Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
user profile image
เขียนโดยTawan A.วันที่เผยแพร่: Feb 07, 2023

รถเร่งไม่ขึ้น ปัญหาเล็ก ๆ ที่ควรรีบแก้ก่อนเกิดอุบัติเหตุ

อาการรถเร่งไม่ขึ้นสามารถเกิดขึ้นได้กับรถยนต์ทุกประเภท บางครั้งก็ไม่ได้เป็นมาก หรืออาจจะเป็น ๆ หาย ๆ แค่รถเร่งไม่ขึ้นเหยียบคันเร่งอีกสักหน่อยก็ไปต่อได้เอง จนทำให้หลายคนอาจจะมองข้ามไปได้เพราะคิดว่ารถเร่งไม่ขึ้น คือ ปกติ แต่ลองนึกดูสิว่าถ้าหากอยู่ในช่วงอันตราย เช่น กำลังเร่งแซง หรือ ขึ้นเนิน แล้วรถเร่งไม่ขึ้นจะเกิดอุบัติเหตุแบบไหนตามมาได้บ้าง สาเหตุที่รถอืด เร่งไม่ค่อยขึ้นอาจจะเกี่ยวกับปัญหาที่เครื่องยนต์โดยตรง หรือ อาจเป็นเพราะคุณกำลังละเลยขั้นตอนบางอย่างในการการดูแลรถยนต์และเครื่องยนต์อยู่ก็เป็นได้

รถเร่งไม่ขึ้น เกียร์ออโต้ทำไงดี!?

  1. กรณีรถเร่งไม่ขึ้น เกียร์ออโต้รุ่นเก่า จะเป็นรถเร่งไม่ขึ้น ดีเซล หรือ เบนซินก็แล้วแต่ ให้กดปุ่ม O/D (Overdrive) จะช่วยให้เร่งเครื่องได้ดีขึ้น ลดอาการรถอืด เร่งไม่ค่อยขึ้น
  2. กรณีรถเร่งไม่ขึ้น เกียร์ออโต้รุ่นใหม่ จะเป็นรถเร่งไม่ขึ้น ดีเซล หรือ เบนซินก็แล้วแต่ ให้ ไม่มีปุ่ม O/D ให้ใช้เกียร์ D3 หรือ S เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์มีอัตราทดเหมาะสม และเพิ่มความเร็วรอบให้เหมาะสมกับการเร่งในแต่ละกรณี
  3. หลังจากที่ไม่จำเป็นต้องเร่งแล้วให้กลับมาใช้เกียร์ D ตามปกติ เพื่อไม่ให้เปลืองน้ำมัน

วิธีเช็กอาการรถอืด เร่งไม่ค่อยขึ้นเบื้องต้น

  • เป็นเพราะใช้น้ำมันผสมหรือเปล่า? รถเร่งไม่ขึ้น เกิดจากการเติมน้ำมันผสมอย่าง แก๊สโซฮอล์ E10, E20 หรือ E85 อาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานช้าลง ส่งผลให้การรถเร่งไม่ขึ้น เกียร์ออโต้ หรือ เกียร์ธรรมดาก็ตาม จะเร่งได้ไม่เร็วอย่างใจคิด เพราะน้ำมันประเภทนี้มีการผสมกับเอทานอล จึงทำให้สัดส่วนของน้ำมันเจือจางลง ดังนั้นหากว่าครั้งไหนต้องการขับขี่หนักขึ้น แนะนำว่าถ้ากลัวรถเร่งไม่ขึ้น ดีเซล หรือเบนซิน จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าแต่อาจจะแพงขึ้นอีกสักหน่อย โดยเลือกใช้น้ำมันตามประเภทรถได้เลย
  • ได้เปิดโหมดประหยัดน้ำมันไว้หรือไม่? โหมดประหยัดน้ำมัน ข้อดี คือ จะช่วยประหยัดพลังงานและประหยัดเงินเติมน้ำมันไปได้มาก แต่หากว่าต้องการทำความเร็ว หรือ ต้องการความเร่งที่สูงขึ้น มักจะกลายเป็นว่ารถเร่งไม่ขึ้น ดีเซล หรือ เบนซินก็สามารถเป็นได้ ดังนั้นหากเป็นการขับรถทางไกลที่ต้องใช้ความเร็วและใช้รถต่อเนื่องเป็นเวลานานแนะนำให้ปิดโหมดนี้ไว้จะเปลืองน้ำมันน้อยกว่า ปัญหาเหยียบคันเร่งไม่ขึ้นอาจจะลดลง
  • รถอืด เร่งไม่ค่อยขึ้น เพราะบรรทุกน้ำหนักเกินหรือไม่? รถเร่งไม่ขึ้น เกิดจากการบรรทุกน้ำหนักมากเกินไปก็เป็นอีกปัจจัย เพราะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น และเกิดรถเร่งไม่ขึ้น เกียร์ออโต้ หรือ เกียร์ธรรมดาก็เกิดได้ ถ้าหากลองลดน้ำหนักบรรทุกลงแล้วรถสามารถทำความเร็วได้ดีเหมือนเดิมก็ไม่น่าจะมีปัญหาอื่น ๆ เพิ่มเติม
  • ลมยางอ่อนไปไหม? ถ้าหากว่าลมยางรถอ่อนลงอาจทำให้รถเร่งไม่ขึ้น เกียร์ออโต้ หรือ เกียร์ธรรมดาก็ได้ ตอนขับจะรู้สึกได้เลยว่าควบคุมรถได้ไม่ค่อยดี เพราะล้อรถไม่ยึดเกาะถนนเท่าที่ควร ต่อให้รถจะมีสมรรถนะดีแค่ไหน แต่เมื่อสภาพยางไม่เอื้ออำนวย เครื่องยนต์ก็จะต้องใช้แรงมากขึ้นเพื่อขับเคลื่อนรถไปข้างหน้า นอกจาก รถอืด เร่งไม่ค่อยขึ้น รถจะสูญเสียความเร็ว รถเร่งไม่ขึ้น แล้วยังกินน้ำมันอีกด้วย
  • คอมแอร์มีปัญหาหรือเปล่า? ถ้าเหยียบคันเร่งไม่ขึ้น หลายครั้งที่อาการผิดปกติของรถบางอย่างจะสามารถสังเกตเบื้องต้นได้ด้วยการเช็กว่า แอร์เย็นไหม หรือสตาร์ทรถแล้วมีเสียงดังมาจากในแอร์หรือเปล่า ถ้าหากแอร์ไม่เย็นโดยที่ไม่ได้มีปัญหาที่น้ำยาแอร์หรือเครื่องกรองก็อาจเป็นไปได้ว่า รถเร่งไม่ขึ้น เกิดจากตัวชดเชยรอบ (A/C Idle-up Valve) ในระบบแอร์ อาจจะกำลังชำรุด ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดปัญหารถเร่งไม่ขึ้น เกียร์ออโต้ หรือ เกียร์ธรรมดาก็เกิดได้ เพราะเครื่องยนต์จะดึงพลังงานไปใช้กับระบบแอร์มากเกินไป จนไม่ได้ชดเชยรอบการทำงานของเครื่องยนต์ตามปกติ ทำให้ขาดแรงใช้ในการเร่งเครื่องยนต์ ทำให้รถอืด เร่งไม่ค่อยขึ้นได้

แต่ถ้าลองเช็กเบื้องต้นด้วยตัวเองแล้วข้อบ่งชี้ต่าง ๆ ที่รถเร่งไม่ขึ้นไม่ตรงกับหัวข้อด้านบนนี้เลย แปลว่าอาจมีปัญหาที่เครื่องยนต์ตัวใดตัวหนึ่งโดยตรง ให้ผู้ขับประคองรถเข้าเลนซ้ายไว้ อย่าเข้าเลนที่มีการใช้ความเร็วขึ้นแซงกันเพราะรถเรากำลังมีปัญหา เหยียบคันเร่งไม่ขึ้น จากนั้นรีบหาอู่รถยนต์เพื่อให้ช่างตรวจดูว่ารถเร่งไม่ขึ้น มาจากอะไรกันแน่

รถเร่งไม่ขึ้น เกิดจากอะไรได้บ้าง?

  • หัวเทียนบอด / หัวเทียนเสื่อมสภาพ / หัวเทียนหลวม
    หัวเทียน คือ ตัวจุดระเบิดในกระบอกสูบเพื่อทำให้เครื่องยนต์รถสตาร์ทติดและเคลื่อนที่ไปข้างหน้าได้ ถ้ารถเร่งไม่ขึ้น เกิดจากหัวเทียนบอด หัวเทียนเสื่อมสภาพ จะจุดระเบิดได้ไม่ดีพอทำให้เครื่องยนต์เดินไม่ครบสูบ เหยียบคันเร่งไม่ขึ้น เกิดรถกระตุก เครื่องสั่น รถเร่งไม่ขึ้น เกียร์ออโต้ หรือ เกียร์ธรรมดาก็เกิดขึ้นได้ สังเกตง่าย ๆ ถ้าปลายฉนวนหัวเทียนมีคราบน้ำมัน หรือ คราบเขม่าดำเกาะ แปลว่ามีน้ำมันเครื่องรั่วเข้าไปในห้องเผาไหม้ หรือไส้กรองอุดตัน ทำให้หัวเทียนเสื่อมสภาพได้ และอีกจุดสังเกต คือ บริเวณเขี้ยวหัวเทียนที่ปกติจะมี 2 หรือ 4 เขี้ยวแล้วแต่รุ่นรถยนต์ หากมีส่วนใดส่วนหนึ่งละลายกลายเป็นสีขาวจะแปลว่าหัวเทียนจุดระเบิดไม่สม่ำเสมอ ทำให้เครื่องยนต์ร้อนจัดทำงานแย่ลงและรถเร่งไม่ขึ้น แต่ถ้าหากตรวจเช็กแล้วพบว่าแค่เสียบปลั๊กหัวเทียนไม่แน่น ก็ถอดแล้วเสียบต่อใหม่ให้แน่นขึ้นเองได้เลย จะช่วยให้อาการรถอืด เร่งไม่ค่อยขึ้นดีขึ้นได้

    วิธีแก้ไข เมื่อรถเร่งไม่ขึ้น สามารถเปลี่ยนหัวเทียนใหม่ได้ในราคาเริ่มต้นเพียงประมาณ 100 บาท หรือจะเลือกหัวเทียนคุณภาพดีราคาสูงขึ้นก็มีให้เลือกหลายราคาไปจนถึงหลักหมื่น โดยปกติแล้วควรเปลี่ยนหัวเทียนใหม่ทุกๆ 100,000 กิโลเมตร จะทำให้อาการเหยียบคันไม่ขึ้นดีขึ้นได้

  • คอยล์จุดระเบิดชำรุด / เสื่อมสภาพ
    คอยล์จุดระเบิด คือ ตัวกลางในการส่งกระแสไฟฟ้าไปให้หัวเทียนใช้จุดระเบิดได้ ถ้ารถเร่งไม่ขึ้น เกิดจากคอยล์จุดระเบิดมีปัญหา ก็จะทำให้ไฟไปเลี้ยงหัวเทียนไม่เพียงพอ ส่งผลให้หัวเทียนจุดระเบิดได้ไม่เต็มที่ รถจึงมีอาการเครื่องสั่น รถอืด เร่งไม่ค่อยขึ้น ขณะวิ่งด้วยความเร็วต่ำจะเกิดรถเร่งไม่ขึ้น ต้องคอยเลี้ยงรอบรถอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ยังเหยียบคันเร่งไม่ขึ้น

    วิธีแก้ไข ถ้ารถเร่งไม่ขึ้นสามารถเปลี่ยนคอยล์จุดระเบิดตัวใหม่ได้ในราคาประมาณ 2,000 บาทขึ้นไป การเปลี่ยนหนึ่งรั้งจะมีอายุการใช้งานที่ค่อนข้างนาน ควรเปลี่ยนใหม่ทุกๆ 100,000 กิโลเมตรเช่นเดียวกับหัวเทียน

  • น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพ / น้ำมันเครื่องสกปรก
    น้ำมันเครื่อง คือ น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้รถยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงป้องกันสึกหรอของชิ้นส่วนจากการเสียดสีกันระหว่างที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน รถเร่งไม่ขึ้นเกิดจากน้ำมันเครื่องที่เสื่อมสภาพจากการใช้งานนานเกินไปและไม่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามกำหนด จะทำให้น้ำมันหนืด เหยียบคันเร่งไม่ขึ้น จนเครื่องยนต์อืดเหมือนโดนฉุดรั้งให้ทำงานหน่วงไปด้วย เครื่องยนต์ที่ทำงานหนักจะเกิดความร้อนสูง สะดุด และรถเร่งไม่ขึ้น ดีเซล หรือ เบนซินก็ตามได้

    วิธีแก้ไข ถ้ารถเร่งไม่ขึ้น ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องออกให้หมด และ ใส่น้ำมันเครื่องใหม่เข้าไปแทนเพื่อป้องกันรถเร่งไม่ขึ้น ทางที่ดีควรเปลี่ยนถ่ายเมื่อครบกำหนดทุกครั้ง โดยควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องทุก 6 เดือน หรือขึ้นอยู่กับน้ำมันเครื่องที่เลือกใช้ อาทิ สำหรับระยะเวลาในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา เปลี่ยนถ่ายที่ 5,000 – 7,000 กิโลเมตร น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ เปลี่ยนถ่ายที่ 7,000 – 10,000 กิโลเมตร และน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ เปลี่ยนถ่ายที่ 10,000 - 15,000 กิโลเมตร สำหรับคนที่รถอืด เร่งไม่ค่อยขึ้นผู้ที่ต้องการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันด้วยตัวเอง จะต้องไม่เติมน้ำมันเครื่องใหม่ผสมกับของเก่าที่เสื่อมสภาพแล้ว เพราะจะทำให้น้ำมันถูกลดประสิทธิภาพลงมาก ส่งผลถึงเครื่องยนต์ทำให้ยังเหยียบคันเร่งไม่ขึ้นอยู่ และห้ามใช้ Flushing Oil เด็ดขาด เพราะถือเป็นสารละลายที่มีฤทธิ์กัดกร่อนโลหะ เป็นอันตรายต่อเครื่องยนต์อย่างมาก ควรให้ผู้เชี่ยวชาญใช้ทำความสะอาดกากน้ำมันในเครื่องยนต์ไม่เกิน 1 ครั้งต่อปีเท่านั้น สำหรับน้ำมันที่สามารถนำมาใช้ทำความสะอาดก่อนใส่น้ำมันใหม่ได้ คือ Engine Flush สำหรับเครื่องยนต์เพื่อแก้อาการรถเร่งไม่ขึ้น

  • กรองน้ำมันเครื่องสกปรก
    ตัวกรองน้ำมันเครื่อง คือ อุปกรณ์ที่ใช้ดักจับสิ่งสกปรก เช่น เขม่าควันจากการเผาไหม้ เศษฝุ่นผง และสิ่งสกปรกอื่น ๆ ไม่ให้หลุดเข้าไปปะปนในน้ำมันเครื่อง และเครื่องยนต์ ทำให้เกิดความเสียหายได้ ในกรณีที่รถเร่งไม่ขึ้นอาจจะเกิดจากกรองน้ำมันสกปรกจนส่งผลกระทบต่อการทำงานของเครื่องยนต์นั่นเอง

    วิธีแก้ไข รถเร่งไม่ขึ้น ต้องทำความสะอาด หรือ เปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่องเมื่อครบกำหนด โดยไส้กรองน้ำมันเครื่องส่วนใหญ่ที่ติดมากับตัวรถตั้งแต่แรก จะมีอายุครบกำหนดเปลี่ยนที่ไม่เกิน 20,000 กม. ขึ้นอยู่กับน้ำมันเครื่องที่ใช้ด้วยจะช่วยลดอาการรถเร่งไม่ขึ้นได้

  • น้ำมันเชื้อเพลิงสกปรก
    น้ำมันเชื้อเพลิง คือ พลังงานที่ใช้ในการจุดระเบิดเครื่องยนต์โดยต้องมีอากาศเป็นปัจจัยในการเผาไหม้ และหากมีสิ่งแปลกปลอมปะปนอยู่ในนั้นจะทำให้น้ำมันคุณภาพลดลง รวมถึงไปอุดตันชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ให้ทำงานแย่ลง หรืออาจจะทำงานไม่ได้เลย เป็นสาเหตุให้รถอืด เร่งไม่ค่อยขึ้น รวมไปถึงอาจจะดับไปเลยก็ได้หากมีการอุดตันที่หัวฉีดน้ำมัน โดยเฉพาะหากผู้ใช้เลือกเติมน้ำมันผสม เช่น แก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซล จะทำให้มี น้ำ และ ไขมัน เพิ่มขึ้นในตัวถังน้ำมันเชื้อเพลิง มีโอกาสเกิดเป็นเชื้อรา แบคทีเรีย และสนิม ที่เป็นสาเหตุหลักของการอุดตันและกัดกร่อนเครื่องยนต์ สำหรับดีเซล หรือ เบนซินก็สามารถเป็นได้เช่นกัน แต่อาจจะมีโอกาสเกิด

    วิธีแก้ไข เอารถไปเข้าศูนย์แล้วถอดถังน้ำมันมาล้างเพื่อแก้อาการรถเร่งไม่ขึ้น ค่าใช้จ่ายประมาณ 6,000 – 7,000 บาท หรือ ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเชื้อเพลิงทั้งระบบสำหรับแก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซลโดยเฉพาะ

  • กรองน้ำมันเชื้อเพลิงสกปรก
    กรองน้ำมันเชื้อเพลิง ถ้าอยู่ในรถยนต์เบนซิล เรียกว่ากรองเบนซิล ถ้าอยู่ในรถยนต์ดีเซล จะเรียกว่า กรองโซล่า เป็นส่วนที่ช่วยกรองสิ่งสกปรกออกจากน้ำมันเชื้อเพลง ทำให้น้ำมันรถนั้นสะอาดก่อนที่จะเข้าไปเป็นเชื่อเพลงภายในรถยนต์ ถ้าตัวกรองสกปรก หรือ อุดตัน ทำให้รถอืด เร่งไม่ค่อยขึ้นประสิทธิภาพของน้ำมันลดลง ทำให้เกิดปัญหารถเร่งไม่ขึ้น ดีเซล หรือ เบนซินก็สามารถเกิดขึ้นได้ และสตาร์ทรถยากร่วมด้วย

    วิธีแก้ไข เมื่อรถเร่งไม่ขึ้นจากกรองน้ำมัน สามารถเปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิงได้ในราคาประมาณ 500 บาท ซึ่งควรจะเปลี่ยนทุก 20,000 – 40,000 กิโลเมตร แล้วแต่สภาพและคุณภาพ

  • กรองอากาศสกปรก
    กรองอากาศ คือ ตัวช่วยที่จะทำให้อากาศผ่านเข้าไปสู่ห้องเผาไหม้และทำให้หัวเทียนจุดระเบิดได้ดี ถ้ารถอืด เร่งไม่ค่อยขึ้นกรองอากาศไม่สะอาดหรืออุดตัน อากาศจะเข้าไปไม่เต็มที่ เป็นสาเหตุของอาการ รถเร่งไม่ขึ้นได้

    วิธีแก้ไข เมื่อรถเร่งไม่ขึ้นจากกรองอากาศ สามารถเปลี่ยนกรองอากาศใหม่ หรือล้างสิ่งสกปรกออกให้หมดก็ได้ สำหรับไส้กรองที่ยังไม่สกปรกมาก โดยปกติแล้วควรเปลี่ยนผู้ใช้รถควรตรวจเช็ก หรือเปลี่ยนไส้กรองทุก ๆ 10,000 – 20,000 กิโลเมตร หรือ ถอดทำความสะอาดทุก ๆ 5,000 กิโลเมตร หรือ เดือนละครั้ง หรือตามคำแนะนำของคู่มือรถยนต์ จะช่วยลดโอกาศเกิดอาการรถเร่งไม่ขึ้นได้

  • ลิ้นปีกผีเสื้อสกปรก อุดตัน
    ลิ้นปีกผีเสื้อ หรือ ลิ้นเร่งก็อาจเป็นสาเหตุของรถเร่งไม่ขึ้น ดีเซล หรือ เบนซินก็สามารถเป็นได้ สิ่งนี้ติดตั้งอยู่บริเวณหน้าท่อร่วมไอดีที่ติดกับคันเร่ง มีลักษณะเป็นแผ่นวงกลมมีแกนหมุนตรงกลาง และจะพลิกไปมาตามการเหยียบคันเร่ง ทำหน้าที่เปิดรับอากาศจากภายนอกเข้ามาในเครื่องยนต์เพื่อใช้ในการเผาไหมของสันดาปรถยนต์ เมื่อมีสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันที่ลิ้น จะทำให้ลิ้นเปิดไม่สุด มีอากาศเข้าไปช่วยเผาไหม้น้อย เครื่องยนต์ทำงานแย่ลง มีอาการสั่นขณะติดเครื่องไว้แล้วไม่ได้ออกรถ รถกระตุกเวลาเหยียบคันเร่ง ไปจนถึงรถเร่งไม่ขึ้น

    วิธีแก้ไข เมื่อรถเร่งไม่ขึ้นจากลิ้นปีกผีเสื้อ ควรถอดลิ้นปีกผีเสื้อออกมาล้างเพื่อนำสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกเพื่อแก้ไขรถเร่งไม่ขึ้น

  • หัวฉีดน้ำมันอุดตัน
    หัวฉีดทำหน้าที่จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับเครื่องยนต์ หากหัวฉีดอุดตันจะทำให้ไม่สามารถปล่อยน้ำมันออกมาได้เพียงพอกับปริมาณที่ต้องใช้ จะทำให้เครื่องยนต์ได้รับเชื้อเพลิงไม่เพียงพอต่อการจุดระเบิด จึงเกิดอาการรถอืด เร่งไม่ค่อยขึ้น รถกระตุก รถกินน้ำมันมากกว่าปกติ รถเร่งไม่ขึ้น เกียร์ออโต้ หรือ เกียร์ธรรมดาก็ตาม

    วิธีแก้ไข เมื่อรถเร่งไม่ขึ้นจากหัวฉีดน้ำมัน นำรถเข้าศูนย์บริการล้างหัวฉีดน้ำมันให้ช่างถอดทำความสะอาดให้ใหม่ทั้งระบบ หรือ ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเชื้อเพลิงทั้งระบบ สำหรับรถยนต์ที่ใช้โซฮอล์และไบโอดีเซล จะต้องทำความสะอาดแบบเฉพาะสำหรับพลังงานทดแทน

  • วาล์ว SCV ชำรุด
    เมื่อรถเร่งไม่ขึ้น วาล์ว SCV ก็อาจจะเป็นสาเหตุของรถเร่งไม่ขึ้น ดีเซลได้ เนื่องจากวาล์วนี้จะทำงานกับน้ำมันดีเซล ถ้าตัวกรองเชื้อเพลิงสกปรก หรือ น้ำมันสกปรกไปด้วย ก็อาจทำให้ SCV ชำรุด เสียหายได้จนเครื่องยนต์มีปัญหารถอืด เร่งไม่ค่อยขึ้นด้วย

  • มาตรวัดมวลอากาศสกปรก
    เมื่อรถเร่งไม่ขึ้น สังเกตว่ารถยนต์รุ่นใหม่สมัยนี้จะมีมาตรวัดมวลอากาศติดตั้งมาด้วย โดยจะอยู่ใกล้กับกรองอากาศ และทำงานร่วมกับ กล่องควบคุมเครื่องยนต์ หรือ กล่อง ECU ทำหน้าที่ช่วยวัดการไหลเวียนของอากาศ หากว่ามสิ่งสกปรกเข้ามาอุดตันในบริเวณนี้จะทำให้อากาศผ่านเข้าออกห้องเผาไหม้น้อยลง เครื่องยนต์อืด รถเร่งไม่ขึ้นได้เช่นกัน

ถ้ารถยนต์เริ่มมีอาการผิดปกติแม้ว่าจะดูเล็กน้อยอย่างรถอืด เร่งไม่ค่อยขึ้น หรือ รถเร่งไม่ขึ้น ดีเซล หรือ เบนซินก็ตาม หรือ แม้แต่รถเร่งไม่ขึ้น เกียร์ออโต้ หรือ เกียร์ธรรมดาก็เกิดได้ผู้ขับขี่รถยนต์ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ จะต้องนำรถเข้าศูนย์ไปตรวจสอบและแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนเกิดอุบัติเหตุเพราะรถเร่งไม่ขึ้น นอกจากนี้จะต้องหมั่นดูแลและตรวจสอบรถยนต์ของตัวเองเป็นประจำเพื่อให้อะไหล่ทุกชิ้นทำงานสมบูรณ์อยู่เสมอ แต่ในเมื่อบางครั้งอุบัติเหตุก็เป็นเรื่องสุดวิสัยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ต้องเลือกประกันรถยนต์มาคอยครอบคลุมค่าใช้จ่ายให้ นึกถึงประกันรถยนต์ นึกถึง แรบบิท แคร์ เพราะเรายืนหนึ่งเรื่องให้คำปรึกษาในการเลือกกรมธรรม์ที่ตรงใจ เลือกจ่ายเบี้ยเท่าที่ไหว และคุ้มครองตามสไตล์การใช้รถ

รถเร่งไม่ขึ้นจนเกิดอุบัติเหตุ ประกันรถยนต์คุ้มครองหรือไม่

การที่รถยนต์เร่งไม่ขึ้นจนเกิดอุบัติเหตุสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ปัญหาทางกลไกหรือระบบเครื่องยนต์ ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจากสถานการณ์นี้ ประกันรถยนต์จะคุ้มครองหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันและเงื่อนไขในกรมธรรม์ โดยแยกตามประเภทของประกันรถยนต์ได้ดังนี้

1. ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับหรือ พ.ร.บ.

พ.ร.บ. ยังคงให้ความคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่ารถจะมีปัญหาจากการเร่งไม่ขึ้นหรือไม่ พ.ร.บ. จะคุ้มครอง ค่ารักษาพยาบาลของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และบุคคลภายนอกที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุ.

2. ประกันรถยนต์ชั้น 1

ประกันชั้น 1 ครอบคลุมทุกกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่ว่าจะเกิดจากความผิดพลาดทางกลไกของรถ เช่น รถเร่งไม่ขึ้น ทำให้เกิดการชนหรือเสียหาย บริษัทประกันจะรับผิดชอบต่อความเสียหายของทั้งรถผู้เอาประกันและรถคู่กรณี (ถ้ามี) รวมถึงความเสียหายต่อทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ

อย่างไรก็ตาม หากปัญหาการเร่งไม่ขึ้นเกิดจากการละเลยการดูแลรักษารถยนต์ หรือการปล่อยให้รถเสื่อมสภาพโดยไม่ได้ซ่อมแซม เช่น การไม่บำรุงรักษาเครื่องยนต์ เป็นต้น บริษัทประกันอาจพิจารณาลดหรือปฏิเสธความคุ้มครองในกรณีนี้ได้

3. ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และ 3+

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และ 3+ จะคุ้มครองกรณีที่รถเร่งไม่ขึ้นแล้วเกิดอุบัติเหตุเฉพาะเมื่อเป็นอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีเป็นยานพาหนะอื่น เช่น รถชนกับรถคันอื่นเท่านั้น โดยประกันจะรับผิดชอบความเสียหายของรถคู่กรณีและรถของคุณ

แต่ถ้ารถเร่งไม่ขึ้นและชนสิ่งของที่ไม่มีชีวิต เช่น กำแพง, เสาไฟฟ้า ฯลฯ ประกันชั้น 2+ และ 3+ จะไม่คุ้มครองความเสียหายของรถคุณเอง โดยอาจคุ้มครองความเสียหายของทรัพย์สินของบุคคลภายนอกแต่ไม่ใช่รถคุณเอง

4. ประกันรถยนต์ชั้น 2 และ ชั้น 3

ประกันชั้น 2 และชั้น 3 จะคุ้มครองเฉพาะความเสียหายต่อรถคู่กรณีเท่านั้น ไม่ครอบคลุมความเสียหายต่อรถของคุณเองไม่ว่ารถจะเร่งไม่ขึ้นหรือมีปัญหาทางกลไกใดๆ

ผลทางกฎหมายและความผิดร่วม

หากอุบัติเหตุเกิดขึ้นเนื่องจากการที่รถเร่งไม่ขึ้น บริษัทประกันอาจพิจารณาถึงความผิดร่วมของผู้ขับขี่ ดังนี้

  • หากพิสูจน์ได้ว่าผู้ขับขี่รู้ว่ารถมีปัญหา เช่น เครื่องยนต์มีปัญหาการเร่งไม่ขึ้นหรือทำงานผิดปกติ แต่ยังคงขับขี่จนเกิดอุบัติเหตุ บริษัทประกันอาจพิจารณาว่าผู้ขับขี่มีความผิดร่วม และอาจลดความคุ้มครองหรือขอให้รับผิดชอบบางส่วน เช่น ค่าเสียหายส่วนแรก เป็นต้น
  • อย่างไรก็ตาม บริษัทประกันส่วนใหญ่จะยังคงจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ เพราะประกันชั้น 1 มักคุ้มครองอุบัติเหตุทุกรูปแบบโดยไม่พิจารณาว่าปัญหามาจากความผิดปกติทางกลไกของรถ

ปัญหาทางกลไกและการละเลยการดูแล

หากการเร่งไม่ขึ้นเกิดจากการละเลยการบำรุงรักษารถยนต์ บริษัทประกันอาจไม่รับเคลมสำหรับความเสียหายที่เกิดจากปัญหาทางกลไก แต่ยังคงให้ความคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีและทรัพย์สินเสียหาย

โดยสรุปแล้ว ประกันชั้น 1 จะคุ้มครองอุบัติเหตุที่เกิดจากการที่รถเร่งไม่ขึ้น รวมถึงความเสียหายของรถผู้เอาประกันและคู่กรณี ขณะที่ประกันชั้น 2+ และ 3+ จะคุ้มครองเฉพาะเมื่อมีคู่กรณีที่เป็นยานพาหนะอื่น หากไม่มีคู่กรณี ประกันจะไม่คุ้มครองความเสียหายของรถคุณเอง และถ้าหากปัญหาการเร่งไม่ขึ้นเกิดจากการละเลยการดูแลรถยนต์ หรือความผิดพลาดทางกลไกจากการใช้งาน ประกันอาจปฏิเสธการรับเคลมในส่วนของความเสียหายที่เกิดจากปัญหานี้

ดังนั้น หากรถเร่งไม่ขึ้นจนเกิดอุบัติเหตุ ประกันรถยนต์ยังคงให้ความคุ้มครอง ในกรณีที่คุณมีประกันชั้น 1 หรือมีคู่กรณีที่เป็นรถยนต์ในกรณีของประกันชั้น 2+

ความคุ้มครองและผลประโยชน์

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา