น้ำในหูไม่เท่ากันมีอาการอย่างไร ? อันตรายหรือไม่ ? รวมวิธีการรักษาและดูแลตัวเอง
โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน แม้ฟังชื่อดูแล้วอาจดูไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือโรคที่มีความร้ายแรงเท่าใดนัก แต่กลับเป็นโรคซึ่งมีอาการที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนเราเป็นอย่างมาก และแน่นอนว่าขึ้นชื่อว่าโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ย่อมไม่มีใครต้องการที่จะเป็นอย่างแน่นอน วันนี้ แรบบิท แคร์ เลือกนำข้อมูลเกี่ยวกับโรคน้ำในหูไม่เท่ากันมาฝาก เพราะโรคนี้อาจเกิดขึ้นกับทุกคนเมื่อไหร่ก็ได้ จึงควรมีความรู้เบื้องต้นติดตัวกันไว้ มีอาการอย่างไร จะได้ลองสังเกตกันดูได้ และรีบทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที
น้ำในหูไม่เท่ากันคืออะไร ?
โรงพยาบาลพญาไทให้ข้อมูลเกี่ยวกับอาการน้ำในหูไม่เท่ากันว่า โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน หรือ โรคความดันน้ำในหูไม่เท่ากันนั้น โรคนี้มีชื่อว่าในทางการแพทย์ว่าโรคเมเนียร์ (Meniere’s Disease) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะพบมากในผู้ที่มีอายุอยู่ระหว่าง 30-60 ปี และสามารถพบได้ในทั้งเพศหญิงและเพศชาย
โดยโรคน้ำในหูไม่เท่ากันนั้นเกิดจากความผิดปกติของหูชั้นในของคนเราซึ่งมีภาวะความดันน้ำในหูชั้นในที่เรียกว่า Endolymph มากผิดปกติ จึงส่งผลให้หูขั้นในที่มีหน้าที่ในการรับเสียง และทำหน้าที่หลักในการควบคุมการทรงตัวทำงานผิดปกติ จึงเป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากันเกิดอาการวิงเวียนศีรษะ หูอื้อ สูญเสียการได้ยิน และรู้สึกถึงแรงดันภายในหูนั่นเอง
สาเหตุของการเกิดอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน
สำหรับผู้ที่กำลังสงสัยว่าโรคน้ำในหูไม่เท่ากันนั้นมีสาเหตุมาจากอะไร คำตอบคือ ในปัจจุบันนั้นทางด้านการแพทย์ยังไม่มีการสรุปหรือทราบเหตุผลอย่างแน่ชัดว่าอาการน้ำในหูไม่เท่ากันนั้นเกิดจากอะไร แต่ก็มีการแจกแจงปัจจัยที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดโรคออกมาได้หลากหลายข้อ คือ
- น้ำในหูไม่เท่ากันจากกรรมพันธุ์ : การป่วยด้วยโรคน้ำในหูไม่เท่ากันนั้นมักพบได้บ่อยในผู้ป่วยที่มีคนในครอบครัวเป็นไมเกรน หรือมีโครงสร้างหูชั้นในที่ผิดปกติ
- น้ำในหูไม่เท่ากันจากการติดเชื้อไวรัส : อาจเกิดขึ้นเมื่อมีอาการหูชั้นกลาง หูชั้นใน หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ และมีการติดไวรัสเกิดขึ้น
- เป็นโรคต่าง ๆ อยู่แต่เดิม : มีโอกาสพบได้ในผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ โรคซิฟิลิส โรคหูน้ำหนวก โรคเบาหวาน โรคไทรอยด์ และโรคไขมันในเลือดสูง
- น้ำในหูไม่เท่ากันจากฮอร์โมน : อีกปัจจัยสำคัญที่พบได้จะพบในผู้ป่วยที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และการมีประจำเดือนที่ผิดปกติ
- พฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ : พักผ่อนไม่เพียงพอ มีความเครียดสูง รับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูงเป็นประจำ สูบบุหรี่เป็นกิจวัตร
- สภาพแวดล้อม : อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังอึกทึกเป็นระยะเวลานาน หรืออาศัยอยู่ในที่ที่มีเสียงดัง
ปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญและมักพบในตัวของผู้ป่วยที่เป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน แน่นอนว่าสำหรับปัจจัยจากกรรมพันธุ์หรือการติดเชื้อไวรัสเราอาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่สำหรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และการเลือกอยู่ในสถานที่ที่เงียบสงบไม่มีเสียงอึกทึกคอยรบกวนนั้นเป็นสิ่งที่เราเลือกให้ตนเองได้อย่างแน่นอน
น้ำในหูไม่เท่ากัน อาการเป็นอย่างไร ?
โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน คือโรคที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของเซลล์ประสาทที่ควบคุมการทรงตัวโดยตรง ซึ่งเมื่อป่วยเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากันแล้ว ก็จะส่งผลให้มีอาการ ดังนี้
- รู้สึกบ้านหมุน มีอาการเวียนศีรษะอย่างรุนแรง โดยอาการเหล่านี้อาจจะเกิดขึ้นอยู่นานเป็นชั่วโมง และมีอาการแบบมา ๆ หาย ๆ
- มีอาการคลื่นไส้ อยากอาเจียน ร่วมกับมีอาการเวียนศีรษะ
- สูญเสียสมดุลของร่างกาย ส่งผลให้เกิดการเซล้ม เดินไม่ตรง
- มีอาการหูอื้อ รู้สึกแน่น ๆ ในหูแบบเป็น ๆ หาย ๆ ได้ยินไม่ค่อยชัด ซึ่งบางครั้งความสามารถในการได้ยินเดี๋ยวก็ดีขึ้น เดี๋ยวก็แย่ลง
- มีเสียงดังเกิดขึ้นในหู มักเป็นเสียงดัง วี้ด ๆ หวีดหวิวในหู
- รู้สึกมีอาการหนัก ๆ หน่วง ๆ ภายในหู เหมือนมีแรงดันอยู่ในหู
และอาการเหล่านี้ก็คืออาการเมื่อเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน ใครมีอาการเหล่านี้ต้องลองไปเช็กและตรวจสุขภาพกัน อย่านิ่งนอนใจเป็นอันขาดเพราะไม่เช่นนั้นอาจเกิดอันตราย
น้ำในหูไม่เท่ากันอันตรายหรือไม่ ?
สำหรับผู้ที่กำลังสงสัยว่าโรคน้ำในหูไม่เท่ากันนั้นอันตรายหรือไม่ ตอบได้เลยว่าโรคนี้นั้นอันตราย เพราะแม้การแสดงอาการจะเน้นหนักไปที่การเวียนหูและการได้ยินที่อาจแย่ลง แต่หากเป็นหนักขึ้นก็จะส่งผลร้ายแรงได้ เนื่องจากเป็นโรคที่ส่งผลต่อเซลล์ประสาทการทรงตัวและการได้ยิน ซึ่งสิ่งเหล่านี้นั้นส่งผลโดยตรงต่อการดำเนินชีวิตประจำวันและยังเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจนเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ทุกเมื่อ
น้ำในหูไม่เท่ากันต้องไปพบแพทย์ไหม ?
โรคน้ำในหูไม่เท่ากันจำเป็นต้องไปพบแพทย์ไหม สามารถรอให้หายเองได้หรือไม่ ? แน่นอนว่าโรคน้ำในหูไม่เท่ากันหรือเริ่มมีอาการดังกล่าวจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และรับการรักษาอย่างถูกต้อง อีกทั้งยังจำเป็นต้องดูแลตนเองตามคำสั่งของแพทย์อย่างเคร่งครัด
น้ำในหูไม่เท่ากัน วิธีรักษา
ในส่วนของวิธีการรักษาโรคน้ำในหูไม่เท่ากันนั้นก็มีวิธีในการดูแลรักษามากมายหลายวิธี โดยแพทย์เฉพาะทางจะเป็นผู้ตรวจวินิจฉัยและทำการรักษาตามอาการของคนไข้ในแต่ละราย ซึ่งการรักษาก็จะมีหลากหลายวิธีหลากหลายระดับขั้นการรักษา ดังนี้
- สั่งให้ปรับพฤติกรรม : หากเป็นในระยะเริ่มต้นและมีอาการที่ไม่รุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยน้ำในหูไม่เท่ากันพักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกาย ทำจิตใจให้สบาย และคลายความวิตกกังวล
- รักษาด้วยการให้รับประทานยา : แพทย์อาจสั่งยาให้เพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยาขยายหลอดเลือด เพื่อช่วยให้การไหลเวียนของน้ำในหูดีขึ้น ยาขับปัสสาวะ ซึ่งจะช่ยลดอาการบวมและการคั่งของน้ำในบริเวณหูชั้นใน ยาลดอาการเวียนศีรษะและยาลดอาการคลื่นไส้อาเจียน หรือยากล่อมประสาทและยานอนหลับเพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายและพักผ่อนได้เพียงพอ
- รักษาด้วยการฉีดยา : แพทย์จะทำการฉีดยาเข้าไปยังบริเวณหูชั้นในของผู้ป่วยโดยตรงทั้งนี้เพื่อทำลายเซลล์ที่ก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะ วิธีการนี้จะช่วยกำจัดให้เซลล์ดังกล่าวตายไปและอาการจะหายไปโดยที่ไม่ต้องทำการผ่าตัดรักษา
- รักษาด้วยการผ่าตัด : วิธีนี้จะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการรุนแรง รู้สึกเวียนศีรษะไม่หาย ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ได้หรือทำการรักษาแล้วไม่ดีขึ้น แพทย์จึงจะทำการผ่าตัดเพื่อระบายน้ำในหูชั้นในออก
และวิธีเหล่านี้ก็คือวิธีที่จะใช้ในการรักษาโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน โดยไม่ว่าแพทย์จะเลือกใช้วิธีใดในการรักษาผู้ป่วยก็จำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดร่วมด้วย
น้ำในหูไม่เท่ากัน รักษาให้หายขาดได้หรือไม่ ?
สำหรับโรคน้ำในหูไม่เท่ากันนั้น เมื่อเป็นแล้วถึงแม้จะเข้ารับการรักษาเป็นที่เรียบร้อย แต่โรคนี้นั้นถือว่าเป็นโรคที่ไม่หายขาดและสามารถเกิดขึ้นซ้ำได้ แต่การใช้ยาและการดูแลตัวเองตามคำแนะนำของแพทย์จะสามารถช่วยควบคุมอาการเวียนศีรษะให้ดีขึ้นจนสามารถดำเนินชีวิตเป็นปกติได้ แต่ทั้งนี้ก็จำเป็นจะต้องดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัดและคอยสังเกตอาการของตนเองอย่างสม่ำเสมอ หากมีอาการแย่ลงหรือผิดปกติใด ๆ ต้องรีบกลับไปพบแพทย์ทันที
รักษาน้ำในหูไม่เท่ากัน หากมีอาการแบบนี้ ต้องรีบกลับไปพบแพทย์ทันที
- มีเสียงดังมากในหู
- รู้สึกบ้านหมุน
- รับประทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น
หากมีอาการเหล่านี้หลังจากเข้ารับการรักษา ต้องรีบเข้าพบแพทย์ทันที
น้ำในหูไม่เท่ากัน วิธีดูแลตัวเอง
สำหรับผู้ที่อยากรู้ว่าเมื่อเข้ารับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแล้ว จะมีวิธีการดูแลตนเองและการปฏิบัติตนอย่างไรเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพร่างกายและไม่เป็นภัยต่อชีวิตของตนเอง
- หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูงหรือมีรสเค็มจัด
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ทำกิจกรรมเพื่อคลายเครียดและความวิตกกังวล
- เมื่อมีอาการเวียนศีรษะแม้จะเล็กน้อยควรเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ
วิธีเหล่านี้คือวิธีซึ่งทุกคนจะต้องดูแลตนเองอย่างเคร่งครัดในชีวิตประจำวัน ไม่เช่นนั้นอาการไม่พึงประสงค์อาจย้อนกลับมาและอาจเป็นหนักกว่าเดิม
สรุป
ข้อมูลเหล่านี้คือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโรคน้ำในหูไม่เท่ากันที่ทุกคนควรรู้ และสำหรับใครที่มีปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคน้ำในหูไม่เท่ากันได้ แรบบิท แคร์ ขอแนะนำให้เลือกทำประกันสุขภาพ กับ แรบบิท แคร์ ไว้ จะได้อุ่นใจหากป่วยไข้ก็ไม่ต้องกังวลใจเรื่อยค่ารักษาพยาบาล
มีประสบการณ์มากกว่า 3 ปี เป็นนักเขียนด้านประกันสุขภาพ ประกันชีวิต เพื่อสุขภาพที่ Rabbit Care และ Asia Direct
และ 12 ปี ในอุตสาหกรรม OTA อย่าง Laterooms.com , Expedia.com จึงมีความเชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว
จบการศึกษาปริญญาตรี สาขาการจัดการการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น