แคร์สุขภาพ

ไมเกรน มีอาการอย่างไร เหมือนปวดหัวธรรมดาหรือไม่ ?

ผู้เขียน : Nok Srihong

มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว

close
Published January 20, 2023

อย่างที่ทราบกันดีว่า ไมเกรน(Migraine) โรคยอดฮิตที่อยู่คู่กับชีวิตของมนุษย์วัยทำงานนั้น เมื่อเป็นแล้วจะมีอาการปวดหัว บางคนมีอาการปวดน้อย บางคนมีอาการปวดมาก หรือมีอาการซึ่งเกิดจากไมเกรนที่แตกต่างกัน จนบางครั้งก็แยกไม่ออกว่าอาการที่เป็นอยู่คืออาการปวดไมเกรน หรือปวดหัวธรรมดากันแน่ วันนี้ แรบบิท แคร์ มัดรวมทั้งอาการ สาเหตุ วิธีการรักษา วิธีการป้องกัน ลักษณะต่าง ๆ ของการเกิดอาการมาให้ อ่านกันให้หายคาใจ อาการแบบนี้ใช่หรือไม่ใช่ไมเกรน

สมัครประกันสุขภาพกับน้องแคร์ รับบริการปรึกษาแพทย์ฟรี! ไม่ต้องไปโรงพยาบาล
icon angle up or down

เลือกแผนประกันสุขภาพที่คุณสนใจ

    ชื่อนามสกุล

    หมายเลขโทรศัพท์

    อาการไมเกรน vs อาการปวดหัวธรรมดา

    ข้อมูลจากโรงพยาบาลศิริราช กล่าวว่า อาการไมเกรนนั้นจะแกต่างจากอาการปวดหัวธรรมดาในหลายปัจจัย ทั้งในแง่ของลักษณะอาการ ตำแหน่งที่ปวด ความรุนแรง ปัจจัยกระตุ้น อาการที่เกิดร่วม และความผิดปกติในสมอง

    ตำแหน่งในการปวดไมเกรน

    อาการปวดไมเกรนมักมีอาการปวดตุบ ๆ เฉพาะจุด อาจเกิดขึ้นบริเวณขมับข้างใดข้างหนึ่ง หรือปวดข้างหนึ่งก่อนแล้วปวดตามอีกข้าง สามารถย้ายตำแหน่งไปมาได้ ในขณะที่การปวดหัวธรรมดามักปวดตื้อ ๆ ทั่วทั้งบริเวณศีรษะ

    ระดับความรุนแรงในการปวดไมเกรน

    ส่วนมากการปวดไมเกรนจะมีระดับความรุนแรงแบบรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงสูงมาก แตกต่างจากการปวดหัวธรรมดาที่มักจะมีอาการปวดน้อยไปจนถึงปานกลางแต่จะมีอาการมึน ๆ ตื้อ ๆ บริเวณศีรษะร่วมด้วย

    อาการที่มักเกิดร่วมกับไมเกรน

    ในผู้ที่มีอาการปวดหัวไมเกรนประมาณ 20-30% จะมีอาการนำก่อนหน้าซึ่งทางการแพทย์เรียกว่า Aura ซึ่งอาจมีอาการแตกต่างกันไป เช่น มองเห็นภาพผิดปกติ เห็นภาพบิดเบี้ยว เห็นแสงระยิบระยับ ชาตามส่วนต่าง ๆ เบลอ นึกคำพูดไม่ออก หรือมีการสื่อสารผิดพลาด โดยมักจะเกิดอาการเหล่านี้ก่อนมีอาการปวดไมเกรน 5-20 นาที

    นอกจากนี้ผู้ที่ปวดไมเกรนมักมีอาการ คลื่นไส้ เวียนหัว มีไข้ ตาโปน น้ำมูกมีกลิ่นเหม็นร่วมด้วย ในขณะที่การปวดหัวธรรมดาอาจไม่มีอาการเหล่านี้อยู่(ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการปวด)

    ปัจจัยกระตุ้นในการเกิดอาการไมเกรน

    ความเครียด แสงจ้า การพักผ่อนน้อย กลิ่นฉุน ช่วงที่มีประจำเดือน(ผู้หญิง) และการรับประทานอาหารบางชนิด เช่น กล้วย ส้ม มะนาว ชา กาแฟ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดอาการไมเกรน ซึ่งจะเป็นปัจจัยจำเพาะมากกว่าการปวดหัวธรรมดา

    เปรียบเทียบความแตกต่างไมเกรนปวดหัวธรรมดา
    ตำแหน่งที่ปวดปวดเฉพาะจุด เช่น ขมับ
    สามารถย้ายตำแหน่งที่ปวดได้
    ปวดทั่วบริเวณศีรษะ
    ลักษณะอาการปวดปวดตุ้บ ๆ บางครั้งเป็น ๆ หาย ๆปวดตื้อ ๆ
    ระดับความรุนแรงปวดรุนแรงปานกลาง-ปวดรุนแรงสูงปวดน้อย-ปวดปานกลาง
    อาการที่มักเกิดร่วมคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว มีไข้ 
    ตาโปน น้ำมูกมีกลิ่นเหม็น
    ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการปวด
    เช่น มีไข้ เพราะเป็นไข้หวัด
    ปัจจัยกระตุ้นความเครียด แสง/เสียง พักผ่อนน้อย
    กลิ่นฉุน อาหารบางชนิด
    ขึ้นอยู่กับสาเหตุของการปวด
    เช่น เชื้อไวรัส เพราะเป็นไข้หวัด
    ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างอาการไมเกรนและปวดหัวธรรมดา

    สาเหตุของการเกิดไมเกรน คืออะไร ?

    ปัจจุบันสาเหตุของการเกิดไมเกรนนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านออกมาอธิบายและมีหลายทฤษฎีที่น่าจะเป็นไปได้ เชื่อกันว่าอาจเกิดจากความผิดปกติที่ระดับสารเคมีในสมอง การสื่อกระแสในสมอง หรือการทำงานที่ผิดปกติของหลอดเลือดในสมอง และมีการอ้างอิงจากหลักฐานข้อมูลทางระบาดวิทยาว่าไมเกรนสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ แต่จะเกิดอาการหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยกระตุ้นให้เกิดอาการทั้งภายในและปัจจัยภายนอกที่ได้กล่าวถึงไปในหัวข้อก่อนหน้า

    ปวดหัวไมเกรน รักษาได้อย่างไร ?

    แม้ปัจจุบันไมเกรนจะเป็นโรคเรื้อรังที่ยังไม่มีวิธีในการรักษาให้หายขาด แต่ก็มีวิทยาการที่จะช่วยรักษาและบรรเทาอาการให้เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโรคนี้อย่างสันติได้เช่นกัน(อาจเพราะเหตุผลดังกล่าวอีกทั้งยังไม่มีผลถึงชีวิตประกันสุขภาพจึงไม่ครอบคลุมการรักษาโรคไมเกรน) โดยขั้นตอนก่อนทำการรักษาไมเกรนจะต้องมีการตรวจวินิจฉัย ทำการซักประวัติและตรวจร่างกายโดยละเอียด และวินิจฉัยตามเกณฑ์ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งจะมีการแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละกลุ่มซึ่งมีอาการต่างกันไป โดยสามารถแบ่งกลุ่มการรักษาไมเกรนได้เป็น 2 กลุ่ม คือ การรักษาโดยใช้ยา และการรักษาโดยไม่ใช้ยา

    การรักษาไมเกรนโดยการใช้ยา

    วิธีนี้จะต้องทำการรักษาตามดุลยพินิจของแพทย์และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยกลุ่มยาที่จะใช้ในการรักษานั้นจะเป็นยาในกลุ่มยาระงับปวด ซึ่งจะรับประทานยาเมื่อมีอาการปวด และหยุดใช้เมื่ออาการปวดไมเกรนดีขึ้นหรือหายไป ไม่ได้รับประทานเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง

    การรักษาไมเกรนโดยไม่ใช้ยา

    วิธีการรักษาไมเกรนโดยไม่ใช้ยาสามารถทำได้โดยการพักผ่อนให้เพียงพอ นวด กดจุด การประคบเย็น การประคบร้อน การทำกายภาพบำบัดกล้ามเนื้อบริเวณรอบศีรษะและต้นคอ เพื่อให้กล้ามเนื้อและร่างกายบริเวณดังกล่าวเกิดความผ่อนคลายให้มากที่สุด อีกทั้งการผ่อนคลายทางด้านจิตใจเองก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน การนั่งสมาธิ เล่นโยคะ หรือบำบัดความเครียดเพื่อเสริมสร้างสุขภาพจิตให้ดีขึ้นจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญอย่างมากในการรักษาไมเกรน

    อยากป้องกันไมเกรน สามารถทำได้ด้วยวิธีไหน ?

    เช่นเดียวกับการรักษา การป้องกันการเกิดไมเกรนสามารถทำได้ 2 วิธีด้วยกัน นั่นก็คือ การป้องกันโดยการใช้ยา และการป้องกันโดยไม่ใช้ยา

    การป้องกันไมเกรนโดยการใช้ยา

    จำเป็นที่จะต้องรับประทานทุกวันอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์ติดต่อกันเป็นระยะเวลาประมาณ 6-12 เดือนก่อนหยุดยา และกลับมารับประทานยาอีกครั้งเมื่อเริ่มมีอาการกลับมาอีก โดยแพทย์จะแนะนำให้รับประทานยาเพื่อป้องกันการเกิดไมเกรนเมื่อผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะบ่อย มีความถี่ในการปวดตามเกณฑ์ที่กำหนด(1-2 ครั้งต่อสัปดาห์) มีอาการปวดต่อเนื่องกันหลายวัน หรือมีอาการปวดไม่บ่อยแต่ปวดรุนแรงมาก ซึ่งแพทย์จะเลือกชนิดและกำหนดปริมาณยาที่จำเป็นต้องรับประทานให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล 

    การป้องกันไมเกรนโดยไม่ใช้ยา

    วิธีที่หลายคนต่างบอกว่าพูดง่ายแต่ทำได้ยาก นอกจากผู้ที่ได้รับการถ่ายทอดการเป็นไมเกรนทางพันธุกรรมที่ทำได้เพียงหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นการเกิดอาการไมเกรนแล้ว การป้องกันไมเกรนไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเองของคนทั่วไป คือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในทุกวัน อีกทั้งยังต้องมีการจัดการกับความเครียดอย่างเหมาะสม แม้ว่าความเครียดที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ก็ตาม แต่ต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความเครียดนั้นนานเกินไปจนย้อนกลับมาทำลายสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกายของตัวเอง

    ไอเดียผ่อนคลายความเครียด ห่างไกลจากไมเกรน เพื่อสุขภาพจิตที่ดี

    หลังจากอ่านกันดูทุกคนคงสังเกตเห็นกันแล้วว่า นอกจากการรับยาตามคำแนะนำของแพทย์ การรักษาและป้องกันไมเกรนนั้นต่างก็ต้องการการดูแลสุขภาพจิตให้ดีและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ห่างไกลจากปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเครียดหรือสร้างภาระที่มากเกินไปให้กับร่างกายและจิตใจ แรบบิท แคร์ จึงถือโอกาสแชร์ไอเดียผ่อนคลายความเครียด เพื่อการใช้ชีวิตที่ห่างไกลจากไมเกรน เพื่อสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกายที่ดีให้กับทุกคน!

    ซื้อคอร์สสปาบำบัดปัง ๆ ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ

    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ คอร์สสปาบำบัดดี ๆ ช่วยรักษาความเครียดและการเหนื่อยล้าทางร่างกายได้มากกว่าที่คิด ลองซื้อคอร์สปัง ๆ ที่ราคาอาจจะแรงหน่อยกันสักนิด แล้วจะรู้ว่าเป็นการลงทุนกับตัวเองที่คุ้มค่าแน่นอน

    Hang Out กับแก๊งเพื่อน เล่าเรื่องราวที่อัดอั้นตันใจ

    ความเครียดหรือเรื่องราวที่อัดอั้นอยู่ในใจ แม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่หากสะสมไว้ไม่ถูกระบายออกไป ก็อาจกลายเป็นความเครียดสะสมที่ยิ่งใหญ่กลายเป็นตัวกระตุ้นในการเกิดไมเกรนจนย้อนกลับมาทำร้ายร่างกายของเราได้เช่นกัน ลองออกไปพบปะเพื่อนฝูงที่รู้ใจ นอกจากจะได้ชำระสิ่งที่ทำให้ไม่สบายใจออกไปยังได้เติมเต็มพลังงานดี ๆ  สร้างเสียงหัวเราะเพิ่มให้กับตัวเองได้อย่างแน่นอน

    จัดทริปเปลี่ยนที่พักใจ ให้ร่างกายผ่อนคลายใกล้ชิดธรรมชาติ

    กดจองตั๋วเครื่องบิน พร้อมจัดทริปบินไปพักใจกับธรรมชาติดี ๆ ที่เงียบสงบ ซึมซับบรรยากาศฮีลใจ ไม่ว่าเรื่องที่กังวลอยู่จะหนักหนาแค่ไหนก็ผ่อนคลายลงได้อย่างแน่นอน ยิ่งถ้ามีคนรู้ใจไปเป็นเพื่อนแล้วล่ะก็ จะต้องเป็นทริปที่แสนวิเศษแน่ ๆ แรบบิท แคร์ คอนเฟิร์ม!

    ทำกิจกรรม Extream แปลกใหม่ให้อะดรีนาลีนหลั่ง

    สำหรับใครที่เบื่อหน่ายกับบรรยากาศเดิม ๆ ทำกิจกรรมเดิม ๆ แล้วเอาแต่คิดเรื่องที่กังวลใจซ้ำไปซ้ำมา ลองไปทำกิจกรรม Extream ที่แปลกใหม่ จดจ่อกับอะไรตื่นตาตื่นใจจนลืมความเครียดไปให้หมด แต่ต้องเตือนไว้ก่อนว่าวิธีนี้อาจจะเหมาะกับคนที่รู้สึกเครียดแต่ยังไม่ได้มีอาการเป็นไมเกรน เพราะการตื่นเต้นหรือทำให้ตัวเองตกใจมากเกินไปก็เป็นตัวกระตุ้นอาการไมเกรนเช่นกัน หรือหากอยากลองทำ อาจจะลองทำกิจกรรม Extream ที่ไม่ผาดโผนจนเกินไป ไม่มีเสียงดังมาก และอยู่ในที่ร่ม เช่น ปีนผาจำลอง อินดอร์สเก็ต เป็นต้น

    ชอปกระจาย ผ่อนคลายความเครียด

    นั่งทำงานหลังขดหลังแข็งจนเกิดความเครียดสะสมมานาน ให้รางวัลตัวเองสักหน่อย อยากได้อะไรกวาดมาให้หมด เพราะการชอปปิง = การผ่อนคลาย อยากได้อะไร รูดบัตรกันได้เลย!

    สำหรับใครที่อยากทำกิจกรรมผ่อนคลายดูแลร่างกายและจิตใจจัดเต็มแบบนี้แต่ยังไม่มีงบในกระเป๋าก็ไม่ต้องกังวล ลองเลือกบัตรเครดิตดี ๆ ที่ตอบโจทย์ซักใบ แล้วอย่าลืมเปรียบเทียบเงื่อนไขรวมถึงสิทธิประโยชน์ดี ๆ ที่มีให้ใช้ รูดได้สบายแถมอาจได้แคชแบ็ก และยังสามารถเก็บแต้มแลกพ้อยต์ได้ คุ้มค่าแน่นอน!! 

    Tips : ในการเลือกบัตรเครดิต จาก Rabbit Care 

    • เลือกบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของตัวเอง
    • เลือกบัตรเครดิตที่ได้เครดิตเงินคืนหรือแคชแบ็กคืนจากสินค้า/บริการที่ใช้บ่อย
    • หากชอบเดินทางลองมองหาบัตรเครดิตที่มีประกันการเดินทางและประกันอุบัติเหตุแถมให้ด้วย
    • หากเป็นสายชอปปิงอย่าลืมมองหาบัตรเครดิตที่สามารถผ่อนชำระค่าสินค้าและบริการได้ 0% สูงสุด 10 เดือน
    • สำหรับใครที่เป็นสายประหยัดมีบัตรเครดิตที่ฟรีค่าธรรมเนียมทั้งแรกเข้าและรายปีด้วยนะ!

    บัตรไหนคุ้ม เปรียบเทียบเลย แค่ 30 วิ เช็คเลย!
    icon angle up or down

    สามารถเลือกได้มากกว่า 1 ข้อ

    เด็กจบใหม่ รักการท่องเที่ยว รักการช้อปปิ้ง รักความหรูหรา รักสุขภาพ รักการกิน
      

    บทความแคร์สุขภาพ

    แคร์สุขภาพ

    โยคะ (Yoga) มีประโยชน์อย่างไร สามารถบำบัดทั้งร่างกายและจิตใจได้จริงหรือไม่ ?

    โยคะ หนึ่งในศาสตร์การออกกำลังกายที่แน่นอนว่าหลายคนคงคุ้นหูกันเป็นอย่างดีและทราบกันถึงประโยชน์หลาย ๆ อย่างที่โยคะมีต่อร่างกายของคนเรา
    Nok Srihong
    11/04/2024

    แคร์สุขภาพ

    ดนตรีบำบัด คืออะไร ? ดนตรีสามารถบำบัดจิตใจและความเครียดได้จริงหรือไม่ ?

    เราต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเสียงดนตรีสามารถช่วยให้เกิดความผ่อนคลายของร่างกายและจิตได้
    Nok Srihong
    11/04/2024