วิธีใช้บัตรเครดิตให้เกิดประโยชน์สูงสุดจะต้องทำอย่างไร?

จากเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทยได้กล่าวถึงรายละเอียดของ “บัตรเครดิต” ไว้ว่า เป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่มีผู้ออกบัตร (Issuer) ซึ่งได้แก่ธนาคารพาณิชย์​และผู้ประกอบธุรกิจบัตรเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-bank) นั้นออกให้แก่ลูกค้า (ผู้ถือบัตร หรือ Card Holder) โดยประโยชน์ที่ผู้ถือบัตรจะได้รับนั้นมีมากมาย เช่น สามารถจ่ายผ่านบัตรเครดิตเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการได้โดยที่ยังไม่ต้องจ่ายเงินในทันที ณ ร้านค้าที่รับบัตร รวมไปถึงในร้านค้าบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะสามารถสังเกตได้จากสัญลักษณ์โลโก้ของเครือข่ายผู้ให้บริการที่อยู่บนบัตรเครดิตและที่ร้านค้า หรือสามารถเบิกถอนเงินสดจากเครื่อง ATM มาใช้ล่วงหน้าได้ และนอกจากนี้ยังจะได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ ตามรายการส่งเสริมการขาย เช่น คะแนนสะสมเพื่อแลกของรางวัล ส่วนลดจากร้านค้าที่เข้าร่วมรายการ การผ่อนชำระสินค้าดอกเบี้ย 0 % เงินคืนจากการใช้จ่าย (cash back) ที่จอดรถ ห้องรับรองตามสถานที่ต่าง ๆ ความคุ้มครองเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ แต่ทางผู้ถือบัตรก็ควรมีวิธีใช้บัตรเครดิตที่เหมาะสมและมีวินัย อีกทั้งจะต้องพิจารณาถึงความสามารถในการชำระหนี้ในแต่ละเดือนอีกด้วย เพื่อไม่ให้เป็นการสร้างหนี้โดยไม่จำเป็น และอาจจะเกิดเป็นภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว จนอาจจะถูกฟ้องร้องและทำให้ประวัติทางสินเชื่อเสีย จนเป็นเหตุทำให้การยื่นขอสินเชื่อต่าง ๆ ที่สำคัญกว่าไม่ได้​ด้วย

• VISA
• Master Card
• American Express
• China Union Pay (CUP)
• Japan Credit Bureau (JCB)

• อันดับแรกให้เราทำการสำรวจตัวเองก่อนว่าเรามีพฤติกรรมการใช้เงินแบบไหน มีรายได้ประจำต่อเดือนเท่าไหร่ หรือเคยมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ เพื่อเป็นการประเมินสถานะทางการเงินคร่าว ๆ นั่นเอง
• สำรวจเงื่อนไขของบัตรเครดิตที่เราสนใจ เพราะว่าในแต่ละธนาคารก็จะมีรายละเอียดและข้อมูลที่แตกต่างกันออกไป เช่น ค่าธรรมเนียมบัตรเครดิต อัตราดอกเบี้ย เป็นต้น
• หลังจากที่มีการตัดสินเลือกบัตรเครดิตที่ใช่สำหรับเราแล้ว ให้เตรียมเอกสารการสมัครให้ถูกต้องและครบถ้วน
• ทำการสมัครบัตรเครดิตที่ธนาคารใกล้บ้าน หรือช่องทางออนไลน์ที่เป็นบัญชีทางการของธนาคารนั้น ๆ
• รอเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมาเพื่อแจ้งความคืบหน้า

1. บัตรเครดิตที่ใช้ได้เฉพาะในประเทศ (Local Credit Card)

เป็นบัตรเครดิตที่ใช้ได้เฉพาะในประเทศไทยอย่างเดียวเท่านั้น โดยที่ผู้ออกบัตรจะเป็นสถาบันการเงินประเทศไทยหรือธนาคารในประเทศไทย และบัตรเครดิตประเภทนี้จะมีเงื่อนไขการใช้บัตรและจะมีชื่อเรียกที่เเตกต่างกันออกไป

2. บัตรเครดิตที่ใช้ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ (International Credit Card)

บัตรเครดิตที่ใช้ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นประเภทบัตรเครดิตที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี โดยจะสามารถชำระเงินได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น บัตรเครดิต Visa บัตรเครดิต MasterCard และบัตรเครดิต American Express เป็นต้น

3. บัตรเครดิตเฉพาะร้านค้า (Store Card หรือ Private Label card)

เป็นบัตรเครดิตเฉพาะร้านค้าที่มีรูปแบบการใช้งานที่เฉพาะเจาะจงในแต่ละร้านเท่านั้น เช่น บัตรเครดิตเคทีซี โรงพยาบาลกรุงเทพ เป็นต้น โดยที่บัตรเครดิตในแต่ละใบนั้นก็จะมีสิทธิพิเศษอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้นสำหรับผู้ที่ถือบัตรนั่นเอง

• 1. วิธีใช้บัตรเครดิตที่ดี ควรจะให้บัตรนั้นอยู่ในสายตาของเราตลอดเวลาที่มีการถูกใช้งาน เพื่อป้องกันการถูกนำบัตรไปใช้ในทางทุจริต หรือถูกคัดลอกข้อมูลด้วยเครื่อง Skimmer แล้วทำเป็นบัตรปลอมขึ้นมา
• 2. ควรลงลายมือชื่อเจ้าของบัตรทันทีที่ได้รับบัตรเครดิตใบใหม่
• 3. ควรเลือกใช้บัตรเครดิตให้เหมาะสมกับการชีวิตประจำวันของตนเอง เพื่อที่จะได้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด เพราะว่าอัตราค่าธรรมเนียมของบัตรเครดิตที่ให้สิทธิประโยชน์นั้นมักจะแพงกว่ากรณีบัตรเครดิตทั่วไป
• 4. การชำระเงินผ่านบัตรเครดิตที่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่สูงขึ้น จะสามารถลดความเสี่ยงจากการทำธุรกรรมการเงินผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ โดยผู้ถือบัตรจำเป็นที่จะต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ของธนาคารผู้ออกบัตรก่อน เพื่อทำการเปิดใช้ Verified by Visa (VBV), Master Card Secure Code (MCSC) และ JCB J/Secure
• 5. ควรอ่านรายละเอียดข้อตกลงและเงื่อนไขของวิธีใช้บัตรเครดิตให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อน เพราะว่าอาจจะมีเงื่อนไขสำคัญแอบแฝงอยู่
• 6. ควรเก็บบัตรเครดิตไว้ในที่ปลอดภัย และไม่ควรวางบัตรไว้ใกล้แม่เหล็ก เพราะว่าจะทำให้แถบแม่เหล็กด้านหลังบัตรเครดิตได้รับความเสียหายได้
• 7. กำหนดรหัสถอนเงินที่ยากต่อการสุ่มเดา และควรเปลี่ยนรหัสใหม่อยู่เสมอ
• 8. ควรตรวจสอบจำนวนเงินให้ถูกต้องก่อนทำการเซ็นชื่อบนเซลล์สลิปทุกครั้ง
• 9. ควรเก็บเซลล์สลิปไว้ทุกครั้งที่มีการใช้จ่ายไปจนถึงรอบการชำระเงิน เพื่อเอาไว้ตรวจสอบกับรายการเรียกเก็บเงินในแต่ละเดือน
• 10.เก็บรายละเอียดต่าง ๆ ของบัตรไว้ให้ดี เช่น วันครบกำหนดชำระเงิน หมายเลข CVV เป็นต้น
• 11.อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวแก่บุคคลอื่น เช่น หมายเลขบัตร รหัส OTP หมายเลขโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
• 12.ก่อนสั่งซื้อสินค้าและบริการทางอินเทอร์เน็ต ควรจะพิจารณาถึงความปลอดภัย บัตรเครดิตใช้ยังไงให้ปลอดภัย โดยอาจจะตรวจสอบจากใบรับรองดิจิตอล (Digital Certificate) และควรปรากฏเครื่องหมายรับรองความปลอดภัยของการส่งผ่านข้อมูลแบบ SSL (Secure Socket Layer) อีกทั้งร้านค้าออนไลน์บางแห่งก็จะมีการใช้ระบบลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) อีกด้วย
• 13.วิธีใช้บัตรเครดิตที่ดี คือ ไม่ควรชำระแบบไม่เต็มจำนวน เนื่องจากว่าจะทำให้เกิดดอกเบี้ยสะสมและยอดหนี้สะสมเพิ่มขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว
• 14.ไม่แนะนำให้เบิกถอนเงินสด เพราะว่าจะถูกคิดดอกเบี้ยซ้ำซ้อน กล่าวคือนอกจากจะถูกคิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันแรกที่เบิกถอนเงินสดแล้ว ก็ยังจะต้องเสียค่าธรรมเนียมอีก 3% ของจำนวนเงินที่ถอนออกไปอีกด้วย
• 15.ให้รีบแจ้งธนาคารทันทีเมื่อรู้ว่าทำบัตรเครดิตหาย เพื่ออายัดและระงับการใช้งานของบัตรไว้ก่อน

สำหรับวิธีจ่ายบัตรเครดิตนั้น ทางผู้ถือบัตรจะต้องชำระหนี้ขั้นต่ำในแต่ละงวดโดยที่ไม่น้อยกว่า 10% ของยอดคงค้างทั้งหมด และการชำระเงินในแต่ละช่องทางนั้นก็อาจจะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันออกไป เช่น ค่าธรรมเนียม หรือจำนวนเงินสูงสุดที่รับชำระ ดังนั้นทางผู้ถือบัตรควรจะศึกษารายละเอียดเรื่องค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขบริการก่อนเลือกใช้บริการ โดยจะสามารถชำระผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

• การชำระผ่านช่องทางต่าง ๆ ของธนาคาร ซึ่งเป็นวิธีจ่ายบัตรเครดิตที่นิยมใช้กันมากที่สุด เช่น เครื่อง ATM บนอินเทอร์เน็ต หรือหักจากบัญชีเงินฝาก (Debit Transfer) เป็นต้น
• จ่ายบัตรเครดิตตามสาขาต่าง ๆ ของสถาบันผู้ออกบัตรเครดิต
• จุดบริการรับชำระเงินที่เป็นตัวแทนรับชำระ (บริการ Bill Payment) เช่น สาขาธนาคารอื่น ๆ Pay@Post เคาน์เตอร์เซอร์วิส เป็นต้น

อันดับแรกควรจะเลือกใช้ บัตรเครดิต ที่ตรงตามความต้องการหรือตรงตามการใช้ชีวิตประจำวันของตัวเราเอง เนื่องจากว่าจะเราสามารถใช้ประโยชน์จากบัตรเครดิตได้เป็นอย่างดีหากมีการใช้จ่ายที่เหมาะสม อีกทั้งควรศึกษารายละเอียดและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วนก่อนเลือกสมัครบัตรเครดิต

เพราะแรบบิท แคร์ เรามีข้อเสนอและสิทธิพิเศษให้คุณได้เลือกสรรมากมายจากหลากหลายธนาคาร โดยคุณสามารถเข้าไปดูข้อมูลและ เปรียบเทียบบัตรเครดิต เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลภายในคลิกเดียว หากถูกใจข้อเสนอรูปแบบไหนก็สามารถที่จะสมัครบัตรเครดิตออนไลน์กับเราได้ทันที และนอกจากนี้แรบบิท แคร์ ยังมีบริการให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำ และช่วยประสานงานยื่นเรื่องสมัครบัตรให้กับคุณตั้งแต่ต้นจนจบ ดังนั้นคุณจึงสามารถไว้วางใจให้แรบบิท แคร์ เป็นผู้ช่วยทางการเงินได้เลย

ลูกค้าสามารถมั่นใจในความปลอดภัยได้เลย เนื่องจากแรบบิท แคร์ มีการเชื่อมต่อระบบกับทางธนาคารโดยตรง จึงทำให้ในทุกขั้นตอนเป็นไปด้วยความปลอดภัยและรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถติดตามสถานะได้ในทุกตลอดเวลา และนอกจากนี้แรบบิท แคร์ ยังมีบริการให้คำปรึกษา เพื่อที่คุณจะได้เตรียมเอกสารประกอบการสมัครบัตรเครดิตออนไลน์ได้อย่างครบถ้วนและถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลทำให้ทางธนาคารอนุมัติได้ง่ายขึ้นและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ดังนั้นลูกค้าจึงสามารถไว้วางใจได้เลยว่าจะได้รับการอนุมัติที่ไวแน่นอน อีกทั้งยังจะได้วงเงินบัตรเครดิตที่สูงอีกด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของ แรบบิท แคร์