แคร์สุขภาพ

สารให้ความหวานคืออะไร? จริงหรือจ้อจี้ที่บอกว่าดีกับสุขภาพ?

ผู้เขียน : คะน้าใบเขียว

นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care

close
Published December 23, 2022

สารให้ความหวาน อีกหนึ่งเทรนด์ที่คนรักสุขภาพจะต้องรู้จัก ว่าแต่สารให้ความหวานดีจริงไหม คนเป็นเบาหวานสามารถทานได้รึเปล่า? วันนี้ แรบบิท แคร์ จะพาทุกคนไปทำความรู้จักให้มากขึ้น ว่า สารให้ความหวานในปัจจุบันมีอะไรบ้าง? ประโยชน์ของหญ้าหวานมีจริงไหม? ไปหาคำตอบกัน! 

ประกันสุขภาพที่คุณเลือกเองได้ พร้อมชำระได้หลากหลายช่องทาง
icon angle up or down

เลือกแผนประกันสุขภาพที่คุณสนใจ

    ชื่อนามสกุล

    หมายเลขโทรศัพท์

    สารให้ความหวานคืออะไร? น้ำตาล 0% จริงหรือเปล่า?

    สารให้ความหวานแทนน้ำตาล หรือ น้ำตาลเทียม คือ น้ำตาลซูโครส (sucrose) สารที่ถูกออกแบบให้รสชาติหวานคล้ายกับน้ำตาล นิยมใช้เติมในอาหารและเครื่องดื่มเพื่อเพิ่มรสหวานได้เหมือนน้ำตาล เช่น กาแฟ, ชา, ซีเรียล, น้ำอัดลม, ขนมอบ โดยให้แคลอรี่หรือคาร์โบไฮเดรตน้อยกว่าน้ำตาลปกติ 

    นอกจากนี้น้ำตาลเทียมแต่ละชนิดก็ให้พลังงานแตกต่างกันออกไป เพียงแต่พลังงานที่น้อยกว่าน้ำตาลทรายค่อนข้างมาก ไม่ได้หมายความว่าจะแคลอรี่เป็น 0 แต่อย่างใด แต่สารให้ความหวานก็ยังเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระดับน้ำตาลในเลือด เช่น โรคเบาหวาน และมีบางการศึกษาเชื่อว่าสารให้ความหวานช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพ

    นอกจากนี้ สารให้ความหวาน แท้จริงไม่ได้ให้รสชาติเหมือนน้ำตาลมากขนาดนั้น เพราะบางชนิดอาจจะให้รสชาติขมเฝื่อนหรืออาจไปเปลี่ยนแปลงรสชาติอาหารได้ เราจึงควรศึกษาข้อมูลและศึกษาส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ก่อนที่จะเลือกซื้อ และเลือกใช้ให้เหมาะกับอาหารที่ต้องการจะปรุงเพื่อหลีกเลี่ยงรสชาติที่ไม่พึงประสงค์ควบคู่ไปด้วย

    สรุปแล้ว น้ำตาลเทียม มีข้อดี ดังนี้

    • ไม่เพิ่มความอยากอาหาร ได้พลังงานที่น้อย แคลอรี่ค่อนข้างต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับอาหารอื่น ๆ ที่มีพลังงานสูง
    • ช่วยลดน้ำหนักได้เล็กน้อย รวมทั้งช่วยลดมวลไขมันและเส้นรอบวงเอวได้ เนื่องจากแคลอรี่ และพลังงานน้อยมาก
    • ส่งผลดีต่อระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหารและอินซูลิน
    • ไม่ถูกหมักในช่องปากโดยเชื้อแบคทีเรีย ลดอัตราการสูญเสียแร่ธาตุของฟัน จึงไม่ทำให้ฟันผุ

    และถึงแม้สารให้ความหวานจะให้แคลอรีต่ำและปลอดภัยต่อผู้บริโภค แต่ถ้าบริโภคในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่น 

    • กลุ่มน้ำตาลแอลกอฮอล์ เช่น ซอร์บิทอล แมนนิทอล เป็นชนิดน้ำตาลที่ไม่สามารถย่อยได้หมด อาจเกิดอาการมวลท้อง ท้องอืด และท้องเสียได้ 
    • สารให้ความหวานเป็นประจำอาจจะทำให้เรารู้สึกติดหวานได้ ทำให้ไม่สามารถควบคุมอาหารการกินได้อย่างเต็มที่
    • ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่เป็นไมเกรน ผู้ป่วยโรคลมชัก และเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 2 ปี
    • ในงานวิจัยของสมาคมหัวใจอเมริกัน (AHA) พบว่า การทานสารให้ความหวานแทนน้ำตาลแบบสังเคราะห์ เพิ่มความเสี่ยงกับการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง และความจำเสื่อม
    • น้ำตาลเทียมบางชนิด หากบริโภคมากเกินไป อาจพบผลข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ, คลื่นไส้ วิงเวียน บางชนิดกระตุ้นการเกิดกรดในกระเพาะ เสี่ยงต่อการเป็นโรคกระเพาะได้

    จะเห็นได้ว่า จุดประสงค์หลักของสารให้ความหวาน คือการเป็นหนึ่งในทางเลือกของการดูแลสุขภาพ ช่วยควบคุมพฤติกรรมการทานเท่านั้น ไม่ได้ช่วยรักษาโรคแต่อย่างใด ฉะนั้น หากใครที่ต้องการลดความหวานให้เป็นนิสัย ควรลดบริโภคของหวาน และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำตาลเทียมในระยะยาวจะดีที่สุด

    แล้วแบบนี้ เลือกสารให้ความหวานยังไงดี? 

    ในปัจจุบันมีสารให้ความหวานแทนน้ำตาลที่ปลอดภัยให้เลือกใช้ในท้องตลาดอยู่หลายชนิด แต่ละชนิดจะมีข้อดีแตกต่างกันไป เบื้องต้นจะสามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

    • สารให้ความหวานที่ให้พลังงาน เช่น ฟรุกโทส(น้ำตาลจากผลไม้), มอลทิทอล, ซอร์บิทอล, ไซลิทอล แลน้ำตาลอิริทริทอละ โดยสารให้ความหวานกลุ่มนี้ จะไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและผู้ป่วยโรคเบาหวาน
    • สารให้ความหวานที่ไม่ให้พลังงาน หรือให้พลังงานต่ำ เช่น ซูคราโลส, หญ้าหวาน, แอสปาแตม, อะซิซัลเฟม-เค เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและผู้ป่วยโรคเบาหวาน

    ซึ่งในปัจจุบัน มีน้ำตาลเทียมที่องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) และกระทรวงสาธารณสุขไทยรับรองให้ใช้ได้อย่างปลอดภัย ดังนี้

    • แอสปาแตม (Aspartame) 

    สารให้ความหวานได้มากกว่าน้ำตาลทรายประมาณ 200-300 เท่า ให้รสหวานแต่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ และไม่ให้พลังงาน โดยแอสปาแตม จะสลายตัวในอุณหภูมิที่สูง จึงมีคำแนะนำว่าไม่ควรใช้ในอาหารขณะที่กำลังปรุงบนเตา เพราะอุณหภูมิสูงทำให้แอสปาแตมสลายตัว มีผลต่อรสชาติของอาหาร 

    หากเทียบเป็นน้ำอัดลมกระป๋องที่ผสมแอสปาแตมจะสามารถกินได้ไม่ควรเกินวันละ 14 กระป๋อง หรือหากเป็นชนิดซอง ก็ไม่ควรบริโภคเกินวันละ 68 ซอง

    เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่จะไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคฟีนิลคีโตนูเรียหรือมีภาวะพร่องเอนไซม์ย่อยสลายกรดอะมิโนฟีนิลอะลานีน 

    • เอซีซัลเฟม โพแทสเซียม (Acesulfame Potassium) 

    หรือที่เรียกว่า Ace-K (ขัณฑสกร อีกประเภท) หวานกว่าน้ำตาลทรายประมาณ 200 เท่า รสหวานปนเค็มและฝาดติดลิ้น นิยมผสมกับแอสปาแตมที่ให้แคลอรี่ต่ำ เพื่อเพิ่มรสหวานให้กับอาหารและเครื่องดื่ม เหมาะสำหรับใช้เป็นส่วนผสมในขนมหรือใช้ในเชิงอุตสาหกรรมมากกว่าใช้ในครัวเรือน

    • สตีเวีย (Stevia) 

    หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ น้ำตาลหญ้าหวาน เป็นสารสกัดจากพืชจากธรรมชาติที่ให้ความหวานได้มากกว่าน้ำตาลทรายประมาณ 300 เท่า ปัจจุบันมีการอนุญาตให้ใช้น้ำตาลหญ้าหวานเป็นสารทดแทนน้ำตาลในประเทศต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า 30 ประเทศ ทำให้พบได้ในรูปแบบใบสด ใบแห้ง ผง น้ำเชื่อมรวมไปถึงน้ำตาลหญ้าหวาน เป็นต้น  

    ประโยชน์ของหญ้าหวาน แม้จะเป็นสารที่ไม่ให้คุณค่าทางโภชนาการ แต่เหมาะที่จะใช้ควบคุมพฤติกรรมการทาน และเป็นสารให้ความหวานกับอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคหัวใจ รวมไปถึงเป็นสารให้ความหวาน คีโต นอกจากนี้ยังผลิตจากธรรมชาติ นิยมใช้ในครัวเรือน และถือเป็นน้ำตาลเทียมที่ปลอดภัยเป็นอันดับต้น ๆ

    หากนำไปผสมในน้ำอัดลมสูตรไร้น้ำตาล ไม่ควรบริโภคเกินวันละ 16 กระป๋อง หรือหากเป็นชนิดซอง ก็ไม่ควรบริโภคเกินวันละ 30 ซอง

    • ซูคราโลส (Sucralose)

    เป็นสารให้หวานกว่าน้ำตาลทรายประมาณ 600 เท่าของน้ำตาลทราย มีรสชาติดีคล้ายน้ำตาล ไม่มีรสขม ใช้ได้หลากหลาย ทนความร้อนในการหุงต้มและอบ ไม่ทำให้ฟันผุ ใช้ได้ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน และเนื่องจากซูคราโลสมีความหวานสูงมาก จึงมีข้อแนะนำให้ใช้ในปริมาณน้อยมาก หากเทียบเป็นน้ำอัดลมกระป๋องสูตรไร้น้ำตาล ไม่ควรบริโภคเกินวันละ 15 กระป๋อง หรือแบบซองได้ไม่เกินวันละ 30 ซอง

    • นีโอแตม (Neotame) 

    คือ สารให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายประมาณ 7,000 เท่า มีโครงสร้างใกล้เคียงกับสารให้ความหวาน แอสปาแตม

    • น้ำตาลแอลกอฮอล์ (Sugar Alcohol) หรือ โพลิไฮดริกแอลกอฮอล์ (Polyhydric alcohol) 

    เช่น ไซลิทอล (Xylitol), ซอร์บิทอล (Sorbitol) , น้ำตาลอิริทริทอล เป็นน้ำตาลเทียมแทนที่พบได้ในพืชผัก ผลไม้หลายชนิด เช่น สตรอเบอร์รี่, ต้นเบิร์ช, องุ่น, พีช, แตงโม ไม่ทำให้ฟันผุ แต่หากบริโภคมากเกินไป อาจทำให้ท้องเสียได้

    ส่วน ขัณฑสกร นั้น ทางองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาได้พยายามที่จะออกกฎหมายบังคับห้ามใช้ขัณฑสกรเป็นส่วนผสมของอาหาร และในประเทศไทยนั้นไม่อนุญาตให้ใช้ขัณฑสกรในเครื่องดื่มสำหรับด้านความปลอดภัยของการบริโภค เนื่องจากทำให้ผู้บริโภคเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะได้ ดังนั้นผู้บริโภคควรเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ที่น่าเชื่อถือ และพยายามหลีกเลี่ยงขัณฑสกรด้วย

    หรือหากใครที่กังวลว่าน้ำตาลเทียมสังเคราะห์เหล่านี้จะส่งผลต่อร่างกาย อาจเปลี่ยนมาเลือกใช้สารจากธรรมชาติอื่น ๆ ที่ทดแทนกันได้ เช่น น้ำผึ้ง, น้ำตาลมะพร้าว, น้ำเชื่อมเมเปิ้ล หรือน้ำเชื่อมจากเกสรดอกไม้ ก็ได้เช่นกัน

    ไขข้อข้องใจ! น้ำตาลเทียมใช้ได้ในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้ทานคีโตได้จริงหรือ? 

    แม้น้ำตาลเทียมจะมีข้อดีมากมาย แต่หลายหลายคนก็ยังคงมีข้อสงสัยอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลเทียมในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักแบบคีโต

    ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำว่า น้ำตาลเทียมถือว่าปลอดภัยสำหรับผู้เป็นโรคเบาหวาน เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่มีพลังงาน หรือให้พลังงานต่ำ น้ำตาลเทียมบางชนิดไม่มีคาร์โบไฮเดรต จึงอาจทำให้ร่างกายได้รับพลังงานโดยไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะกับการควบคุมพฤติกรรมการบริโภคพร้อมกับติดตามการรักษาร่วมกับเเพทย์

    หรือผู้ที่ต้องการสารให้ความหวาน คีโต สำหรับผู้ควบคุมน้ำหนัก ก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดี หากเคร่งครัดอาจจะเลือกน้ำตาลเทียมเเบบไม่มีคาร์โบไฮเดรตหรือมีต่ำมากที่สุด เพื่อให้ร่างกายนำไขมันออกมาเผาพลาญแทน เช่น น้ำตาลหญ้าหวาน หล่อฮังก๊วย ซูคราโลส เป็นต้น

    อย่างที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น การเลือกใช้สารให้ความหวานเป็นประจำและบริโภคมากจนเกินไป อาจทำให้ลิ้นของเราเสพติดรสหวาน กระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอยากรับประทานอาหารบ่อยยิ่งขึ้น 

    ฉะนั้น สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก หรือผู้ป่วยโรคเบาหวานควรเลือกบริโภคด้วยปริมาณที่เหมาะสม และพยายามบริโภคอาหารที่เป็นรสธรรมชาติของอาหารให้มากที่สุดจะดีกว่า

    ผ่อนสบาย! ซื้อประกันรถทุกชั้น ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน

    รถของคุณยี่ห้ออะไร

    < กลับไป
    < กลับไป

    ระบุยี่ห้อรถของคุณ

    ระบุปีผลิตรถของคุณ

    เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ สำหรับใครที่อยากได้ตัวช่วยดูแลเรื่องสุขภาพที่นอกเหนือจากการเลือกใช้สารให้ความหวาน ต้องนี่เลย ที่ แรบบิท แคร์ เราเป็นโบรกเกอร์ประกันภัย ที่มีทั้ง ประกันสุขภาพ IPD – OPD  ประกันสุขภาพเด็ก ประกันโรคร้ายแรง ไว้ให้คุณได้อุ่นใจไม่ว่าจะเจ็บป่วยเรื่องไหนก็หายห่วง พร้อมเบี้ยประกันที่จับต้องได้ คลิกเลย! 


    บทความแคร์สุขภาพ

    แคร์สุขภาพ

    แนะนำวิธีคลายเครียดช่วยดูแลสุขภาพใจ ส่งผลให้ร่าเริงแจ่มใส ร่างกายแข็งแรง

    ในยุคปัจจุบันนั้นการมีวิธีคลายเครียดที่เหมาะสมกับตนเองถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเราทุกคนต่างก็ต้องเผชิญหน้ากับความเครียดและความกดดันกันอยู่ในทุกวัน
    Nok Srihong
    22/04/2024

    แคร์สุขภาพ

    โยคะ (Yoga) มีประโยชน์อย่างไร สามารถบำบัดทั้งร่างกายและจิตใจได้จริงหรือไม่ ?

    โยคะ หนึ่งในศาสตร์การออกกำลังกายที่แน่นอนว่าหลายคนคงคุ้นหูกันเป็นอย่างดีและทราบกันถึงประโยชน์หลาย ๆ อย่างที่โยคะมีต่อร่างกายของคนเรา
    Nok Srihong
    11/04/2024