เปรียบเทียบ Retention กับ Refinance เลือกแบบไหนเหมาะที่สุด

คะน้าใบเขียว
ผู้เขียน: คะน้าใบเขียว Published: กรกฎาคม 7, 2023
คะน้าใบเขียว
คะน้าใบเขียว
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct
คะน้าใบเขียว
แก้ไขโดย: คะน้าใบเขียว Last edited: พฤษภาคม 14, 2024
คะน้าใบเขียว
คะน้าใบเขียว
นักเขียนรุ่นไฮบริด เขียนบทความด้านการบริหารเงินส่วนบุคคลและการลงทุนต่าง ๆ กว่า 7 ปี เริ่มต้นที่งานเขียนที่ Rabbit Finance จนย้ายมาที่ Rabbit Care และ Asia Direct
Retention

Retention (รีเทนชั่น) และ Refinance (รีไฟแนนซ์) ต่างเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญสำหรับคนที่ผ่อนบ้านโดยต้องเล่าย้อนก่อนว่าการผ่อนบ้านในช่วง 3 ปีแรกจะเป็นดอกเบี้ยแบบคงที่ ส่วนหลังจาก 3 ปีจะเป็นดอกเบี้ยลักษะลอยตัว ซึ่งจะทำให้เพิ่มภาระการผ่อนบ้านขึ้นนั่นเอง เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะคุ้นเคยกับการรีไฟแนนซ์บ้านเป็นอย่างดี น้องแคร์จึงขออาสาแนะนำใหรู้จักกับสิ่งนี้ให้มากขึ้น ไปดูกันว่า Retention คืออะไร รวมถึงเปรียบเทียบกันไปเลยว่า Retention หรือ Refinance แบบไหนจะดีกว่ากัน

Retention หรือ รีเทนชั่น คืออะไร?

รีเทนชั่นหรือว่า Retention คือ วิธีการขอปรับลดดอกเบี้ยบ้านโดยการขอเข้าไปเจรจากับธนาคารที่ได้ทำเรื่องกู้เงินซื้อบ้านธนาคารเดิม ซึ่งสำหรับการทำ Retention สำหรับลูกหนี้นั้นจะเริ่มทำได้ก็ต่อเมื่อมีการผ่อนบ้านมาแล้วอย่างน้อยเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยการทำ Retention (รีเทนชั่น) ก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีแบ่งเบาภาระค่าผ่อนบ้านหลังจากที่ดอกเบี้ยปรับเปลี่ยนมาเป็นแบบลอยตัว

คู่รักใช้ Retention บ้าน

การทำ Retention (รีเทนชั่น) มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

สำหรับคนที่สนใจทำ Retention (รีเทนชั่น) หรือการขอลดดอกเบี้ยบ้านเมื่อครบกำหนดผ่อนบ้านครบ 3 ปีแต่ยังไม่รู้ว่าจะมีวิธีการรขอลดดอกเบี้ยบ้าน จากทางธนาคารอย่างไรหรือคิดว่าขั้นตอนการทำนั้นจะยุ่งยากหรือเปล่า น้องแคร์ขอบอกเลยว่าการขอลดดอกเบี้ยบ้าน ไม่ได้มีขั้นตอนยุ่งยากอย่างที่คิด เนื่องจากเป็นการเข้าไปเจรจากับธนาคารเดิมที่มีข้อมูลของเราเป็นอย่างดีอยู่แล้ว โดยขั้นตอนการทำ Retention (รีเทนชั่น) มีดังนี้

  • ติดต่อนัดเจรจากับธนาคารเดิมที่ต้องการทำ Retention หรือการขอลดดอกเบี้ยบ้าน
  • เตรียมเอกสารสำคัญทางการเงินรวมถึงเอกสารยืนยันตัวตนให้พร้อม
  • เข้าไปเจรจาพูดคุยกับธนาคารเดิมเพื่อทำการ Retention
  • รอผลอนุมัติการขอลดดอกเบี้ยบ้าน ซึ่งอาจมีหรือไม่มีการจ่ายค่าธรรมเนียม

เอกสารสำคัญสำหรับยื่นขอทำ Retention มีอะไรบ้าง

สำหรับการยื่นเอกสารเพื่อทำการ Retention (รีเทนชั่น) นั้นไม่ได้อาศัยเอกสารอะไรที่มากมาย และไม่ต้องการเอกสารที่มีความซับซ้อน เนื่องจากเอกสารที่จำเป็นต่าง ๆ ทางธนาคารที่เป็นผู้ปล่อยกู้จะมีข้อมูลที่จำเป็นบางส่วนอยู่แล้ว หากต้องการขอลดดอกเบี้ยหรือทำ Retention ต้องเตรียมเอกสารทางการเงินและเอกสารสำคัญดังต่อไปนี้

  • สัญญาเงินกู้
  • ทะเบียนบ้านตัวจริงและสำเนาของผู้กู้
  • บัตรประชาชนตัวจริงและสำเนาของผู้กู้

เตรียมเอกสารเพียงแค่นี้ก็สามารถยื่นเรื่องเข้าเจรจากับธนาคารเพื่อทำการ Retention ได้แล้ว

การทำขอทำ Retention บ้านใช้เวลาเท่าไหร่ถึงรู้ผล

หลังจากที่เสร็จสิ้นการเจรจากับธนาคารเพื่อขอทำ Retention ซึ่งทางธนาคารที่รับเรื่องก็จะทำการพิจารณาถึงการปรับลดดอกเบี้ยบ้านให้กับเพื่อน ๆ โดยเวลาที่ใช้ในการพิจารณาไปจนถึงการรู้ผลขึ้นอยู่กับเงื่อนไข กระบวนการต่าง ๆ ของธนาคารซึ่งตามปกติแล้ว จะทราบผลในการขอ Retention (รีเทนชั่น) อยู่ที่ 7-45 วัน โดยเมื่อทราบผลแล้วก็อาจมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียเล็กน้อยหรืออาจจะไม่เก็บเลย โดยขึ้นอยู่กับนโยบายของธนาคารแต่ละแห่ง

คู่รักปรึษารีเทนชั่นกับธนาคาร

ทำไมการทำ Retention หรือ Refinance จึงเป็นตัวช่วยที่ดีของการผ่อนบ้าน

การทำ Retention และการทำ Refinance คือ อีกหนึ่งตัวช่วยในการแบ่งเบาภาระทางการเงินสำหรับคนที่ยื่นกู้ซื้อบ้านกับทางธนาคารและมีการผ่อนชำระค่าบ้านไปเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 3 ปี โดยเหตุผลก็เหมือนกับที่เราได้เกริ่นไว้ในตอนต้นนั้นก็คือช่วงระยะเวลาภายใน 3 ปีแรกของการผ่อนบ้านจะเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่เมื่อครบ 3 ปีแล้วจะเปลี่ยนระบบเป็นดอกเบี้ยลอยตัว ซึ่งจะเป็นการเพิ่มภาระทางการเงินให้กับผู้ผ่อนมากขึ้นเนื่องจากดอกเบี้ยมีการปรับสูงเพิ่มขึ้นนั้นเอง

เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียของ Retention และ Refinance

หลังจากที่ได้รู้ข้อดีของการทำ Retention หรือว่าการขอลดดอกเบี้ยบ้านบ้านไปแล้ว ซึ่งหลาย ๆ คนอาจเลือกไม่ถูกว่าจะใช้การ Retention บ้านหรือ Refinance ดี น้องแคร์จึงได้จับเอาทั้ง 2 อย่างนี้มาเปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสียให้เห็นกันชัด ๆ เลยว่าแตกต่างกันอย่างไร จะได้เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการตัดสินใจให้กับเพื่อน ๆ

ข้อดี


ข้อเสีย

Retention

  • Retention ทำกับธนาคารเดิม ทำให้ไม่ต้องเตรียมเอกสารจำนวนมาก

  • ใช้เวลาในการอนุมัติที่รวดเร็วList Item 2

  • เสียค่าธรรมเนียมน้อยหรืออาจไม่เสียค่าธรรมเนียมเลย
    List Item 3

อัตราการลดดอกเบี้ยบ้านไม่ได้สูงมาก

Refinance

  • ได้รับอัตราการลดดอกเบี้ยบ้านที่ต่ำ

  • สามารถเลือกอัตราดอกเบี้ยบ้านได้หลากหลาย

  • ปรับโครงสร้างหนี้

  • ต้องเตรียมเอกสารเป็นจำนวนมาก

  • รอเวลาในการอนุมัตินานกว่า Retention

  • มีค่าธรรมเนียมที่สูง

Retention หรือ Refinance เหมาะกับใคร

จะเห็นได้ทั้ง 2 อย่างนั้นค่อนข้างมาความต่างในรายละเอียดอยู่พอสมควรเลย โดยเมื่อพิจารณาการใช้งานอย่างละเอียดจะพบว่าทั้ง Retention และ Refinance ต่างมีการใช้งานที่จะสร้างประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อคุณเป็นผู้กู้ที่มีคุณสมบัติดังนี้

เลือกใช้ Retention

การใช้รีเทนชั่นเหมาะกับการผ่อนบ้านที่มีจำนวนยอดเงินกู้เหลือน้อยกว่าหนึ่ง 1 ล้านบาท หรือเป็นการผ่อนบ้านมาเป็นระยะเวลานานที่ใกล้จะปิดหนี้ได้แล้ว ซึ่งการทำ Retention จะเป็นการช่วยลดดอกเบี้ยบ้าน ที่ถึงแม้ว่าการลดที่ไม่ได้เป็นจำนวนมาก แต่แลกมากลับการไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในราคาที่สูงนั่นเอง

เลือกใช้ Refinance

ส่วนการเลือกใช้ตัวช่วยในรูปแบบนี้เหมาะกับคนที่ยังยอดที่ต้องผ่อน 1 ล้านบาทขึ้นไป มีความต้องการให้ภาระผ่อนบ้านต่อเดือนอยู่ในระดับต่ำ หรือต้องการกู้เงินมาเพื่อใช้ในการซ่อมแซมหรือตกแต่งบ้าน

  

Retention คือ การขอลดดอกเบี้ยบ้านกับทางธนาคารเดิม ซึ่งเป็นตัวช่วยลดภาระลดในการผ่อนบ้านของเพื่อน ๆ ลงไปได้นั่นเอง ซึ่งการทำรีเทนชั่นเหมาะอย่างยิ่งกับคนที่มียอดผ่อนบ้านเหลือน้อยกว่า 1 ล้านบาทซึ่งไม่ต้องการเสียเงินค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เป็นจำนวนมากนั่นเอง และถ้าเพื่อน ๆ คนไหนที่มองหาสินเชื่อบ้านเงื่อนไขดี ๆ อยู่ล่ะก็มาสมัครกับเราที่ แรบบิท แคร์ ได้เลยเพราะว่าเรามีสินเชื่อบ้านดี ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของเพื่อน ๆ ได้อย่างแน่นอน


บทความแนะนำอื่นๆ : สินเชื่อและหนี้สิน

มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ ใครไปไม่ทัน มาอ่านวิธีจัดการหนี้ อยากรีไฟแนนซ์รถมอเตอร์ไซค์ จะทำได้ไหมนะ? ผ่อนบ้านไม่ไหว ไม่อยากให้โดนยึด ต้องทำยังไงดี?! ผ่อนบ้านไม่ไหว ขายคืนธนาคารได้ไหม ทำอย่างไรดี เงินกู้นอกระบบ ความอันตรายที่ควรหนีให้ห่าง

บทความแคร์การเงิน

Rabbit Care Blog Image 101965

แคร์การเงิน

ดอกเบี้ยลอยตัว คืออะไร? ต่างกับดอกเบี้ยคงที่อย่างไร? มาลองคำนวณกัน

ดอกเบี้ยลอยตัว คืออะไร? ดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Interest Rate) หรือที่เรียกว่า อัตราดอกเบี้ยผันแปร คือ อัตราดอกเบี้ยที่มีการเปลี่ยนแปลงตามสภาวะเศรษฐกิจ
กองบรรณาธิการ
09/06/2025
Rabbit Care Blog Image 101805

แคร์การเงิน

คำนวณยอดเงินดาวน์ที่เหมาะสม ง่ายๆ ในไม่กี่คลิก!

ทำไมต้องวางเงินดาวน์ให้เหมาะสม? การวางเงินดาวน์ที่เหมาะสมช่วยลดภาระดอกเบี้ยและค่างวดผ่อนชำระในอนาคต
กองบรรณาธิการ
06/06/2025
Rabbit Care Blog Image 99755

แคร์การเงิน

การโปะงวดรถ คืออะไร เหมือนการปิดงวดรถก่อนกำหนดไหม มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ?

เรื่องสำคัญที่เจ้าของรถทุกคนจะต้องรู้ไว้โปะงวดรถ คืออะไร จ่ายค่างวดรถเกินยอด ทำได้หรือไม่ การโปะรถยนต์มีข้อดี หรือข้อเสียอย่างไร ควรทำไหม ?
คะน้าใบเขียว
11/03/2025