Rabbit Care Logo
ใช้ใจแคร์ ดูแลครบ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ในการเก็บข้อมูลเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้งาน และเพื่อเก็บข้อมูลสถิติ ท่านสามารถศึกษารายละเอียด เพิ่มเติมได้ที่นโยบายคุกกี้
user profile image
เขียนโดยTawan A.วันที่เผยแพร่: Mar 10, 2022

ขั้นตอนเคลมประกันรถยนต์ฉบับสมบูรณ์ ไขทุกข้อสงสัยเรื่องเคลมประกันรถ

อุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเฉี่ยวชนเล็กน้อย รอยขีดข่วน หรืออุบัติเหตุร้ายแรง การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเคลมประกันรถยนต์จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ขับขี่ทุกคน บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของการเคลมประกันรถยนต์ ตั้งแต่ความหมายของการเคลมประกันรถ ขั้นตอนการดำเนินการเคลมประกันรถ เอกสารที่ต้องใช้ ไปจนถึงกรณีต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันได้อย่างมั่นใจ

เราจะพาคุณไปสำรวจรายละเอียดของการเคลมประกันรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นการเคลมเมื่อมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณี การเคลมในกรณีต่าง ๆ เช่น กระจกโดนสะเก็ดหิน ยางระเบิด หรือแม้แต่สัตว์เลี้ยงทำความเสียหายให้กับรถของคุณ นอกจากนี้ เรายังจะพูดถึงประเด็นที่หลายคนสงสัย เช่น การเคลมประกันรถเมื่อใบขับขี่หมดอายุ หรือการเคลมประกันรถที่อาจส่งผลต่อเบี้ยประกันในปีถัดไป บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจสิทธิและหน้าที่ของคุณในฐานะผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ และพร้อมที่จะจัดการกับทุกสถานการณ์ได้อย่างมืออาชีพ

เคลมประกัน คือ อะไร

เคลมประกัน คือ การยื่นคำร้องต่อบริษัทประกันภัยเพื่อขอรับค่าสินไหมทดแทนหรือค่าชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์เมื่อเกิดอุบัติเหตุน้อยใหญ่บนท้องถนน การเคลมประกันรถเกิดขึ้นเมื่อรถของคุณได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่กรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครอง เช่น รถชน รถคว่ำ รถถูกโจรกรรม หรือความเสียหายจากภัยธรรมชาติ การทำความเข้าใจความหมายของการเคลมประกันรถจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถใช้สิทธิของตนได้อย่างถูกต้องและได้รับความคุ้มครองที่ควรได้รับ

  • การเคลมประกันรถ เป็นกระบวนการที่ผู้เอาประกันภัย (เจ้าของรถ) ยื่นเรื่องขอค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นกับรถยนต์ที่ได้ทำประกันไว้ ซึ่งต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุในกรมธรรม์
  • ความเสียหายที่เกิดจากการชน เช่น การเฉี่ยวชนกับรถคันอื่น การชนสิ่งกีดขวาง หรือการชนสัตว์ ถือเป็นกรณีที่สามารถเคลมประกันรถได้ภายใต้เงื่อนไขของกรมธรรม์
  • ความเสียหายที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชน เช่น ความเสียหายจากภัยธรรมชาติ (น้ำท่วม พายุ) หรือการถูกโจรกรรม ก็สามารถเคลมประกันรถได้หากกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองในส่วนนี้

เคลมประกันรถยนต์ ใช้เอกสารอะไรบ้าง

การเตรียมเอกสารให้พร้อมสำหรับการ เคลมประกันรถยนต์ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้กระบวนการเคลมเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว เอกสาร เคลมประกันรถยนต์ที่ต้องใช้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับลักษณะของอุบัติเหตุและเงื่อนไขของกรมธรรม์ แต่โดยทั่วไปแล้วเอกสารที่ต้องเตรียมมีดังนี้

เคลมประกันรถยนต์ ต้องใช้อะไรบ้าง

  • สำเนาบัตรประชาชน ของผู้เอาประกันภัย (เจ้าของรถ) เป็นเอกสารสำคัญที่ใช้ยืนยันตัวตนของผู้เคลมประกันรถ โดยจะต้องเซ็นสําเนาถูกต้อง เคลมประกัน ด้วย
  • สำเนาใบขับขี่ ของผู้ขับขี่ ณ เวลาเกิดเหตุ (หากเป็นคนละคนกับเจ้าของรถ) ใช้ยืนยันว่าผู้ขับขี่มีใบอนุญาตขับขี่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
  • สำเนากรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ใช้ตรวจสอบรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
  • สำเนาทะเบียนรถ ใช้ยืนยันข้อมูลรถยนต์ที่เอาประกัน
  • ใบรับแจ้งความ (ถ้ามี) กรณีเป็นอุบัติเหตุที่ต้องมีการแจ้งความ เช่น รถถูกชนแล้วหนี หรือรถถูกโจรกรรม
  • ภาพถ่ายความเสียหายของรถ ใช้เป็นหลักฐานแสดงความเสียหายที่เกิดขึ้น
  • แบบฟอร์มการเคลมประกันรถ เบื้องต้นทางบริษัทประกันจะจัดเตรียมให้ ใช้กรอกรายละเอียดอุบัติเหตุและข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง



ใบมอบอํานาจ เคลมประกันรถยนต์ คือ อะไร

ใบมอบอำนาจ เคลมประกันรถยนต์ คือ เอกสารที่เจ้าของรถ (ผู้เอาประกันภัย) มอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการเคลมประกันรถยนต์แทน ในกรณีที่ให้ผู้อื่นเคลมประกันรถ แทน เจ้าของรถเพราะเจ้าของรถไม่สามารถดำเนินการเองได้ เช่น ไม่สะดวกในการเดินทาง หรืออยู่ต่างประเทศ การมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินการแทนนั้นต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรและมีรายละเอียดครบถ้วน

  • เหตุผลในการมอบอำนาจ ผู้เอาประกันอาจมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการเคลมประกันรถแทนได้ในกรณีที่ไม่สะดวกในการดำเนินการเอง เช่น อยู่ต่างจังหวัด หรือมีธุระจำเป็น
  • เนื้อหาในใบมอบอำนาจ ต้องระบุรายละเอียดต่าง ๆ อย่างชัดเจน เช่น ชื่อผู้มอบอำนาจ (เจ้าของรถ) ชื่อผู้รับมอบอำนาจ เลขที่กรมธรรม์ ขอบเขตอำนาจในการดำเนินการ และวันหมดอายุของใบมอบอำนาจ
  • การจัดทำใบมอบอำนาจ ควรทำเป็นลายลักษณ์อักษรและลงลายมือชื่อของผู้มอบอำนาจ โดยมีพยานรับรอง (ถ้ามี) เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต



ใบเสนอราคา เคลมประกัน คือ อะไร

ใบเสนอราคา เคลมประกัน คือ เอกสารที่อู่ซ่อมรถหรือศูนย์บริการรถยนต์จัดทำขึ้น เพื่อแสดงรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถที่ได้รับความเสียหายจากอุบัติเหตุ หรือเหตุการณ์อื่น ๆ ที่อยู่ในความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ โดยแบบฟอร์มใบเสนอราคา เคลมประกันรถนี้จะถูกนำไปใช้ในการพิจารณาอนุมัติการเคลมประกันรถจากบริษัทประกันภัย

  • รายละเอียดในใบเสนอราคา จะประกอบด้วยรายการชิ้นส่วนที่ต้องเปลี่ยนหรือซ่อม ค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
  • ความสำคัญของใบเสนอราคา ช่วยให้บริษัทประกันภัยทราบถึงขอบเขตความเสียหายและค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถ เพื่อนำไปพิจารณาอนุมัติการเคลมและชำระค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้เอาประกัน
  • การตรวจสอบใบเสนอราคา ผู้เอาประกันควรตรวจสอบรายละเอียดในใบเสนอราคาให้รอบคอบก่อนนำไปยื่นให้กับบริษัทประกันภัย เพื่อป้องกันความผิดพลาดและค่าใช้จ่ายที่ไม่สมเหตุสมผล

วิธีเคลมประกัน มีคู่กรณี ทำอย่างไร

เมื่อเกิดอุบัติเหตุ รถชน เคลมประกัน โดยมีคู่กรณีไม่ว่าจะเป็นการเคลมประกัน ฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด สิ่งแรกที่ควรทำคือ ตั้งสติและตรวจสอบความปลอดภัยของทุกคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ จากนั้นให้ดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้

  1. แลกเปลี่ยนข้อมูลกับคู่กรณี แลกเปลี่ยนข้อมูล เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และข้อมูลประกันภัย
  2. บันทึกภาพถ่าย ถ่ายภาพความเสียหายของรถทั้งสองฝ่าย รวมถึงภาพที่เกิดเหตุโดยรอบ และป้ายทะเบียนรถ
  3. แจ้งบริษัทประกันภัย ติดต่อบริษัทประกันภัยของคุณทันที เพื่อแจ้งเหตุและขอคำแนะนำในการดำเนินการต่อไป
  4. รอเจ้าหน้าที่ประกันภัย หากมีคู่กรณีและไม่สามารถตกลงกันได้ หรือมีผู้บาดเจ็บ ให้รอเจ้าหน้าที่ประกันภัยมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
  5. ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนกับเจ้าหน้าที่ประกันภัย และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่
  6. นำรถเข้าซ่อม หลังจากได้รับอนุมัติการเคลมประกัน รถแล้ว ให้นำรถเข้าซ่อมที่อู่หรือศูนย์บริการที่อยู่ในเครือของบริษัทประกันภัย หรืออู่ที่คุณเลือกไว้

เคลมประกัน ไม่มีคู่กรณี ไม่เสียค่า excess ทำอย่างไร

เคลมประกัน ไม่มีคู่กรณี ไม่เสียค่า excess เป็นกรณีเคลมประกันรถยนต์ ไม่มีคู่กรณี เช่น รถชนสิ่งกีดขวาง รถเสียหลักลงข้างทาง หรือโดนสิ่งของหล่นใส่รถ ซึ่งตามปกติแล้วการเคลมประกัน รถในกรณีนี้อาจจะเป็นการเคลมประกัน เสียค่าexcess (ค่าเสียหายส่วนแรก) แต่หากคุณมีเงื่อนไขพิเศษในกรมธรรม์ที่ระบุไว้ว่าไม่ต้องเสียค่า excess เมื่อเคลมแบบไม่มีคู่กรณี คุณก็สามารถเคลมประกัน รถได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ

  • เงื่อนไขกรมธรรม์ ตรวจสอบรายละเอียดในกรมธรรม์ของคุณว่ามีเงื่อนไขยกเว้นค่า excess สำหรับการเคลมแบบไม่มีคู่กรณีหรือไม่ หากมี ให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่บริษัทประกันภัยกำหนด
  • แจ้งบริษัทประกันภัย แจ้งบริษัทประกันภัยของคุณทันทีเมื่อเกิดเหตุ และให้ข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุและภาพถ่ายความเสียหาย
  • ส่งมอบเอกสาร ส่งมอบเอกสารที่เกี่ยวข้องตามที่บริษัทประกันภัยร้องขอ เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาใบขับขี่ สำเนากรมธรรม์ และภาพถ่ายความเสียหาย
  • นำรถเข้าซ่อม หลังจากได้รับการอนุมัติการเคลมประกัน รถแล้ว ให้นำรถเข้าซ่อมที่อู่หรือศูนย์บริการตามที่กำหนดไว้ โดยไม่ต้องเสียค่า excess



เคลมประกัน ไม่มีคู่กรณี จะเสียประวัติ ไหม

แจ้งเคลมประกันรถยนต์เสียประวัติไหม หลายคนกังวลว่าการ เคลมประกัน ไม่มี คู่กรณี จะทำให้เสียประวัติและมีผลต่อเบี้ยประกันในปีต่อไปหรือไม่ คำตอบคือ โดยทั่วไปแล้วการเคลมประกันรถแบบไม่มีคู่กรณี เช่น การโดนชนแล้วหนี มักจะไม่ส่งผลเสียต่อประวัติการเคลมของคุณ หากคุณเป็นฝ่ายถูก และเป็นอุบัติเหตุที่ไม่ร้ายแรง แต่ก็มีบางกรณีที่บริษัทประกันภัยอาจพิจารณาปรับเบี้ยประกันขึ้นเล็กน้อย

  • ผลกระทบต่อประวัติ โดยส่วนใหญ่ การเคลมประกันรถแบบไม่มีคู่กรณี มักจะไม่ถือว่าเป็นประวัติการเคลมที่เสีย หากอุบัติเหตุไม่ได้ร้ายแรงมากนัก
  • การพิจารณาปรับเบี้ยประกัน บางบริษัทอาจพิจารณาปรับเบี้ยประกันขึ้นเล็กน้อย หากมีการเคลมบ่อยครั้ง หรือความเสียหายมีมูลค่าสูง ถึงแม้ว่าจะเป็นการเคลมแบบไม่มีคู่กรณีก็ตาม
  • การรักษาประวัติเคลม หากคุณต้องการรักษาประวัติเคลมที่ดี ควรขับรถด้วยความระมัดระวัง และพยายามหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุที่ไม่จำเป็น

เช็คประวัติเคลมประกันรถยนต์ ทำอย่างไร

การ เช็คประวัติเคลมประกันรถยนต์ เป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำก่อนต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยหรือต่อประกันใหม่ เคลมประกัน เก่า เพื่อทราบถึงประวัติการเคลมของคุณ และใช้ในการพิจารณาเลือกบริษัทประกันภัยหรือกรมธรรม์ที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้วคุณสามารถตรวจสอบประวัติเคลมประกันรถได้หลายวิธี

  1. ติดต่อบริษัทประกันภัย ติดต่อบริษัทประกันภัยที่คุณทำประกันไว้โดยตรง เพื่อขอทราบประวัติการเคลมของคุณ
  2. ตรวจสอบผ่านระบบออนไลน์ บางบริษัทประกันภัยมีระบบให้ลูกค้าตรวจสอบประวัติการเคลมผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน
  3. ใช้บริการตรวจสอบประวัติเคลม มีบริการตรวจสอบประวัติเคลมจากภายนอก ซึ่งอาจมีค่าธรรมเนียมในการใช้บริการ
  4. ตรวจสอบจากเอกสาร ตรวจสอบจากเอกสารที่คุณเก็บไว้ เช่น ใบแจ้งเคลม ใบรับรองความเสียหาย หรือเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง



  • ความสำคัญของประวัติเคลม ประวัติเคลมเป็นปัจจัยสำคัญที่บริษัทประกันภัยใช้ในการพิจารณาเบี้ยประกัน หากมีประวัติเคลมมาก อาจทำให้เบี้ยประกันในปีถัดไปสูงขึ้น
  • การตรวจสอบประวัติก่อนต่ออายุ ควรตรวจสอบประวัติเคลมก่อนต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัย เพื่อให้คุณมีข้อมูลในการพิจารณาเลือกประกันที่เหมาะสม



ระยะเวลา เคลมประกันรถยนต์ นานไหม

ระยะเวลา เคลมประกันรถยนต์ แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของอุบัติเหตุ ประเภทของความเสียหาย และขั้นตอนการดำเนินการของแต่ละบริษัทประกันภัย โดยทั่วไปแล้วระยะเวลาในการเคลมประกันรถยนต์สามารถแบ่งออกได้ดังนี้

  • การเคลมกรณีเล็กน้อย เช่น เคลมประกัน ย้อน หลังสำหรับรอยขีดข่วน หรือความเสียหายเล็กน้อย อาจใช้เวลาไม่กี่วันในการดำเนินการ
  • การเคลมกรณีมีคู่กรณี อาจใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ หรือนานกว่านั้น หากต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม
  • การเคลมกรณีใหญ่ เช่น รถเสียหายหนัก หรือมีการบาดเจ็บ อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือนในการดำเนินการ
  • ระยะเวลาอนุมัติ หลังจากส่งเอกสารครบถ้วน บริษัทประกันภัยจะใช้เวลาพิจารณาอนุมัติประมาณ 3-7 วันทำการ
  • ระยะเวลาซ่อม ระยะเวลาในการซ่อมรถขึ้นอยู่กับความเสียหายและคิวของอู่หรือศูนย์บริการ โดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1-4 สัปดาห์
  • ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลา ความซับซ้อนของอุบัติเหตุ ความเสียหายที่เกิดขึ้น จำนวนคู่กรณี เอกสารที่ต้องใช้ และขั้นตอนของแต่ละบริษัทประกันภัย
  • การติดตามสถานะการเคลม ควรติดตามสถานะการเคลมกับบริษัทประกันภัยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทราบความคืบหน้าและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น



หมายเหตุ : รถชนต้องแจ้งประกันภายในกี่วัน สามารถแจ้งหลังเกิดเหตุ 2-3 วัน หรือรวบรวมรอแจ้งพร้อมกันในครั้งเดียวก่อนครบรอบสัญญากรมธรรม์ประกันรถยนต์

ขั้นตอน เคลมประกันรถ เป็นอย่างไร

เคลมประกันรถ ทํายังไง โดยทั่วไปแล้วมีขั้นตอนที่คล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นการเคลมแบบมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณี ดังนี้

  1. แจ้งบริษัทประกันภัย ติดต่อบริษัทประกันภัยของคุณทันทีที่เกิดอุบัติเหตุ เพื่อแจ้งรายละเอียดและขอคำแนะนำ
  2. รวบรวมเอกสาร เตรียมเอกสารที่จำเป็น เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาใบขับขี่ สำเนากรมธรรม์ และภาพถ่ายความเสียหาย
  3. ส่งมอบเอกสาร ส่งมอบเอกสารให้กับบริษัทประกันภัยตามช่องทางที่กำหนด
  4. ตรวจสอบความเสียหาย บริษัทประกันภัยจะส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบความเสียหายของรถ และประเมินค่าซ่อม
  5. รับใบเสนอราคา รับใบเสนอราคาจากอู่ซ่อมรถหรือศูนย์บริการ เพื่อนำไปยื่นให้บริษัทประกันภัย
  6. รออนุมัติ รอการพิจารณาอนุมัติการเคลมจากบริษัทประกันภัย
  7. นำรถเข้าซ่อม เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว ให้นำรถเข้าซ่อมที่อู่หรือศูนย์บริการ
  8. รับรถ หลังจากซ่อมเสร็จแล้ว ให้ตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนรับรถ
  9. ชำระค่าใช้จ่าย (ถ้ามี) ชำระค่าใช้จ่ายส่วนแรก (ค่า excess) หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี)



เอารถเข้าอู่ เคลมประกัน

การ เอารถเข้าอู่ เคลมประกัน เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการซ่อมรถกับอู่ที่ตนเองคุ้นเคย หรือมีอู่ที่อยู่ในเครือของบริษัทประกันภัยที่คุณเลือกไว้ การนำรถเข้าอู่เพื่อเคลมประกัน รถมีข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณา

  • ข้อดี มีความเป็นอิสระในการเลือกอู่ซ่อมที่ไว้ใจได้ ช่างมีความคุ้นเคยกับรถของคุณ อาจมีราคาที่ย่อมเยากว่าการซ่อมที่ศูนย์บริการ
  • ข้อเสีย อาจต้องใช้เวลาในการอนุมัติการเคลมมากกว่าการซ่อมที่ศูนย์บริการ อาจต้องมีขั้นตอนการดำเนินการที่ซับซ้อนกว่า อาจไม่ได้รับการดูแลจากบริษัทประกันภัยเท่าที่ควร
  • การพิจารณาเลือกอู่ ควรเลือกอู่ที่มีมาตรฐาน มีชื่อเสียงที่ดี และมีประสบการณ์ในการซ่อมรถยนต์



เอารถเข้าศูนย์ เคลมประกัน

การ เอารถเข้าศูนย์ เคลมประกัน เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการซ่อมรถกับศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานของแบรนด์รถยนต์นั้น ๆ การนำรถเข้าศูนย์เพื่อเคลมประกันมีข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณา

  • ข้อดี ได้รับบริการจากช่างผู้เชี่ยวชาญ มีอะไหล่แท้ของแบรนด์รถยนต์ ได้รับการดูแลที่ดีจากบริษัทประกันภัย ขั้นตอนการเคลมอาจรวดเร็วกว่าการซ่อมอู่
  • ข้อเสีย ค่าซ่อมอาจสูงกว่าการซ่อมอู่ อาจมีคิวนานในการซ่อม และอาจไม่มีความเป็นอิสระในการเลือกศูนย์บริการ
  • การพิจารณาเลือกศูนย์บริการ ควรเลือกศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน มีชื่อเสียงที่ดี และอยู่ในเครือของบริษัทประกันภัย



เคลมประกัน ซ่อมเอง

เคลมประกัน ซ่อมเอง หรือเคลมประกัน ซ่อมอู่นอก เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการที่จะซ่อมรถด้วยตัวเอง หรือต้องการที่จะควบคุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมให้เป็นไปตามงบประมาณที่ตั้งไว้ การเคลมประกันและซ่อมเองนั้นมีข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณา

  • ข้อดี สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการซ่อมได้ มีความเป็นอิสระในการซ่อม สามารถเลือกซื้ออะไหล่เองได้ สามารถซ่อมตามความถนัด
  • ข้อเสีย อาจต้องใช้เวลาในการซ่อมนาน อาจไม่มีความชำนาญในการซ่อม อาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์ซ่อม อาจไม่ได้รับการดูแลจากบริษัทประกันภัย
  • การพิจารณาซ่อมเอง ควรพิจารณาความชำนาญในการซ่อม ความพร้อมของอุปกรณ์ และงบประมาณ ก่อนตัดสินใจซ่อมเอง

เคลมประกันรถ กี่วัน ได้เงิน

เคลมประกันรถ กี่วัน ได้เงิน หรือเคลมประกันรถยนต์ ใช้เวลากี่วัน เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย หลังจากที่ได้ยื่นเรื่องเคลมประกันแล้ว ระยะเวลาในการได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนนั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

  • ระยะเวลาในการอนุมัติ หลังจากยื่นเอกสารครบถ้วน บริษัทประกันภัยจะใช้เวลาในการพิจารณาอนุมัติประมาณ 3-7 วันทำการ
  • ระยะเวลาในการจ่ายเงิน เมื่อได้รับการอนุมัติแล้ว บริษัทประกันภัยจะดำเนินการจ่ายเงินภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยอาจจ่ายเป็นเช็ค หรือโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร
  • ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลา ความซับซ้อนของอุบัติเหตุ ประเภทของความเสียหาย จำนวนคู่กรณี เอกสารที่ต้องใช้ และขั้นตอนของแต่ละบริษัทประกันภัย

เคลมประกัน ได้อะไหล่คืนไหม

โดยทั่วไปแล้ว เมื่อ เคลมประกัน ได้อะไหล่คืนไหม บริษัทประกันภัยหรืออู่ซ่อมรถมักจะไม่คืนอะไหล่เก่าที่ได้ทำการเปลี่ยนให้กับผู้เอาประกันภัย เนื่องจากอะไหล่เก่านั้นอาจเป็นทรัพย์สินของบริษัทประกันภัย หรือทางอู่ซ่อมรถจำเป็นต้องนำอะไหล่เก่าไปจัดการตามกระบวนการที่กำหนด

  • เหตุผลที่ไม่คืนอะไหล่ อะไหล่เก่าอาจเป็นทรัพย์สินของบริษัทประกันภัย อะไหล่เก่าอาจหมดสภาพการใช้งาน หรือทางอู่ซ่อมรถต้องนำไปจัดการตามขั้นตอน
  • ข้อยกเว้น บางกรณีบริษัทประกันภัยอาจคืนอะไหล่เก่าให้กับผู้เอาประกันภัย หากเป็นกรณีพิเศษ หรือตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
  • การสอบถาม หากต้องการทราบว่าสามารถรับอะไหล่เก่าคืนได้หรือไม่ ควรสอบถามกับบริษัทประกันภัยหรืออู่ซ่อมรถโดยตรง

เคลมประกัน ใบขับขี่หมดอายุ ทำได้ไหม

เคลมประกัน ใบขับขี่หมดอายุ เป็นประเด็นที่ผู้ขับขี่หลายคนกังวลใจ เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วพบว่าใบขับขี่หมดอายุ ในกรณีนี้การเคลมประกันอาจมีผลกระทบต่อการพิจารณาของบริษัทประกันภัย

  • ผลกระทบต่อการเคลม หากใบขับขี่หมดอายุ บริษัทประกันภัยอาจปฏิเสธการเคลม หรืออาจพิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนเพียงบางส่วน
  • เงื่อนไขกรมธรรม์ ตรวจสอบเงื่อนไขในกรมธรรม์ว่ามีข้อกำหนดเกี่ยวกับใบขับขี่หมดอายุหรือไม่ โดยทั่วไปแล้วบริษัทประกันภัยมักจะระบุว่าผู้ขับขี่ต้องมีใบขับขี่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
  • การต่ออายุใบขับขี่ หากพบว่าใบขับขี่หมดอายุ ควรรีบดำเนินการต่ออายุทันที เพื่อป้องกันปัญหาการถูกปรับ และเกิดปัญหาเกี่ยวกับการเคลมได้



ตามกฎหมายแล้ว แม้ใบขับขี่หมดอายุ ประกันจะให้ความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์อยู่ เนื่องจากถือว่าคุณยังมีความสามารถในการขับรถถึงแม้ใบขับขี่จะหมดอายุก็ตาม

เคลมประกันรถยนต์ ค่าเสียเวลา ทำอย่างไร

เคลมประกันรถยนต์ ค่าเสียเวลา เป็นสิ่งที่ผู้เอาประกันภัยหลายท่านต้องการได้รับเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากต้องเสียเวลาในการดำเนินการต่าง ๆ เช่น การติดต่อบริษัทประกันภัย การนำรถเข้าซ่อม หรือการเดินทางไปทำธุระต่าง ๆ

  • ค่าเสียเวลาในการเคลม โดยทั่วไปแล้ว บริษัทประกันภัยมักจะไม่จ่ายค่าเสียเวลาในการเคลม แต่มีบางบริษัทอาจพิจารณาจ่ายให้ในบางกรณี
  • การเรียกร้องค่าเสียเวลา หากต้องการเรียกร้องค่าเสียเวลาในการเคลม อาจต้องทำหนังสือร้องเรียนไปยังบริษัทประกันภัย หรือดำเนินการทางกฎหมาย
  • การเจรจา สามารถเจรจากับบริษัทประกันภัยเพื่อขอค่าเสียเวลา หรือขอความช่วยเหลือในด้านอื่นๆ ได้ เช่น รถใช้ระหว่างซ่อม

เคลมประกัน เบี้ยเพิ่มเท่าไหร่

เคลมประกัน เบี้ยเพิ่มเท่าไหร่ เป็นคำถามที่ผู้เอาประกันภัยหลายคนสงสัย เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วทำการเคลมประกัน อาจกังวลว่าเบี้ยประกันในปีถัดไปจะสูงขึ้นหรือไม่ โดยทั่วไปแล้ว การเคลมประกันอาจมีผลกระทบต่อเบี้ยประกันในปีถัดไป บางกรณีเคลมประกันรถ สำรองจ่ายก็มี แต่ก็มีบางกรณีที่ไม่ส่งผลกระทบใดๆ

  • ปัจจัยที่มีผลต่อเบี้ยประกัน จำนวนครั้งในการเคลม ประเภทของอุบัติเหตุ ความเสียหายที่เกิดขึ้น และนโยบายของแต่ละบริษัทประกันภัย
  • การเคลมบ่อย หากมีการเคลมบ่อยครั้ง บริษัทประกันภัยอาจพิจารณาปรับเบี้ยประกันขึ้น
  • การเคลมกรณีใหญ่ หากเป็นการเคลมจากอุบัติเหตุร้ายแรง หรือมีความเสียหายสูง อาจทำให้เบี้ยประกันเพิ่มขึ้น
  • การรักษาส่วนลดเบี้ย บางบริษัทอาจให้ส่วนลดเบี้ยประกันสำหรับผู้ที่ไม่เคยเคลม หรือมีการเคลมน้อยครั้ง

กระจกโดนสะเก็ดหิน เคลมประกันได้ไหม

กระจกโดนสะเก็ดหิน เคลมประกัน เป็นกรณีที่พบได้บ่อย และหลายคนสงสัยว่าสามารถเคลมประกันได้หรือไม่ โดยทั่วไปแล้ว การเคลมประกันสำหรับกรณีนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันภัยที่คุณมี

  • ประกันภัยชั้น 1 โดยทั่วไปแล้วประกันภัยชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่กระจกโดนสะเก็ดหิน
  • ประกันภัยชั้น 2+ หรือประกันรถยนต์ 3+ อาจมีเงื่อนไขในการคุ้มครอง หรืออาจต้องเสียค่า excess
  • ประกันภัยชั้น 3 โดยทั่วไปแล้วจะไม่คุ้มครองกรณีที่กระจกโดนสะเก็ดหิน
  • การพิจารณาเคลม หากความเสียหายไม่มาก อาจพิจารณาไม่เคลม เพื่อรักษาประวัติการเคลมที่ดี

รถเป็นรอยขูด เคลมประกันได้ไหม

รถเป็นรอยขูด เคลมประกัน เป็นกรณีที่หลายคนพบเจอ ซึ่งการเคลมประกันในกรณีนี้ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันภัยที่คุณมี

  • ประกันภัยชั้น 1 โดยทั่วไปแล้วประกันภัยชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่รถเป็นรอยขูด
  • ประกันภัยชั้น 2+ หรือ 3+ อาจมีเงื่อนไขในการคุ้มครอง หรืออาจต้องเสียค่า excess ส่วนประกันรถยนต์ 2+ กับ 3+ ต่างกันอย่างไร ดูข้อมูลได้เว็บไซต์ แรบบิท แคร์
  • ประกันภัยชั้น 3 โดยทั่วไปแล้วจะไม่คุ้มครองกรณีที่รถเป็นรอยขูด
  • การพิจารณาเคลม หากความเสียหายไม่มาก อาจพิจารณาไม่เคลม เพื่อรักษาประวัติการเคลมที่ดี

แม็กขูดฟุตบาท เคลมประกันได้ไหม

แม็กขูดฟุตบาท เคลมประกัน เป็นกรณีที่หลายคนอาจเคยเจอ และสงสัยว่าสามารถเคลมประกันได้หรือไม่ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการเคลมในกรณีนี้จะขึ้นอยู่กับประเภทของประกันภัย

  • ประกันภัยชั้น 1 โดยทั่วไปแล้วประกันภัยชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่แม็กขูดฟุตบาท
  • ประกันภัยชั้น 2+ หรือ 3+ อาจมีเงื่อนไขในการคุ้มครอง หรืออาจต้องเสียค่า excess
  • ประกันภัยชั้น 3 โดยทั่วไปแล้วจะไม่คุ้มครองกรณีที่แม็กขูดฟุตบาท
  • การพิจารณาเคลม หากความเสียหายไม่มาก อาจพิจารณาไม่เคลม เพื่อรักษาประวัติการเคลมที่ดี

รถเหยียบตะปู เคลมประกันได้ไหม

รถเหยียบตะปู เคลมประกัน เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ผู้ขับขี่อาจพบเจอ ซึ่งการเคลมในกรณีนี้สามารถทำได้ แต่ต้องดูเงื่อนไขของกรมธรรม์

  • ประกันภัยชั้น 1 โดยทั่วไปแล้วประกันภัยชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่รถเหยียบตะปูทำให้ยางเสียหาย
  • ประกันภัยชั้น 2+ หรือ 3+ อาจมีเงื่อนไขในการคุ้มครอง หรืออาจต้องเสียค่า excess
  • ประกันภัยชั้น 3 โดยทั่วไปแล้วจะไม่คุ้มครองกรณีที่รถเหยียบตะปู
  • การพิจารณาเคลม หากความเสียหายไม่มาก อาจพิจารณาไม่เคลม เพื่อรักษาประวัติการเคลมที่ดี

ขับรถเบียดเสา เคลมประกันได้ไหม

ขับรถเบียดเสา เคลมประกัน เป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้บ่อย โดยส่วนใหญ่การเคลมประกันในกรณีนี้สามารถทำได้ แต่ต้องดูเงื่อนไขของกรมธรรม์

  • ประกันภัยชั้น 1 โดยทั่วไปแล้วประกันภัยชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่ขับรถเบียดเสา
  • ประกันภัยชั้น 2+ หรือ 3+ อาจมีเงื่อนไขในการคุ้มครอง หรืออาจต้องเสียค่า excess
  • ประกันภัยชั้น 3 โดยทั่วไปแล้วจะไม่คุ้มครองกรณีที่ขับรถเบียดเสา
  • การพิจารณาเคลม หากความเสียหายไม่มาก อาจพิจารณาไม่เคลม เพื่อรักษาประวัติการเคลมที่ดี

ยางระเบิด เคลมประกันได้ไหม

ยางระเบิด เคลมประกัน เป็นกรณีที่อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ การเคลมประกันในกรณีนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันภัยที่คุณทำ

  • ประกันภัยชั้น 1 โดยทั่วไปแล้วประกันภัยชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่ยางระเบิด
  • ประกันภัยชั้น 2+ หรือ 3+ อาจมีเงื่อนไขในการคุ้มครอง หรืออาจต้องเสียค่า excess
  • ประกันภัยชั้น 3 โดยทั่วไปแล้วจะไม่คุ้มครองกรณีที่ยางระเบิด
  • การพิจารณาเคลม หากความเสียหายมีมากและเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุ ควรทำการเคลมประกัน

เคลมประกัน หนูเข้าช่องแอร์ ทำได้ไหม

เคลมประกัน หนูเข้าช่องแอร์ เป็นกรณีที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งการเคลมประกันในกรณีนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์

  • ประกันภัยชั้น 1 โดยทั่วไปแล้วประกันภัยชั้น 1 อาจให้ความคุ้มครองในกรณีที่หนูเข้าช่องแอร์ แต่ต้องดูเงื่อนไขของกรมธรรม์
  • ประกันภัยชั้น 2+ หรือ 3+ อาจไม่คุ้มครองกรณีที่หนูเข้าช่องแอร์
  • ประกันภัยชั้น 3 โดยทั่วไปแล้วจะไม่คุ้มครองกรณีที่หนูเข้าช่องแอร์
  • การพิจารณาเคลม หากมีความเสียหายที่เกิดจากหนู ควรสอบถามกับบริษัทประกันภัยโดยตรง

แมวข่วนรถ เคลมประกันได้ไหม

แมวข่วนรถ เคลมประกัน เป็นอีกหนึ่งกรณีที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งการเคลมประกันในกรณีนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของกรมธรรม์

  • ประกันภัยชั้น 1 โดยทั่วไปแล้วประกันภัยชั้น 1 อาจให้ความคุ้มครองในกรณีที่แมวข่วนรถ แต่ต้องดูเงื่อนไขของกรมธรรม์
  • ประกันภัยชั้น 2+ หรือ 3+ อาจไม่คุ้มครองกรณีที่แมวข่วนรถ
  • ประกันภัยชั้น 3 โดยทั่วไปแล้วจะไม่คุ้มครองกรณีที่แมวข่วนรถ
  • การพิจารณาเคลม หากความเสียหายไม่มาก อาจพิจารณาไม่เคลม เพื่อรักษาประวัติการเคลมที่ดี

รถชนสุนัข เคลมประกันได้ไหม

รถชนสุนัข เคลมประกัน เป็นกรณีที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งการเคลมประกันในกรณีนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของประกันภัยที่คุณทำ

  • ประกันภัยชั้น 1 โดยทั่วไปแล้วประกันภัยชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่รถชนสุนัข
  • ประกันภัยชั้น 2+ หรือ 3+ อาจมีเงื่อนไขในการคุ้มครอง หรืออาจต้องเสียค่า excess
  • ประกันภัยชั้น 3 โดยทั่วไปแล้วจะไม่คุ้มครองกรณีที่รถชนสุนัข
  • การพิจารณาเคลม ควรแจ้งบริษัทประกันภัยทันทีที่เกิดเหตุ และตรวจสอบเงื่อนไขความคุ้มครอง



การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเคลมประกันรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ขับขี่ทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน การทราบถึงสิทธิและหน้าที่ รวมถึงขั้นตอนในการดำเนินการเคลมประกัน จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้รับความคุ้มครองที่ควรได้รับ และมั่นใจในการจัดการกับทุกสถานการณ์

ความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท

ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของเรา