

ก่อนการเคลมประกันรถยนต์ มีขั้นตอนอะไรที่ควรรู้บ้าง?
อยากเริ่มต้นเคลมประกัน ต้องเริ่มต้นอย่างไร? วิธีเคลมประกันรถยนต์ทั้งการมีคู่กรณี ไม่มีคู่กรณีแตกต่างกันมากไหม? จะต้องใช้ระยะเวลาในการเคลมกี่วัน? และอีกหลากหลายคำถามที่ทุกคนสงสัย วันนี้ ทาง แรบบิท แคร์ ก็ได้รวบรวมทุกขั้นตอน วิธีการ และแนวทางในการเคลมประกันรถยนต์ไว้ที่นี้แล้ว ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยดีกว่า!
เคลมประกันรถยนต์คืออะไร?
การเคลมประกันรถยนต์ คือการขอรับค่าชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณจากบริษัทประกัน โดยการยื่นคำขอเพื่อรับค่าสินไหมนั้น เช่น รถชน, รถคว่ำ, รถถูกโจรกรรม หรือความเสียหายจากภัยธรรมชาติ แต่ทั้งนี้จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุในกรมธรรม์ที่ผู้ทำได้ทำเอาไว้ โดยการที่เราจะสามารถเคลมประกันรถยนต์ได้อย่างเต็มที่ การรู้ขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์จึงช่วยให้คุณเบิกเคลมค่าสินไหมจากประกันรถยนต์ได้เต็มที่มากยิ่งขึ้น
เคลมประกันรถ กี่วัน ได้เงิน ?
ทั้งนี้ หลังจากที่ได้ยื่นเรื่องเคลมประกันแล้ว ระยะเวลาในการได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนนั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ซึ่งสำหรับระยะเวลาในการอนุมัติ หลังจากยื่นเอกสารครบถ้วน บริษัทประกันภัยจะใช้เวลาในการพิจารณาอนุมัติประมาณ 3-7 วันทำการโดยประมาณ ส่วนระยะเวลาในการจ่ายเงิน เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว บริษัทฯจะดำเนินการจ่ายเงินภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยอาจจ่ายเป็นเช็คหรือโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร
เมื่อรวม ๆ แล้ว ขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์ในทุกขั้นตอนนั้นอาจใช้ระยะเวลา 2 - 4 สัปดาห์ หรือก็คือระยะเวลาเกือบ 1 เดือน ผู้ทำประกันจึงจะได้เงินครบถ้วน
จะเห็นได้ว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลา ความซับซ้อนของอุบัติเหตุ ประเภทของความเสียหาย จำนวนคู่กรณี เอกสารที่ต้องใช้ และขั้นตอนของแต่ละบริษัทประกันภัยด้วย ดังนั้นการที่เราเรียนรู้วิธีการเบิกเคลมให้ถูกต้อง และการเตรียมเอกสารให้พร้อมไว้ก่อน
ส่วนการเคลมประกัน ได้อะไหล่คืนไหม โดยทั่วไปแล้ว มักจะไม่คืนอะไหล่เก่าที่ได้ทำการเปลี่ยนให้กับผู้เอาประกันภัย เนื่องจากอะไหล่เก่านั้นอาจเป็นทรัพย์สินของบริษัทประกันภัย หรือทางอู่ซ่อมรถจำเป็นต้องนำอะไหล่เก่าไปจัดการตามกระบวนการที่กำหนด
วิธีเคลมประกัน มีคู่กรณี ทำอย่างไร
ขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์นั้น เบื้องต้นจะมีดังนี้
ติดต่อบริษัทฯทันทีที่เกิดเหตุ เพื่อแจ้งรายละเอียดต่าง ๆ และขอคำแนะนำจากทางบริษัทฯ โดยทั่วไปทางบริษัทฯ จะติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่เพื่อไปยังที่เกิดเหตุ และทำการเก็บข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการเบิกเคลม และมีการออกเอกสารเกี่ยวกับการเคลมเบื้องต้นให้
เตรียมเอกสารต่าง ๆ ที่จำเป็น เพื่อส่งมอบต่อให้ทางบริษัทฯ ตามช่องทางที่กำหนด เช่น สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาใบขับขี่, สำเนากรมธรรม์ และภาพถ่ายความเสียหาย
รับใบเสนอราคาจากอู่ซ่อมรถหรือศูนย์บริการ เพื่อนำไปยื่นให้บริษัทประกันภัย จากนั้นรอการพิจารณาอนุมัติการเคลมจากบริษัทประกันภัย ทั้งีน้ ยิ่งเตรียมเอกสารไว้ครบถ้วนมากเท่าไหร่ ขั้นตอนนี้ก็จะเร็วขึ้นมากเท่านั้น และเมื่อได้รับการอนุมัติ เจ้าของรถนำรถเข้าซ่อมแซมอู่หรือศูนย์บริการ
รับรถหลังจากซ่อมเสร็จแล้ว ให้ตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนรับรถ และหากมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ค่าเอ็กเซฟ (excess) หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่าง ค่าอะไหล่บางชนิดที่ไม่สามารถเบิกเคลมได้ เป็นต้น
โดยขั้นตอนเหล่านี้เป็นเพียงขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์พื้นฐานเท่านั้น โดยการเคลมประกันอย่างละเอียด สามารถแบ่งได้อีก ดังนี้
วิธี เคลมประกัน มี คู่กรณี (เคลมสด)
การเคลมประกันโดยมีคู่กรณีโดยทั่วไปแล้วจะเรียกกันว่าการเคลมแบบสด ซึ่งจะมีขั้นตอนในการขอเคลม ดังนี้
ติดต่อบริษัทประกันรถยนต์ที่ได้ทำประกันเอาไว้ พร้อมแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น หมายเลขกรมธรรม์ ชื่อและข้อมูลรถคันเอาประกัน รายละเอียดเหตุการณ์และความเสียหายเบื้องต้นที่เกิดขึ้น และสถานที่เกิดเหตุ จากนั้นรอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภาคสนามเข้าตรวจสอบ
แสดงเอกสารยืนยันตัวตนแก่เจ้าหน้าที่ฯ เช่น บัตรประชาชน ใบอนุญาตขับขี่ หรือกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
รอเจ้าหน้าที่สรุปเหตุการณ์ ซึ่งจะมีผลต่อการชำระเงินค่าความเสียหายส่วนแรกที่ได้มีการตกลงไว้กับบริษัทประกันภัยในตอนเริ่มต้นทำสัญญากรมธรรม์ นอกจากนี้อาจเรียกค่าเสียเวลาจากคู่กรณีได้ด้วยในกรณีที่ผู้ขับไม่ผิด
เมื่อเจ้าหน้าที่ฯสรุปความเสียหายแล้ว จะมีการออกใบสรุปความเสียหายหรือใบเคลมให้กับผู้เอาประกันเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการนำรถเข้ารับการซ่อมจากอู่หรือศูนย์บริการต่อไป
วิธีเคลมประกันรถยนต์ ไม่มีคู่กรณี (เคลมแห้ง)
สำหรับการเคลมประกันรถยนต์ไม่มีคู่กรณี หรือที่เรียกว่า เคลมแห้ง นั้น สามารถทำได้ โดยเคสเคลมประกันแบบไม่มีคู่กรณีที่เราเบอกเคลมได้ เช่น การขับรถตกข้างทาง, การขับรถชนสิ่งกีดขวางด้วยตัวเอง เป็นต้น ซึ่งขั้นตอนการเคลมจะมีดังนี้
ตรวจสอบรายละเอียดในกรมธรรม์ว่าสามารถเบิกเคลมได้หรือไม่ หากมั่นใจว่าสามารถเบิกเคลมได้ ให้ติดต่อ แจ้งบริษัทประกันภัย แจ้งบริษัทประกันภัยของคุณทันทีเมื่อเกิดเหตุ รวมถึงให้ข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุและภาพถ่ายความเสียหาย คล้ายกับการเบิกเคลมที่มีคู่กรณี
เมื่อคุณแจ้งข้อมูลกับเจ้าหน้าที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ประกันภัยจะประเมินความเสียหายต่อตัวรถ และประเมินราคาซ่อม โดยนัดหมายว่าจะมาในทันทีหรือมาในวันที่นัดหมาย ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของรถจะสะดวก
เตรียมเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องตามที่บริษัทประกันภัยร้องขอ เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาใบขับขี่ สำเนากรมธรรม์ และภาพถ่ายความเสียหาย
รับใบเคลม เมื่อเจ้าหน้าที่ประเมินความเสียหายต่อตัวรถเสร็จแล้ว คุณจะได้รับใบเคลม ซึ่งเป็นใบส่งซ่อมรถที่คุณจำเป็นต้องนำไปยื่นอู่ในเครือหรือศูนย์ซ่อมโดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายอื่นใดเพิ่มเติม ทั้งนี้ การเบิกเคลมไม่มีคู่กรณีนั้น จะพบได้บ่อยในการเคลมประกันชั้น 1 ไม่มีคู่กรณี เนื่องจากเป็นหนึ่งในเงื่อนไขการคุ้มครอง
วิธี เคลมประกัน ไม่มีคู่กรณี ไม่เสียค่า excess สามารถทำได้ไหม?
มาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ค่าเอ็กเซฟ คือ ค่าเสียหายส่วนแรกที่ผู้เอาประกันต้องจ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณีที่ไม่สามารถระบุที่มาที่ไปได้ ดังนั้นหากต้องการเบิกเคลมประกันโดยไม่เสียค่าเสียหายส่วนแรกจะสามารถทำได้ต่อเมื่อคุณทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น เนื่องจากการเคลมประกันรถยนต์ชั้น1 ไม่มีคู่กรณี จะสามารถทำได้ ตามเงื่อนไขความคุ้มครอง มีเพียงประกันชั้น 1 เท่านั้น ที่คุ้มครองอุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณี ในขณะที่ประกันรถยนต์ชั้นอื่น ๆ จะไม่ให้ความคุ้มครองหากไม่มีคู่กรณี
แต่ทั้งนี้ บางแห่งอาจมีการกำหนดจำนวนครั้งว่าสามารถเบิกเคลมหากไม่มีคู่กรณีได้เท่าไหร่ ในตลอดระยะอายุสัญญาของกรมธรรม์และเงื่อนไขของบริษัทประกันที่กำหนด บางแห่งอาจกำหนดว่าสามารถเบิกเคลมค่าซ่อมแซมได้แค่ค่าอะไหล่ได้สูงสุดครั้งละ 5 ชิ้น หากเกินมากกว่าที่กำหนดจำต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรกเพิ่มเติมได้
ดังนั้น หากต้องการเบิกเคลมโดยไม่เสียค่าเสียหายส่วนแรก ให้ตรวจสอบเงื่อนไขต่าง ๆ และเลือกการเบิกเคลมแบ่งเป็นรอบ ๆ ก็จะช่วยให้การเบิกเคลมของคุณไม่ต้องเสี่ยงเสียค่า Excess (ค่าเอ็กเซฟ) หรือบางคนอยากเช็คประวัติเคลมประกันรถยนต์ ทำอย่างไร เพื่อจะได้ไม่เผลอเบิกเคลมเกินข้อกำหนด เรื่องนี้เราสามารถติดต่อเช็คประวัติการเคลมกับทางบริษัทฯได้โดยตรง หรือในกรณีที่บางคนซื้อรถยนต์มือสอง อยากลองเช็คประวัติเคลมก็สามารถทำได้ เพราะรถยนต์บางแบรนด์ อาจมีบริการเช็คประวัติรถยนต์ออนไลน์ โดยเป็นการเช็คข้อมูลเข้ารับบริการออนไลน์ และประวัติการเคลมเข้าศูนย์บริการได้ หากได้รับความยินยอม
วิธีเคลมประกันรถยนต์ ชั้น1 แตกต่างจากการเคลมประกันทั่วไปไหม?
โดยทั่วไปแล้ว การเคลมประกันนั้นจะใกล้เคียงกับการเบิกเคลมประกันในชั้นอื่น ๆ แต่ถึงแม้ประกันชั้น 1 ให้ความคุ้มครองแทบจะครอบคลุมการเกิดอุบัติเหตุทั้งหมด แต่ก็มีบางกรณีเช่นกันที่ทำให้ไม่สามารเบิกเคลมได้ เช่น การใช้รถในทางผิดกฎหมายจนเกิดอุบัติเหตุ, การขับขี่โดยผู้ขับขี่ที่เมาสุรา, การใช้รถยนต์ผิดประเภท, การนำรถไปใช้แข่งขันความเร็ว หรือแม้แต่การดัดแปลงตัวรถโดยไม่แจ้งบริษัทประกัน
เคลมประกันรถยนต์ ใช้เอกสารอะไรบ้าง?
การตระเตรียมเอกสารก่อนการไปเคลมประกันรถยนต์จะช่วยให้ทุกการดำเนินการทุกอย่างรวดเน็วมากยิ่งขึ้น ยิ่งเอกสารครบถ้วนมากเท่าไหร่ ขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์ยิ่งรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เอกสารเบื้องต้นที่ต้องใช้ จะมีดังนี้
เอกสารทั่วไป หลัก ๆ จะเป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการยืนยันตัวตนของผู้เอาประกัน
สำเนาบัตรประชาชนของผู้เอาประกันภัย เพื่อใช้ยืนยันตัวตนของผู้เคลมประกันรถ พร้อมเซ็นสําเนาถูกต้อง
สำเนาใบขับขี่ของผู้ขับขี่ ณ เวลาเกิดเหตุ ในกรณีที่เป็นคนละคนกับเจ้าของรถ เพื่อใช้ยืนยันว่าผู้ขับขี่มีใบอนุญาตขับขี่ถูกต้องตามกฎหมาย
สำเนากรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ใช้ตรวจสอบรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
สำเนาทะเบียนรถ ใช้ยืนยันข้อมูลรถยนต์ที่เอาประกัน
ใบรับแจ้งความ ในกรณีเป็นอุบัติเหตุที่ต้องมีการแจ้งความ เช่น รถถูกชนแล้วหนี หรือรถถูกโจรกรรม
ภาพถ่ายความเสียหายของรถ ใช้เป็นหลักฐานแสดงความเสียหายที่เกิดขึ้น
ใบรายงานอุบัติเหตุจากบริษัทประกันภัย ในกรณีไม่มีคู่กรณี เช่น ผู้ขับขับรถตกข้างทางเอง หรือขับรถชนรั้วที่บ้าน เป็นต้น
แบบฟอร์มการเคลมประกันรถ เบื้องต้นทางบริษัทประกันจะจัดเตรียมให้ ใช้กรอกรายละเอียดอุบัติเหตุและข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
เอกสารเพิ่มเติม ส่วนมากจะเป็นอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี และทางบริษัทประกันฯอาจต้องการเอกสารเกี่ยวกับคู่กรณีอื่น ๆ เพิ่มเติม ดังนี้
สำเนาบัตรประชาชนคู่กรณี และสำเนาใบขับขี่คู่กรณี เพื่อใช้ยืนยันตัวตนของคู่กรณี ซึ่งจะส่งผลต่อการประเมินการเคลมประกัน และค่าชดเชยต่าง ๆ อีกด้วย
รูปถ่ายรถคู่กรณีที่แสดงร่องรอยความเสียหาย เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น และอาจรวมถึงรูปถ่ายจุดเกิดเหตุด้วย
ใบมอบอํานาจ เคลมประกันรถยนต์ จำเป็นจะต้องใช้ ในกรณีที่ให้ผู้อื่นเคลมประกันรถแทนเจ้าของรถ เมื่อเจ้าของรถไม่สามารถดำเนินการเองได้ เช่น ไม่สะดวกในการเดินทาง, อยู่ต่างประเทศ โดยการมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทนนั้นต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรและมีรายละเอียดครบถ้วนชัดเจน
ทั้งนี้ เอกสารที่ใช้ในการเคลมประกันรถยนต์ที่ต้องใช้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับลักษณะของอุบัติเหตุและเงื่อนไขของกรมธรรม์ ดังนั้นหากไม่มั่นใจในการเตรียมเอกสาร คุณสามารถข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ได้เช่นกัน
แล้วแบบนี้ ใบเคลมมีอายุกี่ปี ?
เมื่อได้ใบเคลมแล้ว หลายคนอาจจะไม่สะดวกนำรถยนต์ของตนไปซ่อมในทันที หลายคนจึงอาจเกิดคำถามว่า เจ้าใบเคลมที่ว่านี่อยู่ได้นานมากน้อยแค่ไหนกันนะ? โดยใบเคลมประกันรถยนต์จะมีอายุ 2 ปี นับตั้งแต่วันที่บริษัทประกันภัยออกเอกสารให้แก่ผู้ทำประกัน หมายความว่า เมื่อคุณทำทำเรื่องเบิกเคลมประกัน และได้รับเอกสารใบเคลม คุณก็สามารถนำรถเข้าซ่อมเมื่อไหร่ก็ได้ภายใน 2 ปี นับจากวันที่ทางบริษัทฯออกเอกสารนั่นเอง
การเคลมประกันรถยนต์ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป เพียงคุณทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเคลม นอกจากจะช่วยให้ทุกขั้นตอนรวดเร็วมากยิ่งขึ้นแล้ว ยังช่วยให้การเบิกเคลมนั้นราบรื่นมากยิ่งขึ้นไปด้วย
ความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท