
เช็กลิสต์ 10 พฤติกรรมที่คุณ(อาจ)พลาด ขณะเลือกซื้อประกันสุขภาพ
เป็นกระแสมาแรงมาพักใหญ่กับแอปเปิ้ลไซเดอร์ หรือแอปเปิ้ลไซเดอร์เวนิกา (Apple Cider Vinegar) ที่ผู้คนในวงการรักสุขภาพและอาหารเสริมให้ความนิยมกันอย่างแพร่หลาย ว่ามีสรรพคุณดี ๆ มากมาย เช่น ช่วยดูแลร่างกาย ปรับสมดุลระบบขับถ่าย ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจาง และช่วยคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
แต่แน่นอนว่าเมื่อมีคนออกมาบอกข้อดีมากมายเหล่านี้ ก็ต้องมีคนที่ตั้งคำถามและข้อสงสัย ว่าการกินแอปเปิ้ลไซเดอร์นั้นดีจริงหรือไม่ นอกจากข้อดีที่ได้กล่าวไปยังช่วยเรื่องไหนอีกหรือไม่ มีวิธีการกินอย่างไร หากต้องการกินต้องเลือกกินเวลาไหน และควรเลือกกินชนิดใด แรบบิท แคร์ รวบรวมข้อมูลมาให้แบบครบครัน
แอปเปิ้ลไซเดอร์ หรือแอปเปิ้ลไซเดอร์เวนิกานั้น คือน้ำส้มสายชูที่หมักจากแอปเปิ้ล โดยมีกรรมวิธีในการทำคือคั้นน้ำแอปเปิ้ลออกมาหมักกับยีสต์ให้กลายเป็นแอลกอฮอล์ จากนั้นนำแอลกอฮอล์ที่ได้มาเติมแบคทีเรีย เพื่อให้ทำปฏิกิริยา เกิดเป็นกรดอะซิติก แอซิด ด้วยเหตุนี้แอปเปิ้ลไซเดอร์นั้นจึงมีค่าความเป็นกรดสูง และมีรสชาติเปรี้ยวจัดมาก ทำให้ในช่วงแรก ๆ หลายคนต้องกลั้นใจกินกันเลยทีเดียว อีกทั้งด้วยความเป็นกรดสูงของแอปเปิ้ลไซเดอร์ จึงทำให้ต้องผสมน้ำและต้องใช้หลอดดูด เพื่อป้องกันการกัดกร่อนฟัน
ลักษณะของแอปเปิ้ลไซเดอร์จะมีลักษณะสีเหลืองคล้ายกับชา มีทั้งแบบที่มีตะกอนและแบบที่กรองตะกอนออกก่อนแล้ว มีส่วนประกอบเป็นธาตุอาหารกว่า 30 ชนิด วิตามิน 6 ชนิด มีกรดอะมิโน และสารเพ็คติน ซึ่งล้วนแล้วแต่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย
นอกจากนี้ แอปเปิ้ลไซเดอร์ยังมีคุณสมบัติเป็นยาอีกด้วย หรือก็คือมีคุณสมบัติคล้ายยาปฏิชีวนะ ยาฆ่าเชื้อ ที่จะช่วยทำลายแบคทีเรีย อุดมด้วยเอนไซม์หลากหลายชนิดด้วยกันนั่นเอง
สำหรับคำถามที่ว่าแอปเปิ้ลไซเดอร์ ประโยชน์ หรือสรรพคุณมีอะไรบ้างนั้น ต้องบอกว่ามีประโยชน์และสรรพคุณในการดูแลสุขภาพร่างกายของผู้บริโภคหลายด้านเลยทีเดียว คือ
ทั้งนี้สรรพคุณต่าง ๆ อาจขึ้นอยู่กับส่วนผสมหรือสารสกัดที่แต่ละแบรนด์อาจมีเพิ่มเติมเข้ามาแตกต่างกัน ดังนั้นก่อนเลือกรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์ของแต่ละแบรนด์นั้น จึงควรศึกษาส่วนประกอบ ความน่าเชื่อถือ และไม่ลืมที่จะเช็กเรื่อง อย.
คำถามยอดฮิตที่ว่า แอปเปิ้ลไซเดอร์ กินตอนไหน ? คงเป็นปัญหาคาใจของใครหลายคน ความจริงแล้วแอปเปิ้ลไซเดอร์นั้นสามารถกินได้หลายเวลาด้วยกัน แต่โดยส่วนมากจะแนะนำให้เลือกกินจากช่วงเวลาดังนี้
ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันมีแอปเปิ้ลไซเดอร์ผลิตออกมาหลายรูปแบบหลากหลายแบรนด์ อาจมีข้อแนะนำในการรับประทานที่แตกต่างกันไปเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ควรอ่านคำแนะนำหรือวิธีการรับประทานจากบริษัทผู้ผลิต
ในส่วนของผู้ที่ต้องการรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์เพื่อลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนัก ควบคุมน้ำหนักนั้น แนะนำให้ดื่มแอปเปิ้ลไซเดอร์ก่อนรับประทานอาหารเป็นเวลา 30 นาที – 1 ชั่วโมง จะช่วยลดความอยากอาหารและปริมาณอาหารที่จะอยากรับประทานเข้าไปได้ ซึ่งแนะนำว่าให้ศึกษาส่วนประกอบของแอปเปิ้ลไซเดอร์ตัวที่เลือกรับประทานอยู่
เพราะหากเป็นแอปเปิ้ลไซเดอร์ชนิดน้ำบรรจุขวดที่จำเป็นจะต้องนำมาละลายผสมกับน้ำนั้น มีปริมาณที่เหมาะสมในการรับประทานอยู่ที่วันละไม่เกิน 2 ช้อนชา ทำให้อาจเลือกรับประทานแอปเปิ้ลไซเดอร์ก่อนอาหารได้เพียงมื้อเดียว
แต่หากเป็นแอปเปิ้ลไซเดอร์ชนิดผง ชนิดแคปซูล อื่น ๆ ที่มีวิธีรับประทาน หรืออัตราส่วนในการผสมส่วนผสมต่าง ๆ เฉพาะ อาจสามารถรับประทานได้ก่อนทั้งอาหารเช้า และก่อนอาหารเย็นนั่นเอง
ปัจจุบันแอปเปิ้ลไซเดอร์ที่มีวางขายอยู่ในท้องตลาดมีอยู่ 3 ชนิดหลัก ๆ ดังนี้
ในส่วนของวิธีการกินแอปเปิ้ลไซเดอร์นั้น ก็มีหลายวิธีด้วยกัน โดยวิธีการจะแตกต่างกันตามชนิดของแอปเปิ้ลไซเดอร์
หากจะถามว่าแอปเปิ้ล ไซเดอร์นั้นเหมาะกับใคร ใครบ้างที่ควรกินแอปเปิ้ล ไซเดอร์ ก็ต้องตอบว่าความจริงแล้วแอปเปิ้ล ไซเดอร์เหมาะกับทุกคนที่รักและต้องการที่จะดูแลสุขภาพ คนที่มีปัญหาเรื่องการย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย ต้องการป้องกันการเป็นโลหิตจาง อยากลดน้ำตาลในเลือด และต้องการคุมน้ำหนัก แต่แน่นอนว่าก็มีสิ่งที่ต้องระวังและผู้ที่ไม่ควรรับประทานเช่นกัน ซึ่งจะกล่าวให้ฟังในหัวข้อถัดไป
แน่นอนว่ามีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียและข้อควรระวังเช่นกัน การรับประทานแอปเปิ้ล ไซเดอร์นั้นมีสิ่งที่ต้องคำนึง และต้องระวัง ดังนี้
แม้ว่าแอปเปิ้ล ไซเดอร์จะมีประโยชน์มากมายและช่วยดูแลสุขภาพได้ แต่ก็ต้องทำความเข้าใจว่าแอปเปิ้ล ไซเดอร์ไม่ใช่ยาที่จะช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ให้หาย เช่น แม้จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่ก็ต้องควบคุมปริมาณในการรับประทานให้ดี วัดระดับน้ำตาลเป็นประจำ และต้องเข้ารับการรักษารวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ดูแลอย่างเคร่งครัด และขอแนะนำให้ทำ ประกันสุขภาพ กับ แรบบิท แคร์ ไว้ เป็นการวางแผนด้านสุขภาพให้อุ่นใจ ไม่มีเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาที่อาจบานปลายมาทำให้กังวล
มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ Asia Direct
และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว
จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการจัดการการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น
บทความแคร์สุขภาพ
เช็กลิสต์ 10 พฤติกรรมที่คุณ(อาจ)พลาด ขณะเลือกซื้อประกันสุขภาพ
โรคพุ่มพวงคืออะไร มีอาการอย่างไร อันตรายถึงชีวิตหรือไม่ ?