Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่ นโยบายคุกกี้

เปรียบเทียบบัตรเครดิต ง่าย ๆ ภายใน 30 วินาที กับ

Rabbit Care

2023_JAN_049_desktop_what-is-cvc-cvv.jpg
user profile image
เขียนโดยPaweennuch W.วันที่เผยแพร่: Jul 25, 2022

รหัส CVV คืออะไร? และรหัส CVC คืออะไร?

รหัส CVV คือ Card Verification Value เป็นรหัสที่อยู่บนบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่มีไว้เพื่อยืนยันตัวตนของผู้ถือบัตรเมื่อใช้บัตรชำระเงินออนไลน์ ซึ่งจะเป็นการยืนยันว่าผู้ที่ชำระเงินเป็นผู้ที่ถือบัตรอยู่จริง รหัส CVV จึงถือเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นแรกในการใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตชำระเงินออนไลน์ ส่วนรหัส CVC คือ Card Verification Code เป็นอีกชื่อหนึ่งของรหัส CVV ที่ใช้ในการยืนยันตัวตนของผู้ถือบัตรเมื่อชำระเงินออนไลน์เช่นเดียวกัน

รหัส CVV และรหัส CVC ต่างกันอย่างไร?

รหัส CVV และรหัส CVC คือรหัสยืนยันตัวตนบนบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตเหมือนกัน แต่จะแตกต่างกันตรงที่รหัส CVV คือรหัสของบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต Visa ส่วนรหัส CVC คือรหัสของบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต Mastercard นอกเหนือจากรหัสข้างต้นแล้ว ยังมีรหัส CID สำหรับบัตร American Express และรหัส CAV สำหรับบัตร JCB อีกด้วย

ดูรหัส CVV และรหัส CVC ได้จากที่ไหน?

รหัส CVV บัตรเครดิต

ตำแหน่งของรหัส CVV และรหัส CVC บนบัตรเครดิตหรือบัตรเครดิตจากแตกต่างกันไปตามบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายชำระเงินผ่านบัตร โดยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต VISA, MasterCard, และ JCB จะอยู่ด้านหลังบัตรใกล้กับแถบแม่เหล็กและช่องลงลายเซ็น ส่วนบัตร American Express เลข CID จะอยู่ด้านหน้าบัตรบริเวณมุมบนด้านขวาหรือด้านซ้ายของหมายเลขบัตร

รหัส CVV และรหัส CVC มีกี่หลัก?

จำนวนตัวเลขที่อยู่ในรหัสจะแตกต่างกันไปตามบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายชำระเงินผ่านบัตร โดยรหัส CVV ของบัตรเครดิต Visa รหัส CVC ของบัตรเครดิต Mastercard และรหัส CAV ของบัตรเครดิต JCB จะมี 3 หลัก ส่วนรหัส CID ของบัตรเครดิต American Express จะมี 4 หลัก

ทำไมต้องมีรหัส CVV และรหัส CVC?

รหัส CVC หรือรหัส CVV คือรหัสที่มีไว้เพื่อป้องกันมิจฉาชีพหรือบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบัตรนำหมายเลขบนบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตไปใช้ในทางทุจริตหรือซื้อสินค้าหรือบริการทางออนไลน์โดยเจ้าของบัตรไม่ได้รับอนุญาต โดยระบบการชำระเงินออนไลน์จะไม่ดำเนินการชำระเงินต่อไปหากไม่กรอกรหัสหรือกรอกรหัสไม่ถูกต้อง

แต่ในกรณีที่บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตถูกขโมย รหัสดังกล่าวจะไม่สามารถป้องกันการทุจริตได้เนื่องจากมิจฉาชีพจะมีทั้งหมายเลขบัตร ชื่อบนบัตร วันหมดอายุ และรหัส CVV หรือ CVC และสามารถใช้ข้อมูลทั้งหมดชำระเงินซื้อสินค้าหรือบริการทางออนไลน์ได้ทันที ดังนั้น วิธีการหนึ่งที่สามารถป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นได้คือการจดรหัสแยกเอาไว้ในที่ที่ปลอดภัยและมีแต่คุณเท่านั้นที่เข้าถึงได้ แล้วทำการลบรหัสบนบัตรออก โดยอาจใช้ปากกาถาวรสีดำถมทับรหัสหรือใช้เหรียญขูดรหัสออกก็ได้

รหัส CVV และรหัส CVC มีข้อดีอย่างไร?

ข้อดีของการใส่รหัส CVV หรือรหัส CVC คือช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับการทำธุรกรรมออนไลน์ อย่างการซื้อสินค้าหรือบริการต่าง ๆ โดยใช้ยืนยันตัวตนก่อนชำระเงินเพื่อแสดงว่าเราเป็นเจ้าของบัตรตัวจริงและป้องกันมิจฉาชีพโจรกรรมข้อมูล

รหัส CVV และรหัส CVC มีข้อจำกัดอย่างไร?

ข้อจำกัดของรหัส CVV หรือรหัส CVC คือหากทำบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตหายทั้งใบ จะทำให้คนขโมยบัตรสามารถนำรหัสไปกรอกเพื่อทำธุรกรรมออนไลน์ได้ ดังนั้น หากรู้ตัวว่าทำบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตหาย ควรรีบอายัดบัตรทันที นอกจากนี้ หากกรอกรหัสในเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ก็อาจทำให้ข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตรั่วไหลได้ จึงควรตรวจสอบความปลอดภัยของเว็บไซต์อยู่เสมอก่อนกรอกข้อมูล

เนื่องจากความไม่ปลอดภัยในกรณีที่บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตถูกขโมย ธนาคารจึงมีมาตรการยืนยันตัวตนอีกหนึ่งขั้นตอนคือการใช้รหัสครั้งเดียว (One Time Password หรือ OTP) โดยเมื่อกรอกหมายเลขบัตร ชื่อเจ้าของบัตร วันหมดอายุ และรหัส CVV หรือรหัส CVC แล้วในขณะทำการชำระเงินออนไลน์ ธนาคารที่ได้รับคำร้องขอชำระเงินจะส่งรหัส OTP เข้าไปยังโทรศัพท์มือถือที่ผูกกับบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตใบนั้นไว้ จากนั้นเจ้าของบัตรจะต้องนำรหัส OTP ไปกรอกในเว็บไซต์เพื่อการยืนยันตัวตนเป็นขั้นตอนสุดท้ายอีกทีหนึ่ง จึงถือเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมอีกหนึ่งชั้น

รหัส CVV และรหัส CVC ต้องใส่ตอนไหน?

ในปัจจุบันมีซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ทางออนไลน์กันมากขึ้น เพราะมีความสะดวกสบายมากกว่า ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ซึ่งการซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ก็มักจะใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตในการชำระเงิน


ขั้นตอนการชำระเงินออนไลน์ด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตจะต้องกรอกข้อมูลของบัตรลงในเว็บไซต์ โดยข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่จำเป็นต้องใช้ในการชำระเงินสำหรับเว็บไซต์ส่วนใหญ่คือหมายเลขบัตร ชื่อบนบัตร วันหมดอายุของบัตร และรหัส CVV หรือรหัส CVC หลังจากกรอกข้อมูลตามที่เว็บไซต์กำหนดแล้ว ก็จะสามารถชำระเงินออนไลน์ได้

การกรอกรหัส CVV หรือรหัส CVC บนเว็บไซต์ปลอดภัยหรือไม่?

ความน่าเชื่อถือและปลอดภัยของเว็บไซต์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องระมัดระวังในการซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ทางออนไลน์ หากดำเนินการชำระเงินกับเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ก็อาจทำให้ข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตรั่วไหลได้ เพราะเว็บไซต์ดังกล่าวอาจเป็นเว็บไซต์ของมิจฉาชีพที่สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกเอาข้อมูลบัตร ดังนั้น ก่อนจะกรอกข้อมูลใด ๆ ควรตรวจสอบดูให้แน่ใจก่อนว่าเว็บไซต์นั้นปลอดภัยจริงหรือไม่ด้วยการตรวจสอบ URL ของเว็บไซต์ที่ต้องขึ้นต้นด้วย https:// เนื่องจาก URL ประเภทนี้จะมีฟังก์ชันการเข้ารหัสข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนซึ่งจะช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับการทำธุรกรรมออนไลน์ได้

หากตรวจสอบให้แน่ใจแล้วว่าเว็บไซต์ที่กรอกรหัส CVV หรือรหัส CVC ลงไปเป็นเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือและมีความปลอดภัย ก็สามารถมั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าข้อมูลของบัตรจะไม่รั่วไหลและปลอดภัยจากมิจฉาชีพ นอกจากนี้ คำแนะนำอีกข้อหนึ่งในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตคือไม่ควรบันทึกข้อมูลบัตรไว้ในเว็บไซต์ และควรกรอกข้อมูลใหม่ด้วยตนเองทุกครั้ง

รหัส CVV และรหัส CVC เหมือนกันกับ PIN Number หรือไม่?

รหัส CVV และรหัส CVC ไม่เหมือนกับรหัส PIN โดยรหัส PIN เป็นรหัสผ่านที่เจ้าของบัตรเป็นคนตั้งขึ้นมาเพื่อใช้ในการกดเงินสดหรือทำธุรกรรมอื่น ๆ ด้วยบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตผ่านตู้ ATM เจ้าของบัตรสามารถเปลี่ยนรหัส PIN ได้ตามที่ต้องการและจะเปลี่ยนกี่ครั้งก็ได้ ในขณะที่รหัส CVV และรหัส CVC คือรหัสที่ผู้ออกบัตรเป็นผู้กำหนดและเจ้าของบัตรจะไม่สามารถกำหนดรหัสหรือเปลี่ยนรหัสได้เอง

รหัส CVV หรือรหัส CVC คือรหัสที่ผู้ออกบัตรเป็นผู้กำหนดขึ้น และผู้ถือบัตรจะไม่สามารถกำหนดรหัสหรือเปลี่ยนรหัสได้

ควรขูดรหัส CVV และรหัส CVC ออกหรือไม่?

การขูดรหัส CVV และรหัส CVC บนบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตออกจะช่วยรักษาความปลอดภัยให้บัตรในกรณีที่บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตถูกขโมย เนื่องจากหากมิจฉาชีพจะนำบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตไปใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ ก็จะไม่ทราบรหัสของบัตร ทำให้ทุจริตได้ยากขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกเมื่อพบว่าบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตหายคือการอายัดบัตร เพื่อเป็นการการันตีว่ามิจฉาชีพจะไม่สามารถนำบัตรไปใช้ต่อได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องระวังในการขูดรหัส CVV หรือรหัส CVC คือต้องระวังไม่ใช้บัตรชำรุดเสียหายจนไม่สามารถใช้งานต่อได้ โดยอาจเลือกใช้ปากกาถาวรสีดำมาถมทับรหัสแทนเพื่อไม่ให้บัตรเป็นรอยขีดข่วน และต้องจดรหัสแยกเอาไว้ในที่ที่ปลอดภัยและจำได้เพื่อให้เจ้าของบัตรยังสามารถใช้บัตรซื้อสินค้าหรือบริการทางออนไลน์ได้อยู่

จำรหัส CVV หรือรหัส CVC ไม่ได้ต้องทำอย่างไร?

หากลบรหัส CVV หรือรหัส CVC บนบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตออกไปแล้ว ไม่ว่าจะด้วยการขูดรหัสออกหรือการใช้ปากกาขีดทับ หากแล้วจำไม่ได้ว่ารหัสดังกล่าวเป็นเลขอะไร หรือลบรหัสออกแล้วจดรหัสไว้ แต่ทำรหัสที่จดไว้หาย สิ่งที่ทำได้คือแจ้งบริษัทผู้ออกบัตรว่าทำบัตรหาย เพื่อให้บริษัททำการยืนยันตัวตนเจ้าของบัตรและออกบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตใบใหม่ให้แทน

บัตรเครดิตที่ แรบบิท แคร์ แนะนำ

บัตรเครดิต ไทเทเนียมบัตรเครดิต ไทเทเนียม

ธ. กรุงเทพ / มาสเตอร์การ์ด

  • เงินคืนสูงสุด 2% ต่อรอบบัญชี พร้อมสิทธิพิเศษ
  • บริการช่วยเหลือครอบคลุม 24 ชม. ทุกเรื่อง
  • สิทธิประโยชน์มาสเตอร์การ์ด ครอบคลุมทุกความต้องการ
  • คุ้มครองอุบัติเหตุขณะเดินทาง วงเงิน 3 ล้าน
  • รับเงินคืน 12% สูงสุด 500 บาท/เดือน ที่โตโยต้า
  • เงินคืนสูงสุด 2,000 บาทต่อบัตรต่อรอบบัญชี
บัตรเครดิตยูโอบี ลาซาด้าบัตรเครดิตยูโอบี ลาซาด้า

ธ. ยูโอบี / มาสเตอร์การ์ด

  • รับคะแนนสะสมยูโอบี 10 เท่า ทุก 25 บาท
  • รับยูโอบี รีวอร์ด 10 เท่า ทุกเมกาแคมเปญ
  • รับยูโอบี รีวอร์ด 3 เท่า ในหมวดแฟชันและสุขภาพ
  • รับยูโอบี รีวอร์ด 1 เท่า ทุกการใช้จ่าย 25 บาท
  • รับส่วนลด 30% ในเดือนเกิดที่ Lazada
  • รับบัตรหนังฟรี 1 ที่นั่ง ทุกสาขาเมเจอร์
บัตรเครดิตกรุงศรี เฟิร์สช้อยส์ วีซ่าบัตรเครดิตกรุงศรี เฟิร์สช้อยส์ วีซ่า

เฟิร์สช้อยส์ / วีซ่า

  • แบ่งชำระ 0% นาน 3 เดือน ผ่านแอป UCHOOSE
  • ผ่อนสินค้า 0% หรือดอกเบี้ยพิเศษ 36 เดือน
  • รับประกันช้อปออนไลน์ สูงสุด 15,000 บาท
  • เริ่มผ่อน 2 เดือนข้างหน้า 0% จากเฟิร์สช้อยส์
  • จ่ายคืนขั้นต่ำ 3% และแบ่งจ่ายได้ 60 เดือน
  • เครดิตเงินคืนทุกเดือน ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์
บัตรเครดิต CardX FAMILY PLUSบัตรเครดิต CardX FAMILY PLUS

CardX / มาสเตอร์การ์ด

  • เครดิตเงินคืนสูงสุด 1% ทุกการใช้จ่าย
  • เครดิตเงินคืนสูงสุด 1% ทุกการซื้อ
  • เครดิตเงินคืนสูงสุด 5% ร้านอาหาร 4 วันพิเศษ
  • เครดิตเงินคืนสูงสุด 4% วันเกิด
  • ลด 10% รถเช่าและเรือ ทรู ลีสซิ่ง
  • รับประกันอุบัติเหตุเดินทางเมื่อจ่ายตั๋ว

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา