Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ

เคลมประกันรถยนต์มีกี่ประเภท? เคลมประกันไม่ได้ต้องขายซากคืออะไร?

การเคลมประกันรถยนต์ ตือ การแจ้งเคลมชดเชยค่าความเสียหายหรือซ่อมแซมรถยนต์ที่ทำประกันไว้ แต่การเคลมประกันรถมีหลายรูปแบบ และมีเงื่อนไขการขอรับการชดเชยที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงกรณีเคลมประกันไม่ได้ เนื่องจากรถยนต์ได้รับความเสียหายอย่างมากจนไม่สามารถซ่อมกลับมาเหมือนเดิมได้ จำเป็นต้องขายซาก มีเรื่องอะไรบ้างที่จำเป็นต้องรู้ แรบบิท แคร์ รวบรวมข้อมูลการเคลมประกันรถยนต์และเคลมประกันรถไม่ได้ ต้องขายซากมาไว้ให้แล้ว

เคลมประกันรถยนต์แบบเคลมสด คืออะไร?

การเคลมรถแบบเคลมสด (Fresh Claim) คือ การแจ้งเคลมความเสียหายทันทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชน (รถยนต์ชนกับรถยนต์) โดยเฉพาะกรณีอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี รถเกิดความเสียหายหนัก ไม่สามารถใช้งานต่อหรือเคลื่อนที่ได้ รวมถึงกรณีมีผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ซึ่งสามารถแจ้งเคลมสดได้ทันทีผ่านทางเบอร์ติดต่อฉุกเฉินหรือช่องทางติดต่อเมื่อเกิดอุบัติเหตุตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ของแต่ละบริษัทประกันภัยรถยนต์ เช่น เว็บไซต์ หรือ LINE Official

จากนั้นรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอุบัติเหตุเดินทางเข้าตรวจสอบประเมินสภาพความเสียหายของรถคันเอาประกัน รถคู่กรณี และความเสียหายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุในครั้งนี้ ณ จุดเกิดเหตุ พร้อมกับถ่ายรูปจุดเกิดเหตุและออกเอกสารใบเคลมให้เจ้าของรถคันที่ทำประกันหรือรถของคู่กรณีไว้เป็นหลักฐานทันทีก่อนแยกย้าย เพื่อใช้เป็นเอกสารหลักฐานในการนำรถเข้าเคลมซ่อมแซมความเสียหายตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ประกันรถยนต์ที่ทำไว้ โดยมีอายุเอกสารใบเคลมอยู่ 1 ปี

กรณีรถคันที่เกิดอุบัติเหตุหรือได้รับความเสียหายได้ทำประกันรถชั้น 1, 2+, 3+ ไว้ สามารถนำรถเข้าซ่อมได้กับศูนย์บริการ (ซ่อมศูนย์) หรืออู่ซ่อมรถยนต์ (ซ่อมอู่) ได้ทันที โดยแสดงเอกสารใบเคลมกับหน่วยงานซ่อมรถที่ต้องการใช้บริการและนำรถเข้าซ่อมได้ตามสะดวกภายในระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ใบเคลมจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอุบัติเหตุ

การเคลมสดจึงเป็นเหตุการณ์แจ้งเคลมรถในขณะที่เกิดรถชนและคู่กรณียังอยู่ ณ ที่เกิดเหตุ ซึ่งจะทำให้สามารถตรวจสอบข้อมูลของคู่กรณีและสรุปตัวผู้กระทำความผิดได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ หากมีผู้ได้รับบาดเจ็บหรืเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ เจ้าของรถผู้เอาประกัน ผู้ได้รับความเสีบหาย หรือผู้ที่เกี่ยวข้องต้องเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอรับใบแจ้งความไว้ใช้เป็นหลักฐานในการเรียกค่าสินไหมชดเชย โดยใช้ใบขับขี่ และหน้ากรมธรรม์ประกันภัยที่ทำไว้เป็นหลักฐานประกอบการแจ้งความ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอุบัติเหตุของบริษัทประกันภัยอาจเดินทางเข้าร่วมเจรจาการชดเชยความเสียหายด้วย

เคลมประกันรถยนต์แบบเคลมแห้ง คืออะไร?

การเคลมรถแบบเคลมแห้ง (Dry Claim) คือ การแจ้งเคลมประกันรถยนต์ภายหลังจากเกิดอุบัติเหตุรถจบไปแล้ว เกิดความเสียหายเพียงเล็กน้อย และไม่มีผู้บาดเจ็บ โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอุบัติเหตุไม่จำเป็นต้องมา ณ จุดเกิดเหตุ ไม่จำเป็นต้องแจ้งบริษัทประกันภัยทันที สามารถแจ้งหลังเกิดเหตุ 2-3 วัน หรือรวบรวมรอแจ้งพร้อมกันในครั้งเดียวก่อนครบรอบสัญญากรมธรรม์ประกันรถยนต์ ตัวอย่างเช่น กรณีรถชนแบบไม่มีคู่กรณี ไม่สามารถระบุคู่กรณีผู้ทำผิดได้อย่างชัดเจน

ไม่ว่าจะเป็นการโดนชนแล้วหนี รถเสียหายไม่สามารถระบุสาเหตุได้ หรือกรณีรถชนกับคู่กรณีไม่ใช่รถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการชนเสา ชนขอบทาง ชนกระถาง หรือชนรั้ว ทำให้ตัวรถคันที่เอาประกันเกิดร่องรอยขูดขีดเสียหาย หรือรอยบุบเสียหายเล็กน้อยโดยที่ความเสียหายนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการขับขี่โดยตรง รวมถึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนี้ ทั้งนี้ การเคลมรถด้วยการเคลมประกันรถยนต์แบบเคลมแห้งในกรณีที่คู่กรณีไม่ใช่รถยนต์จะให้ความคุ้มครองและเคลมได้ เฉพาะรถที่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น

เจ้าของรถคันเอาประกันสามารถแจ้งเคลมรถแบบเคลมได้ภายหลังจากอุบัติเหตุได้ผ่านไปแล้วทางเบอร์สายด่วน หรือช่องทางติดต่อแจ้งอุบัติเหตุฉุกเฉินกับบริษัทประกันตามที่มีระบุไว้ในสัญญากรมธรรม์ โดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอุบัติเหตุเดินทางมา ณ จุดเกิดเหตุในทันที เนื่องจากเป็นอุบัติเหตุที่เกิดและจบไปแล้ว รวมถึงเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ผู้เอาประกันที่ต้องการแจ้งเคลมรถแบบประกันรถยนต์แบบเคลมแห้งต้องถ่ายรูป หรือถ่ายวิดีโอแสดงรายละเอียดความเสียหายที่เกิดขึ้นไว้เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการแจ้งเคลมแห้งกับบริษัทประกันภัย และขอรับใบเคลมสำหรับใช้ในการนำรถเข้าซอ่มแซมตามศูนย์ซ่อมหรืออู่ซ่อมในเครือหรือนอกเครือของบริษัทประกันภัย โดยต้องแจ้งเคลมแห้งก่อนกรมธรรม์หมดอายุ หรือก่อนครบอายุใบเคลมภายใน 1 ปี และอาจมีค่าเสียหายส่วนแรกในการแจ้งเคลมแห้งตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ที่เลือกทำไว้

เคลมประกันรถยนต์ไม่มีคู่กรณีได้ไหม? ต้องเสียค่า Excess หรือเปล่า?

เคลมประกันรถยนต์ไม่มีคู่กรณี คือ การแจ้งเคลมอุบัติเหตุที่ทำให้รถเสียหายแบบไม่สามารถระบุตัวคู่กรณีหรือระบุสาเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวรถได้ โดยเจ้าของรถคันที่เอาประกันต้องจ่ายค่าเอ็กเซส หรือค่าเสียหายส่วนแรกภาคบังคับ (Excess) ซึ่งคือค่าเสียหายที่ผู้ทำประกันต้องจ่ายก่อนเมื่อแจ้งเคลมอุบัติเหตุรถชนแบบไม่ทราบคู่กรณี ไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ หรือความเสียหายที่ไม่ได้เกิดรถชนหรือรถคว่ำตามเงื่อนไขของสำนักงาน คปภ. จำนวน 1,000 บาทต่อเหตุการณ์ก่อนเคลม และจะแจ้งเคลมประกันรถยนต์ไม่มีคู่กรณีได้เฉพาะรถที่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น

กรณีการชนกับวัตถุอื่นๆ หรือคู่กรณีที่ไม่ใช่รถยนต์ และแจ้งรายละเอียดเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน เช่น รถชนเสา รถชนกำแพงบ้าน รถชนขอบถนน หรือรถชนสัตว์ จะไม่นับเป็นการชนแบบไม่มีคู่กรณีทั้งสิ้น เนื่องจากคู่กรณีไม่จำกัดต้องเป็นเฉพาะตัวรถยนต์แต่เพียงอย่างเดียวก็ได้

กรณีแจ้งเคลมประกันรถยนต์ที่ต้องจ่ายค่าเอ็กเซส (Excess) ได้แก่ 1) กรณีรถได้รับความเสียหายจากการชน หรือเหตุอื่นๆ ที่ไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ และ 2) กรณีรถได้รับความเสียหายที่ไม่ได้เกิดจากการชน หรือการคว่ำ เช่น ความเสียหายจากการมุ่งร้ายกลั่นแกล้งด้วยการขูดขีดหรือทุบทำลายโดยผู้อื่น หรือความเสียหายจากการกระทบกับวัตถุ หรือสิ่งของ ทำให้เกิดความเสียหายต่อพื้นผิวของสีรถ ตัวอย่างเช่น รถโดนหินหรือวัตถุใดใดกระเด็นใส่ รถตกหลุมถนน รถเหยียบตะปู

ค่า Excess และค่า Deduct คืออะไร?

ค่า Excess คืออะไร?

ค่า Excess คือค่าเสียหายส่วนแรก แบบภาคบังคับ เป็นค่าเสียหายที่ผู้ขับขี่จะต้องจ่ายให้กับบริษัทประกัน เมื่อแจ้งเคลมประกันรถยนต์เมื่อเกิดอุบัติเหตุโดยไม่มีคู่กรณี หรือระบุคู่กรณีแบบแน่ชัดไม่ได้ ซึ่งเป็นข้อกำหนดมาตรฐานที่มีอยู่ในกรมธรรม์ทุกฉบับ ไม่ว่าจะทำประกันรถยนต์ชั้นไหน หากเกิดอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี แล้วทำการแจ้งเคลม ก็ต้องเสียค่า Excess ทุกครั้ง

ค่า Excess เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อป้องกันกรณีที่ผู้เอาประกันแจ้งเคลมประกันรถยนต์ทั้งที่ไม่ได้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจริง ซึ่งมีผู้ขับขี่หลายคนที่มักจะทำแบบนั้น รวมถึงยังมีส่วนช่วยให้ผู้ขับขี่มีความระมัดระวังในการขับขี่มากยิ่งขึ้นด้วย

กรณีแบบไหนที่ต้องจ่าย และไม่ต้องจ่ายค่า Excess

ปกติการแยกกรณีของอุบัติเหตุที่ต้องจ่าย ค่า Excess เมื่อแจ้งเคลมประกันรถยนต์ สามารถแบ่งได้ง่าย ๆ ดังนี้

  • มีคู่กรณี ระบุคู่กรณีได้ มีภาพหลักฐานชัดเจน ไม่ต้องจ่ายค่า Excess เช่น ขับรถชนบนท้องถนนโดยสามารถระบุคู่กรณีได้ ขับรถชนคนหรือสัตว์ รถพลิกคว่ำ ขับรถชนต้นไม้ เสาไฟฟ้า ป้ายจราจร หรือฟุตบาท
  • ไม่มีคู่กรณี ระบุคู่กรณีไม่ได้ ต้องจ่ายค่า Excess เช่น รถยนต์ครูดกับพื้นถนน ขับรถเฉี่ยวชนต้นไม้ เสาไฟฟ้า ลวดหนาม หรือฟุตบาท รอยขีดข่วนจากสัตว์ รอยขีดข่วนจากของมีคม โดยวัตถุตกใส่ เป็นต้น

อุบัติเหตุแต่ละครั้ง ต้องเสียค่า Excess เท่าไหร่?

ค่า Excess ที่ต้องจ่ายให้กับบริษัทประกันภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้ง จะขึ้นอยู่กับข้อตกลงที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ โดยส่วนมากจะอยู่ที่เหตุการณ์ละ 1,000 บาท หรือมากกว่านั้น โดยในการเคลมประกันรถยนต์แต่ละครั้งจะนับเป็นเหตุการณ์ เช่น ผู้ขับขี่ขับจอดรถไว้แล้วมีหินตกใส่รถ จากนั้นเมื่อขับรถกลับบ้านก็ชนเข้ากับเสาไฟ นั่นนับเป็น 2 เหตุการณ์แม้จะเกิดวันเดียวกันเวลาเดียวกันก็ตาม นั่นเท่ากับผู้ขับขี่จะต้องจ่ายค่า Excess ทั้งหมด 2,000 บาท

ค่า Deduct คืออะไร?

ค่า Deduct หรือ Deductible คือค่าเสียหายส่วนแรก แบบภาคสมัครใจ เป็นค่าเสียหายที่ผู้ทำประกันต้องจ่ายทุกครั้งที่มีการเคลมประกันรถยนต์แบบมีคู่กรณี และเป็น “ฝ่ายผิด” ตามข้อตกลงกับบริษัทประกันซึ่งจะปรากฏในหน้าตารางกรมธรรม์ โดยค่าใช้จ่ายส่วนนี้อาจจะมีหรืออาจจะไม่มีก็ได้ สำหรับผู้ที่ทำประกันรถยนต์แต่ไม่อยากจ่ายค่า Deduct สามารถแจ้งกับบริษัทประกันได้

ถ้าไม่จ่ายค่า Deduct ได้หรือไม่?

ค่า Deduct ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ทำประกันเมื่อต้องแจ้งเคลมประกันรถยนต์ โดยจะเลือกให้มี หรือไม่มีก็ได้ รวมถึงสามารถแจ้งกับทางบริษัทประกันได้ว่าอยากจะเสียค่า Deduct เท่าไร สำหรับใครที่มั่นใจในการขับขี่ของตนเอง ระมัดระวังอย่างดี ชนน้อย เคลมน้อย การเสียค่า Deduct ถือว่าคุ้มค่า เพราะยิ่งจ่ายมาก ค่าเบี้ยประกันก็จะถูกลง

เคลมประกันรถยนต์ใช้เอกสารอะไรบ้าง?

เอกสารที่ต้องใช้ในการยื่นเคลมรถ ก่อนนำรถเข้าซ่อม ณ ศูนย์บริการหรืออู่ซ่อมรถ ได้แก่ บัตรประจำตัวประชาชน สำเนาใบอนุญาตขับรถที่ยังไม่หมดอายุ สำเนาเล่มทะเบียนประจำรถยนต์ สำเนากรมธรรม์ประกันภัย และใบเคลมที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอุบัติเหตุ ณ วันเกิดเหตุ (กรณีเคลมสด) หรือใบเคลมสรุปความเสียหายที่ได้รับจากบริษัทประกันภัย (กรณีเคลมแห้ง)

เคลมประกันรถยนต์ไม่ได้ ต้องขายซาก หมายความว่าอะไร?

ซากรถ หรือรถเสียหายสิ้นเชิง หมายถึง รถยนต์ที่อาจเกิดอุบัติเหตุ หรือมีสภาพเก่าทรุดโทรมจนไม่สามารถใช้งานได้ และไม่สามารถเคลมประกันรถยนต์ได้ หรืออาจหมายถึง รถที่ต้องซ่อมเกินกว่า 70% ของทุนประกัน บางครั้งอาจซ่อมแซมแล้วไม่เหมือนเดิม ทางบริษัทประกันมองว่าไม่คุ้มเสียได้

ดังนั้น ทางบริษัทประกันจะเสนอคืนทุนประกันให้ 100% เนื่องจากไม่สามารถให้เคลมประกันรถยนต์ได้จากนั้นบริษัทประกันขอให้โอนซากรถให้ตกเป็นของประกันเพื่อดำเนินการขายต่อไป หรือในกรณีที่เจ้าของรถไม่ต้องการขายซากรถให้บริษัทประกัน ต้องการรับแค่เงินประกันอย่างเดียวก็สามารถทำได้ โดยทำการเจรจากับทางบริษัทประกันว่าต้องการเก็บซากรถไว้เอง หลังจากนั้น ทางบริษัทฯประเมินจ่ายค่าสินไหมทดแทนระหว่าง 65-70% (ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบริษัท) จากนั้นก็สามารถนำซากรถไปขายเองได้เลย

เงื่อนไขการขายซากรถ กรณีเคลมประกันรถยนต์ไม่ได้มีอะไรบ้าง?

การซื้อขายซากรถกรณีเคลมประกันรถยนต์ไม่ได้ไม่ต่างจากการซื้อขายรถมือสองปกติ สามารถโอนเล่ม และโอนลอยได้ และมีการทำสัญญาซื้อขายกันเหมือนเดิม แต่เมื่อทำการซื้อขายเสร็จสิ้นแล้ว ควรเก็บหลักฐานดังกล่าวไว้ รวมถึงการซื้อขายซากรถควรต้องมีเล่มทะเบียนรถด้วย เนื่องจากจะทำให้ขายได้ในราคาที่สูงขึ้น โดยกรมขนส่งทางบกออกกฎหมายงดรับจดทะเบียนซากรถ โดยเริ่มใช้สิ้นปี พ.ศ. 2557 ทำให้ตัวรถจะถูกประเมินการซื้อขายเป็นราคาเศษเหล็กมากกว่าประเมินสภาพตัวรถ ทำให้ได้ราคาขายที่น้อยกว่าที่ควรจะเป็น

กรณีที่รถยนต์ยังผ่อนไม่หมดหรือรถติดไฟแนนซ์อยู่ และรถได้รับความเสียหายจนไม่สามารถเคลมประกันรถยนต์ได้ แม้รถพังจะถูกตีว่าเป็นซากรถจากการเกิดอุบัติเหตุไปแล้วจะไม่สามารถขายได้เอง เพราะถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทไฟแนนซ์ หากมีเหตุจำเป็นให้ขายจริงๆ จะต้องมั่นใจว่าการขายจะได้เงินก้อนว่าปิดยอดไฟแนนซ์ได้ทั้งหมด หรือในกรณีที่เงินไม่เพียงพอ อาจขอสินเชื่อเพื่อจัดการหนี้จากไฟแนนซ์ได้ เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขายแบบโอนเล่มได้ แถมอาจผิดกฎหมายในข้อหาลักทรัพย์ด้ว

ใครหลาย ๆ คน มักเรียกทั้งค่า Excess และค่า Deduct ว่าเป็นค่าเสียหายส่วนแรก เมื่อต้องเคลมประกันรถยนต์ แต่รูปแบบการเคลมทั้งสองประเภทยังมีความแตกต่างกันอยู่ สำหรับใครที่กำลังจะทำประกันรถยนต์แนะนำได้ดูข้อมูลในส่วนนี้ให้ดีๆ เลือกทำประกันให้ตรงกับไลฟ์สไตล์ในการขับขี่ ก็จะช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการทำประกันรถยนต์มากขึ้น

แต่ถึงแม้จะต้องเสียทั้งค่า Excess และค่า Deduct ก็หายห่วง ถ้าทำประกันรถยนต์กับ Rabbit Care เพราะยังไงก็คุ้มค่า เราการันตรีเรื่องราคาที่ดีที่สุด เจอราคาถูกกว่า เราคืนส่วนต่างให้ทันที ภายใต้เงื่อนไขของบริษัทเดียวกัน มีประกันภัยรถยนต์ให้เลือกหลากหลาย ที่สำคัญยังสามารถเปรียบเทียบทั้งเบี้ยประกันและความคุ้มครองได้เองง่ายๆ รวมถึงยังมีสิทธิพิเศษอีกมากมายที่หาไม่ได้จากที่อื่น ทำประกันรถยนต์วันนี้ รับโปรแรง! ประหยัดสูงสุด 70% ผ่อน 0% นาน 10 เดือน ถูกกว่าซื้อตรงแน่นอน!

ความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท

ความคุ้มครองรถผู้ทำประกัน
ประเภทประกันภัย
ชั้น 1
ชั้น 2+
ชั้น 2
ชั้น 3+
ชั้น 3
ชนแบบมีคู่กรณีชนแบบมีคู่กรณี
x
x
ชนแบบไม่มีคู่กรณีชนแบบไม่มีคู่กรณี
x
x
x
x
ไฟไหม้ไฟไหม้
x
x
รถหายรถหาย
x
x
ภัยธรรมชาติภัยธรรมชาติ
x
x
ช่วยเหลือ 24 ชม. ช่วยเหลือ 24 ชม.
x
x
x
ซื้อประกันรถยนต์   
คลิก
คลิก
คลิก
คลิก
คลิก
ความคุ้มครองอื่นๆ ครอบคลุมทุกชั้นประกัน
คุ้มครองคู่กรณี และทรัพย์สินคู่กรณี
อุบัติเหตุ ค่ารักษาพยาบาลบุคคลที่สาม
คุ้มครองชิวิตบุคคลที่สาม
คุ้มครองชีวิตผู้ขับขี่
ค่ารักษาพยาบาลตัวผู้ขับขี่
การประกันตัวผู้ขับขี่

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา