จ่ายบัตรเครดิตช้า หรือจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ มีผลเสียอะไรหรือไม่?

“เดือนที่แล้วรูดเพลินไปหน่อย ลืมคำนวณเงินที่มีเลย เดือนนี้จ่ายแค่ขั้นต่ำก่อนและกันนะ” หยุดความคิดนั้นไว้! แล้วมาอ่านบทความนี้ก่อนกับ ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ! ที่จะทำให้คุณตัดสินใจได้ดีว่าควร หรือไม่ควรกับการทำวิธีนี้

บัตรเครดิต มีประโยชน์อยู่มากมาย ขึ้นอยู่กับการใช้จ่ายของเรา โดยวัตถุประสงค์หลักๆ คือการสร้างความน่าเชื่อถือในการใช้จ่าย (Credibility) เพื่อเวลาที่เราต้องการจะกู้เงินจำนวนที่มาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน หรือการกู้เพื่อลงทุนในธุรกิจ ก็จะทำให้มีความน่าเชื่อถือเพียงพอว่ามีความสามารถในการจัดการรายจ่าย

โดยที่บัตรเครดิตจะเป็นการใช้จ่ายโดยที่ยังไม่ต้องชำระโดยทันที เพื่อสะสมแต้ม หรือได้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ไปก่อน แต่มีสิ่งที่เรียกว่า “วงเงิน” ที่จะทำให้เราสามารถผ่อนชำระสินค้า ด้วยโปรโมชั่น 0% 10 เดือนได้ โดยเงื่อนไขขึ้นอยู่กับร้านค้า และสถาบันทางการเงินของบัตรแต่ละเจ้า เมื่อถึงกำหนดชำระตามวันที่ ที่ทางสถาบันทางการเงินกำหนดไว้ ก็จะทำการจ่ายเงินทั้งหมดที่ใช้ไปในรอบนั้นๆ อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังในการใช้บัตรเครดิตบางประการที่ผู้ใช้บัตรเครดิตควรคำนึงถึงด้วยเช่นกัน

การจ่ายบัตรเครดิต แท้จริงแล้วมีอยู่ 5 วิธี ดังนี้: จ่ายครบเต็มจำนวน, จ่ายขั้นต่ำ, จ่ายเกินจำนวน, จ่ายช้าเกินกำหนด, และ จ่ายไม่ไหว โดยมีรายละเอียด ดังนี้:

1.จ่ายบัตรเครดิตครบเต็มจำนวน

การจ่ายแบบชนิดนี้จะดีที่สุด คือรูดเท่าไหร่ จ่ายเต็มเท่านั้น วิธีนี้จะช่วยเพิ่มเครดิตทางการเงินที่ดีให้กับตัวคุณเอง ดังนั้น ในแต่ละเดือนน้องแคร์ขอแนะนำให้คุณบริหารการเงินของตัวเอง เช่น รายรับ รายจ่ายให้สมดุลกัน เพื่อที่จะสามารถจ่ายบัตรเครดิตตามยอดที่ใช้จริงได้จะได้ไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง

2. จ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ

ในกรณีนี้คือจ่ายตรงตามรอบแต่ไม่ครบยอดที่รูดไป ทำให้คุณถูกคิดดอกเบี้ยนับตั้งแต่วันแรกที่คุณใช้บัตรเครดิตรูดเพื่อซื้อสินค้าและบริการ โดยดอกเบี้ยจะถูกคิดเป็นรายวันโดยคำนวณจากยอดที่เราค้างชำระจนกว่าคุณจะชำระหนี้ที่คุณค้างอยู่จนหมด ดอกเบี้ยสามารถสูงสุด 16 % ต่อปี ดังนั้นหากคุณมียอดที่ค้างชำระ น้องแคร์ขอแนะนำให้หยุดใช้บัตรเครดิตก่อนสักระยะหนึ่งจนกว่าจะจ่ายยอดเก่าครบเพราะยอดค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นใหม่จะถูกคิดดอกเบี้ยไปด้วย

การจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ คืออะไร? การจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำนับว่าเป็นข้อดีของบัตรเครดิต ที่เป็นทางเลือกให้อีกทาง กรณีไม่สามารถชำระเงินที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตให้กับสถาบันทางการเงินนั้นๆ โดยการชำระเงินบางส่วน ที่ทางสถาบันทางการเงินนั้นๆ กำหนดให้ แทนที่จะเป็นการชำระเงินเต็มจำนวน ทำให้ยอดที่เหลือจากการจ่าย ถูกทบไปไว้เดือนถัดไปพร้อมกับดอกเบี้ย โดยจำนวนดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันทางการเงินกำหนดไว้ เช่น 3%, 5%, หรือ 10% ซึ่งหมายถึงเราจะต้องเริ่มจ่ายเงินมากกว่าที่เราใช้ไป เพราะมีดอกเบี้ยเข้ามาเรื่อยๆ

การคำนวณดอกเบี้ยการจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำมีขั้นตอนดังนี้

• ขั้นตอนที่ 1 นำจำนวนเงินต้นที่ค้างชำระ x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันที่ค้างชำระ ÷ 365 = จำนวนดอกเบี้ย
• ขั้นตอนที่ 2 นำจำนวนเงินต้นของสินค้าที่ต้องชำระ – จำนวนเงินขั้นต่ำที่ชำระไปแล้ว) x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันที่ค้างชำระ ÷ 365 = จำนวนดอกเบี้ย
• ขั้นตอนที่ 3 นำจำนวนดอกเบี้ยของขั้นตอนที่ 1 + จำนวนดอกเบี้ยของขั้นตอนที่ 2 = จำนวนดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายเพิ่ม
  
  
  

3. จ่ายบัตรเครดิตเกินจำนวน

ในกรณีนี้ไม่มีดอกเบี้ยอย่างแน่นอน ซึ่งอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ดูยอดจำนวนเงินผิด จนทำให้จ่ายเกินจำนวนยอดที่เป็นจริง น้องแคร์ขอแนะนำให้คุณคายอดไว้ในบัตรเครดิตเลย และยอดจะถูกหักคืนเมื่อมีการใช้บัตรเครดิตครั้งต่อไป อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการเงินส่วนนั้นคืน สามารถทำเรื่องได้ที่ธนาคารแต่อาจมีค่าธรรมเนียมเล็กน้อย แต่สิ่งที่ไม่ควรทำเลยนั่นก็คือการกดเงินสดจากบัตรเครดิต เพราะวิธีนี้จะทำให้คุณต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น

4.จ่ายบัตรเครดิตช้าเกินกำหนด

การจ่ายบัตรเครดิตช้าเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากจะให้เกิดขึ้น เพราะมันอาจจะทำให้คุณต้องพบเจอกับดอกเบี้ยค่าปรับอันแสนโหดจากทางธนาคารหรือสถาบันการเงินเจ้าของบัตร การจ่ายที่ช้าเกินกว่ากำหนด หมายถึงว่าคุณจ่ายเลยวันครบกำหนดชำระ โดยวิธีนี้จะส่งผลเสียต่อประวัติชำระหนี้ของคุณ และหากคุณจ่ายบัตรเครดิตช้าเกิน 30 วัน อาจมีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าติดตามทวงถามเพิ่มเติม หากคุณจ่ายบัตรเครดิตช้าจนถูกฟ้องแล้วยังเพิกเฉยไม่ยอมติดต่อเจ้าหนี้ ไม่ยอมใช้หนี้หรือตกลงเรื่องการจ่ายเงินคืนไม่ได้ เจ้าหนี้อาจทำเรื่องขอยึดทรัพย์หรืออายัดเงินเดือนได้ โดยธปท. ให้ข้อมูลว่าตามกฎหมายระบุให้สามารถอายัดเงินเดือนได้ไม่เกิน 30% ของเงินเดือนทั้งหมด

สามารถจ่ายบัตรเครดิตช้าสุดได้กี่วัน?

ในการจ่ายบัตรเครดิตช้า ไม่มีการกำหนดจำนวนวัน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร แต่ในทางที่ดี คุณไม่ควรที่จะจ่ายบัตรเครดิตช้าเกิน 2-3 วัน หากรู้ตัวว่าลืมจ่ายค่าบัตรเครดิต ก็ให้คุณรีบทำการจ่ายเงินอย่างเร่งด่วน เพื่อรักษาประวัติการชำระเงินที่ดีไว้ หรือ ควรติดต่อไปเจรจากับธนาคารหรือบริษัทผู้ออกบัตรให้เร็วที่สุด เพราะบางครั้งบางสถาบันการเงินอาจอนุโลมเปลี่ยนวันชำระหนี้หรือยกเลิกค่าผิดนัดชำระให้

หากจ่ายบัตรเครดิตช้าเกิน 7 วัน จะโดนค่าปรับไหม ขออนุโลมได้หรือเปล่า?

เป็นเรื่องที่ยากมากในการขออนุโลม หากคุณจ่ายบัตรเครดิตช้าเกิน 7 วัน เพราโดยปกติแล้วธนาคารจะมีการส่งข้อความมาเตือนเมื่อเลยกำหนดชำระเป็นเวลา 2-3 วันแรก หากคุณลืมจริง ๆ ก็สามารถโทรไปขออนุโลมกับทางธนาคารได้ แต่เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจเช็คว่าประวัติการจ่ายเงินของคุณเป็นอย่างไร ถ้าคุณมีเหตุผลมากพอและไม่เคยจ่ายบัตรเครดิตล่าช้ามาก่อน เจ้าหน้าที่ก็จะทำการยกเลิกดอกเบี้ยและค่าปรับล่าช้าให้

จ่ายบัตรเครดิตช้าเกิน 30 วันจะเกิดอะไรขึ้น?

การขออนุโลมก็ยิ่งยากขึ้นหากคุณจ่ายบัตรเครดิตคช้า 1 หรือ 2 งวด ติดต่อกันขึ้นไป นอกจากนี้คุณยังต้องเสียอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต ค่าติดตามทวงถามหนี้ ปละยังเสียประวัติชำระหนี้อีกต่างหาก หากคุณไม่มีเงินมากพอ อาจจ่ายเท่าที่จ่ายได้โดยไม่ต่ำกว่าขั้นต่ำตามที่ใบแจ้งยอดกำหนดไว้ ไม่ใช่หยุดจ่ายไปเลยเฉย ๆ

จ่ายบัตรเครดิตช้า ระวังติดบูโรไม่รู้ตัว!

หากคุณจ่ายบัตรเครดิตช้าเกิน 90 วัน หรือ 3 งวด หนี้บัตรเครดิตก้อนนั้นก็จะกลายเป็นหนี้ NPL หรือหนี้เสีย ส่งผลให้การทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ เช่น การขอสินเชื่อ การสมัครบัตรเครดิต ได้รับการอนุมัติยากขึ้นหรือไม่ได้รับการอนุมัติเลย ในกรณีแย่ที่สุด คุณอาจจะกลายเป็นผู้ติดแบล็คลิสต์บูโรไปเลยทีเดียว

หนี้เสียคืออะไร

หนี้เสีย คือ หนี้ที่เกิดจากการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ใช้จ่ายเกินตัวจนไม่อาจชำระหนี้ได้ ซึ่งหากปล่อยไว้ก็จะทำให้ประวัติการชำระหนี้ของคุณเสีย ทำให้ในอนาคตจะกู้เงินเพื่อซื้อสินทรัพย์บางอย่างก็ทำได้ยาก

5. จ่ายบัตรเครดิตไม่ไหว

หากคุณจ่ายบัตรเครดิตไม่ไหว ไม่ควรปล่อยผ่านหรือเงียบเพราะจะทำให้มีผลเสียตามมา น้องแคร์ขอแนะนำให้คุณโทรไปเจรจากับธนาคารที่คุณสมัครบัตรเอาไว้เพื่อหาทางออก แต่คุณต้องยอมรับผลที่จะตามมาคือเมื่อคุณไม่จ่าย บัตรเครดิตของคุณจะถูกระงับและไม่สามารถใช้ได้