีเราก็เสียภาษีกันในจำนวนไม่น้อยเลย ก็ไม่แปลกที่จะรู้สึกเสียดายเงิน แต่ถ้ารู้สึกว่าอยากประหยัดเงิน แต่ไม่อยากประหยัดผิดวิธีหรือทำผิดกฎหมาย Rabbit Care ก็มีวิธีหนีภาษีแบบปลอดภัย ไม่ผิดกฎหมายมาฝากกัน
- ใช้สิทธิลดหย่อน
จะเรียกว่าเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเลยก็ได้ นั่นก็คือวิธีการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี จากการซื้อประกันชีวิต การลงทุน LMF RMF หรือจากดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นการช่วยบริหารจัดการภาษีที่นิยมทำกัน
- กำหนดเวลาการรับเงิน
สำหรับคนที่ทำงานฟรีแลนซ์ สามารถขอเลื่อนการรับเงินออกไปเพื่อให้นับเป็นภาษีของปีต่อไปก็ถือว่าช่วยแก้วิกฤตทางการเงินได้ หรือจะขอแบ่งการรับเงินเป็น 2 ก้อน รับปีนี้กับรับปีหน้า เพื่อช่วยให้การคำนวณฐานภาษีเริ่มใหม่ และประหยัดเงินจากการจ่ายภาษีไปได้
แปลงประเภทเงินได้
มนุษย์เงินเดือนโดยทั่วไปจะจ่ายภาษีแบบ 40(1) กับ 40(2) เท่านั้น ซึ่งมีข้อจำกัดคือ การเสียภาษีแบบดังกล่าวจะสามารถหักค่าใช้จ่ายได้สูงสุด 100,000 บาท เท่านั้น แต่ภาษีแบบอื่นๆ เช่น 40(3)-40(8) จะสามารถหักค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ วิธีการคือขอเปลี่ยนรูปแบบเงินได้จากประเภท 1-2 เป็นประเภท 3-8 จะช่วยให้หักค่าใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลให้เสียภาษีน้อยลง
การจ่ายภาษีก็เป็นอีกหน้าที่หนึ่งของเรา หากต้องการประหยัดภาษีก็ลองปฏิบัติตามคำแนะนำข้างบน แต่อย่าพยายามหนีภาษีแบบผิดกฎหมายเลยค่ะ เพราะสุดท้ายแล้ว คุณก็จะโดนจับได้และต้องจ่ายเงินมากกว่าเดิม เสียทั้งเงิน เสียเวลา แล้วก็เสียชื่อเสียงด้วย ไม่คุ้มนะจะบอกให้
ขอบคุณข้อมูลจาก : Thetaxdefensegroup, krungsri, MoneyBuffalo, smethailandclub
ทีมกองบรรณาธิการ กลุ่มนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านรถยนต์ การเงิน และประกันภัย ของ แรบบิท แคร์ ที่เปิดดำเนินการมาแล้วมากกว่า 10 ปี